คณะกรรมการด้านการขนส่งของฟิลิปปินส์ (Land Transportation Franchising and Regulatory Board - LTFRB) สั่งระงับการให้บริการของ Uber 1 เดือน หลัง Uber แอบรับคนขับเพิ่ม ซึ่งเป็นการละเมิดคำสั่งห้ามรับคนขับใหม่หลังแจ้งลงทะเบียนไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ทั้ง Uber และ Grab ต่างถูกสั่งปรับราว 1 แสนเหรียญฐานปล่อยให้คนขับที่ไม่มีใบอนุญาตมาวิ่งให้บริการ ขณะที่การสั่งระงับการให้บริการของ Uber ครั้งนี้พ่วงมาด้วยคำสั่งชดเชยคนขับทั้งหมดในช่วงระงับการให้บริการ ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้และการทำตลาดของ Uber และเป็นโอกาสที่ดีของ Grab ในการสร้างรายได้และชิงส่วนแบ่งตลาดในช่วงที่ Uber ระงับการให้บริการ
ต้นปีที่ผ่านมา รถเมล์และ MRT เปิดทดสอบให้ผู้ใช้บริการใช้บัตรเครดิต Mastercard แบบ contactless จ่ายค่าบริการโดยตรง ล่าสุดกรมการขนส่งเตรียมขยายให้ระบบขนส่งสาธารณะเป็นแบบไร้เงินสดทั้งหมดภายใน 2020
ปัจจุบัน ผู้ใช้สามารถแตะบัตร Mastercard แบบ contactless สำหรับเข้าใช้งาน MRT หรือรถโดยสารสาธารณะได้แล้ว ขณะที่บัตรโดยสารแบบเติมเงิน (top-up) ยังรองรับการเติมทั้งเงินสด, บัตรเครดิต, Apple Pay และ Android Pay ผ่านทางตู้ตามสถานี ซึ่งทางกรมการขนส่งเตรียมจะปรับให้ตู้เติมเงินเหล่านี้เลิกรับเงินสดและรับเฉพาะบัตรเครดิต ไปจนถึง Apple Pay และ Android Pay เพิ่มเติม
Nitin Gadkari รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของอินเดีย ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับรถยนต์อัตโนมัติ ที่ตอนนี้หลายประเทศเริ่มมีการทดสอบแล้ว โดยเขาบอกว่าจะไม่อนุญาตให้มีรถยนต์ไร้คนขับในอินเดีย เนื่องจากไม่ต้องการเทคโนโลยีเข้ามาแย่งงานของประชาชน โดยเฉพาะกับในอินเดียที่อัตราการว่างงานยังมีอยู่สูง
เขายังแสดงตัวเลขว่าความต้องการคนขับรถยนต์สาธารณะในอินเดียยังมีอยู่สูง และรัฐบาลก็เตรียมเปิดศูนย์ฝึกอบรมเพื่อเพิ่มจำนวนคนขับรถโดยสารอีก
Grab ประกาศรับเงินลงทุนก้อนใหม่รอบล่าสุดอีก 2,000 ล้านดอลลาร์ โดยมี Didi Chuxing แอพแท็กซี่รายใหญ่ของจีน และกลุ่ม SoftBank เป็นผู้นำในการลงทุนรอบนี้ และเงินลงทุนรอบนี้อาจเพิ่มสูงขึ้นเป็น 2,500 ล้านดอลลาร์ จากนักลงทุนกลุ่มใหม่ที่เข้ามา ซึ่งทำให้เป็นการเพิ่มทุนครั้งเดียวที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Grab ระบุว่าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น มีส่วนแบ่ง 95% ในฐานะแอพเรียกรถแท็กซี่เดิมในระบบ และมีส่วนแบ่ง 71% ในตลาดเรียกรถยนต์ส่วนตัวสำหรับโดยสาร มีการเรียกรถโดยสารเฉลี่ยวันละ 3 ล้านครั้ง
แอพวางแผนแนะนำเส้นทางการเดินทาง Citymapper ประกาศว่าจะเริ่มให้บริการรถเมล์สาธารณะ โดยได้รับใบอนุญาตจากขนส่งลอนดอนเรียบร้อยแล้ว คาดจะเริ่มให้บริการได้ราวปลายสิงหาคม-ต้นเดือนกันยายน เส้นทางที่รถเมล์ของ Citymapper ให้บริการอยู่ในพื้นที่ East London และวิ่งให้บริการเฉพาะตอนกลางคืนตั้งแต่ 3 ทุ่ม ถึงตี 5 เฉพาะวันศุกร์และเสาร์
