ช่วงนี้มีข่าว Uber โดนหน่วยงานภาครัฐทั่วโลกเล่นงานเยอะมาก และล่าสุดแม้แต่ใน "บ้านเกิด" ของ Uber เองอย่างเมืองซานฟรานซิสโกก็เตรียมฟ้อง Uber เช่นกัน
อัยการเขตซานฟรานซิสโกประกาศว่าร่วมมือกับอัยการเขตลอสแองเจลิส ยื่นฟ้อง Uber ในสองข้อหา คือโฆษณาเกินจริงหรือชวนให้เข้าใจผิด (ประเด็นการตรวจสอบประวัติคนขับ และการเก็บเงิน 1 ดอลลาร์ค่าความปลอดภัย) และข้อหาละเมิดกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย อัยการทั้งสองเขตบอกว่าบริษัทเรียกรถยนต์เหล่านี้สามารถสร้างนวัตกรรมได้โดยไม่ละเมิดกฎหมายที่ปกป้องคุ้มครองประชาชน
สัปดาห์นี้คงไม่ใช่สัปดาห์ของ Uber เท่าไรนัก เพราะมีข่าวหน่วยงานภาครัฐทั่วโลกสั่งแบนหรือดำเนินคดีกับ Uber มากมาย ล่าสุดหน่วยงานด้านขนส่งของเมืองริโอเดจาเนโร (Rio de Janeiro) ของบราซิล เตรียมยื่นคำร้องต่อตำรวจให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อ Uber แล้ว
ข้อหาของ Uber คือให้บริการแท็กซี่โดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งผู้ขับรถในเครือ Uber ก็อาจโดนยึดรถด้วย ฝั่งของ Uber บราซิลเองระบุว่ายังไม่ได้รับการติดต่อจากทางภาครัฐ แต่ก็ยินดีให้ความร่วมมือบนฐานของกฎเกณฑ์ "ที่มีเหตุมีผล" ซึ่งบริษัทมองว่ากฎฉบับปัจจุบันเก่าเกินไปและไม่ได้ออกแบบมาสำหรับยุคสมาร์ทโฟน
ที่มา - Bloomberg
วันนี้ศาลเมืองมาดริดพิพากษาคดีที่ฟ้องโดยสมาคมแท็กซี่มาดริดให้ Uber ต้องหยุดให้บริการทั้งหมดในสเปน ใช้รถให้บริการแท็กซี่โดยไม่ได้รับอนุญาตและแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมกับแท็กซี่ในระบบ
คำพิพากษานี้เป็นการลงโทษล่าสุดในสเปนหลังจากที่รัฐบาลมาดริดและบาร์เซโลน่าประกาศลงโทษทางการเงิน (financial sanction) กับผู้ขับ Uber ทางรัฐบาลแคว้นแคทาโลเนียระบุว่ากำลังพิจารณาโทษยึดรถกับผู้ขับ Uber โดยค่าปรับไถ่ถอนรถคืนอยู่ที่ 6,000 ยูโรหรือ 250,000 บาท
ที่มา - The Local
วันนี้อธิบดีกรมการขนส่งทางบกให้ข่าวระบุว่าหลังจากเรียกผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่นเรียกรถแท็กซี่เข้าพูดคุยทั้งสามราย ได้แก่ Grab Taxi, Easy Taxi, และ Uber ทางกรมการขนส่งทางบกได้สั่งให้ Uber หยุดให้บริการรถป้ายดำ (UberX) ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และบริการ Uber ป้ายเขียวจะให้บริการต่อไปได้แต่ต้องทำตามกำหนด คือให้บริการในพื้นที่สนามบิน, โรงแรม, และนำเที่ยว
จนถึงตอนนี้ ผู้ขับ UberX ถูกลงโทษปรับ 2,000 บาทไปแล้วสิบราย หลังจากจับรายแรกไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และทางกรมการขนส่งทางบกจะปรึกษาสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อเพิ่มโทษต่อไป
จากกรณี อธิบดีกรมการขนส่งทางบกระบุ Uber ผิดกฎหมาย, Uber แถลงยอมรับข้อกฎหมาย ยืนยันปลอดภัย เชื่อถือได้ และ Uber ถูกจับในไทยหนึ่งคัน ปรับ 2,000 บาทฐานใช้รถป้ายแดง
