Apple, Inc.
หลังจากที่วางขาย iPad ที่อเมริกาไปแล้วกำหนดการขายจะเริ่มต้นในสิ้นเดือนนี้ในประเทศญี่ปุ่นเองก็ได้สร้างกระแส iPad มาแล้วระยะหนึ่ง ในนิตยสารคอมเกือบทุกฉบับได้จับกระแสนี้เพื่อนำมาทำเป็น cover story และมีการแนะนำโปรแกรมต่างๆ ก่อนที่ iPad จะถูกออกวางขาย
วันนี้ผมไปร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งหนึ่ง เก็บภาพการเตรียมตัวการเปิดจอง iPad ที่จะเริ่มต้นในวันพรุ่งนี้ครับ
รายละเอียดสถานที่รับจอง
ภาพดูได้ท้ายข่าวครับ
จัดเตรียมสถานที่กันก่อน
เว็บไซต์ AppleInsider กล่าวถึงเทคโนโลยีชื่อ "Gianduia" ของแอปเปิล ซึ่งเริ่มเปิดตัวในงาน World of WebObjects Developer Conference (WOWODC) งานสัมมนาอิสระของบริษัทเมื่อปีที่แล้ว มันคือเฟรมเวิร์คสำหรับงาน Rich Internet Application ที่ออกมาแข่งกับ Flash/Silverlight
Gianduia (ผมไม่แน่ใจว่ามันอ่านว่าอะไรเหมือนกัน) เป็นชื่อของช็อคโกแลตอิตาเลียนชนิดหนึ่ง ตามคำนิยามของนักพัฒนาคนหนึ่งบอกว่ามันคือ browser-side Cocoa + WebObjects เขียนด้วยภาษาจาวาสคริปต์ ซึ่งนักพัฒนาคนนี้บอกว่ามันเยี่ยมมาก ชนิดเห็นแล้วอ้าปากค้างเลย
หลังจากที่แอปเปิลได้ทำการประกาศวันวางขาย iPad ในบางประเทศในยุโรปและเอเชียแล้ว หลาย ๆ คนได้ส่งอีเมลไปถึงสตีฟ จ็อบส์ถามว่าทำไมราคาของประเทศบางประเทศถึงสูงกว่าปกติมาก
อย่างเช่นในสหราชอาณาจักร ราคาของ iPad รุ่นต่ำสุดอยู่ที่ 429 ปอนด์หรือประมาณ 20,500 บาท เมื่อเทียบกับราคา 499 ดอลลาร์สหรัฐ (16,100 บาท) แล้วมันต่างกันมาก
สตีฟก็ได้ทำการตอบกลับอีเมลว่า "โปรดหาความรู้ใส่ตัว ราคาในอังกฤษนั้นรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แล้ว โดย VAT ของอังกฤษอยู่ที่ประมาณ 18% ราคาของอเมริกาไม่รวมภาษีแต่อย่างใด"
แม้ว่าแอปเปิลจะควบคุมกระบวนการส่งโปรแกรมเข้า App Store อย่างเข้มข้น (จนมีปัญหากับชาวบ้าน) แค่ไหนก็ตาม แต่ iPhone App Store ยังเผชิญกับปัญหาลิงก์ขยะและโปรแกรมซ้ำซ้อนอย่างมาก
Marco Arment นักพัฒนาโปรแกรม Instapaper ยกตัวอย่างกรณีของเกม Angry Birds โดยบริษัท InTekOne ซึ่งสามารถส่งเกมเดียวกันในเวอร์ชันต่างๆ เข้าไปใน App Store ได้เยอะมากจนเข้าขั้นสแปม
จากตัวเลขของ Marco บอกว่า InTekOne มีลิงก์สแปมถึง 58 โปรแกรมใน App Store นี่ยังไม่รวมค่าย ESCAPP มี 24 โปรแกรม และ Ben Cousins มี 86 โปรแกรมตามลำดับ เขาให้ความเห็นว่าการปล่อยให้โปรแกรมขยะอย่างนี้เข้าไปใน App Store ได้สะดวก ยิ่งขัดแย้งกับการปฎิเสธโปรแกรมดีๆ จากนักพัฒนาที่ตั้งใจจริง ที่เราเคยเห็นข่าวกันมาตลอด
หลังจากนินเทนโดมีปัญหากำไรเริ่มลดเป็นครั้งแรกในรอบหกปี ทาง Satoru Iwata ประธานของนินเทนโดได้บอกกับผู้บริหารระดับสูงว่าสงครามกับโซนี่ คู่แข่งรายสำคัญในรอบสิบปีที่ผ่านมาได้จบลงแล้วด้วยชัยชนะของเรา แต่ให้นินเทนโดมองแอปเปิลเป็น "คู่แข่งรายใหม่ในอนาคต"
