บริษัทสตาร์ตอัพด้านการเงิน (FinTech) ที่เป็นข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ Chain ที่ประกาศนำเทคโนโลยี blockchain แบบเดียวกับ Bitcoin (กระจายกันเก็บข้อมูลธุรกรรมทั้งหมด) มาใช้กับงานอื่นๆ ในโลกการเงิน
สิ่งที่ Chain สนใจไม่ใช่ตัวสกุลเงิน Bitcoin แต่เป็นเทคโนโลยี blockchain ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานด้านอื่นได้ โดย Chain จะใช้ความเชี่ยวชาญช่วยให้องค์กรที่อยากใช้ blockchain สามารถสร้างแอพของตัวเองบนเทคโนโลยีเหล่านี้ (ผ่าน API, SDK และบริการประมวลผล) ลูกค้ารายหนึ่งของ Chain คือตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ที่เตรียมใช้ blockchain มาช่วยขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ในเดือนพฤศจิกายนนี้
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (8 กันยายน 2558) อนุมัติมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีประเด็นที่เกี่ยวกับธุรกิจเกิดใหม่ (startup ทุกประเภทไม่จำกัดเฉพาะไอที) ดังนี้
จากบทความ สตาร์ตอัพไทยจะเติบโตจนเข้าสู่ตลาดหุ้นได้อย่างไร? มุมมองจากนักลงทุน-ผู้ประกอบการ ที่สรุปประเด็นจากงานสัมมนาของ AIS ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ mai เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2558 ทำให้เราทราบว่าตลาดหลักทรัพย์ mai ก็มีนโยบายสนับสนุนสตาร์ตอัพและผู้ประกอบการรายย่อยเช่นกัน
หลังจากนั้นผมมีโอกาสสัมภาษณ์ คุณประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ mai เพื่อเจาะลึกข้อมูลในเรื่องนี้ จึงนำมาเผยแพร่ต่อเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจระดมทุนในตลาดทุนครับ
ให้หลังการปรับทิศทางการดำเนินธุรกิจเพื่อเชื่อมบริการออฟไลน์ที่มีอยู่แล้ว ให้เบ่งบานบนโลกออนไลน์มากขึ้นของ Baidu ตอนนี้ก็เริ่มเห็นผลบ้างแล้วกับบริการที่กำลังปั้นอย่าง Zuoyebang ที่เพิ่งได้รับเงินลงทุนรอบแรก (Series A) จาก Sequoia China และ Legend Capital แต่ไม่ได้ระบุเม็ดเงินลงทุนมาด้วย
Zuoyebang เป็นหนึ่งในบริการที่เดินตามแนวทางการเปิดระบบให้ผู้ใช้ และธุรกิจภายนอกเข้ามาร่วมใช้บริการ โดยเริ่มต้นจากการเป็นส่วนให้บริการถามตอบด้านการศึกษาในแพลตฟอร์มถามตอบของ Baidu อย่าง Baidu Zhidao ก่อนจะขยับไปเน้นให้บริการแยก และเพิ่มการจับคู่ผู้ใช้ที่มองหาที่ปรึกษาอยู่ด้วย
วันนี้ AIS ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ MAI จัดงานเสวนาชื่อ "เตรียมพร้อมสู่โลกธุรกิจ สานฝันสู่ตลาดทุน" มีหัวข้อหลักคือส่งเสริมให้สตาร์ตอัพเติบโตผ่านความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ และมุ่งเป้าให้เติบใหญ่จนสามารถเข้ามาขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์ MAI ได้
