หลังจากถูกหยุดการพัฒนาไปตั้งแต่ปี 2003 ไมโครซอฟท์ก็ประกาศแผนการยกเลิกการซัพพอร์ต IE for Mac เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะไม่มีการซัพพอร์ตใดๆ จากไมโครซอฟท์ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคมนี้ และจะไม่มีให้ดาวน์โหลดตั้งแต่วันที่ 31 มกราคมปีหน้า
การยกเลิกครั้งนี้เป็นไปตามธรรมเนียมการยกเลิกซอฟท์แวร์ของไมโครซอฟท์ โดยเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ตั้งแต่ไมโครซอฟท์เลิกการพัฒนาเมื่อสองปีก่อน โดยไมโครซอฟท์แนะนำให้ผู้ใช้หันไปใช้บราวเซอร์ที่ยังได้รับการพัฒนาอยู่เช่น Safari
ไม่ยักแนะนำไฟร์ฟอกซ์แฮะ....
ผู้สร้าง HTML อย่าง Tim Berners-Lee เปิดบล็อกของตัวเองอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ หลังจากกว่าสิบปีที่เขาพูดถึงความหวังที่จะให้เว็บเป็นพื้นทีที่แบ่งปันข้อมูลร่วมกัน
ผมไม่แปลกใจนัก เพราะเพิ่งอ่านหนังสือ Weaving the Web ของเขาจบไป Tim เป็นคนที่พยายามให้บราวเซอร์ทุกตัวมีตัวเขียนเว็บไว้ในตัวเพื่อที่จะให้ทุกคนแบ่งปันข้อมูลร่วมกันได้ ซึ่งไม่ค่อยประสบความสำเร็จเพราะคนเราพบว่าการทำเว็บจากศูนย์เป็นเรื่องวุ่นวายเกินไป แต่ัวันนี้ความฝันพวกนั้นก็เป็นจริงแล้ว ด้วยบล็อกและวิกิ
อีกเรื่องคือบล็อกนี้เขียนด้วย Drupal ทำเอาคนทำ Drupal เฮกันไปยกใหญ่
ช่วงนี้เราอยู่ในโลกของ Google something ถึงแม้บริการ Google Music จะไม่น่าตื่นเต้นนักเมื่อเทียบกับอย่างอื่น แต่ก็เป็นข่าวได้
Google Music ไม่ได้เป็นการขายเพลงออนไลน์แข่งกับแอปเปิลแต่อย่างใด แต่เป็นบริการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับดนตรี สมมติว่าผมค้นหาคำว่า coldplay ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นศิลปิน, อัลบั้ม และเพลงที่มีคำว่า coldplay มาเกี่ยวข้อง หลังจากนั้นถ้ากดเข้าไปที่ศิลปินชื่อ coldplay ก็จะมีลิงก์ไปยังร้านขายเพลงออนไลน์ต่างๆ เช่น iTunes Music Store หรือ Amazon
เมื่อซักสิบปีที่แล้วตอนวินโดวส์ NT4 จุดขายหนึ่งของมันคือรวมเอาส่วนแสดงผลเข้าไปไว้ในเคอร์เนล เพื่อประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกันผลเสียของมันก็คือ ถ้าส่วนกราฟิกนั้นมีปัญหา ระบบปฏิบัติการก็มีอันเป็นไปทั้งหมด ต้องรีบูตอย่างเดียว
จริงๆ ตอนแรกผมไม่อยากเขียนข่าวลือแบบนี้เท่าไร แต่ไปเจอประโยคบน Ars Technica ว่า อินเทอร์เน็ตอาจจะล่มสลายได้ถ้าขาดข่าวลือเรื่อง GBrowser ก็เลยเขียนถึงซะหน่อย
ต้นเรื่องมาจากอดีตประธาน Yahoo! ภาคพื้นยุโรปได้ออกมาแพลมว่ากูเกิล มีความสนใจจะซื้อกิจการ Opera แค่นั้น ทาง Opera ได้ออกมาแถลงเรียบร้อยแล้วว่าไม่จริง ส่วนกูเกิลนั้นยังเงียบอยู่ ถึงแม้จะออกมาปฏิเสธไปแล้ว แต่ชาวบ้านก็ยังไม่เลิกสนใจเรื่องนี้ง่ายๆ