นินเทนโดเคยบอกกับสื่อว่า "แอปเปิลไม่มีผลกระทบกับเรา" แต่ตอนนี้สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว
นอกจากปัญหายอดขายเครื่องเกมลดลง และมีคู่แข่งหน้าใหม่อย่างแอปเปิล นินเทนโดก็ยังมีปัญหาเรื่องซอฟต์แวร์เกมในช่วงหลังที่ไม่มีเกมดังๆ เท่าที่ควร
ข่าวนี้ไม่มีอะไรมากนอกเสียจากว่าแอปเปิลขายตั๋วงาน WWDC 2010 ที่จะจัดขึ้นวันที่ 7-11 เดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้หมดแล้ว
โดยจากโลโก้ของงานในปีนี้คาดว่าแอปเปิลจะเน้นเรื่อง iPhone OS เป็นตัวชูโรงของงานมากกว่าสินค้าทางด้านแมคหรือคอมพิวเตอร์ส่วนตัว นอกจากนี้แล้วคาดว่าในงานเดียวกันนี้แอเปิลจะทำการเปิดตัวไอโฟนตัวต่อไปที่เดา ๆ กันว่าจะใช้ชื่อ iPhone HD ที่มีคุณสมบัติในการใช้งานวีดีโอคอนเฟอร์เรนส์และการถ่ายวีดีโอ 720p
ที่มา - MacRumors
ต่อจาก โต้จดหมายของสตีฟ จ็อบส์ ภาค 1 โดย OSNews ผมคัดบทความโต้สตีฟ จ็อบส์ มาให้อ่านกันอีกชิ้น บทความนี้มีน้ำหนักกว่าบทความแรก เพราะมันเขียนโดย John Sullivan แห่ง Free Software Foundation องค์กรที่มีภาพเรื่อง "ความเสรี" มากเป็นอันดับต้นๆ
หมายเหตุ: เช่นเดียวกับบทความชิ้นแรก อันนี้เป็นการเรียบเรียงและสรุปเนื้อหา ควรอ่านฉบับเต็มประกอบอีกครั้งหนึ่งครับ
John Sullivan เขียนบทความนี้ไปลงพิมพ์ในเว็บไซต์ Ars Technica เขาเริ่มต้นอย่างน่าสนใจว่า การมองดู "บริษัทซอฟต์แวร์ระบบปิด" สองแห่งโต้กันว่า อีกฝ่ายปิดกั้นเสรีภาพของผู้ใช้อย่างไร นั้นเป็นเรื่องเหนือจินตนาการมาก
จากข่าวเก่า แอปเปิลอาจถูกสอบสวนจากกรณีห้ามนักพัฒนาใช้เครื่องมือพัฒนาอื่น หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ได้รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าววงในว่า แอปเปิลอาจยอมปรับแก้เงื่อนไขในการพัฒนาโปรแกรม เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนสอบสวนจากคณะกรรมการทางการค้าของสหรัฐ (FTC) และกระทรวงยุติธรรม
แหล่งข่าววงใน FTC บอกว่าทาง FTC และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เริ่มสอบสวนเรื่องนี้เนื่องเพราะคำร้องเรียนจากแอปเปิล และเหล่านักพัฒนา
Michael Chang ซีอีโอของบริษัทโฆษณาบนมือถือรายหนึ่งให้ความเห็นว่า เงื่อนไขของแอปเปิลทำให้การพัฒนาข้ามแพลตฟอร์มมือถือมีราคาแพงมาก การเขียนโปรแกรมข้ามแพลตฟอร์มด้วย Flash CS5 จะช่วยลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้มาก
วันนี้แอปเปิลได้ทำการปล่อย SDK เวอร์ชั่นใหม่ออกมาพร้อม ๆ กับ iPhone OS 4 Beta 3 แล้ว โดยคราวนี้ได้เพิ่มความสามารถใหม่ที่ไม่ได้ทำการประกาศออกมาในงาน iPhone OS 4 Preview ที่ผ่านมา
