จากประเด็นข่าวเมื่อวานนี้ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกระบุ Uber ผิดกฎหมาย ส่งผลให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ความเห็นประเภทหนึ่งที่พบได้มาก (ไม่ว่าจะเป็นในระบบคอมเมนต์ของ Blognone เองหรือคอมเมนต์บนเว็บไซต์อื่นๆ) คือความเห็นลักษณะที่ว่า "กรมการขนส่งทางบกควรไปกำกับดูแลแท็กซี่ให้ดีก่อน แล้วค่อยมาเอาผิด Uber"
บทความนี้เขียนขึ้นเพื่ออธิบายว่าตรรกะข้างต้นเรื่องการกำกับดูแลแท็กซี่นั้นไม่มีอะไรผิด แต่มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับ Uber
ช่วงหลังมานี้เราเริ่มเห็นธุรกิจประเภท "จับผู้ให้บริการกับผู้ใช้บริการมาเจอกัน" ผ่านแพลตฟอร์มแอพมือถือเกิดขึ้นมากมาย เช่น Uber (รถยนต์) หรือ Airbnb (ห้องพัก)
ล่าสุดมีบริการอีกรายที่น่าสนใจคือ EasyVan บริการจับคู่คนส่งของกับรถส่งของ (มีในสิงคโปร์และฮ่องกงมาก่อนแล้ว) บุกเข้ามาทำตลาดไทยแล้วในชื่อว่า lalaMove
จากประเด็นเรื่อง UberX เริ่มให้บริการในไทย แต่พบว่ากลับใช้รถยนต์นั่งส่วนบุคคล (ที่เรียกกันว่าป้ายดำ) จนเกิดคำถามว่าผิดกฎหมายหรือไม่
ทีม Blognone สอบถามประเด็นนี้ไปยัง Uber ประเทศไทยแล้ว แต่ได้รับคำตอบว่าให้สอบถามไปยัง Uber ที่สิงคโปร์ และยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ระหว่างนี้เราจึงสอบถามความเห็นจากนักกฎหมายหลายท่าน และได้รับคำตอบมาดังนี้ครับ
ที่ผ่านมาเราอาจได้ยินหรืออ่านข่าวเกี่ยวกับการประท้วงบริการอย่าง Uber อยู่เป็นระยะ (ข่าวเก่า) แต่เหตุการณ์ส่วนมากมักจะเกิดขึ้นอยู่ในภูมิภาคอย่างยุโรปแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทว่า ที่กรุงไทเป สาธารณรัฐจีน (เรามักรู้จักกันในนาม 'ไต้หวัน') ก็มีการประท้วงเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน
จากรายงานของ Tech In Asia เว็บไซต์ข่าวด้านเทคโนโลยีที่รายงานข่าวในภูมิภาคเอเชีย ระบุว่า เมื่อวานนี้ กลุ่มสหภาพของคนขับแท็กซี่รวมตัวกันประท้วง โดยใช้รถแท็กซี่ของตนเอง ปิดการจราจรรอบเมือง และมีผู้ประท้วงบางส่วนที่ไปล้อมอาคารสำนักงานของกระทรวงคมนาคมและการสื่อสาร เพื่อทำการเผาป้ายทะเบียนรถ เป็นสัญลักษณ์ของการประท้วง
ต่อจากข่าว คนขับรถแท็กซี่ในยุโรปเตรียมปิดถนนประท้วง Uber เมื่อวานนี้รถแท็กซี่ประมาณ 12,000 คันในลอนดอนก็ออกมา "ชุมนุมบนถนน" ประท้วงที่จัตุรัส Trafalgar Square เวลาบ่ายสองโมง (ตามเวลาท้องถิ่น) ตามที่สัญญาไว้ วิธีการประท้วงของคนขับแท็กซี่ใช้วิธี "ขับช้าๆ" เพื่อให้การจราจรติดขัด บีบแตร และตะโกนชื่อ "Boris" ซึ่งหมายถึง Boris Johnson นายกเทศมนตรีของนครลอนดอน
Google Now เพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่างเงียบๆ โดยสามารถแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อเดินทางด้วยรถสาธารณะ ว่าใกล้ถึงป้ายหรือสถานีที่ต้องลงเมื่อไร
รูปแบบการทำงานคือถ้าเปิด Google Now ขึ้นมาระหว่างโดยสารรถสาธารณะในเส้นทางที่ใช้บ่อย (เช่น จากบ้านไปที่ทำงาน) ตัวแอพจะถามว่าต้องการให้เตือนเมื่อใกล้ถึงป้ายที่ต้องลงหรือไม่ (พร้อมขึ้นไอคอนนาฬิกา) ถ้าเราแตะยืนยันให้ปลุก แอพจะแจ้งเตือนเราเมื่อใกล้ถึงป้ายนั้น
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอย่างละเอียดว่าฟีเจอร์นี้ใช้ได้ในพื้นที่ใดบ้างครับ (ผู้ใช้คนที่ค้นพบฟีเจอร์นี้อยู่ในเนเธอร์แลนด์)