เรื่องที่น่าสงสัยว่าทำไมแอพแนะนำเส้นทางอย่าง Citymapper เลือกมาเปิดให้บริการรถเมล์เสียเองนั้น บริษัทบอกว่าการศึกษาจากข้อมูลผู้ใช้งานทำให้พบว่า ในช่วงกลางคืนของสุดสัปดาห์นั้น รถเมล์ของลอนดอนมีความสามารถให้บริการได้ดีเกือบทุกพื้นที่ ยกเว้น East London ทาง Citymapper จึงใช้ข้อมูลนี้มาออกแบบเส้นทางเดินรถเพื่อปิดช่องว่างดังกล่าว
Uber ประกาศถอยทัพในรัสเซียและประเทศใกล้เคียง โดยจะนำธุรกิจเรียกรถยนต์ในรัสเซียไปควบกิจการกับบริการเรียกรถ Yandex.Taxi ของ Yandex ยักษ์ใหญ่ของวงการไอทีรัสเซีย
Yandex จะถือหุ้น 59.3% ในบริษัทใหม่ที่ควบรวมกันแล้ว (ยังไม่มีชื่อเรียก) ส่วน Uber จะถือหุ้น 36.6% แลกกับการอัดเงินเข้าไปอีก 225 ล้านดอลลาร์ บริษัทใหม่มีลูกค้านับเป็นการเรียกรถ 35 ล้านครั้งต่อเดือน มีมูลค่าบริษัทที่ 3.5 พันล้านดอลลาร์
ประเทศที่มีผลคือรัสเซีย คาซัคสถาน อาเซอร์ไบจาน อาร์เมเนีย เบลารุส จอร์เจีย คาดว่ากระบวนการควบรวมจะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่สี่ของปี 2017
Hyperloop One ที่กำลังวิจัยและพัฒนา Hyperloop รูปแบบการเดินทางความเร็วสูงแบบใหม่ผ่านท่อสุญญากาศ เปิดเผยว่าการทดสอบครั้งใหญ่ (full-scale) ครั้งแรกของบริษัทเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมาประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี
ถึงแม้ตามแนวคิดของ Hyperloop จะทำความเร็วสูงสุดที่ 1,220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ทว่าการทดสอบดังกล่าวทำความเร็วอยู่ที่ราว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นหลักไมล์แรก โดยขณะนี้ Hyperloop One กำลังทดสอบในเฟสที่สอง ในการทำความเร็วที่ราว 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Kakao ต้นสังกัดของแอพแชทชื่อดังจากเกาหลี ประกาศจับมือกับบริษัทลงทุน TPG เพื่อตั้งบริษัทลูกชื่อ Kakao Mobility ออกมาทำธุรกิจด้านขนส่งและคมนาคมโดยเฉพาะ
Kakao Mobility จะดึงบริการเรียกรถแท็กซี่ Kakao Taxi, บริการเรียกรถ Kakao Drive, แอพนำทาง Kakao Navi ออกมาจากบริษัทแม่เพื่อบริหารงานเอง พร้อมจะเปิดตัวบริการใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคมนาคมเพิ่มเติมอีก เช่น บริการหาที่จอดรถ
Kakao ระบุว่าตัดสินใจแยกธุรกิจนี้ออกมา เพื่อรองรับการเติบโตอย่างมากในอนาคตอันใกล้ ที่ต้องการการตัดสินใจที่รวดเร็วฉับไวกว่าการอยู่ใต้โครงสร้างบริษัทเดิม โดย TPG จะเข้ามาลงทุนให้ 5 แสนล้านวอน (1.5 หมื่นล้านบาท)
เดิมเราสามารถเรียก Uber พร้อมกำหนดพิกัดสำหรับรับคนหรือเพื่อนเพิ่มได้อยู่แล้ว แต่ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด Uber เปิดให้ผู้ใช้เรียกรถให้ไปรับคนอื่นได้โดยตรง โดยคนเรียกเป็นคนออกค่าโดยสารให้
