รวมข่าว Twitter (X) มีอะไรอัปเดตใหม่บ้าง
อัยการรัฐฟลอริด้าแถลงการจับกุม Graham Clark วัยรุ่นอายุ 17 ปีฐาน จากการเป็นเป็นผู้ "บงการ" (mastermind) การแฮกทวิตเตอร์ โดยตั้งข้อหารวม 30 ข้อหา ตั้งแต่ข้อหาร้ายแรงเช่นการฉ้อโกงเงินเกิน 50,000 ดอลลาร์, การแฮกระบบสื่อสาร, การขโมยตัวตนผู้อื่น, ไปจนถึงข้อหาที่เบาลงเช่นการใช้ข้อมูลส่วนตัว โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุม Clark ที่อพาร์ตเมนต์ของเขาในช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐฯ ฝั่งตะวันออก
Twitter เปิดเผยรายละเอียดของการถูกแฮ็กครั้งใหญ่เมื่อกลางเดือน ที่ก่อนหน้านี้เคยเปิดเผยว่าเกิดจากคนในถูกหลอก และคนร้ายเข้าถึงข้อมูลบัญชีกับข้อความ DM
ต้นเหตุมาจากแฮ็กเกอร์ต้องการเข้าถึงเครื่องมือภายใน (internal tools) ที่พนักงานใช้จัดการทวีต ซึ่งจำเป็นต้องเจาะเข้ามายังเครือข่ายภายในบริษัทก่อน และต้องใช้ล็อกอินของพนักงานเฉพาะบางคนที่มีสิทธิเข้าถึงเครื่องมือนี้ด้วย
บริการโซเชียลยอดนิยมทั้ง Facebook, Twitter, YouTube พร้อมใจกันแบนวิดีโอเกี่ยวกับยารักษา COVID-19 ที่เป็นข้อมูลผิดๆ และถูกรีทวิตโดย Donald Trump (รวมถึงลูกชายของเขาคือ Donald Trump Jr.)
วิดีโอนี้เป็นการแถลงข่าวของกลุ่มแพทย์ที่เรียกตัวเองว่า America's Frontline Doctors และเผยแพร่ผ่านช่องทางของ Breitbart สำนักข่าวฝ่ายขวาที่สนับสนุน Trump มาโดยตลอด เนื้อหาในวิดีโอเป็นแพทย์ที่อ้างว่า ไฮดรอกซีคลอโรควิน (hydroxychloroquine) ซึ่งเป็นยารักษาโรคมาลาเรีย สามารถใช้รักษาโรค COVID-19 ได้ (องค์การอนามัยโลก WHO สั่งระงับการทดลองใช้ไปตั้งแต่เดือน พ.ค. เพราะมีแนวโน้มให้ผู้ป่วย COVID-19 เสียชีวิตเพิ่มขึ้น - BBC)
Twitter รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2020 รายได้รวม 683 ล้านดอลลาร์ ลดลง 19% จากช่วงเดียวกับในปีก่อน เนื่องจากธุรกิจโฆษณาชะลอการใช้จ่ายในช่วงโควิด-19 และขาดทุนสุทธิ 1,228 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากมีรายการพิเศษภาษีรอตัดบัญชีที่รับรู้ในไตรมาสนี้ หากไม่รวมรายการดังกล่าว จะขาดทุน 127 ล้านดอลลาร์
ตัวเลขจำนวนผู้ใช้งานนั้น Twitter รายงานเป็นผู้ใช้งานประจำทุกวันซึ่งสร้างรายได้ (mDAU - monetizable daily active users) เพิ่มขึ้น 20 ล้านบัญชีจากไตรมาส 1/2020 เป็น 186 ล้านบัญชี แบ่งเป็นในอเมริกา 36 ล้านบัญชี และต่างประเทศ 150 ล้านบัญชี
Jack Dorsey ซีอีโอของ Twitter เปิดเผยในผลประกอบการว่า บริษัทกำลังพิจารณาหาโมเดลรายได้ใหม่ๆ หลังรายได้จากโฆษณาหดหาย โดยหนึ่งในตัวเลือกเหล่านั้นคือการใช้ระบบ subscription จ่ายค่าใช้งานรายเดือน เขาย้ำด้วยว่าช่องทางการสร้างรายใหม่นี้จะต้องสอดคล้องกับบริการโฆษณาเดิมที่มีอยู่
