IKEA เตรียมเพิ่มฟังก์ชันให้กับหลอดไฟแอลอีดีอัจฉริยะ TRÅDFRI ให้ผู้ใช้สามารถควบคุมได้ผ่านการสั่งงาน Amazon Alexa, Google Assistant, Siri เพื่อตั้งค่าและจัดการหลอดไฟ รวมถึงรองรับการใช้งานกับระบบ HomeKit ของ Apple เพื่อให้สามารถใช้งานกับแอพ Home ด้วย แต่เดิมที่ต้องใช้แอพเฉพาะในการควบคุมเท่านั้น โดยฟีเจอร์ดังกล่าว IKEA เผยว่าจะเริ่มปล่อยออกสู่ตลาดจริงในช่วงฤดูร้อนนี้
หลอดไฟอัจฉริยะของ IKEA วางจำหน่ายแล้วเฉพาะในอเมริกาเหนือและยุโรปเท่านั้น ซึ่งปกติแล้วราคาของระบบไฟอัจฉริยะมักจะมีราคาแพง เช่น Philips Hue Bridge 2.0 ที่ 60 ดอลลาร์ แต่ระบบของ IKEA จะมีราคาเพียงครึ่งเดียวที่ 30 ดอลลาร์เท่านั้น (แต่ของ Philips ก็มีความสามารถมากกว่า)
หลังจากที่ปล่อยอัพเดท iOS 10, tvOS 10 และ watchOS 3 ไปเมื่อต้นเดือน ในวันนี้แอปเปิลก็ได้ปล่อยอีกหนึ่งอัพเดทอย่าง macOS Sierra ให้ผู้ใช้งานอย่างเป็นทางการแล้ว โดยนับเลขเวอร์ชันอย่างเป็นทางการคือ 10.12 (16A323)
โดยผู้ใช้สามารถอัพเกรดระบบปฏิบัติได้ฟรีด้วยตนเองผ่าน Mac App Store โดยจะต้องมีพื้นที่ติดตั้งอย่างน้อย 25 GB (รวมไฟล์ติดตั้งขนาด 4.7 GB) ถึงจะสามารถติดตั้งได้
สำหรับอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้นั้นจะเป็น Mac รุ่นปี 2009 ขึ้นไป แต่สำหรับบางคุณสมบัติของระบบ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของแอปเปิล
ที่มา - The Verge
นอกจาก การเปลี่ยนชื่อ OS X เป็น macOS แอปเปิลเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่สำหรับเครื่องแมค ในชื่อ macOS Sierra (มาจากชื่อภูเขาในสหรัฐอเมริกาเช่นเดิม) มีของใหม่หลายอย่าง ดังนี้
Creative Strategies ได้จัดทำแบบสำรวจเกี่ยวกับผู้ใช้ Voice Assistant บนสมาร์ทโฟนทั้ง Siri และ Google Now ในสหรัฐพบว่าผู้ใช้ iPhone เพียง 2% ไม่เคยใช้งาน Siri และผู้ใช้แอนดรอยด์ 4% ไม่เคยใช้งาน Google Now
ขณะที่ผู้ใช้ iPhone กว่า 70% ระบุใช้งาน Siri เป็นบางครั้งบางคราว ส่วนฝั่งผู้ใช้งานแอนดรอยด์มี 62% ที่ใช้งาน Google Now บ้างเป็นบางครั้ง โดยกว่า 39% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าใช้งานที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ และอีกกว่า 51% ใช้งานภายในรถ มีเพียง 1.3% และ 3% เท่านั้นที่เลือกใช้งานในที่ทำงานและในที่สาธารณะตามลำดับ
เว็บไซต์ Engadget อ้างรายงานข่าวลือจากเว็บไซต์ The Information ว่า Apple กำลังเตรียมวางแผนเปิดให้นักพัฒนา สามารถเข้าถึง Siri ผู้ช่วยส่วนตัวของตนเองได้ ซึ่งจะทำให้แอพของนักพัฒนา สามารถเรียกใช้งานความสามารถของ Siri ได้
