Sundar Pichai ซีอีโอของ Alphabet โพสต์บันทึกแสดงเป้าหมายของบริษัทในยุค AI ในงานแถลงผลประกอบการไตรมาส 1/2024 เขาเริ่มจากการยกความสำเร็จว่าตอนนี้กูเกิลมีรายได้ปีละ 3 แสนล้านดอลลาร์แล้ว โดยใช้เวลาแค่ 6 ปี ในการเพิ่มรายได้จากปีละ 1 แสนล้านดอลลาร์มาเป็น 3 แสนล้านดอลลาร์
สำหรับก้าวต่อไปของกูเกิลที่เข้าสู่ยุค AI รุ่นถัดไป เขาบอกว่ามีสิ่งที่ต้องการโฟกัส 6 ประการ
Sundar Pichai ซีอีโอกูเกิล ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุค AI โดยรวมทีมที่ดูแล Pixel, Android, Chrome, ChromeOS, Photos และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มาอยู่ในทีมเดียวกันคือ Platforms and Devices มี Rick Osterloh ที่เดิมรับผิดชอบ Devices and Services มารับผิดชอบฝ่ายใหม่นี้ ส่วน Hiroshi Lockheimer ที่เดิมดูแล Android และ Chrome จะเปลี่ยนไปรับผิดชอบโครงการอื่นภายในกูเกิล
Sundar Pichai ซีอีโอกูเกิล ออกอีเมลถึงพนักงานในประเด็นที่ Gemini Image Generation โปรแกรมสร้างรูปภาพด้วย AI ทำงานผิดพลาด โดยพยายามให้ผลลัพธ์รูปบุคคลที่แสดงความหลากหลายจนผิดเจตนาของผู้ใช้งาน หรือสร้างรูปที่ผิดไปจากประวัติศาสตร์
Pichai บอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ และเราทำผิดจริง ๆ ตอนนี้ทีมงานต่างทำงานกันต่อเนื่องทั้งคืนทั้งวันเพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มี AI ตัวใดที่สมบูรณ์แบบ พวกเรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของอุตสาหกรรม แต่มาตรฐานที่เราต้องทำนั้นสูง และกูเกิลก็ต้องไปให้ถึงตรงนั้น
ในอีเมลไม่ได้ระบุว่าโปรแกรมสร้างรูปภาพที่เป็นบุคคลจะกลับมาใช้งานได้เมื่อใด
Sundar Pichai ซีอีโอของกูเกิลโพสต์ภาพในทวิตเตอร์ ระบุว่า Google One บริการ subscription ของกูเกิล มีสมาชิก 100 ล้านคนแล้ว
Google One เปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 เริ่มจากเป็นบริการจ่ายรายเดือนสำหรับซื้อพื้นที่สตอเรจเพิ่ม จากนั้นขยายมายังบริการอื่นๆ เช่น VPN, เพิ่มฟีเจอร์แต่งภาพใน Google Photos และล่าสุดคือ บริการ AI ขั้นสูง Gemini Advanced
Sundar Pichai ซีอีโอกูเกิลให้สัมภาษณ์กับ Wired เนื่องในโอกาสเปิดตัว Gemini Advanced ซึ่งเป็นโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่เก่งที่สุดของกูเกิลในตอนนี้
Pichai บอกว่าจุดเด่นที่สุดของ Gemini คือความเป็น multimodal หรือการเทรนด้วยข้อมูลหลากหลายประเภท เช่น ข้อความ รูปภาพ เสียง โค้ดโปรแกรม ทำให้ Gemini รองรับอินพุตหลากหลายตั้งแต่ต้น มนุษย์สามารถสั่งงาน Gemini ได้ผ่านข้อความ เสียง หรือรูปภาพ แบบไม่ต้องแปลงฟอร์แมตก่อน ตรงนี้เป็นสิ่งที่ Gemini แตกต่างจากคู่แข่งฝั่ง OpenAI/Microsoft ที่โมเดลแต่ละตัวทำงานแยกจากกัน