Twitter เขียนโพสต์อัพเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับการถูกแฮกในประเด็นการเข้าถึง DM หรือข้อความส่วนตัวของคนร้ายแล้ว โดย Twitter คาดว่าคนร้ายสามารถเข้าถึง DM ได้สูงสุด 36 แอคเคาท์จากทั้งหมด 130 แอคเคาท์ที่ตกเป็นเหยื่อ
Twitter ยืนยันว่ามีแอคเคาท์นักการเมืองของเนเธอร์แลนด์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ถูกเข้าถึง DM และยืนยันว่าไม่มี DM ของแอคเคาท์นักการเมืองไม่ว่าที่กำลังดำรงตำแหน่งหรือหมดวาระไปแล้วคนอื่น ๆ ถูกเข้าถึง
ที่มา - Twitter Blog
แฮชแท็กยอดนิยมในทวิตเตอร์ #เยาวชนปลดแอก ที่พูดถึงเหตุการณ์ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยตั้งแต่เมื่อวานนี้ (18 ก.ค.) ช่วงเย็น มาถึงวันนี้ช่วงเช้า มีคนพูดถึงมากเกิน 10 ล้านข้อความทวีต
ทวิตเตอร์เขียนบล็อกรายงานถึงเหตุถูกแฮกจนคนร้ายสามารถส่งทวีตแทนเจ้าของบัญชี โดยระบุว่าคนร้ายสามารถหลอกให้พนักงานหลายคนใช้รหัสล็อกอิน ไปจนถึงการล็อกอินสองขั้นตอน (น่าจะเป็นการหลอกให้เข้าเว็บภายในของปลอม แต่ไม่ได้ระบุตรงๆ) จนคนร้ายสามารถเข้าถึงระบบภายในได้สำเร็จ
บัญชีเป้าหมายของคนร้ายมีทั้งหมด 130 บัญชี โดยคนร้ายสั่งเปลี่ยนรหัสผ่าน 45 บัญชีแล้วล็อกอินเพื่อทวีตแทนเจ้าของบัญชี ในจำนวนนี้ยังมี 8 บัญชีที่คนร้ายพยายามดาวน์โหลดข้อมูลการใช้งานทั้งหมดผ่านบริการ "Your Twitter Data"
หลังการแฮกบัญชีคนดังบน Twitter ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง จบลงด้วยสาเหตุที่พนักงานซัพพอร์ทถูกหลอกแบบ social engineering
ล่าสุด FBI ในซานฟรานซิสโกเปิดเผยว่าเริ่มสอบสวนกรณีนี้แล้ว โดยขอยังไม่ให้รายละเอียดหรือคอมเมนท์ใด ๆ เช่นเดียวกับผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ที่ระบุว่าสั่งให้หน่วยงานด้านการบริการทางการเงินของมลรัฐเริ่มสอบสวนเรื่องนี้ด้วย เพราะการแฮกเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเงินเช่นนี้ อาจเป็นฝีมือของต่างชาติ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลปลอมและหวังผลทางการเมืองในช่วงใกล้เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐแบบนี้
หลังจาก Twitter คนดังโดนแฮก ทวิตให้โอนเงินเข้า Bitcoin ไปเมื่อวันก่อน ล่าสุด Google ได้หยุดแสดงผลเสิร์ช Carousel จาก Twitter ชั่วคราว โดยเมื่อค้นหาจะพบเพียงลิงก์ไปยังบัญชี Twitter เท่านั้น
Google ยืนยันจะยังไม่แสดงผลเสิร์ชดังกล่าวจนกว่าจะได้ตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดจากข้อมูลเท็จ
ที่มา - Android Police