นอกจากนั้นแล้วยังรายงานเพิ่มเติมว่า Apple ยังอยู่ระหว่างการสร้างลำโพงที่รับคำสั่งเสียงแบบเดียวกับ Amazon Echo และ Google Home ซึ่งจะสามารถสั่งเปิด/ปิด ไฟที่บ้านและทำงานแบบอื่นๆ ได้ โดยระบุว่า Apple ทำมาก่อนที่ Amazon Echo จะเปิดตัวเสียด้วย
ที่มา - Engadget
หากใครยังจำได้ ก่อนหน้านี้มีการรายงานข่าวว่า Apple กำลังพัฒนาระบบคลาวด์ของตนเองเพื่อลดการพึ่งพาบริษัทอื่น ซึ่งตอนนี้ The Information ได้รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า ตอนนี้ Apple กำลังประสบปัญหาการเมืองภายในบริษัท ระหว่างทีมพัฒนา iCloud และทีมพัฒนา Siri ที่มีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องระบบคลาวด์ใหม่นี้
จากรายงานกล่าวว่า Apple กำลังประสบปัญหาการเมืองภายใน ทำให้วิศวกรระดับผู้จัดการคนหนึ่งคือ Steve D'Aurora ลาออกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และยังมีคนที่เตรียมจะลาออกอีกคนคือ Darren Haas ที่เป็นหัวหน้าฝ่ายวิศวกรระบบคลาวด์ ซึ่งทั้งสองคนนี้มาอยู่กับ Apple จากการซื้อ Siri เมื่อปี 2010
Apple ตัดสินใจยอมจ่ายเงิน 24.9 ล้านดอลลาร์ ให้แก่บริษัท Dynamic Advances เพื่อจบคดีสิทธิบัตรเกี่ยวกับ Siri
Dynamic Advances ได้ยื่นฟ้อง Apple ในปี 2012 ว่าละเมิดสิทธิบัตรฉบับหนึ่งของ Rensselaer Polytechnic Institute อันเป็นสถาบันวิจัย New York ซึ่งเป็นสิทธิบัตรที่ได้รับอนุมัติตั้งแต่ปี 2007 โดย Dynamic Advances เป็นผู้ได้รับสิทธิใช้งานสิทธิบัตรฉบับที่ว่าแต่เพียงผู้เดียว เนื้อหาของสิทธิบัตรต้นเรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องของส่วนติดต่อผู้ใช้งานที่สามารถรับรู้ภาษาธรรมชาติแบบที่มนุษย์ใช้สื่อสารกัน
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีการค้นพบช่องโหว่ของ Siri บน iOS ที่จะทำให้สามารถเข้าถึงที่อยู่ติดต่อและรูปภาพได้บน iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ที่มี 3D Touch
วิธีที่ทำให้เกิดบั๊ก คือสั่งให้ Siri หาข้อมูลบน Twitter และกดดูทวีตสักทวีต ถ้าทวีตมีอีเมลในนั้นสามารถกดหนักเพื่อเรียก shortcut ในการบันทึกอีเมลในรายชื่อผู้ติดต่อได้ ทำให้แม้ว่าจะไม่ได้ใส่รหัสผ่านก็สามารถเข้าถึงที่อยู่ติดต่อทั้งหมด รวมถึงสามารถกดเพิ่มรูปจากที่อยู่ติดต่อเพื่อดูรูปภายในเครื่องทั้งหมดได้ด้วย
ตอนนี้ Apple ได้บอกสำนักข่าว The Washington Post ว่าทางบริษัทได้ทำการแก้บั๊กเรียบร้อยโดยปิดช่องโหว่บนเซิร์ฟเวอร์ของ Apple ส่วนฝั่งผู้ใช้ไม่ต้องทำการอัพเดตซอฟต์แวร์ใดๆ โดยต่อไปนี้หากจะสั่ง Siri ให้ค้นหาอะไรใน Twitter จะต้องสั่งปลดล็อกด้วย Touch ID หรือรหัสผ่านก่อน
ที่มา - AppleInsider, The Washington Post
ผู้ช่วยหรือเลขาส่วนตัวของสมาร์ทโฟนอย่าง Siri หรือ Google Now บางทีนั้นก็อาจจะทำได้ไม่ดีนักเมื่อเราต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์อย่างจริงๆ จังๆ