เมื่อแอพตรวจจับว่าพิกัดที่ถูกกำหนดให้รถไปรับ กับพิกัดของผู้ใช้เป็นคนละที่กัน แอพจะถามขึ้นมาว่าเป็นการเรียกรถให้ตัวเองหรือคนอื่น หากเลือกคนอื่น แอพจะให้ผู้ใช้เลือกผู้โดยสารจากสมุดรายชื่อ (contact/address book) ก่อนจะส่งลิงก์สำหรับติดตามรถและข้อมูลของคนขับไปให้สำหรับการติดต่อ ขณะที่คนขับก็จะได้รับชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของผู้โดยสารเช่นกัน
ฟีเจอร์นี้ Uber ระบุว่าเปิดให้บริการใน 30 ประเทศทั่วโลกก่อนจะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ส่วน Uber ไทยผมตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่มีฟีเจอร์นี้ครับ
บริษัทรถเช่ารายใหญ่ Avis Budget Group (เจ้าของแบรนด์ Avis และ Budget) เซ็นสัญญาความร่วมมือกับ Waymo โดย Avis จะช่วยซ่อมบำรุงรถยนต์ไร้คนขับของ Waymo จำนวน 600 คันตามที่ประกาศแผนไว้
ตอนนี้ Waymo กำลังเพิ่มจำนวนรถยนต์ไร้คนขับที่ใช้ Chrysler Pacifica ให้ได้ 600 คันตามเป้า เพื่อทดสอบรับส่งคนตามโครงการ Early Rider Program และการที่มีรถยนต์จำนวนมาก จึงมีภาระในการซ่อมบำรุงตามมา
Avis ซึ่งมีศูนย์รถเช่ากระจายตัวอยู่เป็นจำนวนมากทั่วสหรัฐ จึงเข้ามาเติมเต็มภารกิจนี้ ด้วยการปรับปรุงศูนย์รถเช่าบางแห่งสำหรับรถยนต์ของ Waymo ในการทำความสะอาด เติมน้ำมัน เช็คสภาพ เปลี่ยนยาง รวมถึงซ่อมบำรุงอื่นๆ ด้วย
ท่ามกลางกระบวนการฟื้นฟูองค์กร ของ Uber บริษัทได้ออกมาตรการใหม่เพื่อเอาใจคนขับรถ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกระบวนการฟื้นฟู 180 วัน ด้วยการเพิ่มตัวเลือกให้ทิปกับคนขับโดยตรงภายในแอป
นอกจากทิป คนขับยังมีโอกาสได้เงินเพิ่มจากมาตรการใหม่ ที่หากลูกค้าปล่อยให้คนขับรอนานเกิน 2 นาที พร้อมทั้งลดระยะเวลาที่ลูกค้าจะสามารถกดยกเลิกรถโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม (5 เหรียญ) จากเดิม 5 นาทีเหลือ 2 นาที
ในส่วนของทิปนั้น Uber จะมอบใหคนขับทั้งหมด ไม่มีการหัก แต่ค่าปรับจากการปล่อยให้คนขับรอนานเกิน รวมถึงค่าธรรมเนียมยกเลิกรถนั้น Uber จะหักเงินส่วนหนึ่งเช่นเดิม
CRRC บริษัทผู้ให้บริการรถไฟฟ้าของจีนได้เปิดตัว Smart Bus หรือ Autonomous Rail Rapid Transit (ART) เป็นรถกึ่งบัส กึ่งแทรม ต่อกัน 3 คัน ไม่ได้วิ่งบนรางแต่วิ่งไปตามเส้นประบนถนน และที่สำคัญคือขับเคลื่อนอัตโนมัติ
ตัวรถจะถูกติดตั้งเซ็นเซอร์และถูกโปรแกรมมาให้ตรวจจับและขับตามเส้นประบนถนน วิ่งที่ความเร็วสูงสุด 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รองรับผู้โดยสารได้ 307 คนสำหรับ 3 คัน ซึ่งสามารถเพิ่มหรือลดได้อย่างอิสระ ใช้แบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงาน สามารถวิ่งได้ราว 25 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 10 นาที