เมื่อวานนี้ แอคเคาท์ Twitter ของคนดังๆ มากมาย เช่นอีลอน มัสก์ อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า และ บิล เกตส์ โดนแฮกและแฮกเกอร์ได้ทวิตหลอกให้คนส่งเงินบิตคอยน์ไปให้จนได้เงินไปกว่า 3.5 ล้านบาท แต่มีแอคเคาท์หนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นคนที่มีอิทธิพลและโด่งดังที่สุดในทวิตเตอร์ แต่กลับไม่โดนแฮก นั่นก็คือแอคเคาท์ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ
ปกติเวลาตอบแชททวิตเตอร์ หรือ DM บนเดสก์ทอป ระบบจะพาผู้ใช้ไปยัง DM เต็มหน้าจอ ล่าสุดทวิตเตอร์ทำฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ตอบแชทได้โดยไม่ต้องออกจากหน้าไทม์ไลน์
โดยช่องแชทจะปรากฏเป็นป๊อบอัพด้านล่างขวา เหมือน Facebook Messenger บนเดสก์ทอปนั่นเอง ทำให้สามารถตอบแชทและดูความเคลื่อนไหวบนไทม์ไลน์ได้
หลังจากทวิตเตอร์ถูกแฮกและสามารถโพสแทนคนดังจำนวนมากเพื่อหลอกว่าหากให้เงิน 1,000 ดอลลาร์คนดังเหล่านั้นจะให้เงินคืนมา 2,000 ดอลลาร์ ผลสำรวจบัญชีบิตคอยน์ที่ใช้รับเงินก็พบว่ามีคนโอนเงินเข้าไปจริงๆ นับร้อยรายการ รวมเป็นเงินประมาณ 118,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3.5 ล้านบาท โดยบิตคอยน์ที่ได้รับมาถูกโอนออกไปอย่างรวดเร็ว
แม้ทวีตจะหลอกขอเอาเงินทีละพันดอลลาร์แต่เงินที่ได้จริงส่วนมากก็อยู่ระดับสิบดอลลาร์เท่านั้น แต่ก็มีบางรายการที่โอนเกินพันดอลลาร์จริงๆ
ทวิตเตอร์แถลงยืนยันว่าบัญชีคนดังที่ถูกแฮกโพสหลอกเอาเงิน อย่าง บารัค โอบามา หรือ อิลอน มัสก์ ในวันนี้เกิดจากพนักงานซัพพอร์ตถูกหลอกแบบ social engineering ทำให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้
กระบวนการโจมตีเป็นการโจมตีอย่างเจาะจงไปยังพนักงานที่เข้าถึงเครื่องมือภายในของทวิตเตอร์ได้ ทำให้แฮกเกอร์สามารถโพสแทนเจ้าของบัญชี โดยทางทวิตเตอร์ได้ล็อกบัญชีเหล่านี้ทันทีและลบโพสทั้งหมดออก
คำชี้แจงไม่ได้ระบุว่าผลกระทบจะรวมถึงการเข้าถึงข้อความส่วนตัวหรือ direct message หรือไม่ หากได้รับผลกระทบด้วยความร้ายแรงอาจจะมากกว่าที่เห็น
update: ทวิตเตอร์ออกมาชี้แจงว่าพนักงานถูกหลอก
ช่วงเช้ามืดวันนี้เกิดเหตุการณ์บัญชีคนดังในทวิตเตอร์ เช่น Barack Obama, Elon Musk, Bill Gates, Jeff Bezos, Kanye West, Joe Biden รวมถึงบัญชีของบริษัทดังๆ อย่าง Apple, Uber ถูกแฮ็ก และโพสต์ข้อความสแปม หลอกลวงให้คนโอนเงินผ่าน Bitcoin โดยข้อความของทุกคนเหมือนกันหมด
ตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าการแฮ็กเกิดขึ้นได้อย่างไร (ซึ่งน่าจะเป็นการแฮ็กที่ระบบ มากกว่าแฮ็กที่บัญชีโดยตรง) เบื้องต้นทวิตเตอร์มีมาตรการชั่วคราว ปิดไม่ให้บัญชีคนดังเหล่านี้ที่เป็น verified account สามารถโพสต์ข้อความใดๆ ได้
ที่มา - Ars Technica, TechCrunch
เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์, และเทเลแกรม เริ่มให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างๆ ว่าจะหยุดส่งข้อมูลตามคำขอหน่วยงานรัฐบาลฮ่องกง หลังจาก WhatsApp ที่อยู่ใต้เฟซบุ๊กได้ระบุแนวทางนี้เมื่อวานนี้