ล่าสุด Uber ไทยออกแถลงการณ์ฉบับใหม่ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2557 (เข้าใจว่าหลังจากเข้าพบกรมการขนส่งทางบกในวันนี้ ตามข่าวที่เคยออกมาก่อนหน้านี้) มีใจความสำคัญคือยืนยันเป้าหมายของ Uber ว่าต้องการยกระดับชีวิตประจำวันของผู้คน, จะเคารพการทำหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบก และพร้อมให้ความร่วมมือกับกรมฯ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีด้านคมนาคมต่อไป
ศาลเนเธอร์แลนด์ตัดสินแบนบริการ UberPOP (คล้าย UberX คือเปิดให้คนทั่วไปนำรถตัวเองมาเข้าระบบ แต่ต่างกันตรงที่ผู้โดยสาร UberPOP หลายคนสามารถแชร์รถคันเดียวกันได้) ด้วยเหตุผลว่ากฎหมายกำหนดให้คนขับต้องมีใบอนุญาตขับรถรับจ้างแยกเป็นพิเศษด้วย
Uber อาจโดนสั่งปรับเงินสูงสุด 100,000 ยูโร และผู้ขับจะมีโทษปรับ 10,000 ยูโรต่อคดี
ฝั่งของ Uber ออกแถลงการณ์ว่าจะยื่นอุทธรณ์ และบอกว่ากรณีนี้เป็นหนึ่งใน "การต่อสู้ระยะยาว" ต่อระบบกฎหมายที่ล้าสมัย (a long lasting legal battle) ซึ่งกฎหมายของเนเธอร์แลนด์ฉบับนี้ออกมาตั้งแต่ปี 2000 ในยุคที่ยังไม่มีสมาร์ทโฟนด้วยซ้ำ
ต่อจากข่าว Uber เปิดบริการในพอร์ตแลนด์แม้ผิดกฎหมาย ตัวแทนเมืองประกาศเจอเมื่อไรปรับทันที ล่าสุดเมืองพอร์ตแลนด์ยื่นฟ้องบริษัท Uber ต่อศาลแล้ว ข้อหาที่ฟ้องคือ Uber ละเมิดกฎเกณฑ์เรื่องการจ้างรถขนส่งเอกชนของทางเมือง (Private for Hire Transportation Regulations and Administrative Rules) ในประเด็นว่าคนทั่วไปไม่สามารถรับจ้างขับรถได้จนกว่าจะได้รับใบอนุญาต
เมืองพอร์ตแลนด์ยื่นขอให้ศาลสั่ง Uber ให้หยุดบริการทั้งหมดในทันที จนกว่าบริษัทจะสามารถปฏิบัติตามกฎของเมืองได้ครบถ้วน
สื่ออินเดียให้ความสนใจข่าวคนขับ Uber ถูกจับข้อหาข่มขืนกันอย่างมาก ล่าสุดมีรายละเอียดของผู้ต้องหาและเหตุการณ์จับกุมมาแล้วครับ
ผู้ต้องหาชื่อ Shiv Kumar Yadav อายุ 32 ปี แต่งงานแล้วและมีบุตร 3 คน เขาประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่มาหลายปีแล้ว และเคยก่อคดีข่มขืนมาแล้วในปี 2011 โดยถูกจำคุก 7 เดือน ถือว่ามีประวัติอาชญากรรมมาก่อน (ที่ Uber ตรวจไม่เจอ ซึ่งบริษัทบอกว่าเกิดจากฐานข้อมูลของอินเดียไม่ดีพอ)
ความคืบหน้าล่าสุดของเหตุคนขับ Uber ข่มขืนผู้โดยสารในอินเดีย ซึ่งทางการอินเดียเตรียมดำเนินคดีกับทาง Uber ด้วย โดย Travis Kalanick ซีอีโอ Uber ได้เปิดเผยผ่านบล็อกของบริษัทต่อเหตุการณ์ดังกล่าวว่า Uber จะให้ความร่วมมือกับทางการเพื่อดำเนินคดีกับคนขับคนนี้จนถึงที่สุด รวมทั้งจะทำงานร่วมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากระบบตรวจสอบประวัติอาชญากรรมผู้ขับขี่ปัจจุบันของอินเดียนั้น ไม่สามารถสืบค้นข้อมูลได้มากพอ
ความคืบหน้าต่อจากข่าว คนขับรถของ Uber ในอินเดีย ถูกกล่าวหาว่าข่มขืนผู้โดยสาร ตำรวจอินเดียได้จับกุมคนขับรถโดยสารที่ถูกกล่าวหาแล้ว และจะถูกนำขึ้นศาลกรุงนิวเดลีในวันนี้
Madhur Verma รองผู้กำกับการตำรวจเดลี ให้สัมภาษณ์ว่าทางตำรวจจะดำเนินคดีกับบริษัท Uber ด้วย ในข้อหาละเลยไม่สอบประวัติอาชญากรรมของคนขับ และไม่มีอุปกรณ์ GPS ติดตั้งภายในรถที่เกิดเหตุ
ตามข่าวบอกว่าผู้ต้องหาข่มขืนผู้โดยสารหญิงวัย 26 ปีแล้วนำไปส่งที่บ้าน พร้อมขู่ไม่ให้เธอแจ้งตำรวจ แต่เธอสามารถจดหมายเลขทะเบียนของคนขับและถ่ายภาพรถยนต์ไว้เป็นหลักฐานได้