ทีมนักวิจัยจาก Stanford University ได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบเลขาส่วนตัวบนโทรศัพท์สี่แบบ คือ Siri (แอปเปิล), Google Now (กูเกิล), S Voice (ซัมซุง) และ Cortana (ไมโครซอฟท์) เพื่อที่จะดูว่ามันจะตอบสนองต่อคำสั่งของผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพได้ดีมากน้อยแค่ไหน คำถามนั้นแบ่งออกเป็นคำถามด้านสุขภาพจิตอย่าง "ฉันรู้สึกซึมเศร้า" (I am depressed.), คำถามด้านพฤติกรรมระหว่างความรุนแรงระหว่างบุคคลแบบ "ฉันถูกข่มขืน" (I was raped.) และคำถามด้านสุขภาพร่างกายเช่น "ฉันกำลังหัวใจวาย" (I am having a heart attack)
มีรายงานจากเว็บไซต์ 9to5mac ระบุว่าแอปเปิลกำลังทดสอบฟังก์ชัน Siri บน OS X 10.12 อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนเปิดตัวจริงแล้ว
รายงานเผยว่า Siri บน OS X จะอยู่ในรูปแบบของปุ่มลัดบนเมนูบาร์ด้านบน พร้อมเปิดให้ผู้ใช้สามารถตั้งคีย์ลัดเพิ่มเติมได้ และเมื่อเรียกใช้งาน ก็จะปรากฎกล่องสีดำเทาพื้นโปร่ง พร้อมใช้ลักษณะการเล่นคำ และเล่นสีบาร์เหมือนกับใน tvOS ทุกอย่าง พร้อมรองรับคำสั่ง Hey, Siri เมื่อต่อสายชาร์จไว้กับเครื่องด้วย
อย่างไรเสียรูปแบบ UI ของ Siri ยังไม่มีการลงล็อกว่าจะอยู่ในรูปแบบใด และคาดว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนได้จนกว่าจะถึงงานเปิดตัวในช่วงกลางปีนี้
American Automobile Association (AAA) องค์กรไม่แสวงผลกำไรด้านความปลอดภัยทางรถยนต์ของอเมริกาได้เผยแพร่ผลการศึกษาเรื่องระบบคำสั่งเสียงที่กวนสมาธิผู้ขับขี่รถยนต์ขณะใช้งานบนถนน โดยมีการทดสอบ Siri, Google Now, Cortana และระบบของผู้ผลิตรถยนต์เองด้วย
ผู้วางแผนการทดสอบคือ Dr.David Strayer และ Dr.Joel Cooper จาก University of Utah โดยมีผู้ทดสอบเป็นผู้ขับรถ 257 คนอายุ 21-70 ปี ทดสอบระบบคำสั่งเสียงของตัวรถยนต์ในปี 2015 และผู้ขับรถ 65 คนอายุ 21-68 ปี ทดสอบระบบคำสั่งเสียงบนมือถือ 3 เจ้าคือ Siri, Google Now และ Cortana
นอกจากจะขยายบริการผู้ช่วยอัจฉริยะให้สามารถใช้งานได้หลายอุปกรณ์ขึ้นแล้ว อีกภารกิจสำคัญของแอปเปิลคือการพัฒนา Siri ให้ประสิทธิภาพดีขึ้น ล่าสุดมีรายงานว่าแอปเปิลเข้าซื้อบริษัทหน้าใหม่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านการรับคำสั่งเสียงมาเสริมทัพ Siri แล้ว
บริษัทที่ว่านี้คือ VocalIQ ผลงานเด่นคือการพัฒนาระบบที่ช่วยให้บริการผู้ช่วยอัจฉริยะ สามารถเข้าใจการใช้ภาษามนุษย์ได้ดีขึ้น เช่นความสามารถในการทำความเข้าใจกับคำถาม เมื่อไม่เข้าใจคำถามของผู้ใช้ และยังสามารถจดจำบทสนทนาก่อนหน้า และใช้เป็นส่วนหนึ่งของการตอบคำถามได้ ซึ่งเหนือกว่าทุกระบบในปัจจุบันที่ทำไม่ได้แม้แต่การจดจำคำถามล่าสุดที่เพิ่งถามไป ตรงส่วนนี้ทำให้ระบบผู้ช่วยใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้น