ทวิตเตอร์ระบุเหตุผลที่ต้องหยุดทำตามคำขอจากฮ่องกงว่ากฎหมายความมั่นคงของฮ่องกงนั้นเพิ่งเปิดเผยออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้บริษัทต้องใช้เวลาในการตรวจสอบผลกระทบของกฎหมาย โดยแสดงความกังวลต่อคำหลายคำในตัวกฎหมายว่ากำกวม ตลอดจนกระบวนการผ่านกฎหมายและจุดมุ่งหมายของกฎหมายเองก็น่าวิตก
เทเลแกรมระบุว่าความเป็นส่วนตัวสำคัญต่อคนฮ่องกงในช่วงเวลาเช่นนี้ และจะไม่ส่งข้อมูลผู้ใช้ให้รัฐบาลฮ่องกงจนกว่าจะมีความเห็นร่วมกันต่อความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในฮ่องกงในระดับนานาชาติ
Opera Desktop ออกเวอร์ชัน 69 มาพร้อมฟีเจอร์สำคัญคือใช้งาน Twitter ได้ในตัว (จากแถบ sidebar ข้างซ้าย) มาทั้ง timeline หลัก, ระบบข้อความ direct messages และการค้นหาข้อความ
แนวทางของ Opera ในช่วงหลังคือผนวกบริการออนไลน์ที่คนใช้บ่อยๆ เข้ามาในแถบ sidebar เพื่ออำนวยความสะดวก บริษัทบอกว่าก่อนหน้านี้เพิ่ม Instagram แล้วประสบความสำเร็จอย่างมาก (Opera GX สำหรับเกมเมอร์ก็มี Twitch และ Discord ส่วนบริการอื่นที่มีอยู่ก่อนแล้วคือ Facebook Messenger, Telegram และ WhatsApp)
The New York Times รายงาน ผู้ใช้งาน TikTok และชาวเน็ตแฟนๆ เคป๊อบ อ้างว่าตัวเองลงทะเบียนจองตั๋วเข้าฟังโดนัลด์ ทรัมป์ พูดหาเสียงที่ Tulsa Fire Department ในโอกลาโฮมาไว้ แต่เมื่อถึงเวลางานจริงๆ ก็เทตั๋วไม่เข้าร่วมฟัง ทำให้มีคนเข้าร่วมน้อยกว่าที่ทีมหาเสียงของทรัมป์คาดหวังไว้
Twitter แบนข้อความทวีตของ Donald Trump อีกแล้ว โดยคราวนี้ด้วยเหตุผลว่าวิดีโอที่ Trump โพสต์นั้น "ละเมิดลิขสิทธิ์"
ในวิดีโอนี้ ทีมงานของ Trump นำคลิปข่าวจาก CNN ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน มาตัดต่อใหม่ ซึ่ง Twitter ซ่อนการแสดงผลของวิดีโอนี้ โดยขึ้นป้ายเตือนว่า "manipulated media" ไว้ใต้โพสต์ และข้อความแทนตัวคลิปวิดีโอว่าถูกปิดกั้น จากการแจ้งของเจ้าของลิขสิทธิ์
เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม Twitter เพิ่งขึ้นป้ายเตือนใต้โพสต์ และซ่อนโพสต์ของ Trump มาแล้วรอบหนึ่ง
ทวิตเตอร์กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ โพสต์บนไทม์ไลน์ด้วยการกดอัดเสียง เมื่อผู้ใช้สร้างข้อความบนไทม์ไลน์ จะเห็นไอคอนหน้าตาคล้ายคลื่นอยู่ด้านล่าง กดและอัดเสียงตัวเองหรือเสียงอะไรก็ตามได้สูงสุด 140 วินาที ถ้าความยาวเสียงเกินที่กำหนดไว้ เสียงนั้นก็จะกลายเป็นไฟล์ที่อยู่ถัดลงมาเป็น thread
นั่นเท่ากับว่า นอกจากผู้ใช้งานจะเขียน 280 ตัวอักษรได้แล้ว ยังแนบไฟล์เสียงของตัวเองเข้าไปด้วยได้ ในกรณีที่ 280 ตัวอักษรนั้นไม่เพียงพอกับสิ่งที่เราอยากจะสื่อสารออกไป