โดยคราวนี้มีการเพิ่มความสามารถที่จะควบคุม iPod ได้ผ่านทาง Dock ที่โผล่ขึ้นมาจากการดับเบิลคลิกปุ่ม Home แล้วเลื่อนหน้าจอมาทางด้านซ้าย คล้าย ๆ กับฟังก์ชั่น Search บน Home Screen ของไอโฟน โดยใน Dock เดียวกันนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะล็อกไม่ให้หน้าจอของไอโฟนเปลี่ยนไปเป็นแนวนอนได้แล้ว (ล็อก Screen Orientation ให้เป็น Portrait Only ได้) ทำให้ผู้ใช้งานที่ชอบใช้งานไอโฟนตอนนอน กลิ้ง หรือตีลังกาจะไม่รู้สึกรำคาญอีกต่อไป
หลังจากเปิดขาย iPad ในวันที่ 3 เมษายน แอปเปิลก็ใช้เวลาเพียง 28 วันในการขาย iPad ให้ครบ 1 ล้านเครื่อง
นอกจากนี้ยังมีสถิติอื่นๆ เช่น ผู้ใช้ iPad ดาวน์โหลดโปรแกรมรวมกันแล้ว 12 ล้านครั้ง และหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 1.5 ล้านครั้ง
ในกรณีของ iPhone นั้น แอปเปิลใช้เวลา 74 วัน ตรงนี้ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับแอปเปิลด้วยครับ
ที่มา - Apple
มีรายงานจาก New York Post ว่ากระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ กำลังประชุมกันในไม่กี่วันนี้ว่าจะดำเนินการสอบสวนแอปเปิลในกรณีกีดกันไม่ให้นักพัฒนาใช้เครื่องมือพัฒนาอื่นนอกจาก XCode และคอมไพล์เลอร์ของแอปเปิล
ไม่มีการยืนยันข่าวนี้อย่างเป็นทางการจากหน่วยงานทั้งสอง และแม้จะเป็นจริงนี่จะเป็นการตัดสินใจเพื่อ "สอบสวน" หรือไม่เท่านั้นหากมีการสอบสวนจริงก็ยังต้องมีการตัดสินใจต่อไปอีกว่าจะมีการดำเนินการต่อไปหรือไม่
ที่มา - New York Post
ผมไม่แน่ใจว่ามีใครอ่าน จดหมายของสตีฟ จ็อบส์ กล่าวถึง Flash แล้วรู้สึกแปร่งๆ บ้างหรือเปล่า (เท่าที่ผมเช็คดู มีความเห็นของคุณ HudchewMan เพียงคนเดียว) แต่เมืองนอกมีคนออกมาพูดเรื่องนี้กันเยอะ เผอิญหยุดสามวันนี้พอมีเวลา เลยเรียบเรียง "คำโต้" ของผู้หาญกล้าคัดค้านศาสดามาให้อ่านกัน
ที่เลือกมามี 2 เวอร์ชัน ภาคแรกนี้เป็นฉบับของ Thom Holwerda บรรณาธิการของเว็บไซต์ OS News ครับ
หมายเหตุ: นี่ไม่ใช่การแปลแบบตัวต่อตัว แต่เป็นการสรุปใจความบางส่วน กรุณาอ่านต้นฉบับประกอบอีกครั้ง
หลังจากที่แอปเปิลได้เปิดตัว iPhone OS4 เมื่อเดือนที่ผ่านมา ความสามารถใหม่ที่โดดเด่นที่สุดและเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ไอโฟนรอคอยมานาน นั่นก็คือการทำ Multitasking นั่นเอง ซึ่งแอปเปิลได้คุยไว้ว่า วิธีการทำ Multitasking ในแบบไอโฟนนั้น ทั้งประหยัดแบตเตอรี่และไม่ทำให้เครื่องช้าลงแต่อย่างใด
หลังจากที่ผมได้ทำการศึกษา Multitasking ในแบบของแอปเปิลโดยละเอียดมากขึ้น ก็พบว่าแนวทางและวิธีการที่แอปเปิลเลือกใช้นั้น นอกจากจะมีเรื่องราวของที่มาที่ไป การแก้ปัญหาต่างๆ แล้ว ยังมีความน่าสนใจในเชิง Software Engineer อีกหลายๆ ด้านอีกด้วย
คำเตือน : บทความนี้เป็นบทความในเชิงเทคนิค
ข่าวไม่มีอะไรมากครับ เว็บไซต์ของแอปเปิลได้มีการติดโฆษณางาน WWDC 2010 ไว้หน้าแรกของเว็บพร้อมเปิดให้จองการเข้าร่วมงาน ซึ่งราคาบัตรเข้าร่วมอยู่ที่ $1,599 (ตีเป็นเงินไทยก็ 15,877 บาท(คิดเลขผิดครับ มันต้องเป็น 51,168 บาท)) งานจะจัดในวันที่ 7-11 มิถุนายนนี้ที่ Moscone West San Francisco
ที่มา - Apple Worldwide Developers Conference
ขอเพื่มเติมอีกหน่อย ถ้าสั่งจองผ่าน Apple Store Thailand ราคาจะตกอยู่ 49,990 บาท (รวม VAT แล้ว)
หลังจาก iPad รุ่น Wi-Fi วางตลาดได้สักพัก ก็ได้เวลา iPad รุ่น Wi-Fi + 3G วางขายในอเมริกาตามที่ประกาศไว้ก่อนนี้ สำหรับเครือข่าย 3G ที่ใช้เป็น AT&T เช่นเดียวกับ iPhone ในอเมริกา
เว็บไซต์ Macworld ได้ทดสอบ iPad 3G ดังนี้
เว็บไซต์ Gizmodo ซึ่งดูเหมือนจะกลายเป็นคู่แค้นกับแอปเปิลไปแล้ว ได้ตีพิมพ์เรื่องของ Worldwide Loyalty Team ฝ่ายหนึ่งในแอปเปิลที่คอยเฝ้าดูพนักงานของตัวเอง ว่าไปทำข้อมูลรั่ว ภาพหลุดที่ไหนบ้าง
คนที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้เป็นอดีตพนักงานของแอปเปิลที่ Gizmodo เรียกว่า "Tom" เขาเล่าว่า "ทีมพิเศษ" ของแอปเปิลมีหน้าที่ตามล่าพนักงานผู้ต้องสงสัย โดยจะเดินเข้ามาที่สำนักงานแล้วขอความร่วมมือกับผู้จัดการฝ่าย ให้พนักงานทุกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะห้ามลุกไปไหน แล้วเอาโทรศัพท์ของทุกคนไปตรวจสอบ ถ้าต้องการใช้โทรศัพท์ในตอนนั้นต้องขออนุญาต และต้องคุยโทรศัพท์ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ทีมพิเศษนี้
เมื่อปลายปีที่แล้ว แอปเปิลได้ซื้อบริการเพลงออนไลน์ Lala ไปหมาดๆ ล่าสุดสมาชิกของ Lala ได้รับจดหมายแจ้งว่า Lala จะหยุดให้บริการในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ และเครดิตซื้อเพลงบน Lala จะถูกแปลงเป็นเครดิตของ iTunes Store
การปิด Lala ครั้งนี้จึงก่อให้เกิดข่าวลือหนาหูว่า แอปเปิลจะเปิดบริการฟังเพลงออนไลน์ในชื่อ iTunes.com แทน โดยใช้บุคคลากรหรือเอนจินเดิมของ Lala และอาจเปิดตัวในงาน WWDC 2010
ที่มา - TechCrunch
หลังจากที่แอปเปิลได้เปิดเผยถึงเหตุผลที่ไม่รองรับ Flash ใน iPhone OS (ดูข่าวเก่า) ซีอีโอของ Adobe คุณ Shantanu Narayen ก็ได้ออกมาโต้ผ่าน Wall Street Journal ว่าเรื่องราวในจดหมายของจ็อบส์เป็นเพียงม่านควันบังตา ทาง Adobe เชื่อว่าการสร้างแอพพลิเคชันบนหลายๆ แพลตฟอร์มเป็นสิ่งที่ดีกว่า และเทคโนโลยีข้ามแพลตฟอร์มต่างหากที่จะเป็นฝ่ายชนะ
Naraven ยังโต้ว่าเรื่องปัญหาที่ Flash ค้างบนแมคนั้นเป็นปัญหาของ Mac OS X และการที่ Adobe Flash ใช้พลังงานมากเป็นเพราะเรื่องของทรัพย์สินทางปัญญา (patently false) ที่แอปเปิลกันไม่ให้ Adobe พัฒนาต่อได้
สตีฟ จ็อบส์ ได้เขียนบรรยายเหตุผล 6 ข้อที่เขาคิดว่า Flash นั้นเป็นแพลตฟอร์มที่ไม่เหมาะสมกับอุปกรณ์พกพาต่างๆ ของแอปเปิลหลังจากที่เคยกล่าวถึงแล้วครั้งหนึ่ง กล่าวโดยสรุปได้ดังนี้ครับ (อ่านต่อหลังเบรคครับ เพราะค่อนข้างยาว)