Sundar Pichai ซีอีโอกูเกิล ส่งอีเมลถึงพนักงาน ประกาศเป้าหมาย 7 ข้อของปี 2024 ครอบคลุมผลิตภัณฑ์หลักๆ ของกูเกิลทั้งเรื่อง AI, คลาวด์, แพลตฟอร์ม, ฮาร์ดแวร์
Pichai เลือก AI เป็นข้อแรก ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะเขาพูดมาหลายปีแล้วว่าต้องการผลักดันให้กูเกิลเป็น AI-first company ส่วนข้ออื่นๆ ที่น่าสนใจมีเรื่องความเชื่อใจ (trust) ในข้อ 5 และเรื่องความเร็ว ประสิทธิภาพ ต้นทุนขององค์กรในข้อ 7 สะท้อนให้เห็นทิศทางของกูเกิลที่ต้องปลดพนักงานและประหยัดค่าใช้จ่าย
ตั้งแต่เข้าสู่เดือนมกราคม มีรายงานข่าวการปลดพนักงานในกูเกิลถึง 3 ครั้ง (Assistant, โฆษณา, YouTube) ล่าสุดซีอีโอ Sundar Pichai เลยบอกพนักงานว่าจะมีเพิ่มเติมอีกในอนาคต
The Verge อ้างอีเมลภายในกูเกิลที่ได้รับมา ซึ่ง Pichai บอกกับพนักงานกูเกิลว่า ปีนี้บริษัทมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ และการลงทุนจะเป็นไปตามความสำคัญ ความจริงที่ต้องเผชิญก็คือเพื่อให้มีเงินลงทุนที่เพียงพอสำหรับเป้าหมายนี้ เราจำเป็นต้องตัดสินใจในเรื่องที่ยากลำบากด้วย
Sundar Pichai ซีอีโอของกูเกิลให้สัมภาษณ์กับ The Verge หลังงาน Google I/O 2023 เน้นประเด็นเรื่อง AI
ข้อมูลสำคัญในบทสัมภาษณ์คือเขาอธิบายเรื่องการรวมทีม Google Brain กับ DeepMind เข้าเป็น Google DeepMind ว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติของกูเกิลอยู่แล้ว เขายกตัวอย่างว่าก่อนหน้านี้ กูเกิลมีทีมเพลงสองทีมคือ YouTube Music และ Google Play Music ที่สุดท้ายยุบรวมกัน
Business Insider รายงานว่าได้เห็นอีเมลภายในของกูเกิล ที่ซีอีโอ Sundar Pichai ส่งถึงพนักงานทุกคน ขอให้ใช้เวลาคนละ 2-4 ชั่วโมงช่วยกันทดสอบ Bard ระบบแชทบ็อตพลัง AI ตัวใหม่ ก่อนเปิดบริการต่อสาธารณะ
ข้อมูลจากอีเมลบอกว่ากูเกิลเริ่มเปิดทดสอบ Bard เป็นการภายใน (dogfooding) มาตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา และมีผู้ทดสอบจำนวนหลายพันคนกำลังลองคุยกับ Bard เพื่อดูว่าคำตอบมีคุณภาพมากพอหรือไม่ ทั้งนี้กูเกิลยังไม่ระบุแน่ชัดว่าจะเปิดบริการ Bard เมื่อไร บอกเพียงแค่ว่าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
กูเกิลเพิ่งสะดุดไปหลังมีคนพบว่า Bard ตอบข้อมูลผิด ทำให้หุ้นของบริษัทตกลง