ผมมีโอกาสเข้าร่วมงานด้วย และคิดว่าหัวข้อการเสวนามีประโยชน์ ควรค่าแก่การเผยแพร่ต่อครับ
บริษัท Yellow Digital Marketing Group (YDM) ซึ่งเป็นบริษัทลูกด้านการตลาดของ Yellow Mobile ประเทศเกาหลีใต้ ประกาศเข้าซื้อกิจการ Computerlogy สตาร์ทอัพของไทยซึ่งทำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลบนสื่อสังคมออนไลน์ (social media analytics) โดยไม่เปิดเผยมูลค่าทางการเงินในการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้
การซื้อกิจการในครั้งนี้เกิดจากการที่ต้องการดึง Computerlogy เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D Center) ของทาง YDM ในอนาคต
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัท วายเอ็มเอ็มวาย จำกัด (YMMY) ได้จัดงานแถลงข่าวเล็กๆ ที่ร้านชาบูชิ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อเปิดตัวระบบจองคิวร้านอาหารที่มีชื่อว่า "QueQ" (คิวคิว) อย่างเป็นทางการ หลังจากนำร่องใช้งานมาก่อนหน้านี้แล้วที่ร้านอาหารหลายแห่ง รวมถึงร้านชาบูชิ 20 สาขาในเขตกรุงเทพมหานคร
Neil Shen ผู้ก่อตั้งกองทุน Sequoia Capital China สาขาย่อยประจำประเทศจีนของบริษัทลงทุน Sequoia Capital จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีประสบการณ์ลงทุนในสตาร์ตอัพจีนมายาวนาน ขึ้นพูดในงานสัมมนา Rise Conference 2015 ที่ฮ่องกง ในหัวข้อว่า "จีนยังเป็นประเทศที่เน้นการลอกเลียนหรือไม่"
คำตอบของ Neil Shen ชัดเจนว่า จีนไม่ได้เอาแต่ลอกเพียงอย่างเดียวอีกแล้ว แต่บริษัทจีนก็สร้างนวัตกรรมของตัวเองด้วย (The Chinese are no longer copycats, they are innovators)
MacroFab เป็นสตาร์ตอัพผลิตบอร์ดวงจรที่ให้บริการครบวงจร ตั้งแต่การกัดแผงวงจร, เจาะรู, ติดตั้งอุปกรณ์ลงบอร์ด, และลงเฟิร์มแวร์ ล่าสุดได้รับเงินทุนเพิ่มเติม 2 ล้านดอลลาร์ จากกลุ่ม Techstars Ventures
ทาง MacroFab ระบุว่าแนวทางของบริษัทจะพยายามให้การผลิตผลิตภัณฑ์ต้นแบบมีราคาถูกลง โดยงานชิ้นเล็กๆ จะถูกรวมเข้ากับลูกค้ารายอื่นๆ เพื่อผลิตทีเดียว ทำให้ต้นทุนถูกลง
จุดเด่นอีกอย่างของ MacroFab คือบริษัทจะมี API ให้บริการภายนอกเข้ามาเรียกใช้ ลูกค้าสามารถส่งไฟล์ออกแบบเข้ามายัง MacroFab ผ่านทางบริการอื่นๆ จากนั้นจะได้รับใบเสนอราคาเพื่อสั่งผลิตต่อไป โดยกระบวนการทั้งหมดไม่จำเป็นต้องเข้าเว็บไซต์ MacroFab
เอไอเอสยังคงเดินหน้าสนับสนุนบริษัทหน้าใหม่ (startup) อย่างต่อเนื่องผ่านโครงการ AIS The StartUp 2015 ที่จัดมาถึงปีที่ 5 ซึ่งปีนี้จะเน้นไปในส่วนของการสนับสนุนให้บริษัทหน้าใหม่ สามารถขยายเข้าไปสู่ระดับสากลได้ โดยมีพาร์ทเนอร์รายใหญ่เข้ามาร่วมโครงการอีกหลายราย
อเมซอนเปิดหน้าร้านใหม่ Amazon Launchpad หน้าร้านสำหรับสตาร์ตอัพโดยเฉพาะ สินค้าส่วนหนึ่งเป็นสินค้าที่ผ่านโครงการระดมทุนมาก่อน เช่น หน้าสินค้าที่ผ่านการระดมทุนจาก Indiegogo