อาจจะไม่ใช่ข่าวดีเท่าไหร่นักสำหรับ Uber โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Uber ในอินเดีย เมื่อมีรายงานข่าวออกมาว่า สุภาพสตรีท่านหนึ่งที่ใช้บริการรถของ Uber ในเขต Guragon ของกรุงนิวเดลี เมืองหลวงประเทศอินเดีย เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องถิ่น กล่าวหาว่าคนขับรถของ Uber กระทำการลงมือข่มขืนเธอ
รายงานข่าวจาก news.com.au ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ของออสเตรเลีย ระบุว่าผู้เสียหายนอนหลับไประหว่างที่กำลังอยู่บนรถ ก่อนที่จะตื่นขึ้นมาในที่เปลี่ยว ซึ่งเธออ้างว่าคนขับทำการข่มขืนเธอ และขู่ที่จะฆ่าและรัดคอเธอหากเธอขัดขืน ก่อนที่จะส่งเธอกลับบ้าน
Uber เดินหน้าลุย เปิดบริการในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน สหรัฐอเมริกา ถึงแม้ว่าหน่วยงานด้านขนส่งของพอร์ตแลนด์จะประกาศว่า Uber เป็นบริการผิดกฎหมายก็ตาม
Portland Bureau of Transportation ออกประกาศว่ารับทราบว่า Uber ตัดสินใจเปิดบริการในพอร์ตแลนด์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และประกาศล่วงหน้าว่าจะจับ-ปรับทั้ง Uber และคนขับในสังกัดถ้าตรวจพบ เนื่องจากกฎระเบียบของพอร์ตแลนด์กำหนดให้บริษัทและผู้ขับแท็กซี่ต้องมีใบอนุญาตเสมอ
แค่วันเดียวหลังจาก GrabTaxi ระดมทุนครั้งใหญ่ Uber ก็ประกาศยืนยันว่าบริษัทได้ระดมทุนเพิ่มอีก 1,200 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนหลายราย ทำให้ตอนนี้บริษัทมีมูลค่าสูงถึง 40,000 ล้านดอลลาร์แล้ว เพิ่มเป็นสองเท่าจากเมื่อกลางปี (ใหญ่กว่า Twitter 1.5 เท่า หรือใหญ่พอกับสายการบิน Delta Air Lines)
เงินทุนรอบนี้ Uber เล็งจะเอาไปใช้ในตลาดเอเชีย-แปซิฟิกที่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากในการลุยขยายกิจการอย่างรวดเร็ว และครองส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งรายอื่นๆ
เมื่อเดือนมิถุนายน Uber เพิ่งได้เงินจากนักลงทุนมา 1,200 ล้านดอลลาร์เช่นกัน รวมเป็น 2,700 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่เปิดบริษัทเมื่อปี 2009
ช่วงที่ผ่านมา เราได้เห็นบทบาทของ Uber ในประเทศไทยเล่นบทตั้งรับหรืออยู่เงียบๆ มาโดยตลอด (ลองอ่านข่าวเก่าๆ ได้) นับตั้งแต่กรณี UberX ให้บริการขัดกับกฎหมายของไทย แต่วันนี้ Uber ประเทศไทย ได้ส่งอีเมลหาลูกค้า เพื่อขอให้ลูกค้าแสดงออกการสนับสนุน Uber ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (social media) แล้ว
แม้ว่าจะมีปัญหารุมเร้า แต่ธุรกิจก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป Uber ขยายบริการเรียกรถรับส่งตัวใหม่ในชื่อ UberPOOL ที่สามารถรับผู้โดยสารที่มีจุดปลายทางต่างกันได้ในรถคันเดียว
วิธีคิดของ UberPOOL ทำมาเพื่อเพิ่มความคุ้มค่าต่อพื้นที่นั่งบนรถหนึ่งคันที่โดยทั่วไปมักจะมีผู้โดยสารเพียงหนึ่งคนต่อการเดินทาง จึงเหลือที่ว่างอีก 2-3 ที่เป็นปกติ การมาของ UberPOOL นั้นเคลมว่าจะเพิ่มเวลาการเดินทางเข้ามาอีกไม่กี่นาที แต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้กว่า 50% ด้วยกัน
