WhatsApp ออกมาประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่าด้วยสถิติใหม่ ว่ามีข้อความขาเข้า 20,000 ล้านข้อความ และข้อความขาออก 44,000 ล้านข้อความ เท่ากับว่ามีการรับส่งข้อความ 64,000 ล้านข้อความใน 24 ชั่วโมง

หลังจาก Facebook ซื้อ WhatsApp ด้วยมูลค่า 19,000 ล้านเหรียญ ในตอนนั้นสถิติของ WhatsApp คือมีผู้ใช้ 465 monthly active users และมีข้อความที่ถูกรับส่งในแต่ละวันอยู่ที่ 27,000 ล้านข้อความ ดังนั้นสถิติ 64,000 ล้านข้อความต่อวันนี่ ถือเป็นสถิติใหม่และสูงกว่าที่เคยประกาศเอาไว้ถึงสองเท่าตัว

ที่มา - The Next Web

ข่าวก่อนหน้าเป็น LINE มีการรับส่งข้อความ 10,000 ล้านครั้งต่อวัน คราวนี้ถึงคิวของ WhatsApp บ้าง โดยมีการประกาศทางทวิตเตอร์ @WhatsApp ว่าสถิติสูงสุดใหม่เกิดขึ้นอีกครั้ง มีการส่งข้อความรวม 64,000 ล้านครั้งภายในเวลาวันเดียว (24 ชั่วโมง) แบ่งเป็นข้อความส่งออกไป 20,000 ล้านครั้ง ข้อความรับ 44,000 ล้านครั้ง

จากข่าวลือ กูเกิลเสนอซื้อ WhatsApp ที่ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ล่าสุดทางกูเกิลออกมาปฏิเสธข่าวนี้แล้วว่าไม่เป็นความจริง

Sundar Pichai ผู้บริหารระดับสูงของกูเกิลให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ที่งาน MWC โดยชมเชย WhatsApp ว่าประสบความสำเร็จในแง่การสร้างฐานผู้ใช้งาน และบอกว่าทั้งสองบริษัทเคยคุยกันเพื่อทำงานร่วมกัน แต่กูเกิลไม่เคยเสนอซื้อกิจการ WhatsApp แต่อย่างใด

ที่มา - Telegraph

Jason Chen ซีอีโอของ BlackBerry ให้สัมภาษณ์ผ่าน CNBC โดยเขาวิจารณ์ดีล Facebook ซื้อ WhatsApp ว่าถ้าเขาได้รับข้อเสนอซื้อ BBM มูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์ เขาก็ตอบรับทันที และจะแนะนำให้ผู้ถือหุ้นและบอร์ดให้อนุมัติการขายกิจการด้วย

อย่างไรก็ตาม เขาก็สรุปปิดท้ายว่าเขามอง BBM ต่างไปจาก WhatsApp เพราะจุดเด่นของ BBM ไม่ใช่จำนวนผู้ใช้ แต่เป็นคุณภาพของผู้ใช้ที่มักเป็นลูกค้าองค์กรหรือวิชาชีพเฉพาะแทน อย่างไรก็ตาม เขาจะพยายามขยายตลาดของ BBM ให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อน แล้วค่อยมองหาโอกาสทำเงินในภายหลัง

ปล่อยให้คู่แข่งแอพแชทค่ายอื่นๆ นำหน้าไปเยอะในเรื่องนี้ ในที่สุด WhatsApp ก็ประกาศว่าจะเพิ่มฟีเจอร์การโทรคุยผ่านเน็ตในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้

Jan Koum ซีอีโอของ WhatsApp แถลงข่าวที่งาน MWC 2014 โดยบอกว่าฟีเจอร์โทรคุยด้วยเสียงจะเริ่มจากเวอร์ชัน Android/iOS ก่อน แล้วค่อยขยายไปยัง WP/BB ในภายหลัง

นอกจากนี้ WhatsApp ยังจะออกมือถือแบรนด์ของตัวเองในเยอรมนี โดยเป็นความร่วมมือกับเครือข่าย E-Plus ของเยอรมนีอีกด้วย (เยอรมนีมีผู้ใช้ WhatsApp มากถึง 31 ล้านคน)