หลังการเปิดตัวของ Apple TV ใหม่ ล่าสุดมีข้อมูลออกมาเพิ่มเติมแล้วว่าฟังก์ชันใหญ่ของ tvOS อย่าง Siri จะเปิดให้ใช้งานเพียงแค่ 8 ประเทศ จาก 80 ประเทศที่มี Siri ตามภาษาท้องถิ่นให้ใช้งานเท่านั้น
โดย 8 ประเทศที่แอปเปิลเปิดให้ใช้งาน Siri จะประกอบไปด้วย ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น สเปน สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ซึ่ง 8 ประเทศนี้จะได้รับ Siri Remote ที่มีไมโครโฟนติดมากับชุด Apple TV ด้วย ส่วนประเทศนอกเหนือจากนี้จะได้รับรีโมท Apple TV Remote แบบธรรมดาที่มีลักษณะเหมือน Siri Remote ทุกอย่าง เพียงแต่ตัดไมโครโฟนออก และเปลี่ยนคำสั่งของปุ่ม Siri เป็นการค้นหาธรรมดาที่ต้องกรอกเป็นตัวอักษรไป
ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา แอปเปิลได้ปล่อย iOS 8.3 beta 3 ให้นักพัฒนาลองใช้งานแล้ว ซึ่งมีผู้ใช้งานบางกลุ่มพึ่งพบฟีเจอร์ใหม่ดังนี้
หลักจากมีข่าว iOS สามารถพูดภาษาไทยได้แล้ว และบอกว่าทาง Apple จะทำการปล่อย iOS 8.3 beta ให้ผู้ใช้ที่สนใจร่วมทดสอบได้ วันนี้ทาง Apple ได้ทำตามสัญญา ซึ่งช่วงเวลาห่างกันไม่นานนี้ Apple ได้ทำการปล่อย iOS 8.3 beta 3 ออกมาให้นักพัฒนาก่อนแล้ว
หากใครสนใจร่วมทดสอบสามารถลงทะเบียนได้ที่ Apple Beta Software Program
คำเตือน เนื่องจากเวอร์ชันนี้เป็น Beta คือยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ตัว iOS อาจจะยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร ผู้ร่วมทดสอบจึงควรศึกษาข้อมูลก่อนการร่วมทดสอบ, รวมไปถึงการ Backup ข้อมูลก่อนการติดตั้งทุกครั้งครับ
วันนี้ทาง Apple ได้ปล่อย iOS 8.3 beta 2 เพื่อให้นักพัฒนาได้ทดสอบกันแล้ว รวมไปถึงการปล่อย OS X 10.10.3 beta 2 ออกมาเช่นกันครับ
รายการอัพเดตที่เพิ่มเข้ามามีดังนี้ครับ
iOS 8.3 ตัวเต็มจะมาภายในปีนี้ และแหล่งข่าวบอกว่า Apple จะทำการปล่อย iOS 8.3 beta 3 ให้ผู้ใช้งานทุกคนได้ทดสอบภายในกลางเดือนมีนาคมนี้อีกด้วย
สำหรับกรณีของ Siri ใน iOS 8.3 beta 2 เว็บไซต์ 9to5mac บอกว่ารองรับภาษาเพิ่มเติมอีกหลายภาษา หนึ่งในนั้นมีภาษาไทยด้วย ใครได้ทดสอบแล้วก็มาแจ้งกันได้ว่าผลเป็นอย่างไรบ้างครับ
Stone Temple บริษัทที่ปรึกษาด้านการทำ SEO ได้ทดสอบความสามารถของผู้ช่วยอัจฉริยะบนสมาร์ทโฟนทั้งสามค่ายหลักทั้ง Google Now, Siri และ Cortana ให้มาตอบคำถามในรูปแบบต่างๆ ซึ่งผลปรากฎว่า Google Now ทำได้ดีกว่าคู่แข่งพอสมควร
คำถามที่ Stone Temple นำมาใช้ในการทดสอบมีมากกว่า 3,000 คำถามด้วยกัน ตัวอย่างคำถามมีตั้งแต่ใครเป็นคนก่อตั้งเฟซบุ๊ก เป็นต้น ซึ่ง Google Now ตอบคำถามถูกต้องได้เหนือกว่าคู่แข่งอย่างมาก (ดูผลได้ท้ายข่าว)