Uber บอกว่าด้วยวิธีนี้นอกจากผู้ใช้จะได้ประโยชน์จากค่าใช้จ่ายแล้ว ภาพรวมจำนวนรถก็จะลดลงจากการใช้รถร่วมกันอีกด้วย ในเมืองที่จำนวนรถแออัดอย่างนิวยอร์ก Uber เคลมว่าจะจำนวนรถจากเดินสูงสุด 2 ล้านคัน ไปได้มากกว่า 1 ล้านคันด้วยกัน
ช่วงนี้ Uber ที่ต่างประเทศมีข่าวฉาวออกมาอยู่เรื่อยๆ หลังจากกรณีแรงๆ อย่างการที่ผู้บริหาร Uber ระบุว่าจะสืบข้อมูลนักข่าวที่เขียนวิจารณ์บริษัท และมีประเด็นเรื่องการเข้าถึงข้อมูลลูกค้าผ่าน God View ล่าสุด Uber มีประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวอีกแล้ว
หนังสือพิมพ์ The Washington Post อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เคยไป "สัมภาษณ์งานกับ Uber" เมื่อปี 2013 ว่าบริษัทเปิดสิทธิให้เขา (ซึ่งยังไม่มีสถานะเป็นพนักงานเลยด้วยซ้ำ) เข้าถึงข้อมูลของลูกค้าได้หนึ่งวันเต็มๆ ซึ่งเขาก็ใช้สิทธิพิเศษนี้ค้นดูข้อมูลของคนดังๆ ที่เขารู้จักว่าเดินทางไปที่ไหนบ้าง
นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ระบุว่าเมื่อวานนี้มีทีมตรวจจับปรับรถ Uber ได้จับกุมรถหนึ่งรายแล้ว หลังจากประกาศว่าจะเริ่มเข้มงวดตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยรถคันแรกถูกปรับ 2,000 บาทฐานใช้รถป้ายแดงมาให้บริการ
ค่าปรับที่กรมการขนส่งทางบกประกาศออกมาก่อนหน้านี้มีค่าปรับสูงสุดถึง 4,000 บาท โดยเป็นค่าปรับใช้รถยนต์ผิดประเภท 2,000 บาท, ค่าปรับไม่มีใบขับขี่สาธารณะ 1,000 บาท, และค่าปรับคิดค่าบริการไม่ตรงประกาศอีก 1,000 บาท
ตอนนี้กรมการขนส่งทางบกได้เชิญตัวแทน Uber เข้ามาหารือแต่ทางบริษัทยังไม่ได้ส่งตัวแทนเข้ามา
ที่มา - ไทยรัฐ
หลังจากเมื่อวาน Uber ประเทศไทยมีประเด็นใหญ่จากกรมการขนส่งทางบกว่าทำผิดพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 เนื่องจากใช้รถยนต์ผิดประเภทจากที่จดทะเบียน, ค่าโดยสารไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่สาธารณะ รวมถึงความเป็นห่วงกรณีความปลอดภัยของผู้ใช้ จากการชำระค่าโดยสารผ่านบัตรเครดิตนั้น วันนี้ทาง Uber ได้แถลงการณ์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวแล้วครับ
จากประเด็นข่าวเมื่อวานนี้ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกระบุ Uber ผิดกฎหมาย ส่งผลให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ความเห็นประเภทหนึ่งที่พบได้มาก (ไม่ว่าจะเป็นในระบบคอมเมนต์ของ Blognone เองหรือคอมเมนต์บนเว็บไซต์อื่นๆ) คือความเห็นลักษณะที่ว่า "กรมการขนส่งทางบกควรไปกำกับดูแลแท็กซี่ให้ดีก่อน แล้วค่อยมาเอาผิด Uber"
บทความนี้เขียนขึ้นเพื่ออธิบายว่าตรรกะข้างต้นเรื่องการกำกับดูแลแท็กซี่นั้นไม่มีอะไรผิด แต่มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับ Uber
กรมการขนส่งทางบกในประเทศไทยเราเพิ่งประกาศว่า Uber ผิดกฎหมายไปเมื่อวานนี้ แต่ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ที่รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา ทาง Uber ได้ตัดสินใจหยุดให้บริการของตัวเองในพื้นที่แล้ว