ที่มา - Bits

เก็บตกประเด็นการแถลงข่าวของ Mark Zuckerberg ที่ MWC นอกจากเรื่องการซื้อ WhatsApp แล้ว สิ่งที่ Zuckerberg เน้นเป็นพิเศษคือโครงการการกุศลด้านการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต Internet.org (ข่าวเปิดตัวโครงการเมื่อปีที่แล้ว)

Zuckerberg เผยวิสัยทัศน์ของ Internet.org ว่าต้องการสร้างการเข้าถึง "บริการพื้นฐาน" (basic services) บนอินเทอร์เน็ตให้คนทั่วโลกใช้งานฟรีๆ ตัวอย่างของบริการเหล่านี้ได้แก่ การส่งข้อความ, ข้อมูลสภาพอากาศ-ราคาอาหาร, Wikipedia, Facebook เป็นต้น

ข่าวนี้ต่อเนื่องจากแอพ Telegram ประกาศว่ามีผู้ใช้เพิ่มขึ้นถึง 8 ล้านคน หลังข่าว WhatsApp ขายกิจการให้ Facebook โดย LINE ก็ประกาศตัวเลขว่ามีผู้สมัครใช้งานจากนอกเอเชีย ถึง 2 ล้านคน ในเวลา 24 ชั่วโมงนับจาก WhatsApp ระบบล่มเมื่อวันก่อน

ตัวเลข 2 ล้านอาจไม่หวือหวาเท่า Telegram แต่ข้อสังเกตคือ LINE ก็เน้นว่าผู้ใช้งานหน้าใหม่คราวนี้มาจากนอกทวีปเอเชียสูงกว่าปกติ 5 เท่า ซึ่งกลุ่มผู้ใช้งานนี้ไม่ใช่พื้นที่ตลาดหลักของ LINE

หลังจากที่ WhatsApp บริการส่งข้อความที่มีจำนวนผู้ใช้สูงที่สุดในโลกได้ถูก Facebook ซื้อกิจการไปที่ราคาสูงลิ่ว ได้มีปรากฏการณ์ “ย้ายค่าย” โดยกลุ่มผู้ใช้งานที่เชื่อว่า Facebook ไม่สามารถที่จะให้บริการส่งข้อความโดยไม่อาจส่งผลกระทบกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้ โดยแอพที่ผู้ใช้เปลี่ยนมาใช้บริการมากจนลำดับความนิยมอยู่สูงกว่า WhatsApp บน App Store แล้ว คือ Telegram

Facebook จัดงานแถลงข่าวที่ MWC 2014 โดย Mark Zuckerberg ขึ้นเวทีพูดถึงภาพรวมเทคโนโลยีทั่วๆ ไป (ไม่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่)

เขาพูดถึงกรณีซื้อกิจการ WhatsApp ในราคาสูงลิ่ว 19 พันล้านดอลลาร์ว่า "WhatsApp มีมูลค่ามากกว่านั้น" เพราะมีบริการแค่ไม่กี่ตัวในโลกที่มีศักยภาพในการสร้างฐานผู้ใช้เกิน 1 พันล้านคน (ตัวเลขล่าสุดคือ 465 ล้านคนแล้ว)

ผู้สื่อข่าวถาม Zuckerberg ว่ายังสนใจซื้อ Snapchat อยู่หรือไม่ เขาพยายามไม่ตอบคำถามนี้ แต่เมื่อโดนจี้ให้ตอบ เขาก็บอกว่าการที่เพิ่งจ่ายเงิน 16 พันล้านดอลลาร์ไปหมาดๆ คงไม่มีใครอยากซื้อกิจการแบบเดียวกันไปอีกพักใหญ่ๆ (you are probably done for a while)

เมื่อคืนนี้ประมาณ 2.00-5.30 ตามเวลาประเทศไทย (ตรงกับช่วงกลางวันของที่สหรัฐอเมริกา) ระบบของ WhatsApp ล่มเป็นระยะเวลาประมาณ 210 นาที ซึ่งถือเป็นการล่มนานครั้งแรกหลังถูก Facebook ซื้อกิจการมูลค่ามหาศาล (เลยโดนล้อกันว่าทีมงานยังไปฉลองกันอยู่ ระบบเลยล่ม)

Jan Koum ซีอีโอของ WhatsApp (ที่เพิ่งกลายเป็นเศรษฐีแสนล้านหมาดๆ) ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้สั้นๆ ว่ามีปัญหาเรื่องเซิร์ฟเวอร์จริง แต่ก็กู้สถานการณ์กลับมาได้เป็นปกติแล้ว