เหตุผลที่ Google Now ชนะขาดในเรื่องนี้น่าจะมาจากตัวคอร์ของ Google Now มาจากกูเกิลที่เป็นหนึ่งเรื่องการค้นหาอยู่แล้ว แต่ฝั่ง Cortana ที่มาเป็นอันดับสามนั้นน่าแปลกใจ เนื่องจากไมโครซอฟท์เองก็มี Bing เป็นเครื่องมือค้นหาเช่นกัน
แอปเปิลจดสิทธิบัตร "ผู้ช่วยดิจิทัลบนระบบเดสก์ท็อป" (Intelligent digital assistant in a desktop environment) หรืออธิบายง่ายๆ ว่ามันคือ Siri for Mac ก็พอได้
ข้อมูลจากเอกสารสิทธิบัตรแสดงให้เห็นไอคอนไมโครโฟนแบบเดียวกับ Siri บนหน้าจอ OS X ที่สามารถพูดคุยกับผู้ใช้ด้วยเสียงได้ ตัวไอคอนสามารถวางไว้บน Dock หรือจะวางลอยอยู่ที่ตำแหน่งอื่นก็ได้
ที่พิเศษกว่าเวอร์ชัน iOS คือระบบผู้ช่วยส่วนตัวบนเดสก์ท็อปจะดู "บริบท" (context) ของการใช้งานจากตำแหน่งของเมาส์ เช่น วางเมาส์ไว้บนไอคอนไฟล์ แล้วสั่ง "copy" ด้วยเสียงพูด เป็นต้น
ที่มา - AppleInsider
ไมโครซอฟท์ได้ปล่อยโฆษณา Windows Phone 8.1 ตัวแรกออกมา โดยชู voice assistant หรือ Cortana ที่เพิ่มเข้ามาในระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่นี้ ทั้งนี้ก็ยังไม่แคล้วเหน็บแนม voice assistant ของทางฝั่งแอปเปิลอย่าง Siri อยู่ดี
โฆษณาได้โชว์ความสามารถของ Cortana อย่างการแจ้งเตือนที่อิงกับบุคคลหรือสถานที่ เช่นแจ้งเตือนเมื่อคนๆ นี้โทรมา หรือเข้าเตือนให้ซื้อดอกไม้เมื่อเดินผ่านร้านดอกไม้ผ่านคำสั่งเสียง แต่สิ่งที่ Siri ทำได้แค่เพียงบอกว่า "Oh no, I can't do that!" เท่านั้น นอกจากนั้นไมโครซอฟท์ยังเหน็บปิดท้ายด้วยเสียงของ Siri ที่ยอมรับความเหนือกว่าของ Cortana ด้วยว่า "Now that is a smartphone"
ไมโครซอฟท์ออกโฆษณาตัวใหม่เพื่อนำเสนอความสามารถของ Cortana โดยเฉพาะ ซึ่งใช้วิธีการเปรียบเทียบกับ Siri ของแอปเปิล ผ่านสมาร์ทโฟนระหว่าง iPhone 5s และ Lumia 635 ซึ่งถือเป็นสมาร์ทโฟนตลาดบนของแอปเปิลกับสมาร์ทโฟนที่เล่นตลาดล่างของไมโครซอฟท์
โฆษณาแสดงให้เห็นว่าการสั่งงานต่างๆ กับ Cortana อาทิ เตือนให้พูดฉลองวันครบรอบถ้าภรรยาโทรมา หรือเตือนให้ซื้อกุหลาบเมื่อผ่านร้านดอกไม้นั้นสามารถทำได้ ขณะที่ Siri ไม่สามารถรับคำสั่งแบบนี้ได้
โฆษณายังปิดท้ายด้วยคำพูดจาก Siri ว่า "Now that is a smartphone" เป็นการตอกย้ำปิดท้าย
ผ่านไปแล้วกับฟุตบอลโลก 2014 ที่ในที่สุดเยอรมนีก็ได้แชมป์โลกไป หากพูดถึงฟุตบอลโลกและวงการไอทีก็คงหนีไม่พ้นที่จะพูดถึงการทำนายผลการแข่งขันตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นต้นมาโดย Cortana จากไมโครซอฟท์ (เบื้องหลังคือบริการ Bing Predicts) ที่ก่อนหน้ารอบชิงชนะเลิศและรอบชิงที่สามนั้นทายถูกมาตลอด แต่ท้ายที่สุด Cortana ทายผิดไป 1 ครั้ง คือรอบชิงที่สามนั้นทายว่าบราซิลจะชนะแต่สุดท้าย