เผอิญว่า Ben Goodger (lead developer ของ Firefox) ได้เขียนบล็อกเล่านิดหน่อยว่าเค้ากำลังทำอะไรอยู่ ผมเลยตามไปอ่าน และพอจะสรุปให้อ่านได้ว่าเราจะเห็นอะไรใน Firefox 2.0
ยังไม่เลิกรากับไมโครซอฟท์ที่ต้องการให้ทุกคนยอมรับว่า ฟอร์แมท Open XML ของไมโครซอฟท์เป็นมาตรฐานเปิด พร้อมกับระบุว่าการยอมรับมาตรฐาน Open XML ไปพร้อมกับ OpenDocument ด้วยนั้นจะทำให้เกิดการแข่งกันระหว่างสองมาตรฐานขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ใช้
ไมโครซอฟท์ยังคงชูจุดแข็งของการปรับไฟล์จากเอกสารของไมโครซอฟท์ฺเดิม โดยระบุว่าการแปลงไปยัง OpenDocument นั้นเป็นเรื่องยุ่งยาก
ไม่ต้องแปลกใจกับการสู้ยิบตาอย่างนี้ เพราะถ้าชนะมันจะช่วยรับประกันการครองตลาดของ MS Office ไปอีกหลายปี
จากตอน Blognone 3.0 ผมทยอยเอาของเล่นใหม่ๆ มาให้ลองเล่นกันเป็นระยะดีกว่า
หลังจากเดโมกันไปเรียบร้อยแล้ว เครื่องแล็ปท็อปร้อยเหรียญของ MIT ก็เซ็นสัญญาผลิตกับบริษัท ควันต้า (Quanta) ไปเรียบร้อยแล้ว โดยข่าวไม่ได้ระุบุว่าราคาที่ควันต้าให้นี้อยู่ที่เครื่องละเท่าใหร่แต่อย่างใด แต่บริษัทระบุว่ากำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อผลิตเครื่องชุดแรกให้ออกมาภายในปีนี้
แม้จะได้รับความสนใจไปทั่วโลก แต่ทางอินเทลก็ยังโจมตีความคิดนี้เรื่อยๆ ว่าอาจจะล้มเหลว เพราะผู้ใช้ต้องการคอมพิวเตอร์ที่ความสามารถเต็ม มากกว่าจะเป็นเครื่องเฉพาะทางเช่นนี้ อีกทั้งกระแสคอมพิวเตอร์ราคาถูกนั้นล้มเหลวมาแล้วหลายครั้งไม่ว่าจะเป็นไทยเอง หรือบราซิล และอินเดีย
หลังจากข่าวว่า IE7 จะมีอะไรใหม่ทยอยออกมาเรื่อยๆ ทีละอย่างสองอย่าง ถ้าไม่ได้ตามอ่านมาตลอด แนะนำให้อ่านบทความของ PCStats เขียนได้ละเอียดดี สรุปคร่าวๆ นอกจาก Tabs, RSS และการเรนเดอร์เพจให้ถูกต้องมากขึ้นแล้ว IE7 ไปเน้นที่ความปลอดภัยเป็นอย่างมาก หวังว่าเมื่อ IE7 ออกมาในช่วงกลางปีหน้า โลกคงสงบสุขจากปัญหา phishing และ spyware มากขึ้นครับ (ตอนนี้ก็ใช้ Firefox ไปพลางๆ พอ IE7 ออกมา ก็ติด Firefox พอดี)
หลังจากมีคนรอลุ้นกันมานานว่ากูเกิลจะเอาอะไรมาสู้ Konfabulator ของ Yahoo! งานนี้ก็ไม่ผิดหวังกับ Google Personalize ครับ ที่คิดต่างไปด้วยการใช้หน้าเว็บแทนที่จะเป็นโปรแกรมแบบ Konfabulator
งานนี้ถ้าถามผมแล้วมันซ้อนทับกับ Google Desktop พอดูเลย แต่ความดีของเจ้าตัวนี้คือมันไม่มากินแรมเรามากไปกว่าการเปิดหน้าเว็บตามปรกติ ซึ่งเรื่องแรมนี่เป็นข้อเสียหลักของเหล่า Widget เลย
มาเขียนโมดูลลงตัวนี้แทน Konfabulator ดีกว่า...
วันนี้ผมส่งลงแต่ข่าวเว็บเฟรมเวิรกแหะ ...
สำหรับผมคิดว่านี่เป็นเฟรมเวิรกที่น่าจับตามองที่สุดตัวหนึ่งแห่งปีนี้และปีหน้า สำหรับใครที่เคยได้ยิน หรือรู้จักภาษา Ruby ก็มักจะได้ยินคำว่า on Rails ต่อท้ายอยู่เสมอ จะว่าไปส่วนตัวผมคิดว่า Ruby ดังได้เพราะ Rails เลย
รายการ TOP500 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลกประจำเดือน พ.ย. 2005 ออกมาได้ซักพักแล้ว ที่หนึ่งยังครองโดย BlueGene/L ของไอบีเอ็มที่เล่นใช้โพรเซสเซอร์ถึง 131,072 ตัว ทิ้งห่างที่สองที่ใช้ประมาณ 4 หมื่นตัวไกล ในขณะที่ Earth Simulator แชมป์เก่า 5 สมัยของ NEC ตอนนี้ตกไปที่เจ็ดแล้ว ที่น่าสนใจคือใน 10 อันดับแรกมีเครื่องจาก Cray และ SGI เพิ่มขึ้นมาด้วย
หลังจากเติบโตอย่างร้อนแรงมาตลอด ยอดขายเพลงออนไลน์ของเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้ตกลง 0.44% เมื่อเทียบกับยอดขายในช่วงไตรมาสที่สาม ถึงมันจะตกแค่จิ๊บๆ แต่เมื่อเทียบกับยอดการเติบโตที่ผ่านมา อาจแสดงได้ว่าตลาดนี้เริ่มเต็ม หรือถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง
ตอนนี้มีกระแสกดดันให้แอปเปิลต้องปรับปรุง iTunes Music Store เสียที ทางฝั่งค่ายเพลงนั้นต้องการให้ใช้ราคาตามเพลง (เพลงใหม่แพงกว่า) ส่วนผู้ใช้อย่างเราๆ ก็ย่อมต้องการให้มันซื้อได้ทางอื่น ที่ไม่ใช่กดเข้าไป iTMS เพียงอย่างเดียว
ข่าวจาก BusinessWeek
JSF เป็นเว็บเฟรมเวิรก์สเปก สำหรับออกแบบเว็บยูเซอร์อินเตอร์เฟซสำหรับ J2EE ที่มีลักษณะจุดเด่นคือเป็น component-based เฟรมเวิร์ก คล้ายกับที่ ASP.Net เป็น ส่วนค่ายต่างๆ ที่เอาสเปกนี้ไปสร้างก็มีของ Sun เอง Oracle และค่ายโอเพ่นซอร์ส Apache MyFaces
ไม่รู้ไปโกรธอะไรกันมาระหว่างไลนัส และทีมงาน Gnome ที่อยู่ดีๆ ก็ทะเลาะกันแรงพอควรใน เมลลิ่งลิสต์ของ Gnome โดยไลนัสระบุว่าส่วนตัวของเขาแล้่วแนะนำให้คนใช้ KDE เพราะ Gnome ขาดฟีเจอร์ที่จำเป็นและขาดความยืดหยุ่น แถมด้วยประโยคเด็ด
Gnome seems to be developed by interface nazis, where consistently the excuse for not doign something is not "it's too complicated to do", but "it would confuse users".
[ดูเหมือนว่า Gnome จะถูกพัฒนาจากนาซีด้านอินเทอร์เฟซ ที่ให้เหตุผลที่จะไม่ทำอะไรบางอย่างด้วยเหตุผลว่า "มันทำให้คนใช้สับสน" แทนที่จะเป็น "มันยุ่งยากเกินไป"]
หลังจากราคากระฉูดไม่หยุด หุ้นกูเกิลและ เรดแฮดก็ำได้เข้ากลุ่ม Nasdaq-100 ไปแล้วเมื่อวานนี้ โดยหุ้นของกูเกิลนั้นพุ่งจากราคาเปิดครั้งแรก 80 กว่าๆ ดอลลาร์มาอยู่ที่ 400 ดอลลาร์มาระยะหนึ่งแล้ว ส่วนเรดแฮดนั้นขึ้นจาก 16 ดอลลาร์มาอยู่ที่ 25 ดอลลาร์
หุ้นบริษัทผมเข้าตลาดมาหลายปีไม่พุ่งอย่างนี้บ้างแฮะ
ที่มา - Computer Business Review Online
ถ้าใครมีมือถือ Smartphone หรือพีดีเอคงคุ้นเคยกับการใช้เว็บเบราว์เซอร์จากมือถือ (อันนี้หมายถึงเว็บจริงๆ ไม่ใช่ WAP นะครับ) ซึ่งก็มีหลายยี่ห้อเช่น Opera, OpenWave หรือแม้แต่ IE เอง ซึ่งเว็บเบราว์เซอร์พวกนี้ใช้อัลกอริทึมที่เรียกว่า SmartFit ในการจัดหน้า HTML ใหญ่ๆ ให้พอดีกับหน้าจอมือถือ
ปัญหามีอยู่ว่า SmartFit ไม่ใช่วิธีที่ฉลาดนัก เพราะหลายๆ ครั้งการจัดวางหน้าใหม่ให้พอดี กลับทำให้เว็บเพจกลายเป็นเละไป ส่งผลให้ผู้ใช้จำนวนหนึ่งแอนตี้การดูเว็บบนมือถือไปเลย
Opera ยังคงพยายามรุกหนักอยู่ต่อไปกับการพยายามโปรโมทตัวเองให้เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น โดย Jon von Tetzchner CEO ของ Opera (ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยประกาศจะว่ายน้ำข้ามทวีป แต่สุดท้ายไม่สำเร็จนะ) ประกาศจะนำรูปของผู้ใช้ Opera หนึ่งคน ขึ้นแสดงบนป้ายโฆษณาบนตึกไทม์ แสควร์ นิวยอร์กในคืนวันปีใหม่ ซึ่งโดยปกติจะมีประชาชนออกไปฉลองร่วมล้านคน โดยใครอยากจะออกหน้าออกตาในงานนี้ก็ส่งรูปพร้อมเหตุผลทำไมคุณจึงควรถูกเลือก ใครสนใจก็ไปใส่รูปตัวเองได้ที่นี่เลย
ไม่รู้ทำแบบนี้กับไปลงโฆษณาในนิวยอร์กไทมส์อย่าง Firefox อันไหนจะดีกว่ากัน ?