ที่ผ่านมา WhatsApp มีปัญหาระบบล่มอยู่เป็นระยะๆ ต้องรอดูว่าถ้ามีเงินสนับสนุนจาก Facebook เข้ามาแล้วจะช่วยให้ระบบเสถียรขึ้นหรือไม่ครับ

ที่มา - TechCrunch

ถึงแม้ Facebook จะซื้อกิจการ WhatsApp ไป แต่สิ่งที่ปรากฏชัดคือผู้ใช้งานในทวีปเอเชียหลายประเทศรวมทั้งเมืองไทย ต่างก็มีแอพแชทที่นิยมใช้เป็นของตัวเองและไม่ใช่ WhatsApp ซึ่งจากดีลดังกล่าวเหล่าผู้บริหารแอพแชทในเอเชียก็ออกมาให้ความเห็นดังนี้

ข่าวที่มีกระแสแรงที่สุดวันนี้คงหนีไม่พ้นดีลระหว่าง WhatsApp กับ Facebook ทำให้ตัวผู้ก่อตั้ง WhatsApp ทั้งสองคนกลายเป็นที่สนใจของสื่ออีกครั้งหนึ่ง โดยหนึ่งในผู้ก่อตั้งของ WhatsApp นาย Brian Acton เคยพยายามสมัครเข้าทำงานกับ Facebook และ Twitter ในช่วงปี 2009 แต่แล้ววันนี้เขาก็ต้องกลับเข้ามาทำงานใน Facebook อีกครั้ง แต่ด้วยค่าตัวที่สูงหลักหมื่นล้านดอลลาร์

ผู้ก่อตั้งอีกคน Jan Koum ซึ่งเกิดในประเทศยูเครน และได้ย้ายมาอยู่ในสหรัฐ ต้องเติบโตในครอบครัวที่ยากจน และใช้ชีวิตอยู่กับคูปองแจกอาหารของรัฐบาลสหรัฐฯ​

หลังข่าวช็อควงการ Facebook ซื้อ WhatsApp ก็มีสื่อต่างประเทศหลายแห่งรายงานว่า กูเกิลก็ร่วมเสนอซื้อ WhatsApp กับเขาด้วย แต่ก็พลาดไปเพราะเสนอซื้อในราคาเพียง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ข้อเสนอของ Facebook มูลค่ารวมกัน 1.9 หมื่นล้าน)

Fortune อ้างข้อมูลนี้โดยบอกว่าได้มาจากแหล่งข่าวสองสาย และนอกจากเรื่องเงินแล้ว ข้อเสนอของ Facebook ยังเหนือกว่าตรงที่ Mark Zuckerberg จะให้ที่นั่งในบอร์ดของ Facebook กับ Jan Koum ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ WhatsApp ด้วย

Business Insider มีเรื่องราวเบื้องหลัง Facebook ประกาศเข้าซื้อ WhatsApp มูลค่า 19 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยอ้างข้อมูลจาก "แหล่งข่าวใกล้ชิด"

เรื่องมีอยู่ว่า Mark Zuckerberg โทรไปหา Jan Koum ซีอีโอของ WhatsApp ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2012 โดยซีอีโอทั้งคู่ออกไปดื่มกาแฟและปีนเขาด้วยกัน การเจรจาในช่วงแรกไม่สำเร็จ แต่ทั้งสองคนก็กลายเป็นเพื่อนกัน ออกไปกินมื้อเย็นด้วยกันและปีนเขาด้วยกันเรื่อยๆ

Facebook ได้จัดการประชุมนักวิเคราะห์ทันทีหลังประกาศการซื้อ WhatsApp ด้วยมูลค่าสูงถึง 19,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีเนื้อหาสำคัญดังนี้

Facebook ประกาศเข้าซื้อ WhatsApp โดยจะจ่ายเป็นเงินและหุ้นมูลค่ากว่า 19 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะเข้าถือหุ้นจำนวน 183.9 ล้านหุ้น ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 12 พันล้านเหรียญ และจะจ่ายเงินสดจำนวน 4 พันล้านเหรียญ และหุ้นจำกัดสิทธิ์ (restricted stock) อีกมูลค่ากว่า 3 พันล้านเหรียญ ให้แก่ผู้ก่อตั้งบริษัทและพนักงาน หลังจากการซื้อขายในครั้งนี้ WhatsApp จะยังดำเนินการเป็นอิสระเหมือนเดิมและยังคงแบรนด์เดิมไว้ โดย Jan Koum ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ WhatsApp จะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในบอร์ดของ Facebook