Grab ประกาศนโยบายใหม่ปรับผู้โดยสาร หากยกเลิกการเรียกเกินมากกว่า 6 ครั้งต่อสัปดาห์ การยกเลิกครั้งต่อไป (ครั้งที่ 7) จะคิดค่ายกเลิกครั้งแรก 30 บาท โดยจะขึ้นแจ้งเตือนในแอพ พร้อมเตือนให้เพิ่มเงินผ่าน GrabPay เพราะระบบจะตัดเงินผ่านช่องทางนี้เท่านั้น
การยกเลิกจะคิดเฉพาะการเรียกบริการ GrabCar และ Grab Taxi เท่านั้น โดยเงินส่วนนี้จะเข้าคนขับทั้งหมด
ที่มา - Grab, ChannelNewsAsia
Lyft แอพเรียกรถยนต์คู่แข่งของ Uber เตรียมเปิดตัวบริการใหม่ Lyft Lux ซึ่งให้บริการเฉพาะรถยนต์หรู โดยจะเริ่มให้บริการใน 5 เมืองคือ San Francisco, Los Angeles, New York, San Jose และ Chicago
ตัวแทนของ Lyft กล่าวว่า ผู้ใช้งาน Lyft เป็นคนร้องขอให้เพิ่มบริการรถยนต์หรูเพื่อประสบการณ์การเดินทางใหม่ อีกทั้งทำให้คนขับมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ผู้ขับรถที่จะเข้าเงื่อนไข Lyft Lux จะมีเกณฑ์ที่เข้มงวดมากขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจคือบริการนี้ก็เหมือนกับ UberBlack ซึ่งเป็นบริการดั้งเดิมของ Uber ก่อนจะต่อยอดมาเป็น UberX ที่ใครนำรถมาให้บริการได้ แต่ตัวแทนของ Uber เคยกล่าวว่าจำนวนการเรียกรถยนต์ UberBlack นั้นมีจำนวนลดลงมาโดยตลอด ขณะที่ Lyft เพิ่งตัดสินใจให้บริการนี้นั่นเอง
เรื่องอื้อฉาวถาโถมกันเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อนสำหรับ Uber โดยกรณีล่าสุดคือการติดค้างค่าโดยสารให้กับคนขับรถในนครนิวยอร์กหลายปี คิดเป็นเงินไม่่ตำกว่า 45 ล้านดอลลาร์
เรื่องราวครั้งนี้เกิดขึ้นหลัง Uber กำลังจัดการรายละเอียดใบเสร็จให้กับคนขับ โดยปัญหาค่าโดยสารครั้งนี้เกิดจากการที่ Uber คิดค่าคอมมิชชันตอนที่ค่าโดยสารทั้งหมดยังไม่หักภาษี ทั้งที่ตามปกติแล้ว Uber จะหัก 25% หลังหักภาษีตามข้อตกลงในปี 2014
Uber ระบุว่าจะคืนเงินคนขับรถให้ทั้งหมดราว 5 หมื่นคนเฉลี่ยคนละ 900 ดอลลาร์ แม้ว่าคนขับคนนั้นจะเลิกขับไปแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ความผิดพลาดแบบนี้เคยเกิดขึ้นแล้วในฟิลาเดลเฟีย ทำให้ Uber ต้องจ่ายค่าโดยสารให้คนขับเพิ่มเติมราว 20 ล้านดอลลาร์
Uber ประกาศเปิดตัวบริการใหม่ Uber Freight บริการจับคู่ระหว่างคนขับรถบรรทุก และบริษัทที่ต้องการให้ไปส่งสินค้า (cargo) โดยมีแอพแยกเป็นของตัวเองทั้งบนแอนดรอยด์และ iOS
การทำงานของแอพไม่แตกต่างจากบริการเรียกรถ ลูกค้าจะต้องระบุจุดที่ให้ไปรับและส่งสินค้า ขณะที่คนขับรถบรรทุกจะได้รับแจ้งว่าสินค้าคืออะไร ไปเส้นทางไหนและจะได้ค่าจ้างเท่าไหร่ ซึ่ง Uber ระบุว่าบริการนี้จะช่วยลดความวุ่นวายและเวลาในการนัดพูดคุยและจองรถบรรทุกลงได้ค่อนข้างมาก
ทั้งนี้อย่าลืมว่า Otto บริษัทลูกของ Uber ที่พัฒนารถบรรทุกไร้คนขับเริ่มออกวิ่งขนส่งสินค้าจริงแล้ว ดังนั้นเป็นไปได้ว่าในอนาคต Uber จะนำเอารถบรรทุกของ Otto มาให้บริการนี้ด้วย
Uber เริ่มแสดงข้อมูลการขนส่งสาธารณะที่จุดหมายปลายทางบนแอพ Android โดยใช้ข้อมูลจากแอพ Transit ซึ่งมีข้อมูลของขนส่งสาธารณะกว่า 50 รัฐในสหรัฐฯ