CNBC รายงานการประชุมทาวน์ฮอลล์พนักงานกูเกิล เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากบริษัทประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่ 12,000 คน ซึ่งมาพร้อมคำถามมากมายจากพนักงาน โดยซีอีโอ Sundar Pichai กล่าวเปิดเริ่มต้นด้วยการแสดงความเสียใจ ต่อเหตุการณ์กราดยิงในเมืองมอนเทอเรย์พาร์ก (ข่าว) ซึ่งอยู่ในนครลอสแอนเจลิส ที่พนักงานกูเกิลจำนวนมากพักอาศัยอยู่
มีรายงานจาก The New York Times เผยว่าเมื่อเดือนที่แล้ว Larry Page และ Sergey Brin สองผู้ก่อตั้งกูเกิล ซึ่งปัจจุบันลดบทบาท และไม่ได้ทำงานกับกูเกิลมากนัก ได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงของกูเกิล เพื่อหารือผลกระทบจากเสิร์ชแชตบอต และวางกลยุทธ์การนำแชตบอตมาใช้กับเสิร์ชของบริษัท
ในสไลด์การประชุม พูดถึงแผนการนำแชตบอตไปใช้กับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของกูเกิลที่มีอยู่แล้ว ซึ่งโครงการนี้ซีอีโอ Sundar Pichai ให้ความสำคัญสูง มีโค้ดเนมภายในว่า code red ซึ่งกูเกิลตั้งเป้าเปิดตัวแชตบอตในมากกว่า 20 ผลิตภัณฑ์ของบริษัทภายในปีนี้ โดยคาดว่าจะเปิดตัวในงาน I/O ช่วงกลางปี
Bloomberg รายงานว่า Sundar Pichai ซีอีโอกูเกิลและ Alphabet ได้ส่งอีเมลถึงพนักงานทุกคน แจ้งว่าบริษัทจะปลดพนักงานประมาณ 12,000 คน คิดเป็น 6% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด มีผลกับพนักงานทั่วโลก โดยเขาบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้น อยู่ในความรับผิดชอบของเขาเอง
Pichai บอกว่าจากนี้บริษัทจะต้องโฟกัสในสิ่งที่สำคัญให้ชัดมากขึ้นกว่าเดิม ปรับปรุงโครงสร้างต้นทุน ทั้งยืนยันว่าบริษัทยังมีโอกาสเติบโตอีกมากจาก AI
ทั้งนี้เมื่อปลายปีที่แล้ว TCI ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน Alphabet เคยเสนอให้บริษัทปลดพนักงานออกเพื่อลดค่าใช้จ่าย
ประเด็นเด่นในสัปดาห์ที่ผ่านมาคือการเปิดตัวแชทบ็อต ChatGPT จาก OpenAI ที่มีความสามารถในการตอบโต้ และค้นหาข้อมูลได้เหมือนมนุษย์ ความโดดเด่นนี้ทำให้มีหลายคนวิเคราะห์ว่าอาจส่งผลลบกับผู้ให้บริการเสิร์ชเอ็นจินรายใหญ่อย่างกูเกิลในระยะยาวได้
CNBC รายงานว่าในการประชุมพนักงาน all-hands ที่ผ่านมาของกูเกิล มีพนักงานสอบถามว่าบริษัทมีแผนจะแข่งขันอย่างไรกับ ChatGPT เพราะดูเหมือนบริษัทอาจพลาดโอกาสที่สำคัญนี้ไป
Sundar Pichai ซีอีโอกูเกิล เขียนบันทึกภายในถึงพนักงาน ระบุว่าจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ทำให้กูเกิลจำเป็นต้องชะลอการจ้างงานลงในครึ่งหลังของปีนี้
Pichai ให้ข้อมูลว่ากูเกิลรับพนักงานใหม่มากถึง 10,000 คนในไตรมาส 2/2022 เพียงไตรมาสเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากูเกิลมองเห็นโอกาสของตลาดในระยะยาว ส่วนแผนการของปี 2022 และ 2023 กูเกิลจะยังจ้างงานอยู่ แต่เน้นเฉพาะตำแหน่งงานสายวิศวกรรมและเทคนิคเป็นหลัก