วันนี้ทางซัมซุงประกาศ Galaxy S20+ และ Galaxy Bud+ BTS Edition นับเป็นการสปอนเซอร์วง BTS ให้ช่วยโปรโมทโทรศัพท์ซัมซุงอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ก็เคยให้วง BTS โปรโมท Galaxy Z Flip มาก่อน แต่เหล่าแฟนๆ ก็พบว่าทางวงโพสทวีตครบรอบ 7 ปีผ่านทางไอโฟน แม้ว่าจะพลาดไปเพียงครู่เดียวก่อนจะลบแล้วโพสใหม่ด้วยแอนดรอยด์ ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที
ทวิตเตอร์เผยว่ากำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่บนมือถือแอนดรอยด์ คือถ้าผู้ใช้งานกำลังจะกดรีทวีตโพสต์ที่ผู้ใช้ยังไม่ได้กดอ่านที่บทความต้นทาง ระบบจะแสดงหน้าต่าง แนะนำให้ผู้ใช้อ่านก่อนจะกดรีทวีต ซึ่งน่าจะเป็นการป้องกันการแพร่กระจายไปในวงกว้างในกรณีที่เป็นข่าวปลอม คลิกเบท
ตัวหน้าต่างที่แสดงเพิ่มขึ้นมามีลิงค์บทความต้นทาง ในขณะเดียวกันผู้ใช้งานก็เลือกได้ว่าจะกดอ่าน หรือรีทวีตเลย
ทวิตเตอร์เผยได้ลบบัญชีผู้ใช้งานกว่า 170,000 บัญชีที่เกี่ยวข้องหรือมีพฤติกรรมเผยแพร่ข้อมูลปลอม, โฆษณาชวนเชื่อสนับสนุนรัฐบาลจีน โดยทวีตข้อความในภาษาจีน ที่มีเนื้อหาสนับสนุนและเป็นประโยชน์ต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน รวมถึงแพร่เรื่องเล่าชวนเชื่อต่อต้านม็อบฮ่องกง
นอกจาก Fleets ที่เลียนแบบ Stories ดูเหมือน Twitter กำลังซุ่มทดสอบอีกฟีเจอร์ ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถกดแสดงความรู้สึก (reaction) กับทวีตได้ด้วยอีโมจิ นอกเหนือจากการรีทวีตและกดไลค์
Jane Manchun Wong นักวิจัยแอปจากฮ่องกงได้ทวีตรูปสกรีนช็อตตัวเลือกอีโมจิ ที่เพิ่มเข้ามาให้เลือกระหว่าง Retweet, Retweet with comment และ React with Fleet อย่างไรก็ตามการรีแอคกับทวีตด้วยอีโมจิเคยมีประเด็นแล้วครั้งหนึ่งเมื่อราวปี 2015 ช่วงที่มีข่าวว่า Facebook เริ่มทดสอบฟีเจอร์ Reactions ขณะเดียวกันภาพหลุดการทดสอบอีโมจิครั้งนี้ของ Twitter ก็ไม่ได้เป็นการยืนยันว่า ในท้ายที่สุดฟีเจอร์นี้จะถูกปล่อยออกมาจริง
หลังจากปล่อยให้ลองใช้ในบราซิลเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุด Twitter เปิดให้ใช้งาน Fleets ฟีเจอร์ Stories แบบฉบับนกฟ้าในอินเดียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Fleets เป็นฟีเจอร์โพสต์เนื้อหาที่แยกออกจากทวีตทั่วไป โดยจะหายไปเมื่อครบ 24 ชั่วโมง คล้ายกับฟีเจอร์ Stories ใน Instagram และ Snapchat
สาเหตุที่เลือกอินเดียเนื่องจากเป็นประเทศที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ทั้งยังมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยอินเดียเป็นประเทศที่สามต่อจากบราซิลและอิตาลีที่ได้ใช้งาน Fleets อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานว่าจะเปิดให้ใช้งานทั่วโลกเมื่อไร