Lyft ผู้ให้บริการแท็กซี่ผ่านแอพพลิเคชันในลักษณะเดียวกับ Uber เปิดตัวบริการ Lyft Plus บริการแท็กซี่ระดับพรีเมียมสุดหรูแบบ Uber Black โดยจะทดลองให้บริการในซานฟรานซิสโกก่อน
รถที่ให้บริการผ่าน Lyft Plus จะเป็นรถ Ford Explorer ความจุ 6 ที่นั่ง ที่ถูกตกแต่งภายในให้ดูหรูหราและสะดวกสบายมากขึ้น พร้อมบริการน้ำดื่ม ช็อคโกแลตและสายชาร์ตสมาร์ทโฟน และบริการเพลงจาก Spotify ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 15 เหรียญและเรตราคาต่อนาที อยู่ที่ 50 เซนต์ และต่อไมล์ อยู่ที่ 3 เหรียญ รวมไปถึงจะไม่คิดราคาเพิ่ม หากใช้บริการในช่วง prime time จึงทำให้ Lyft Plus มีค่าบริการที่ถูกกว่า Uber Black อยู่พอสมควร
Google ได้สิทธิบัตรใหม่เกี่ยวกับอัลกอริทึมเพื่อให้บริการเดินทางแก่ลูกค้าของร้านค้าที่ซื้อโฆษณาของ Google โดยสิทธิบัตรดังกล่าวถูกเสนอเพื่อขอจดไปตั้งแต่ปี 2011 โดยผู้คิดค้นสิทธิบัตรนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ร่วมพัฒนาเทคโนโลยีที่ได้รับสิทธิบัตรหลายรายการสำหรับรถยนต์ไร้คนขับของ Google ด้วย
เมื่อสักครู่นี้คุณคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือบีทีเอส พร้อมด้วย ดร.อาณัติ อาภาภิรม, คุณสุรพงษ์ เลาหะอัญญา และ คุณโทมัส ก็อดเฟร่ย์ ได้ออกแถลงการณ์ถึงปัญหาที่รถไฟฟ้าบีทีเอสไม่สามารถให้บริการได้ในช่วงเช้าของวันนี้ โดยระบุสาเหตุเบื้องต้นว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากชุดประตูกั้นชานชาลาที่ติดตั้งเข้าไปใหม่ในปีนี้ครับ
Tel Aviv เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศอิสราเอลเตรียมนำระบบ SkyTran ที่ถูกพัฒนาโดยศูนย์วิจัยเอเมส (Ames) ของ NASA ร่วมกับบริษัท SkyTran เพื่อใช้ช่วยแก้ปัญหาการจราจรอันติดขัดของเมือง
ระบบ SkyTran ประกอบไปด้วยส่วนรางแม่เหล็กกับส่วนยานพาหนะขนาดสองที่นั่งซึ่งมีรูปคล้ายก้อนในฝักถั่ว ซึ่งตัวยานจะถูกยกโดยรางที่อยู่ด้านบนโดยพลังของแม่เหล็ก เป็นหลักการเดียวกับรถไฟพลังแม่เหล็กที่มีใช้จริงอยู่ในหลายประเทศ ทั้งนี้ในการขับเคลื่อนจะเกิดเสียงน้อยมากและเมื่อต้องการจะจอดให้ผู้โดยสารขึ้นหรือลงก็จะใช้รางคู่ขนานเพื่อไม่ให้การสัญจรต้องหยุดชะงัก ความเร็วสูงสุดทางทฏษฎีของระบบดังกล่าวอยู่ที่ 150 ไมล์/ชั่วโมง หรือประมาณ 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Eyetease บริษัทหน้าใหม่สัญชาติอังกฤษ เปิดตัวบริการ CabWiFi ที่จะให้ผู้นั่งแท็กซี่สามารถเข้าถึง Wi-Fi ได้ฟรีเป็นเวลาสิบห้านาที แลกกับการดูโฆษณาสิบห้าวินาที
ส่วนการทำงานของ CabWiFi คือเมื่อผู้โดยสารขึ้นมาในรถจะสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้โดยเชื่อมต่อกับฮ็อตสปอตชื่อเดียวกับบริการ หลังจากนั้นระบบจะแสดงผลโฆษณาเป็นเวลา 15 วินาทีก่อนใช้งาน โดยรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตผ่าน 3G/4G ใช้งานได้ทั้งลูกค้า และคนขับ
โดยบริการดังกล่าว Eyetease คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในช่วงต้นปี 2013 หลังจากที่เตรียมการมากว่าสองปี ตั้งแต่ที่เปิดบริษัทเมื่อเดือนมกราคม 2010 ปัจจุบันก็ใกล้ได้รับอนุญาตจากสำนักงานขนส่งเมืองลอนดอนแล้ว และอยู่ในระหว่างคุยกับสปอนเซอร์เพื่อมาลงโฆษณาด้วย