WhatsApp อ้างว่าปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 450 ล้านคนทั่วโลกในแต่ละเดือน โดยมีผู้ใช้ประจำถึง 70% และมีผู้ใช้งานรายใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอัตรา 1 ล้านคนต่อวัน

เมื่อเดือนที่แล้ว (ธ.ค. 2013) แอพแชทยอดนิยม WhatsApp เพิ่งประกาศยอดผู้ใช้แตะหลัก 400 ล้านคนต่อเดือน (นับ active user) ล่าสุดซีอีโอ Jan Koum ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าตัวเลขขยับเป็น 430 ล้านคนแล้ว และจำนวนข้อความที่วิ่งผ่านระบบของ WhatsApp อยู่ที่ 5 หมื่นล้านข้อความต่อวัน ซึ่งเริ่มขยับเข้าใกล้จำนวน SMS ของทั้งโลกเข้าไปทุกที

เขาพูดถึงฟีเจอร์การส่งข้อความหรือรูปภาพที่ลบอัตโนมัติแบบ Snapchat ว่าไม่ใช่สิ่งที่บริษัทสนใจ และยืนยันว่าเป้าหมายของ WhatsApp จะโฟกัสไปที่การสื่อสารเท่านั้น ไม่สนใจฟีเจอร์ยิบย่อยอื่นๆ ที่คู่แข่งมี เช่น โฆษณา เกม ลูกเล่นต่างๆ (เขาบอกว่าเรื่องนี้เป็นพันธสัญญาตั้งแต่ตั้งบริษัท)

WhatsApp ประกาศวันนี้ว่ามีจำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือนสูงถึง 400 ล้านคนแล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นมาถึง 100 ล้านคนใน 4 เดือนที่ผ่านมา (เมื่อเดือนตุลาคมประกาศ 350 ล้าน)

ซีอีโอ Ukrainian Jan Koum บอกว่าปัจจุบัน WhatsApp มีพนักงานเพียง 50 คน ส่วนใหญ่เป็นวิศวกร และบริษัทก็สามารถมาถึงจุดนี้ได้ โดยไม่ต้องทุ่มเงินเพื่อซื้อโฆษณา หรือทำแคมเปญการตลาดใดๆ

ที่มา: WhatsApp

แอพแชทชื่อดัง WhatsApp ออกอัพเดตรองรับ iOS 7 แล้ว ใช้เลขเวอร์ชัน 2.11.5 มีฟีเจอร์ใหม่ดังนี้

เว็บไซต์ไอทีในสเปนรายงานข่าวว่า Telefonica โอเปอเรเตอร์อันดับหนึ่งของสเปนได้ยืนยันว่าแอพแชทยอดนิยมอย่าง WhatsApp จะออกเวอร์ชัน Firefox OS ก่อนสิ้นปีนี้

ในช่วงสิ้นปีนี้เราจะยังเห็นมือถือ Firefox OS จากผู้ผลิตสองรายใหญ่คือ LG และ Sony (ซึ่งแสดงท่าทีสนับสนุน Firefox OS มาสักระยะแล้ว) อีกด้วย

แผนการของ Telefonica นั้นพยายามผลักดัน Firefox OS ในภูมิภาคอเมริกาใต้ (ที่ Telefonica มีบริษัทลูกให้บริการในประเทศต่างๆ มากมาย) โดยตั้งเป้าให้ Firefox OS เป็นมือถือขั้วที่สาม แข่งกับ Windows Phone

ในงาน Nokia World ซีอีโอของ WhatsApp ได้เปิดเผยว่ามียอดผู้ใช้ประจำขึ้นเป็น 350 ล้านรายต่อเดือน โดยโตขึ้นมา 50 ล้านรายตั้งแต่เดือนสิงหาคม และยังเปิดเผยอีกว่าผู้ใช้งานถึง 250,000 รายต่อวัน ลงทะเบียนด้วยโทรศัพท์มือถือโนเกีย (Symbian, Asha และ Lumia) รวมเป็นกว่า 7 ล้านรายต่อเดือน