มีนักธุรกิจมากมายที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจนหลายคนพากันอิจฉา แต่รู้หรือไม่ว่าพวกเขาต้องผ่านอุปสรรคและความล้มเหลวมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งกว่าจะมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้ หนึ่งในนักธุรกิจที่เคยผ่านความยากลำบากมาก่อนคือ Brian Chesky CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Airbnb บริษัทที่ให้บริการเช่าบ้านพักออนไลน์ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และในตอนนี้มีมูลค่าสูงถึง 25,500 ล้านดอลลาร์
Chesky เล่าเรื่องราวเมื่อ 7 ปีก่อนที่ Airbnb ถูกนักลงทุนปฏิเสธการลงทุนในบริษัทถึง 7 คนรวด
เมื่อวานนี้ ดีแทคเปิดเซสชันพิเศษให้สื่อมวลชนได้เข้าไปร่วมฟัง-คุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับ Bill Reichert ที่เป็น Managing Partner จากกลุ่มทุน Garage จากสหรัฐฯ ที่มีชื่อเสียงด้านการลงทุนในบริษัทเกิดใหม่ที่กำลังสร้างตัว (early and seed stage) ซึ่งทาง Reichert ได้มาเป็น mentor ให้กับทีมที่ลงแข่งขัน dtac Accelerate ปีที่สามนี้ด้วย ซึ่งตอนนี้เหลือ 6 ทีมสุดท้ายแล้ว
ในระหว่างสัมภาษณ์มีการพูดคุยกันหลายประเด็น ตั้งแต่ความเป็นมาตัวเอง และกลุ่มทุน มุมมองด้านการลงทุน ตลาดสตาร์ทอัพในภูมิภาคต่างๆ แยกย่อยได้ดังนี้ครับ
กว่าจะมาเป็น Garage
ธุรกิจสตาร์ตอัพที่มีแนวทางธุรกิจที่ไม่เหมือนเดิมสร้างบริการใหม่ๆ ขึ้นมาทั่วโลกอย่างรวดเร็ว บริการใหม่ๆ เช่น Instagram, Airbnb, หรือ Uber ล้วนใช้ระบบไอทีที่รองรับการขยายตัวได้อย่างรวดเร็วเพื่อรองรับกับธุรกิจ แต่บริการเหล่านี้ในช่วงเริ่มต้นที่อาจจะกำลังทดสอบแนวคิด พัฒนาบริการที่อาจจะยังไม่มีรายได้หรือรายได้ยังไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายกลับไม่สามารถเข้าถึงเครื่องมือและทรัพยากรได้เท่ากับธุรกิจที่มีเงินทุนและรายได้ ทำให้การเริ่มต้นแนวคิดใหม่ๆ กลายเป็นเรื่องยากกว่าที่ควรเป็น
โครงการ InVent ซึ่งเป็นโครงการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพของกลุ่มอินทัช ประกาศเข้าลงทุนในบริษัท Playbasis ของประเทศสิงคโปร์ ด้วยมูลค่าลงทุน 2.04 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 52 ล้านบาท ซึ่งอินทัชจะได้หุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุน 15.35% ของหุ้นทั้งหมดใน Playbasis
Playbasis เป็นบริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มแบบเกมมิฟิเคชั่น (Gamification) ซึ่งทำให้ลูกค้าได้นำระบบเกมไปใช้สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ในบรรดาผู้ลงทุนกับ Playbasis ก่อนหน้านี้ ก็มี 500 Startups กองทุนชื่อดังรวมอยู่ด้วย
โครงการ dtac Accelerate Batch 3 ถือเป็นการบ่มเพาะสตาร์ตอัพไทย ติดต่อกันเป็นปีที่สามของบริษัท dtac โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ Telenor Group
รูปแบบโครงการยังคล้ายของปีที่แล้ว นั่นคือคัดเลือกสตาร์ตอัพที่โดดเด่นเพื่อไปพัฒนาความสามารถ และผลักดันให้เติบโตในเวทีโลก
สิ่งที่สตาร์ตอัพที่ผ่านการเข้ารอบจะได้รับ มีตั้งแต่
HAXLR8R โครงการบ่มเพาะผู้พัฒนาฮาร์ดแวร์จากเซินเจิ้น (อ่านรายละเอียด รู้จักกับ HAXLR8R เมื่อสตาร์ทอัพไม่ได้จำกัดแค่ซอฟต์แวร์) ประกาศเปลี่ยนชื่อตัวเองโดยยังมีคำอ่านคล้ายเดิม แต่สะกดชื่อให้ชาวบ้านทั่วไปเข้าใจง่ายขึ้น HAX Accelerator หรือเรียกสั้นๆ ว่า HAX
HAX ยังขยายวงเงินการสนับสนุนสตาร์ตอัพจากเดิม 100,000 ดอลลาร์เป็น 300,000 ดอลลาร์ และประกาศโครงการอบรมบ่มเพาะชื่อ Boost เข้าแคมป์นาน 6 สัปดาห์เพื่อสอนวิชาการขายและช่องทางจัดจำหน่ายด้วย เนื่องจาก HAX พบว่าสตาร์ตอัพหลายรายเก่งเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการผลิต แต่มักมาตายเรื่องการขายและการตลาด
ดีแทคต่อยอดโครงการบ่มเพาะผู้ประกอบการ dtac Accelerate เป็นปีที่สาม (ข่าวของปีที่แล้ว) โดย dtac Accelerate Batch 3 จะเปิดรับใบสมัครจากสตาร์ตอัพถึงวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ และประกาศผล 20 ทีมที่เข้ารอบในวันที่ 5 มิถุนายน
สิ่งที่ผู้เข้ารอบจะได้รับคือ
Omise เกตเวย์รับจ่ายเงิน (บทสัมภาษณ์บน Blognone) เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ตอนนี้ก็มาถึงช่วงระดมทุนรอบแรก (series A) แล้ว โดยได้เงินจาก SMDV จากอินโดนีเซียเป็นหลัก ร่วมกับ 500 Tuktuks และทรู
หลังจากได้รับเงินทุนก้อนนี้ ทาง Omise ยังคงเน้นตลาดในไทยก่อน แต่จะเปิดสำนักงานในโตเกียวเพิ่มเติม เพราะมีข้อตกลงกับผู้ออกบัตรเครดิตรายใหญ่ในญี่ปุ่น
แผนการต่อไปของ Omise คือ ต้องการใช้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดการใช้เงินสดเช่นเดียวกับภูมิภาคอื่นๆ ในอนาคต Omise อาจจะบุกตลาดออฟไลน์เช่นเครื่องรับบัตรเครดิต หรือจุดรับจ่ายเงิน (point-of-sale - POS) ครบวงจร
Foodpanda บริการสั่งอาหารออนไลน์ส่งถึงบ้าน (เมืองไทยให้บริการในชื่อ Foodpanda แต่ในบางประเทศใช้แบรนด์ Hellofood ทำตลาด) รับเงินลงทุนรอบใหม่อีก 100 ล้านดอลลาร์ โดยมีนักลงทุนหลักคือบริษัทการเงินรายใหญ่ Goldman Sachs
Foodpanda เป็นบริษัทในเครือ Rocket Internet ยักษ์ใหญ่ของวงการธุรกิจออนไลน์จากเยอรมนี (บริษัทอื่นๆ ในเครือมีเยอะมาก ที่ทำตลาดในไทยคือ Lazada, Zalora และ Easy Taxi)
Secret สตาร์ตอัพสายโซเชียลที่เน้นการปกปิดตัวตน ประกาศปิดตัวแล้ว โดยผู้ก่อตั้ง David Byttow ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะ Secret เติบโตไปในทิศทางที่ไม่ตรงกับที่เขาวางวิสัยทัศน์ไว้ (ไม่พูดชัดเจนว่าเรื่องอะไร บอกว่าจะอธิบายเรื่องนี้ในอนาคต)