ประกาศจากทาง Uber ระบุว่าโชคไม่ดีที่มีความสับสนเกี่ยวกับการเดินทางร่วมกัน และ uberX ช่วยตอบสนองการเดินทางที่ชาวเนวาดาต้องการได้อย่างไร และจากผลการตัดสินของศาลเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้ทาง Uber ต้องหยุดพักบริการเป็นการชั่วคราวเพื่อหาเส้นทางให้เดินหน้าต่อไปได้ในระยะยาว
จดหมายข่าวกรมการขนส่งทางบกฉบับที่ 35 มีการระบุถึง Uber โดยระบุว่ากรมการขนส่งทางบกได้ประชุมร่วมกับกระทรวงไอซีที, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, และมณฑลทหารบกที่ 11 ในประด็นการรับส่งผู้โดยสารผ่านแอพพลิเคชั่นอย่าง เช่น Uber ได้ข้อสรุปว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ใน 3 ประเด็นได้แก่
Uber ยังคงมีปัญหาเรื่องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง หลังจากเพิ่งมีผู้บริหารหลุดมาว่า "ติดตามใครก็ได้ที่ใช้บริการ" ไม่กี่วัน ก็โดนซ้ำจากนักวิจัยด้านความปลอดภัยว่าแอพ Uber นั้นเก็บข้อมูลจากผู้ใช้จำนวนมาก
Joe Giron นักวิจัยด้านความปลอดภัยจากรัฐแอริโซนาได้นำแอพ Uber บนแอนดรอยด์มาแยกส่วน และพบว่ามีรายการเรียกข้อมูลจากตัวเครื่องจำนวนมากที่ดูแล้วน่าจะไม่เกี่ยวกับการให้บริการ ตั้งแต่การเข้าถึงโทรศัพท์ ประวัติการโทร และส่งข้อความ ประวัติการใช้ Wi-Fi รวมถึง Device ID ที่มักถูกใช้ในการโฆษณาแบบระบุตัวตน หรือแม้แต่กล้องก็ด้วย
หลังจากเกิดเรื่องวุ่นขึ้นกับ Uber ในระยะหลังนี้ ทางผู้ให้บริการแท็กซี่อีกเจ้าอย่าง Lyft ที่เป็นคู่แข่งกับ Uber ก็ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวของลูกค้าแบบเงียบๆ โดยใช้เทคนิคใหม่ในการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้า โดยทางบริษัทจะให้สิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลนั้นสำหรับผู้ที่ต้องใช้มันในการทำงานเท่านั้น
วานนี้ ทางการสิงคโปร์โดยกรมการขนส่งทางบก (LTA: Land Transport Authority) ประกาศว่าจะมีการนำกรอบการควบคุมพื้นฐาน (basic regulatory framework) เข้ามาบังคับใช้กับแอพเรียกรถโดยสาร หรือบริการรถโดยสารที่ต้องเรียกผ่านแอพ อย่างเช่น Uber หรือ GrabTaxi ตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปีหน้าเป็นต้นไป
ปัญหาของ Uber เรื่องนี้เป็นประเด็นสะสมมาสักระยะ แต่มาพลุแตกในสัปดาห์นี้ โดย BuzzFeed รายงานว่า Uber ได้จัดงานเลี้ยงขนาดเล็กสำหรับผู้สื่อข่าว และในช่วงหนึ่ง Emil Michael รองประธานบริหาร ได้ให้ความเห็นว่าที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของ Uber ในสื่อยังมีเสียงติติงอยู่บ้าง เขาจึงอาจทุ่มเงินเป็นล้านดอลลาร์ เพื่อจ้างทีมวิจัยและติดตามพฤติกรรมของนักข่าวที่พยายามแกะรอย Uber ซึ่งทำได้ไม่ยาก เพราะ Uber มีฐานข้อมูลที่จะเจาะไปถึงสถานที่ พฤติกรรมการเดินทาง จนถึงบ้านพักส่วนตัวอยู่แล้ว
ปัญหาคืองานเลี้ยงนี้มีข้อตกลงไม่ชัดเจนเรื่องการเผยแพร่เนื้อหา ทำให้นักข่าวของ BuzzFeed เขียนรายงานออกมาและสร้างความแตกตื่นว่า Uber กำลังอาศัยข้อมูลในมือละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน