คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เราจะได้ยินข่าวว่าแอปเปิลจะทำ FaceTime สำหรับ OS X โดยเว็บ Mac4Ever ได้รายงานว่า ขณะนี้แอปเปิลกำลังนำความสามารถดังกล่าวใส่ในโปรแกรม iChat รุ่นใหม่ในชุดโปรแกรม iLife'11 ที่กำลังจะวางตลาดเร็วๆ นี้
แต่ว่าที่น่าประหลาดใจก็คือในข่าวดังกล่าวระบุว่าแอปเปิลจะทำ FaceTime ลงวินโดวส์ด้วย แต่ยังไม่ได้ระบุรายละเอียดว่า FaceTime ในวินโดวส์จะอยู่ในรูปแบบใด ซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งแอปเปิลทำ iChat + FaceTime สำหรับวินโดวส์เลย หรือว่าแค่ทำให้ FaceTime ใช้ได้กับบริการ Video Chat ของคนอื่นที่มีอยู่ในปัจจุบัน
หลังจากที่ กูเกิลเปิดตัว Google Instant ไปแล้ว อาจจะมีใครบางคนคิดว่าการที่ออกความสามารถนี้มาก็เท่ากับฆ่าปุ่มมหัศจรรย์ "I'm Feeling Lucky" เพราะเมื่อพิมพ์แล้วก็จะเลื่อนเมาส์ไปกดปุ่มดังกล่าวไม่ทันก่อนที่ผลการค้นหาจะขึ้นมา แต่กูเกิลก็ได้หาทางออกไว้แล้วด้วยการเพิ่มลิงค์ไว้ตรงด้านขวาของส่วนคำแนะนำผลการค้นหาดังภาพตัวอย่างท้ายข่าว
ยังคงเอกลักษณ์และความขี้เล่นไว้ได้เหมือนเดิม
ที่มา - TechCrunch
ข่าวสั้นนี้น่าจะออกเป็นเรื่องขำขันสักเล็กน้อย เมื่อมีคนความจำดีบอกว่าโลโกแอนดรอยด์นั้นช่างละม้ายคล้ายคลึงกับตัวละครตัวหนึ่งที่ชื่อแอนดรอยด์เหมือนกันในเกม Gauntlet: The Third Encounter ของอาตาริ โดยเกมดังกล่าวถูกพัฒนาโดยบริษัท Epyx และวางจำหน่ายในช่วงปี 90 สำหรับเล่นบนเครื่อง Atari Lynx
ปัจจุบันยังไม่มีความเห็นทั้งสองฝ่ายแต่อย่างใด
จริงๆ แล้วคำว่าแอนดรอยด์หมายถึง "หุ่นยนต์ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนคน" อยู่แล้ว การจะมีชื่อซ้ำคงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดแต่อย่างใด แต่พอรูปร่างมันคล้ายกันขนาดนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่าคนออกแบบโลโกแอนดรอยด์ก็อาจจะ "ได้แรงบันดาลใจ" มาจากเจ้าหุ่นตัวนี้ก็เป็นได้
ความสามารถใหม่ของ Gmail ช่วงนี้มีเยอะจริงๆ ล่าสุดประกาศเพิ่ม Priority Inbox เพื่อช่วยให้ผู้ที่ใช้งาน Gmail จัดการอีเมลที่ได้รับในแต่ละวันเป็นจำนวนมากๆ ให้สะดวกขึ้น โดย Gmail จะทำการแยกจดหมายที่ได้รับเป็นสามกลุ่มโดยอัตโนมัติคือ "สำคัญและยังไม่ได้อ่าน (Important and unread)", "ติดดาว (Starred)" และ "อย่างอื่นที่เหลือ (Everything Else)" โดยพิจารณาจากความสำคัญของจดหมาย
สำหรับแนวคิดและหลักการทำงาน ดูได้จากวิดีโอแนะนำท้ายข่าวหลังที่มา ความสามารถนี้จะทยอยเปิดให้ผู้ใช้ Gmail ทุกคนรวมทั้งผู้ใช้ Google Apps ทดลองใช้งานได้ภายในสัปดาห์หน้า
แต่ถ้าได้อีเมลวันละนิดแบบผมก็ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ล่ะมั้ง
หลังจากลดราคาในญี่ปุ่นและสหราชอาณาจักรไปแล้วในเดือนมิถุนายน นินเทนโดก็ประกาศจะลดราคาขายของ DSi และ DSi XL ในอเมริกาเหนือลงรุ่นละ 20 เหรียญ โดยสำหรับราคาใหม่นั้น DSi ราคาเดิม 169.99 เหรียญลดลงเหลือ 149.99 เหรียญ(ประมาณ 4,700 บาท) และ DSi XL จากราคาเดิม 189.99 เหรียญลดลงเหลือ 169.99 เหรียญ(ประมาณ 5,400 บาท) โดยราคาใหม่จะเริ่มมีผลในวันที่ 12 กันยายนนี้
ไม่รู้ว่าเป็นสัญญาณว่านินเทนโดกำลังต้องการระบายสินค้าเพื่อจะออกสินค้าใหม่อย่าง 3DS รึเปล่า
ที่มา: Engadget
หลังจากมีข่าวว่ากูเกิลจะเปิดให้บริการ Chrome Web Store หรือ "App Store สำหรับเว็บ" ตั้งแต่งาน Google I/O ล่าสุดกูเกิลก็เปิดให้ลองเข้าใช้ได้ในโหมดนักพัฒนาได้เแล้วในช่วงสัปดาห์นี้
โดยนักพัฒนาสามารถลองอัพโหลดแอพฯ ขึ้นไปบน Web Store ได้แต่ผู้ใช้คนอื่นจะยังไม่สามารถเข้าถึงได้ คาดว่าน่าจะเข้าถึงได้พร้อมกับเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปได้เช้าใช้งานกัน และกูเกิลก็จะทำการรวม Extension Gallery ของ Chrome เข้ามาไว้ใน Chrome Web Store เพื่อเป็นศูนย์กลางในการแจกจ่ายซื้อขายแอพฯ ส่วนขยายและธีมของ Chrome แบบเบ็ดเสร็จครบวงจรด้วย
ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาฟุมิอากิ โคอิสุมิ CFO ของ Mixi ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิคเคอิเกี่ยวกับความพยายามของ Mixi เพื่อจะนำ Mixi เข้าสู่ตลาดโลกในระยะหลายปีที่ผ่านมา
เนื้อหาโดยสรุปของบทสัมภาษณ์เป็นดังนี้
นับเป็นเวลา 10 ปีแล้วที่ไมโครซอฟท์ได้ปล่อยวินโดวส์ 2000 ออกมาวางตลาด และในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้จะสิ้นสุดช่วงเวลาสนับสนุนเสริมของวินโดวส์ 2000 นั่นหมายความว่าหลังจากวันที่ดังกล่าว ไมโครซอฟท์จะไม่ทำการออกแพตช์สำหรับรูรั่วหรือข้อผิดพลาดต่างๆ อีกต่อไป
ในทำนองเดียวกัน ไมโครซอฟท์ยังได้ออกประกาศเตือนว่าวินโดวส์วิสต้าที่ไม่ได้ติดตั้งเซอร์วิสแพ็คนั้นจะหมดช่วงระยะเวลาสนับสนุนตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน และวินโดวส์ XP ที่ติดตั้งเซอร์วิสแพ็ค 2 ในวันที่ 13 กรกฎาคม ส่งผลทำให้จะไม่มีแพตช์สำหรับรุ่นดังกล่าวออกมาอีกต่อไป อย่างไรก็ดีผู้ใช้สามารถติดตั้งเซอร์วิสแพ็ค 1 สำหรับ Vista หรือ เซอร์วิสแพ็ค 3 สำหรับวินโดวส์เอ็กซ์พีเพื่อรับสิทธิในการสนับสนุนต่อไปได้
หลังจากแจกโปรแกรมต่าง ๆ ไปกับโครงการ BizSpark สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่และโครงการ DreamSpark สำหรับนักศึกษาแล้ว ไมโครซอฟท์ยังคงไม่สะใจพอ เลยเข็นโครงการ WebsiteSpark ขึ้นมาอีกโครงการเพื่อบริษัทที่รับทำเว็บโดยเฉพาะโดยมีเงื่อนไขสองข้อคือ
หลังจากเมื่อปีที่แล้วกูเกิลได้เปิดบริการ Ajax Libraries API ที่รับฝากไลบรารีจาวาสคริปต์ไว้ให้ ทำให้ผู้ใช้งานเว็บสามารถโหลดไลบรารีเหล่านั้นได้เร็วขึ้นและช่วยประหยัดแบนด์วิธของเว็บ ในวันนี้คุณ Scott Guthrie ซึ่งเป็นรองประธานฝ่ายนักพัฒนาของไมโครซอฟท์ ก็ได้ออกมาประกาศเปิดตัวบริการฟรีในลักษณะเดียวกันภายใต้ชื่อ Microsoft Ajax CDN
ถือว่าเป็นไปตามข่าวลือ เพราะหลังจากเปิดให้บริการมาหนึ่งปี Google App Engine ก็ประกาศเพิ่มภาษาที่สามแล้วคือจาวานั่นเอง และอยู่ในระหว่างพัฒนาปลั๊กอินสำหรับ Eclipse
ในระยะแรกนี้กูเกิลจะทำการทดสอบระบบโดยเปิดให้ผู้ที่สนใจจำนวน 10000 คน โดยจะต้องลงชื่อกับทางกูเกิล ก่อน จึงจะมีสิทธิเข้าใช้ก่อนที่จะเปิดโอกาสให้นักพัฒนาทั่วไปได้ใช้ในภายหลัง
สำหรับคนที่ใช้ Python อยู่ไม่ต้องน้อยใจ เพราะยังมีความสามารถใหม่อีก 2 - 3 อย่างออกมาให้เราใช้กันด้วยคือ
โครงการเปิดตัวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามีใครรู้กันรึเปล่า สำหรับคนที่เปิดบริษัทเอกชนหน้าใหม่ที่อยู่ในธุรกิจซอฟท์แวร์ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่เขียนโปรแกรมเพื่อขายหรือเพื่อบริการก็แล้วแต่ ที่มีรายได้ไม่เกิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี และเปิดดำเนินการไม่เกิน 3 ปีสามารถเข้าร่วมโครงการ BizSpark ได้ โดยทุกบริษัทที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับเครื่องมือในการพัฒนาและสิทธิในการใช้งานซอฟท์แวร์ของไมโครซอฟท์ดังต่อไปนี้
ถึงไมโครซอฟท์จะออก ASP.NET MVC มานานแล้วแต่ว่ากว่านักพัฒนาจะศึกษาและนำไปใช้งานก็คงกินเวลานาน ไมโครซอฟท์จึงได้ปล่อยซอร์สโค้ดของ CMS ที่ใช้กับเว็บไซต์ MIX Online ที่ชื่อ Oxite ให้นักพัฒนาได้นำไปเป็นตัวอย่างและศึกษาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการนำเอาเทคโนโลยีไปใช้เร็วขึ้น
เป้าหมายของ Oxite มีสองประการคือ
เพื่อเป็นตัวอย่างในการใช้งาน ASP.NET MVC ในการสร้างฟังก์ชันต่างๆ ที่นำมาใช้ซ้ำได้เช่น ในบล็อกซึ่งประกอบด้วยฟังก์ชันส่วนสำคัญที่ยากในการพัฒนาเช่น trackbacks, RSS, และส่วนแสดงความคิดเห็น เป็นต้น
หลังจากที่ออกสู้ตลาดมา 8 ปี ไมโครซอฟท์ก็ได้ทำการออกแบบโลโกของ .NET ใหม่ด้วยโทนสีน้ำเงินตามสีของบริษัท โดยจุดประสงค์ของการออกแบบในครั้งนี้คือเพื่อทำช่วยให้แบรนด์ .NET นั้นแสดงออกถึงจุดเด่นของ .NET และทำให้แบรนด์ดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผลิตภัณฑ์อื่นๆอย่าง Silverlight และ Surface มากขึ้น โดยตัวโลโกใหม่จะมีลักษณะเป็นคลื่นสีฟ้าเขียนเป็นรูปตัว N ซึ่งหมายถึง .NET สำหรับรูปสามารถดูได้จากที่มาของข่าว
อ่านข่าวนี้เลยทำให้นึกถึงบล็อกที่คุณเทพพิทักษ์เขียนเรื่องโลโกของ GNOME ขึ้นมาทันที
เขียนรวบสองข่าวเลยแล้วกัน
จริงๆแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน ไมโครซอฟท์ออกโปรแกรมที่ชื่อ Web Platform Installer ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเริ่มต้นการสร้างเว็บแอพพลิเคชันได้ด้วยการลงโปรแกรมเพียงครั้งเดียว โดยโปรแกรมจะลงโปรแกรมต่างๆที่จำเป็นเช่น IIS7, Visual Web Developer 2008 Express Edition, .NET Framework, SQL Server 2008 Express Edition ให้หรือจะเลือกลงเองเป็นส่วนๆก็ได้
หลังจากประกาศให้นักพัฒนาเตรียมตัวกันมาซักระยะหนึ่ง วันนี้ไมโครซอฟท์ก็เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปดาวน์โหลด Silverlight 2.0 และชุดสำหรับนักพัฒนาได้แล้วที่เว็บไซต์ Silverlight.net
สำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่เคยติดตั้ง Silverlight 2.0 Beta 2 ไว้แล้วนั้น ในช่วงระยะนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนผู้ใช้จะพบข้อความเพื่อบอกให้ปรับรุ่นขึ้นไปเป็น Silverlight 2.0 หลังจากนั้นตัวรันไทม์จะเริ่มทำการปรับรุ่นให้เอง
สิ่งที่ออกมาพร้อมกับ Silverlight 2.0 ในครั้งนี้ยังมีเครื่องมือพัฒนาใหม่ที่ไม่ธรรมดา เพราะมันคือปลั๊กอินสำหรับ Eclipse นั่นเอง
เร่งเครื่องสู้เต็มกำลังเลยนะเนี่ย
ที่มา: ScottGu's Blog
ถือว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งที่น่าจับตามอง เมื่อคุณ Scott Guthrie รองประธานบริษัทฝ่าย Developer ได้ประกาศว่าต่อไปนี้ไมโครซอฟท์จะผนวกเอา jQuery ที่เป็นเฟรมเวิร์กสำหรับจาวาสคริปต์โอเพนซอร์สยอดนิยม เข้ามาไว้เป็นส่วนหนึ่งของ Visual Studio โดยไม่มีการแก้ไขต้นฉบับ สำหรับส่วนขยายเพื่อรองรับ Intellisense สำหรับ jQuery นั้นจะเปิดให้ดาวน์โหลดไปใช้งานได้ภายในสองถึงสามสัปดาห์ และจะผนวก jQuery เข้าไปใน ASP.NET MVC ด้วย
ไมโครซอฟท์ยังได้วางแผนใช้งาน jQuery ในผลิตภัณฑ์ต่างๆเช่น ASP.NET Ajax Control Toolkit, Ajax helper ต่างๆใน ASP.NET MVC และความสามารถใหม่ๆ ASP.NET AJAX เป็นต้น และจะส่งแพทช์หรือรายงานข้อผิดพลาดต่างๆกลับไปที่ jQuery เช่นเดียวกับผู้ใช้อื่นๆ
ไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลดรันไทม์สำหรับนักพัฒนาและชุดพัฒนา Silverlight 2 ฉบับ RC หรือ Release Candidate แล้วตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน เพื่อให้นักพัฒนามีเวลาในการปรับปรุงแอปพลิเคชันของตัวเองให้เข้ากับ Silverlight 2 มากขึ้นก่อนที่จะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปได้ใช้ในฉบับสมบูรณ์เร็วๆ นี้
โดยรันไทม์ที่เปิดให้ดาวน์โหลดในครั้งนี้ มีผู้เรียกเล่นๆ ว่าเป็นรุ่น RC0 มีจุดประสงค์หลักเพื่อให้นักพัฒนาแก้ไขแอปพลิเคชันที่พัฒนาไว้สำหรับ Silverlight 2 Beta 2 ให้รองรับ Silverlight 2 RC เนื่องจากมี Breaking Changes ใน Silverlight API เป็นจำนวนมาก รวมทั้งเพิ่มความสามารถใหม่ๆให้กับตัวรันไทม์เองและส่วนเสริมของชุดพัฒนา เช่น
ในงาน TechEd 2008 ที่ผ่านมา ได้มีการประกาศโครงการ Velocity ซึ่งเป็นโปรแกรมให้บริการแคชแบบกระจายในลักษณะเดียวกับ Memcache ที่ถูกใช้ในเว็บไซท์ระดับโลกมากมายรวมไปถึงวิกิพีเดียและ Twitter
ไมโครซอฟท์ตั้งเป้าว่า Velocity นี้จะช่วยทำให้นักพัฒนา .NET สามารถใช้งาน Distributed Cache ได้ง่ายดายขึ้นกว่าในอดีต โดยอาจจะนำมาใช้งานร่วมกับ LINQ เพื่อช่วยให้การติดต่อฐานข้อมูลและระบบแคชทำได้ในขั้นตอนเดียว
ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลด Velocity CTP มาทดลองใช้ก่อนได้จากที่นี่