Byttow บอกว่า Secret ยังมีเงินสดเหลือ และเขาตั้งใจจะคืนเงินเหล่านี้กลับสู่นักลงทุน แทนการนำเงินไปใช้เพื่อปรับทิศทาง (pivot) ของบริษัทต่อไปเรื่อยๆ ส่วนทีมงานบางส่วนก็ได้งานใหม่เรียบร้อยแล้ว และเขาก็จะช่วยให้ทีมงานที่เหลือหางานใหม่ต่อไป
Secret ถูกวิจารณ์ในประเด็นว่าถูกนำไปใช้กลั่นแกล้งผ่านเน็ต (cyberbullying) ส่วนยอดผู้ใช้งาน ทาง Byttow บอกว่ามีผู้ใช้ 15 ล้านราย
วันนี้มีงานแถลงข่าวเปิดตัวกองทุน 500 TukTuks ซึ่งเป็นกองทุนย่อยในเครือ 500 Startups ของสหรัฐอเมริกา ที่จะมาลงทุนในสตาร์ตอัพไทย กองทุนบริหารงานโดยคุณกระทิง พูนผล (อดีตพนักงาน Google และผู้ก่อตั้ง Disrupt University) และคุณหมู ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ (ผู้ก่อตั้ง Ookbee) มูลค่ากองทุน 300 ล้านบาทหรือ 10 ล้านดอลลาร์ มีนักลงทุนอย่าง "เถ้าแก่น้อย" และบริษัท Double A เข้ามาร่วมลงทุนด้วย
ผมมีโอกาสสัมภาษณ์คุณกระทิง เกี่ยวกับที่มาที่ไปของ 500 TukTuks และคำถามที่หลายคนอยากรู้ว่ากองทุนสนใจลงทุนกับบริษัทไทยแบบไหนบ้างครับ
Blognone พยายามสัมภาษณ์ผู้ประกอบการไอทีไทยเพื่อแชร์ประสบการณ์ให้กับเพื่อนร่วมวงการ ปกติแล้วประสบการณ์ที่แชร์มักเป็นแง่มุมด้านเทคนิคหรือด้านกลยุทธ์ธุรกิจ แต่รอบนี้พิเศษหน่อยเพราะผู้ให้สัมภาษณ์ของเราเป็นสตาร์ตอัพไทยที่ตัดสินใจไปอยู่กินที่สิงคโปร์ เพื่อซึมซับการทำงานในระดับที่ไปไกลกว่าเมืองไทย (เริ่มคิดในเชิงภูมิภาคมากขึ้น) เราจึงสัมภาษณ์เพื่อนำประสบการณ์การเปิดสตาร์ตอัพในสิงคโปร์มาฝากกัน เผื่อว่าจะมีคนรุ่นต่อๆ ไปเดินตามรอยเท้านี้มากขึ้น
ผู้ให้สัมภาษณ์รอบนี้คือคุณวรัทธน์ วงศ์มณีกิจ ผู้ก่อตั้งบริษัท ZocialRipple ครับ
วงการสตาร์ตอัพบ้านเรายังมีกิจกรรมน่าสนใจอย่างต่อเนื่อง สำหรับคนที่สนใจเปิดกิจการสตาร์ตอัพของตัวเอง แต่ยังไม่มั่นใจหรือรู้สึกว่าขาดความรู้เกี่ยวกับวงการนี้ อาจเข้าร่วมโครงการ Startup Next
Bangkok ซึ่งระบุว่าเป็นคอร์ส pre-acceleration (ขั้นก่อนคอร์ส acceleration) สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นจริงๆ
โครงการ Startup Next เป็นโครงการบ่มเพาะสตาร์ตอัพจากต่างประเทศ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Google Entrepreneur และ Techstars ซึ่งภายหลังขยายตัวไปยังหลายประเทศทั่วโลก และ Startup Next Bangkok ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
Lei Jun ซีอีโอของ Xiaomi ให้สัมภาษณ์กับสื่อจีนว่าบริษัทมีแผนการใหญ่จะสร้าง "อาณาจักร" ด้าน Internet of Things ของตัวเองผ่านการลงทุนในสตาร์ตอัพนานาชนิด ตอนนี้ Xiaomi ลงทุนไปแล้วกว่า 20 บริษัท และมีแผนจะลงทุนในบริษัทอีกมากกว่า 100 แห่ง เพื่อนำโมเดลธุรกิจของ Xiaomi ไปปรับใช้กับบริษัทเหล่านี้