หากผู้ใช้เลือกลงที่ใด และ Uber พบว่าจุดที่ลงรถนั้นไม่ห่างจากจุดหยุดรถสาธารณะมากนัก จะแสดงเวลาออกของรถสาธารณะในฟีดของ Uber ข้อมูลดังกล่าวจะถูกรีเฟรชอยู่ตลอดเวลาจนกว่าผู้ใช้จะไปถึงจุดหมายปลายทาง และเมื่อแตะที่รายละเอียดจะนำเข้าสู่แอพ Transit เพื่อดูข้อมูลต่อไป
ฟีเจอร์ดังกล่าว Jake Sion ซีโอโอของแอพ Transit ที่ให้ข้อมูลกับ Uber เผยว่าทั้งสองบริษัทนึกถึงอนาคตที่การเดินทางนั้นจะถูกแชร์โดยใช้ทางเลือกการเดินทางสาธารณะหลายรูปแบบ
น่าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ไม่รู้ภาษาจีนได้มากขึ้น เมื่อ Didi Chuxing แอพเรียกแท็กซี่ยักษ์ใหญ่ของจีน ที่แม้แต่ Uber ยังต้องยอม ประกาศรองรับภาษาอังกฤษแล้ว ทั้งอินเทอร์เฟสของแอพและบริการแชทแปลภาษาระหว่างผู้โดยสารและคนขับ
นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว Didi ยังรองรับแบรนด์บัตรเครดิตใหญ่ๆ อย่าง VISA และ Mastercard รวมถึงรองรับการลงทะเบียนผ่านเบอร์โทรศัพท์จาก 12 ประเทศ (ยังไม่มีข้อมูลว่าประเทศอะไรบ้าง) ซึ่งอัพเดตนี้รองรับทุกบริการของ Didi ทั้งแท็กซี่, Premier (เรียกรถแบบ Uber) และ Express (CarPool)
ที่มา - TechCrunch
BART (Bay Area Rapid Transit) ผู้ให้บริการรถไฟในซานฟรานซิสโก ออกนโยบายใหม่ จะใช้พลังงานสะอาดในการให้บริการรถไฟ ตั้งเป้าใช้พลังงานสะอาด 100% ภายในปี 2045
สิ่งที่ BART เริ่มทำไปบ้างแล้วคือจำกัดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่รถไฟปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ล่าสุดนโยบายใหม่เข้มข้นกว่าเดิม ไม่เพียงจำกัดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่านั้น แต่ยังจะนำเอาพลังงานทดแทนมาใช้ในการดำเนินกิจการ 100% โดยตั้งเป้าระยะแรกว่าจะใช้พลังงานทดแทน 50% ภายในปี 2025 และสิบปีถัดไปใช้พลังงานทดแทน 90% จนกระทั่งเต็ม 100% ในปี 2045
Lyft เปิดตัวบริการ Lyft for Business ให้ภาคธุรกิจจัดการการเรียกรถแบบกลุ่มโดยใช้แพลตฟอร์มแอพพลิเคชั่นเดิมที่มี ไม่ต้องติดตั้งเพิ่ม
ภายในแอพจะมีเมนู Business Travel ผู้ใช้สามารถสร้างบัญชีบริษัท และเพิ่มบัญชีผู้ใช้ที่เป็นคนในบริษัทลงบนแพลตฟอร์ม ระบุวันเวลาเป็นปฏิทิน ผู้เดินทาง จุดหมายปลายทาง รูปแบบการจ่ายเงินได้
เมื่อสิ้นปีที่แล้ว Elon Musk ได้เปรยทางทวิตเตอร์ว่าเขาเบื่อหน่ายกับสภาพรถติดมากๆ และจะเปิดบริษัทขุดอุโมงค์ใต้ถนนเพื่อให้รถวิ่ง โดยตั้งชื่อบริษัทว่า The Boring Company หรือ บริษัทขุดเจาะ ซึ่งไปพ้องความหมายกับ boring ที่แปลว่าน่าเบื่อด้วย
ล่าสุด Elon Musk ได้ทวีตลิงค์เว็บไซต์บริษัทใหม่ของเขา boringcompany.com โดยเว็บไซต์ดังกล่าวมีเพียงโลโก้ของบริษัท และวิดีโอโชว์คอนเซ็ปต์ของเครือข่ายอุโมงค์ใต้ถนน ซึ่งรถยนต์เพียงขับมาจอดบน "แท่น" ริมถนน แล้วแท่นนั้นจะเคลื่อนลงใต้ดินเข้าสู่ระบบอุโมงค์ รถยนต์เพียงจอดอยู่เฉยๆ และแท่นจะวิ่งไปบนรางด้วยความเร็วถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อีกทั้งในช่วงต้นและท้ายของวิดีโอยังเผยให้เห็นรถขนส่งมวลชนที่ใช้ระบบอุโมงค์นี้ด้วย