โครงการ Sandcastle ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาชุดเครื่องมือสำหรับสร้างเอกสารประกอบโค้ดและเป็นโครงการที่ได้รับการพัฒนาโดยไมโครซอฟท์ ถูกถอดโครงการออกจากเว็บไซท์ Codeplex รวมทั้งการถอนการใช้งานสัญญาอนุญาตแบบ Ms-PL แล้วเมื่อวานนี้
สาเหตุของการถอดถอนโครงการในครั้งนี้คือ Sandcastle นั้นเลือกใช้สัญญาอนุญาตแบบ Ms-PL และสร้างหน้าโครงการใน Codeplex เป็นเวลานานแล้ว รวมทั้งเรียกตัวเองว่าเป็น "โอเพนซอร์ส" และมีการเผยแพร่ตัวโปรแกรมแล้วแต่กลับยังไม่เปิดเผยซอร์สโค้ดของตัวโปรแกรมเลยแม้แต่บรรทัดเดียว จึงถือว่าเป็นการละเมิดนโยบายและสัญญาอนุญาตของไมโครซอฟท์เอง
ในช่วงหลังนี้มีการอพยพย้ายค่ายของนักพัฒนาเว็บแอพลิเคชันไปใช้ Ruby on Rails เป็นจำนวนมาก ทำให้ความนิยมในการใช้งานเฟรมเวิร์ก Model-View-Controller สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงมีนักพัฒนาจำนวนมากได้สร้างเฟรมเวิร์ก MVC สำหรับ ASP.NET มากมาย จนล่าสุด ไมโครซอฟท์เองก็ได้ทำการเร่งพัฒนาเฟรมเวิร์กขึ้นมาสำหรับ MVC ด้วยเช่นกันโดยใช้ชื่อวา ASP.NET MVC
ในระยะแรก ตัว ASP.NET MVC จะอยู่รวมกันกับส่วนต่อขยายอื่นๆในชื่อ ASP.NET 3.5 Extension ผู้ที่สนใจอยากใช้งานสามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ที่ เว็บไซท์ของ ASP.NET 3.5 Extension Preview
จากข่าวเก่าที่บอกไว้ว่าจะได้เห็น Visual Studio 2008 จริงๆในปลายเดือนพฤศจิกายน แต่วันนี้ถ้าใครได้เข้าไปยังเว็บไซต์ Microsoft Developer Network หรือ MSDN ก็จะได้พบกับข่าวใหม่ใจความว่า "ผู้ที่เป็นสมาชิก MSDN เริ่มดาวน์โหลด Visual Studio 2008 RTM ได้แล้ว" นั่นก็หมายความว่า .NET Framework 3.5 และ Visual Studio 2008 ออกแล้วอย่างไม่เป็นทางการนั่นเอง
สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก MSDN ก็สามารถดาวน์โหลด Visual Studio 2008 Express Edition มาใช้งานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ที่เว็บไซต์ของ Visual Studio 2008 Express Edition ได้เช่นกัน
คุณ Angus Logan, Technical Product Manager ของ Windows Live Platform ประกาศผ่านหน้าบล็อกของตัวเองเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ของ Windows Live Messenger สองฟีเจอร์ คือ
ไมโครซอฟท์ใจป้ำ เปิดซอร์สโค้ดของ .NET Framework 3.5 ให้นักพัฒนาเอาไปใช้ศึกษาและอ้างอิงภายใต้สัญญาอนุญาตแบบ Microsoft Reference License โดยจะเปิดเผยซอร์สโค้ดในหลายๆส่วนดังต่อไปนี้
และจะทยอยเปิดซอร์สในส่วนอื่นๆเช่น WCF และ LINQ ตามมาในภายหลัง โดยทั้งหมดจะต้องดาวน์โหลดมาติดตั้งในรูปแบบของ Stand-alone Installer แยกต่างหากจาก .NET Framework และ Visual Studio นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ยังแถม Debugger Symbol เพื่อใช้งานร่วมกับ Visual Studio 2008 ด้วย
หลังจากออกตัวเบต้าให้เล่นมานาน ไมโครซอฟท์ก็ปล่อย Silverlight 1.0 ตัวเต็มออกมาให้ใช้แล้ว พร้อมกับโปรแกรมที่เกิดมาไล่เลี่ยกันอย่าง Expression Media Encoder 1.0