ที่มา - The Verge

ก่อนหน้านี้มีรายงานออกมากล่าวถึงสถานการณ์ของ Facebook ว่าความนิยมกำลังอยู่ในช่วงที่ "ลดลง" โดยเฉพาะอย่างย่ิงกับกลุ่มผู้ใช้ที่มีอายุน้อย ตอนนี้คู่แข่งที่สำคัญของ Facebook อีกรายก็คงหนีไม่พ้นแอพแชทกลุ่มอย่าง WhatsApp ที่ทุกวันนี้กำลังกินส่วนแบ่งตลาด "การแชทเป็นกลุ่ม" ในตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกามากขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อสองวันก่อน @evleaks ทวีตภาพโนเกีย Asha 500 ออกมา ซึ่งจากภาพ (ดูที่ท้ายข่าว) จะเห็นได้ว่า

• เคสของตัวเครื่องจะเป็นแบบสองสี (dual shot) เหมือนกับ Lumia 620 กล่าวคือ เลเยอร์ด้านนอกจะเป็นพลาสติกชนิดโปร่งแสงสีหนึ่ง ส่วนเลเยอร์ด้านในเป็นพลาสติกโพลีคาร์บอเนตอีกสีหนึ่ง
• กล้องหลังไม่มีไฟแฟลชเช่นเดียวกับ Asha 501
• หน้าจอแสดงสัญลักษณ์ซิมการ์ด 2 ซิม และสัญลักษณ์ไวไฟอย่างชัดเจน แสดงว่าฮาร์ดแวร์จะมีฟีเจอร์ดังกล่าว เหมือนกับ Asha 501

คาดกันว่าสเปคฮาร์ดแวร์และราคาของ Asha 500 จะอยู่ระดับเดียวกับ Asha 501

ท้ายสุด หน้าจอแสดงไอคอน WhatsApp อย่างชัดเจน ผู้ใดใช้มือถือแพลตฟอร์ม Asha และอยากใช้ WhatsApp ก็เตรียมน้ำตาไหลกันได้แล้วครับ

แอพแชทยอดนิยม WhatsApp ประกาศเพิ่มฟีเจอร์สำคัญคือ voice message หรืออัดเสียงพูดแล้วส่งไปให้เพื่อนๆ ผ่านระบบแชท

ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับ WhatsApp ทั้งบน Android, iOS, Windows Phone, BlackBerry, Nokia Symbian วิธีใช้งานดูได้จากวิดีโอท้ายข่าว จุดเด่นของระบบ voice message ของ WhatsApp คือใช้ง่ายมาก กดเพียงครั้งเดียวก็ส่งข้อความได้แล้ว (WhatsApp เทียบกับ Facebook Messenger ให้ดูว่าต้องกดสามทีถึงจะส่งได้) แถมยังมีฟีเจอร์อย่างการบอกสถานะว่าอ่านแล้ว และปรับระดับความดังให้อัตโนมัติเมื่อยกแนบหู-ยกห่างออกจากตัวด้วย

นอกจากนี้ WhatsApp ยังประกาศยอดผู้ใช้ทะลุ 300 ล้านคนแล้วด้วยครับ

ในที่สุดแผนการเก็บเงินรายปีของ WhatsApp ก็ใกล้เริ่มต้นแล้ว โดยในอัพเดตล่าสุดได้เพิ่มข้อความระบุว่า WhatsApp จะเปิดให้ใช้งานฟรีเป็นเวลาหนึ่งปี หลังจากนั้นจะเริ่มเก็บเงินรายปี ปีละ 0.99 เหรียญ

แนวทางนี้ WhatsApp เคยพูดถึงมาหลายครั้งแล้ว แต่ผู้ที่ใช้งานมาครบหนึ่งปี (ตามที่ WhatsApp บอกว่าใช้ฟรีได้เท่านั้น) ก็ยังได้รับการต่ออายุอยู่ร่ำไป จนมาครั้งนี้ที่ประกาศอย่างเป็นทางการ พร้อมกับปรับเป็นแอพฟรีบน iOS เหมือนกับบน Android

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่มีผลใดๆ กับผู้ใช้เดิมบน iOS แต่อย่างใดครับ