กลุ่มพนักงานในกูเกิลเขียนจดหมายถึง Sundar Pichai ซีอีโอ เรียกร้องให้เพิ่มการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ ท่ามกลางการทิ้งระเบิดร้ายแรงของกองทัพอิสราเอลในฉนวนกาซา ซึ่งเหตุการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ขอให้ Pichai ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีดังกล่าว และให้ตระหนักรู้ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นกับชาวปาเลสไตน์ จนถึงตอนนี้มีผู้ร่วมลงชื่อในจดหมาย 250 รายแล้ว
หลังจากที่พนักงาน Google ในสหรัฐฯ เริ่มกลับมาทำงานที่ออฟฟิศแล้ว Sundar Pichai ซีอีโอ Google ได้ออกประกาศนโยบายทำงานแบบไฮบริด โดยกำหนดนโยบายการทำงานของ Google ใหม่ที่ให้พนักงานทำงานได้ยืดหยุ่นกว่าเดิม โดยขึ้นกับว่าพนักงานกำลังทำงานในส่วนผลิตภัณฑ์ใดและอยู่ในทีมไหน
นโยบายของ Google คือจะในแต่ละสัปดาห์จะให้พนักงานใช้เวลา 3 วันในออฟฟิศ และอีก 2 วันทำงานที่ไหนก็ได้ที่ให้ผลงานดี (wherever they work best) ซึ่งในออฟฟิศจะเป็นงานที่ต้องร่วมมือกันทำเป็นหลัก การที่จะเข้ามาออฟฟิศเมื่อไรจะให้ขึ้นกับงานและผลิตภัณฑ์ที่กำลังทำอยู่ ทั้งนี้ขึ้นกับลักษณะงานที่ทำด้วย เนื่องจากงานบางอย่างจำเป็นต้องเข้าออฟฟิศมากกว่า 3 วัน
กูเกิลระดมทุนช่วยเหลืออินเดีย จากวิกฤต COVID-19 ระบาดระลอกสอง เป็นเงินมูลค่า 18 ล้านเหรียญ มีทั้งเงินที่มาจาก Google.org บริษัทเพื่อการกุศลในเครือกูเกิล และการระดมทุนช่วยเหลือจากพนักงานกูเกิลทั้ง 900 คนเป็นเงิน 5 แสนเหรียญ ด้าน Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์โพสต์ทวิตเตอร์ว่า ทางบริษัทจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ให้อินเดียด้วย
จากกรณีกูเกิลเลิกจ้างนักวิจัยด้าน AI ชื่อดัง Timnit Gebru ในประเด็นเรื่องการตีพิมพ์งานวิจัย AI จนเป็นเหตุให้พนักงานกูเกิลเองกว่า 2,300 คน และนักวิจัยภายนอกอีก 3,700 คนเข้าชื่อประท้วงบริษัท
ล่าสุด Sundar Pichai ซีอีโอของกูเกิลเขียนอีเมลส่งถึงพนักงาน (ที่หลุดออกมาสู่สื่อ) โดยบอกว่ารับทราบปัญหานี้เรียบร้อยแล้ว และยอมรับว่าสร้างความคลางแคลงใจในหมู่พนักงาน-แวดวงนักวิจัยอย่างมาก เขาในฐานะผู้นำองค์กรก็แสดงความขอโทษ และมีภาระรับผิดชอบในการสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา
Sundar Pichai ซีอีโอ Alphabet บริษัทแม่กูเกิลส่งแถลงผ่านอีเมลถึงสื่อมวลชนขอโทษต่อพนักงานถึงกรณีการเลิกจ้าง Timnit Gebru ระบุเขารับรู้เรื่องนี้แล้ว และกำลังสอบสวนว่าเกิดอะไรขึ้น