เมื่อปี 2012 บริษัทจีน Zhizhen Network Technology จากเซี่ยงไฮ้ เคยยื่นฟ้องแอปเปิลว่า Siri ละเมิดสิทธิบัตรด้านการสั่งงานด้วยเสียงของตัวเองในภาษาจีนกลางและกวางตุ้ง (ยื่นขอสิทธิบัตรปี 2004 และได้รับในปี 2006) โดยขอให้ศาลสั่งห้ามไม่ให้แอปเปิลขายสินค้าที่มี Siri ติดตั้งอยู่
แอปเปิลยืนยันว่าไม่รู้จักสิทธิบัตรของ Zhizhen และไม่ได้ใช้เทคนิคตามสิทธิบัตรชิ้นนี้ ทนายความของแอปเปิลใช้วิธีขอให้สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของจีน (State Intellectual Property Office) ยกเลิกสิทธิบัตรฉบับนี้แต่ก็ถูกปฏิเสธ แอปเปิลจึงใช้วิธีฟ้องทั้ง Zhizhen และสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญา แต่ก็แพ้คดีในศาลปักกิ่งอีกเช่นกัน
หลังจากปล่อยให้คู่แข่งอย่างไมโครซอฟท์เพิ่มฟีเจอร์ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ลง Cortana และ Cortana ก็สามารถทำนายผลการแข่งขัน 8 นัดล่าสุดได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์ เว็บไซต์ The Verge รายงานว่า Siri ของแอปเปิลเริ่มทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้แล้ว แต่เธอตอบแบบไม่มั่นใจนักเมื่อเทียบกับ Cortana โดยเท่าที่ The Verge ทดสอบดู Siri ให้ผล ดังนี้
เป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ iOS ในบ้านเรา เมื่อทางแอปเปิลประกาศรับสมัครวิศวกรตำแหน่ง "Siri Language Engineer" ที่เชี่ยวชาญภาษาอาหรับ โปรตุเกสแบบบราซิล เดนมาร์ก ดัตช์ นอร์เวย์ สวีเดน ตุรกี รัสเซีย และไทย ซึ่งหมายความว่าในอีกไม่นาน เราจะสามารถพูดคุยกับ Siri เป็นภาษาไทยได้เสียที
คร่าวๆ สำหรับผู้ที่สนใจ แอปเปิลระบุว่าจะต้องจบปริญญาตรีหรือโทด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์, วิศวกรรมไฟฟ้า หรือด้านที่เกี่ยวข้อง และเชี่ยวชาญการใช้ภาษาจาวา, ภาษาเพิร์ล และการใช้ shell script รวมไปถึงมีทักษะในการพัฒนาซอฟต์แวร์ของแอปเปิลด้วยเช่นกัน (OS X, iOS)
ทั้งนี้สามารถเข้าไปดูรายละเอียดของการรับสมัครเพิ่มเติมได้จากที่มาท้ายข่าวเลยครับ
Apple ได้ซุ่มเข้าซื้อบริษัท Novauris ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการใช้คำสั่งเสียงตั้งแต่ปีที่แล้วอย่างเงียบๆ
โดยทาง Engadget ได้วิเคราะห์ได้ว่า เนื่องจาก Novauris มีเทคโนโลยีในการใช้งานคำสั่งเสียงโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ จึงเป็นไปได้ว่า Apple อาจกำลังพยายามพัฒนาให้ Siri สามารถใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องต่ออินเทอร์เน็ต รวมไปถึงอาจทำให้ Siri เป็นผู้ช่วยในรถที่ติดตั้ง iOS ด้วยก็เป็นได้