1. Flash นั้นเป็นแพลตฟอร์มปิด โดยที่เทคโนโลยีทุกอย่างนั้นถูกควบคุมโดย Adobe ทั้งหมด ซึ่งสตีฟให้เหตุผลว่าแพลตฟอร์มสำหรับเว็บนั้นควรจะเปิดกว้าง โดยกล่าวเสริมว่าแม้ iPhone OS จะเป็นระบบปิด แต่ก็สนับสนุนแพลตฟอร์มที่ "เปิด" สำหรับเว็บ เช่น HTML5, CSS และจาวาสคริปต์
เมื่อเช้าวันพฤหัสที่ผ่านมา (ตามเวลาในประเทศสหรัฐอเมริกา) แอปเปิลได้นำจดหมายเปิดผนึกของสตีฟ จ็อบส์ ที่มีหัวข้อว่า "Thoughts on Flash" ขึ้นบนเว็บไซต์ของแอปเปิล โดยอธิบายถึงเหตุผลที่แอปเปิลไม่ยอมนำ Flash ลงบน iPhone, iPod และ iPad
จดหมายมีใจความโดยสรุปดังต่อไปนี้
AppleInsider ได้อ้างอิงรายงานจาก Chosun ว่าแอปเปิลได้เลือกใช้กล้องถ่ายรูปความละเอียด 5 เมกะพิกเซลจาก LG Innotek สำหรับไอโฟนรุ่นต่อไปแล้ว
iPhone 3GS ไอโฟนรุ่นล่าสุดที่วางขายในตอนนี้มีกล้องความละเอียดอยู่ที่ 3 เมกะพิกเศล ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานมือถือจากผู้ผลิตรายอื่นอยู่มากพอสมควร
จากรายงานของ Gizmodo ก่อนหน้านี้นั้น คาดว่าตัวกล้องน่าจะมีประสิทธิภาพที่สูงกว่าเดิมอยู่มาก หากตัดสินจากขนาดของเลนส์ที่ใหญ่กว่าเดิม
หลังจากที่แอปเปิลยอมให้ซอฟต์แวร์อย่าง Flash บนแมคเข้าถึง API ชั้นล่างของการเรียกใช้งานประมวลผลด้วยฮาร์ดแวร์แล้ว ล่าสุด Adobe ได้ทำการตอบสนองอย่างรวดเร็ว ด้วยการปล่อย Flash 10.1 Beta ที่มาพร้อมกับ Hardware Acceleration ซึ่งจะทำให้การเล่นวีดีโอ H.264 ผ่าน Flash Player บนแมคนั้นเร็วขึ้นมาก และยังช่วยประหยัดการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่อีกด้วย
โดย Flash Player ตัวนี้ใช้ชื่อโค้ดเนมว่า Gala โดยได้จำกัดไว้ว่าฮาร์ดแวร์ที่ใช้จะต้องเป็น NVIDIA GeForce 9400M ขึ้นไป นั่นหมายความว่าไม่ใช่อินเทลแมคทุกรุ่นจะสามารถใช้คุณสมบัตินี้ได้ เช่นกัน ผู้ใช้ Mac Pro อาจจะต้องรอต่อไป
ต่อไปนี้ผู้ใช้แมคคงไม่ต้องกลัววีดีโอ 1080p จาก YouTube อีกต่อไปแล้ว
Mashable รายงานว่าแอปเปิลจะทำการวางขายไอโฟนทันทีหลังจากที่มีการประกาศเปิดตัวที่งาน WWDC 10 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 7 มิถุนายนนี้
โดยครั้งนี้จะเป็นการแหกกฏเล็ก ๆ ที่แอปเปิลตั้งขึ้นมาเอง คือการวางขายไอโฟนไม่กี่สัปดาห์หลังจากการเปิดตัวที่งาน WWDC เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อสมัยเปิดตัว iPhone 3G และ iPhone 3GS
บังเอิญหรือไม่ก็ตาม ปีนี้ AT&T ได้ทำการกีดกั้นไม่ให้พนักงานลาไปพักร้อนในช่วงเดือนมิถุนายน
ที่มา - MacRumors
แอปเปิลประกาศว่างาน Worldwide Developers Conference (WWDC) ประจำปี 2010 จะจัดขึ้นวันที่ 7 มิถุนายน ที่ศูนย์ประชุม Moscone West ในซานฟรานซิสโก
แน่นอนว่าสิ่งที่น่าจับตาย่อมหนีไม่พ้น iPhone 4 และ iPhone OS 4.0 ทาง Blognone จะมี live blogging เหมือนทุกปีครับ
ที่มา - Apple
Andy Rubin เจ้าพ่อของฝ่าย Android ในกูเกิล ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว The New York Times ถึงสถานการณ์ของวงการมือถือ