การปรับปรุงครั้งแรกหลังซื้อ Konfabulator ไปก็มีขึ้นแล้วกับ Yahoo! Widget ที่ยังให้โหลดฟรีเหมือนเดิม (มี Google Widget ด้วยแน่ะ)
เรื่องที่ปรับปรุงหลักๆ เลยคงเป็น XML Parser ที่มาในตัวแล้ว ตัวที่แล้วต้องใช้ Regular Expression เอาซึ่งค่อนข้างทุลักทุเลกันพอควร ผมลองเขียนทีเล่นเอาปวดหัวเหมือนกัน
ใครอยากทำ blognone widget มั่ง?
ที่มา - Yahoo! Widget
DigiTimes มีบทความสัมภาษย์ Dr. Raghuram Tupuri ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายไมโครโปรเซสเซอร์ของทางเอเอ็มดีที่น่าสนใจทีเดียว เนื้อหาโดยทั่วไปพูดถึงหลักการทำงานภายในของฝ่ายออกแบบ ที่เป็นหัวใจให้เอเอ็มดีตีอินเทลกระหน่ำไม่หยุดในปีนี้ เล่นยักษ์ใหญ่ของเราเซไปหลายกระบวน
แต่ประโยคเด็ดที่เล่นเอาเป็นข่าวไปทั่วโลกคือ การตอบคำถามที่ว่า ประสิทธิภาพของ x86 จะไปได้อีกไกลแค่ไหน หรือต้องมีตัวแทนเช่นเดียวกับที่อินเทลหนีไปใช้อิทาเนียม
เคยเขียนไว้นานแล้วว่า Blu-ray นั้นสร้างความลำบากให้ผู้ผลิตที่ต้องการผลิตเครื่องที่อ่านได้ครอบจักรวาล ด้วยการใส่ตลับไว้ในมาตรฐาน ทำให้ถ้าจะทำเครื่องอ่านที่อ่านได้ทุกรูปแบบ จะกลายเป็นเรื่องวุ่นวายอย่างชนิดที่ไม่อยากใช้กันไปข้าง
แต่ตอนนี้ TDK ผู้ร่วมสนับสนุน Blu-ray ก็ออกมาแตกแถวด้วยการประกาศความสำเร็จในการใช้วัสดุ Durabis ที่ทนทานต่อรอยชีดช่วนและฝุ่นเพียงพอที่จะไม่ต้องใส่แผ่น BD พวกนี้ไว้ในตลับ โดยวัสดุ Durabis นี้ทาง TDK พัฒนาได้มาปีกว่าๆ แล้ว
ผมคนนึงล่ะไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องของเทคนิค
จริงๆ คงไม่ขนาดแย่มาก แต่เมื่อเทียบกับอเมริกาและยุโรปซึ่งของหมดทันทีที่เปิดร้าน และช่วงนี้ของขาดตลาดเป็นอย่างมาก การเปิดตัว XBox 360 ที่ญี่ปุ่นนั้น หลังจากคอเกมจริงๆ ที่ไปรอซื้อตอนร้านเปิดซื้อกันเรียบร้อย พบว่ายังมีของเหลืออีกมาก
นี่เป็นการคาดการณ์ยอดขายของไมโครซอฟท์ที่ไม่ค่อยดีนัก บางทีเรื่องฮิตไม่ฮิตนี่มันคงขึ้นกับรสนิยมและวัฒนธรรมของเชื้อชาติด้วยละมั้ง
อ่านข่าวและดูรูปได้จาก Ars Technica