Jerry Brown ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียไปที่สำนักงานใหญ่ของ Google เพื่อเซ็นร่างกฏหมาย SB 1298 ว่าด้วยการอนุญาตให้รถยนต์แบบไร้คนขับวิ่งบนท้องถนนจริงได้
ร่างกฏหมายนี้ว่าด้วยเรื่องข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ของรถยนต์แบบไร้คนขับ โดยหลังจากกฏหมายฉบับนี้บังคับใช้งาน ผู้ผลิตรถยนต์สามารถนำรถแบบไร้คนขับออกทดสอบจริงบนท้องถนนได้ ตราบใดที่มีผู้ขับรถที่มีใบขับขี่นั่งประจำตำแหน่งผู้ขับเพื่อควบคุมรถในกรณีฉุกเฉิน
Brown กล่าวว่าร่างกฏหมายนี้จะช่วยผลักดันให้เทคโนโลยีในนิยายไซ-ไฟกลายเป็นจริง และเป็นก้าวใหม่ในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีของรัฐแคลิฟอร์เนีย และโลกทั้งใบ
โนเกียออกแอพ Nokia Transport ตัวจริงบนแพลตฟอร์ม Windows Phone (เฉพาะ Lumia) แล้ว
ฟีเจอร์ของ Nokia Transport จะคล้ายๆ กับ Google Transit คือบอกเส้นทางการคมนาคมด้วยการขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า รถเมล์ รวมถึงการเดินด้วยเท้า ซึ่งข้อมูลในบางเมืองจะละเอียดถึงขนาดว่ารถเมล์คันหน้าจะมาเมื่อไร
โนเกียไม่ได้ให้รายละเอียดว่ามีข้อมูลของเมืองใดบ้าง บอกเพียงแค่ว่ามีข้อมูลการขนส่งใน 450 เมืองทั่วโลก และในจำนวนนี้มี 100 เมืองที่มีข้อมูลเวลาเดินรถด้วย
ที่มา - Nokia Conversations
เทคโนโลยีการควบคุมรถยนต์โดยไร้คนบังคับเป็นเทคโนโลยีที่คนไฝ่หากันมานาน แม้เทคโนโลยีนี้จะมีพัฒนาการมากในช่วงหลังๆ แต่ก็ไม่มีการรายงานการใช้งานจริงกันก่อนหน้านี้ แต่วันนี้กูเกิลก็แถลงข่าวว่าบริษัทได้ทดสอบรถแบบไม่ต้องการคนควบคุมมาแล้วกว่าสองแสนกิโลเมตร
CrimTrac หน่วยงานของรัฐบาลออสเตรเลียนจะเริ่มการติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดที่สามารถตรวจสอบและอ่านทะเบียนรถได้ 5-6 คันต่อวินาที
ระบบนี้จะถูกนำไปใช้รวมกับระบบวงจรปิดทั่วไปและระบบกล้องตรวจสอบความเร็วบนท้องถนน เพื่อที่จะนำไปใช้ช่วยในการนำจับรถที่อยู่ใน "Hot List" ในฐานข้อมูล หรือเพื่อที่จะจับปรับรถที่กระทำผิดกฏหมายได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
ระบบเดียวกันนี้ได้ถูกใช้ในสหราชอาณาจักรและได้ผลดีเป็นอย่างยิ่ง โดยระบบเดียวกันนี้จะถูกนำมาใช้ในออสเตรเลียโดยมีการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกับข้อกฏหมายของออสเตรเลีย แน่นอน เพื่อที่มันจะได้ให้ความปลอดภัยกับสาธารณะในขณะเดียวกันไม่ทำลายความเป็นส่วนตัวของประชาชน
กฏใหม่ระบุว่าไม่อนุญาตให้ใส่แบตเตอรี่สำรองไว้ในกระเป๋าที่ถูกบรรจุไว้ใต้เครื่องบิน ยกเว้นแต่จะถูกติดตั้งไว้กับอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารยังสามารถนำแบตเตอรี่สำรองใส่ไว้ในกระเป๋าที่หิ้วขึ้นเครื่องได้ เพียงแต่ถ้าเป็นแบตเตอรี่สำรองขนาดใหญ่ จะจำกัดอยู่ที่ 2 ชิ้นเท่านั้น (แบตเตอรี่มือถือและโน้ตบุ๊คทั่วไปไม่ถือเป็นแบตเตอรี่สำรองขนาดใหญ่)
เริ่มใช้กฏนี้ในวันที่ 1 มกราคม 2551
ที่มา - DPreview
ข้อมูลเพิ่มเติม - Safe Travel (Department of Transport)
กรมการข่นส่งของอังกฤษ ได้ประกาศอันดับรถรุ่นใหม่ที่ผู้ซื้อควรซื้อ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ผ่านทางหน้าเว็บไซด์ http://www.dft.gov.uk/ActOnCO2 โดยการจัดอันดับนี้ใช้หลังเกณฑ์การแนะนำของนิตยสาร What Car?