Sundar ยังไม่ได้ยอมรับว่ามีการกระทำผิดในกระบวนการเลิกจ้าง Gebru แต่เขาระบุว่า การที่พนักงานหญิงผิวดำความสามารถสูงออกจากบริษัทไปด้วยความไม่พอใจสร้างผลกระทบต่อเนื่องต่อชุมชนกลุ่มน้อยในบริษัทที่รู้สึกว่าถูกกระทำแบบเดียวกับ Gebru ในกรณีนี้
Sundar Pichai ซีอีโอกูเกิลและ Aplphabet เขียนบทความลง Financial Times แสดงความคิดเห็นว่า AI ควรถูกควบคุมด้วยกรอบกฎหมาย และเป็นความรับผิดชอบของบริษัทผู้พัฒนา AI ด้วยที่ต้องรับประกันว่าเทคโนโลยีจะถูกใช้เพื่อสร้างประโยชน์และเข้าถึงได้สำหรับทุกคน
Sundar Pichai ในฐานะซีอีโอของกูเกิลและ Alphabet บริษัทแม่ ประกาศว่าบรษัทได้สมาชิกบอร์ดคนใหม่คือ ผู้ชนะรางวัลโนเบลสาขาเคมีในปี 2018 Frances Arnold
Arnold เป็นวิศวกรเคมีและศาสตราจารย์ที่สถาบัน California Institute of Technology โดยรางวัลโนเบลได้มาจากการที่เธอศึกษาเรื่องวิวัฒนาการของเอนไซม์ ถือเป็นผู้หญิงคนที่ 5 ที่ได้รางวัลโนเบลสาขาเคมี เธอเติบโตในเพนซิลเวเนีย สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมเครื่องกลและการบินและอวกาศจากมหาวิทยาลัย Princeton University และปริญญาเอกด้านวิศวกรรมเคมีจาก University of California
Sundar Pichai ซีอีโอกูเกิล ให้สัมภาษณ์ Nikkei Asian Review พูดถึงประเด็นน่าสนใจหลายอย่างทั้งเรื่องหัวเว่ย ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล, GDPR รวมถึงการสอบสวนเรื่องการผูกขาดทราฟิก
Donald Trump เปิดฉากถล่มกูเกิล โดยทวีตข้อความหา Sundar Pichai ซีอีโอของกูเกิลโดยตรง และเล่นงานกูเกิลในหลายประเด็น
คำถามน่าสนใจที่ Sundar Pichai ซีอีโอ Google ตอบข้อสงสัยต่อหน้าสภาคองเกรสคือ Zoe Lofgren ส.ส.พรรคเดโมแครตถาม Pichai ว่าทำไมเวลาพิมพ์คำว่า idiot ในช่องค้นหาแล้วผลการค้นหาแสดงรูปโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
Pichai ตอบว่า Google คำนวณลำดับการค้นหาจากหลายปัจจัย ทั้ง ความเกี่ยวข้อง, ความสดใหม่, ความนิยม, และการใช้งานของผู้ใช้คนอื่นๆ ดังนั้นในแต่ละช่วงเวลาการแสดงผลจึงให้ลำดับต่างกันไป
สาเหตุที่มีคำถามนี้ผุดขึ้นมาเพราะ ประเด็นที่สมาชิกสภาคองเกรสสนใจใน Google คือ ผลการแสดงการค้นหาที่โน้มเอียง กดเสียงอนุรักษ์นิยมเอาไว้ และ โดนัลด์ ทรัมป์ เคยโพสต์ Twitter วิจารณ์ Google ว่าแสดงแต่ข่าวที่ไม่ดีและข่าวปลอมเกี่ยวกับเขาด้วย
Sundar Pichai ซีอีโอ Google เข้าตอบข้อสงสัยต่อหน้าสภาคองเกรสเป็นเวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง โดยสิ่งที่สภาคองเกรสถาม Pichai ไม่ผิดจากที่คาดการณ์ไว้คือ วิธีที่ Google เก็บและใช้ข้อมูลเพราะกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของโซเชียลมีเดียในขณะนี้ ความโน้มเอียงของผลการค้นหา