Lyft บริการเรียกรถยนต์คู่แข่งของ Uber เผยข้อมูลผลประกอบการต่อนักลงทุน (เอกสารหลุดออกมาถึง Bloomberg) ว่าบริษัทเพิ่งระดมทุนอีก 600 ล้านดอลลาร์ในเดือนเมษายนนี้ ส่งผลให้มูลค่าบริษัทขึ้นไปที่ 7.5 พันล้านดอลลาร์แล้ว
ธุรกิจของบริษัทยังเติบโตดี ตัวเลขรายได้รวมของการเรียกรถทั้งหมด (gross bookings) เพิ่มเป็น 800 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2017 แต่บริษัทก็ยังขาดทุนต่อเนื่อง ไตรมาสล่าสุดขาดทุน 130 ล้านดอลลาร์
ประเด็นที่น่าสนใจคือ Lyft ใช้ประโยชน์จากกระแสต่อต้าน Uber ในแคมเปญ #DeleteUber ส่งผลให้ยอดผู้ใช้งานต่อเดือนเพิ่มมาเป็น 22.8 ล้านคนในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 เพิ่มขึ้นถึง 137% จากปีก่อน
หลังข่าวเชิงลบโหมกระหน่ำใส่ Uber อย่างต่อเนื่องหลายเดือน ตอนนี้พอมีข่าวให้ผู้บริหารชื้นใจขึ้นมาบ้างแล้ว หลังศาลอุทธรณ์ของอิตาลีได้ระงับคำตัดสินแบน Uber ของศาลชั้นต้น โดยยังคงอนุญาตให้ Uber ให้บริการต่อไปจนกว่ากระบวนการอุทธรณ์จะสิ้นสุด
หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค Consumer Protection and Enforcement Division (CPED) ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เตรียมปรับเงิน Uber เป็นจำนวน 1.13 ล้านดอลลาร์ จากข้อหา Uber ไม่ยอมสอบสวนข้อร้องเรียนว่าผู้ขับรถของ UBer เมาแล้วขับ
CPED ระบุว่าในรอบ 1 ปีระหว่างเดือนสิงหาคม 2014-2015 ได้รับคำร้องเรียนเรื่องเมาแล้วขับ 154 กรณี และ Uber ไม่ได้ดำเนินการสอบสวนหรือสั่งระงับการทำงานของคนขับ 151 กรณี ดังนั้น CPED จึงเสนอให้สั่งปรับเป็นเงินกรณีละ 7,500 ดอลลาร์
CPED ยังบอกว่า Uber ไม่ได้รายงานปัญหาเมาแล้วขับมายังคณะกรรมการของรัฐแคลิฟอร์เนียเลย ฝั่งโฆษกของ Uber ระบุว่าข้อมูลของ CPED เป็นข้อมูลเก่าเมื่อหลายปีมาแล้ว และตอนนี้ Uber ปรับปรุงระบบการตรวจสอบของตัวเองให้ดีขึ้นแล้ว
สาเหตุหนึ่งของการสนับสนุนให้มีคนนำรถส่วนบุคคลออกมารับผู้โดยสารคือแท็กซี่ในระบบเดิมมีอัตราการปฏิเสธผู้โดยสารค่อนข้างสูง กลุ่มแท็กซี่ที่มีการเรียกร้องให้จัดการกับแอปเช่นอูเบอร์อย่างเด็ดขาด ก็มีการเสนอแนวทางแก้ปัญหาของตัวเองไปพร้อมกัน โดยระบุว่าหากแท็กซี่สามารถรู้ปลายทางของผู้โดยสารผ่านแอป และกดรับก็จะไม่มีการปฏิเสธผู้โดยสาร (แล้วมันต่างกันตรงไหน? งงเหมือนกันครับ)
ข้อเสนอนี้ระบุโดยนายวิฑูรย์ แนวพานิชประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร ที่ระบุว่าจะร่วมมือกับแอปพลิเคชั่น Smart Taxi เพื่อจัดการปัญหานี้ เนื่องจากผู้ขับขี่สามารถรู้ปลายทางล่วงหน้าทำให้ปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสารเป็นศูนย์