ในเว็บผู้ที่สนใจจะสามารถสืบค้นรถรุ่นต่างๆได้จาก ยี่ห้อรถ เครื่องยนต์และชนิดน้ำมัน ผลที่สืบค้นออกมาจะแสดงรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด โดยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยที่สุดเป็นอันดับแรก
รถที่อยู่นี้การสืบค้นทุกรุ่นจะต้องผ่านการวัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเจ้าหน้าที่ และจะสามารถวางจำหน่ายได้เมื่อผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดตามกฎหมาย
โดยอันดับคร่าว ๆ มีดังนี้
หลังจากที่เคยมี 2 หนุ่มอเมริกัน ดัดแปลงรถโตโยต้า Prius ให้สามารถติดปลั๊กชาร์ทไฟได้ คราวนี้บริษัทโตโยต้าได้เอาไอเดียนั้นมาลองทำกับรถตัวเองโดยใช้รุ่น Prius เหมือนกัน โดยจะเป็นรถรุ่นที่เป็นเครื่องยนต์ไฮบริจมีตัวปลั๊กแบบปลั๊กไฟบ้านไว้ชาร์ทไฟ ซึ่งระบบที่ใช้ไฟฟ้าจะใช้ไฟบ้านมาตรฐาน ชาร์ทเข้าไฟบ้านโดยตรง ซึ่งทำให้มีข้อเสียคือไม่สามารถวิ่งไปไกลว่า 13 กิโลเมตรต่อการชาร์ทหนึ่งครั้งได้ซึ่งหากเกินไปกว่านั้นรถจะตัดระบบการใช้ไฟฟ้า สลับไปใช้น้ำมันแทน ซึ่งการทดสอบจะมีขึ้นในญี่ปุ่นประเทศแรก ตามด้วยอเมริกาและยุโรปตามลำดับ
วันที่ 1 สิงหาคมนี้บริษัท Nissan ญี่ปุ่น จะเริ่มทดสอบระบบใหม่ซึ่งผ่านการรับรองแล้ว ระบบที่ว่าคือ ระบบเมาไม่ขับ ที่จะกันไม่ให้คนที่เมาสามารถติดเครื่องรถของตัวเองได้ ระบบนี้จะมีตัววิเคราะห์วัดระดับแอลกฮอล์ที่ลมหายใจของผู้ขับติดอยู่ในตัวรถ ซึ่งหากใครเมาระบบจะตัดการติดเครื่องทำให้ไม่สามารถติดเครื่องรถยนต์ขับไปได้
ระบบจะถูกทดสอบข้าราชการส่วนท้องถิ่นญี่ปุ่นที่หลากหลายหน่วย ทั่วญี่ปุ่น ระบบนี้ถูกพัฒนามาจากความคิดเห็นของผู้ขับในญี่ปุ่น และบริษัท Nissan เพิ่งจะติดตั้งระบบ Carwings ซึ่งเป็นระบบนำร่องในรถที่ผลิตขึ้น ซึ่งจะระบบการเตือนให้ขับรถภายใต้กฏหมายจราจรได้
ทาง Nissan หวังว่าระบบอัตโนมัติเหล่านี้จะสามารถลดอุบัติเหตุทางการจราจรที่ร้ายแรงได้ครึ่งหนึ่งภายในปี 2015