เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2015 Bill Gates ผู้ก่อตั้ง Microsoft มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ เขาเกิดเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 1955 ที่เมือง Seattle มลรัฐ Washington พร้อมกับชื่อเต็มว่า William Henry Gates III (วิลเลียม เฮนรี เกตส์ที่ 3) แต่ทั่วโลกต่างรู้จักเขาในชื่อ Bill Gates มากกว่า (เนื่องจาก Bill เป็นชื่อเล่นของ William)
เขาเป็นลูกคนที่ 2 และมีพี่สาวชื่อ Kristianne และน้องสาวชื่อ Libby สำหรับประวัติเกี่ยวกับชีวิตของ Bill Gates สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ และเขาก็ยังมี blog ส่วนตัวของเขาเองด้วย
วันนี้ (4 เมษายน) ไมโครซอฟท์มีอายุครบ 40 ปีพอดี (ก่อตั้ง 4 เมษายน 1975) ในโอกาสนี้ บิล เกตส์ เลยเขียนจดหมายถึงพนักงานทุกคน จดหมายถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ มีใจความสำคัญดังนี้
เว็บไซต์ WMPoweruser พบแอพ Work Assistant บน Windows Phone Store ซึ่งมีโลโก้เป็นชุด Office ถูกทดสอบเป็นการภายใน ถึงจะไม่มีคำอธิบายแอพนี้ปรากฏอยู่ แต่เนื่องด้วยแอพนี้ขอสิทธิ์เข้าถึงปฏิทินนัดหมาย สมุดรายชื่อ ไมโครโฟน และอินเทอร์เน็ต จึงเป็นไปได้ว่าแอพนี้จะผนวกกับ Cortana
Bill Gates กล่าวในระหว่างการตอบคำถามผ่าน Reddit AMA (คราวเดียวกับที่เขาบอก เป็นห่วงภัยจากปัญญาประดิษฐ์) ว่ามีส่วนร่วมกับโครงการ "Personal Agent" ที่ไมโครซอฟท์อยู่ โดย Personal Agent จะช่วยจดจำทุกสิ่งทุกอย่าง ช่วยให้ผู้ใช้ย้อนกลับไปหาสิ่งเหล่านั้น และช่วยคัดเลือกสิ่งที่ผู้ใช้ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ
สำนักข่าวบีบีซีของสหราชอาณาจักร รายงานว่าบิล เกตส์ แสดงความกังวลเกี่ยวกับภัย (threat) ที่เกิดขึ้นจากปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) ระหว่างการตอบคำถามของเขาในช่วง AMA (Ask Me Anything) ของเว็บไซต์ Reddit
บิล เกตส์ ระบุว่าตัวเขาเองนั้นอยู่ในกลุ่มที่กังวลกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ฉลาดมากๆ จนเกินไป และบอกว่าตัวเขาเองเห็นด้วยกับ Elon Musk ผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตรถยนต์ Tesla ที่เคยแสดงทัศนะว่ากังวลเช่นเดียวกัน พร้อมกับบอกว่าเขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงไม่สนใจ (concerned) ในเรื่องเหล่านี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้สัมภาษณ์ บิล เกตส์ ในเรื่องต่างๆ ด้านไอทีและไมโครซอฟท์ มีเรื่องน่าสนใจ ดังนี้
ครอบครัวเกตส์ ไม่ได้มีแต่บิล เกตส์ คนเดียวที่ราดน้ำแข็งใส่ตัวเอง เพราะภรรยา เมลินดา เกตส์ (ที่โลกรู้จักจากการทำมูลนิธิด้วยกัน) ก็เข้าร่วมแคมเปญนี้ด้วย
แต่เหตุผลที่เมลินดา เกตส์ ต้องราดน้ำแข็งใส่ตัวเองไม่ใช่เป็นเพราะบิล เกตส์ แต่มาจาก Sheryl Sandberg ซีโอโอหญิงของ Facebook (ที่โดน Mark Zuckerberg เล่นมาอีกทอดหนึ่ง) แท็กมาอีกที ทำให้ตอนนี้กระแส #IceBucketChallenge เริ่มระบาดมายังฝั่ง "ผู้หญิง" ของโลกไอทีกันแล้ว
เมลินดาบอกว่าเธอเลือกไม่ใช้เครื่องมือพิสดารในการราดน้ำแข็งแบบสามี และเลือกที่จะใช้ "ถังน้ำธรรมดา" แทน (แต่เอาจริงก็ไม่ธรรมดาอยู่ดี ดูในคลิปกันเอง) เธอยังแท็กคนในแวดวงอีกหลายคน รวมถึงลูกสาว Phoebe Gates ด้วย เรียกว่าโดนกันทั้งครอบครัว
จากข่าวเดิม Mark Zuckerberg ยอมเอาน้ำเย็นรดตัว และท้า Bill Gates ให้ทำแบบเดียวกัน หลายคนที่สงสัยว่า Bill Gates จะยอมรับคำท้านี้หรือเปล่า หรือจะแค่บริจาคเงินแต่โดยดี วันนี้ก็มีคำตอบแล้ว แต่ขึ้นชื่อว่าเป็น Bill Gates ก็ไม่ได้เอาน้ำเย็นรดตัวแบบธรรมดาๆ แต่มีการใช้เครื่องกลไกในการทำให้ถังราดน้ำลงตัวเองได้เหมาะเจาะ และไม่วายไทอินสินค้าตัวเองด้วย.. (อยากรู้ว่าเป็นอะไรก็ดูในคลิปเอาเอง)
3 คนที่ถูก Bill Gates ท้า คือ On Air with Ryan Seacrest, Chris Anderson จาก TED และ Elon Musk
ที่มา - Bill Gates
เหตุการณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญระดมทุนเพื่อต่อสู้โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) โดยผู้เล่นจะได้รับคำท้าให้เอาน้ำเย็นรดตัวใน 24 ชั่วโมง หรือจะเลือกบริจาคเงิน หรือจะทำทั้งสองอย่างเลยก็ได้ ความน่าสนใจของแคมเปญนี้คือคนดังเริ่มมาเล่นขึ้นเรื่อยๆ และล่าสุดก็คือ Mark Zuckerberg นี่เอง
Mark Zuckerberg ได้ลงมือท้า Bill Gates, Sheryl Sanberg และ Reed Hasting ก็ต้องมาดูว่าทั้ง 3 คน จะยอมรับคำท้านี้หรือไม่
ที่มา - The Verge
Raymond Chen วิศวกรออกแบบซอฟต์แวร์ที่ไมโครซอฟท์ เผยในบล็อกส่วนตัว The Old New Thing ถึงเรื่องการพัฒนาซอฟต์แวร์ต่างๆ ของบริษัท ล่าสุดเขาพูดถึงความเป็นมาของคีย์ลัด Ctrl+F ใน Outlook ที่ทำงาน "แตกต่าง" จากซอฟต์แวร์อื่น
บิล เกตส์ เขียนรีวิวหนังสือธุรกิจ Business Adventures ของ John Brook ซึ่งเขียนเกี่ยวประวัติของบริษัท Xerox โดยเขายกย่องว่าเป็น "หนังสือธุรกิจที่ดีที่สุดที่เขาเคยอ่าน" (The Best Business Book I’ve Ever Read)
เกตส์เล่าว่าเขารู้จักหนังสือเล่มนี้เมื่อครั้งที่คุยกับมหาเศรษฐี Warren Buffet เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1991 โดยเขาขอให้ Buffet แนะนำหนังสือธุรกิจที่ชอบให้ ซึ่ง Buffet แนะนำหนังสือเล่มนี้และส่งหนังสือมาให้เกตส์อ่านหนึ่งเล่ม (และเกตส์ก็ยังเก็บไว้จนถึงทุกวันนี้)
บิล เกตส์ ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อถึงประเด็นว่าไมโครซอฟท์ควรแยก Bing หรือ Xbox ออกเป็นบริษัทอิสระหรือขายกิจการให้บริษัทอื่นๆ หรือไม่ ซึ่งคำตอบของเขาคือยังไม่เห็นว่าควรแยก Bing หรือ Xbox ออกมา เพราะสองหน่วยงานนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ระยะยาวของไมโครซอฟท์
แต่เขาก็ระบุว่าถ้าซีอีโอ Satya Nadella มีความเห็นว่าควรแยกหน่วยธุรกิจหน่วยใดหน่วยหนึ่งออกมาเป็นบริษัทอิสระ เขาก็ยินดีสนับสนุนเต็มที่ ("absolutely support it")
บิล เกตส์ เพิ่งประกาศขายหุ้นของไมโครซอฟท์ออกมา 4.6 ล้านหุ้น ผลคือตอนนี้เขามีหุ้นไมโครซอฟท์เหลือ 330.1 ล้านหุ้น กลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับสองของไมโครซอฟท์ น้อยกว่าอดีตซีอีโอสตีฟ บัลเมอร์ ที่มีอยู่ 333 ล้านหุ้น (ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์บริษัทไมโครซอฟท์ที่บิล เกตส์ ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง)
การขายหุ้นของบิล เกตส์ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเขาค่อยๆ ทยอยขายหุ้นไมโครซอฟท์ทุกปีเพื่อนำเงินมาใช้กับมูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation ของเขาและภรรยา
นิตยสาร BusinessWeek ตีพิมพ์เบื้องลึกเบื้องหลังของการเปลี่ยนผ่านซีอีโอจาก Steve Ballmer เป็น Satya Nadella โดยอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวหลายราย ขอเรียบเรียงสิ่งที่น่าสนใจตามลำดับเวลา ดังนี้
แหล่งข่าวระบุว่า Ballmer เป็นคนที่ "พูดมากกว่าฟัง" และตลอดทศวรรษที่ผ่าน บอร์ดก็ยอมตามที่อดีตซีอีโอขอทุกอย่าง จนกระทั่งเมื่อมีบุคคลนอกบริษัทคือ John Thompson และ Steve Luczo (ซีอีโอของซีเกต) เข้ามาเป็นบอร์ดด้วย ทั้งสองก็เริ่มรวมตัวกับบอร์ดท่านอื่นท้าทาย Ballmer รวมถึงกดดันให้อดีตซีอีโอผลักดันบริษัทให้เดินเร็วขึ้นเพื่อแข่งกับแอปเปิล กูเกิล และบริษัทอื่นที่ครอบงำเทคโนโลยีด้านโมบายอยู่
การจัดอันดับมหาเศรษฐีโลกของนิตยสาร Forbes ประจำปี 2014 อันดับหนึ่งกลับมาเป็นของบิล เกตส์ อีกครั้ง หลังจากเขาเป็นแชมป์ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2009 และเสียแชมป์ให้กับ Carlos Slim มหาเศรษฐีชาวเม็กซิกันตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา
มูลค่าทรัพย์สินในปัจจุบันของเกตส์ ถูกประเมินว่าอยู่ที่ 76 พันล้านดอลลาร์ (2.5 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นเนื่องจากหุ้นของไมโครซอฟท์ดีดตัวขึ้น รวมถึงมูลค่าการลงทุนของเกตส์ในบริษัทอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
Carlos Slim ตกมาเป็นอันดับสอง มูลค่าทรัพย์สิน 72 พันล้านดอลลาร์ ส่วนผู้นำบริษัทไอทีที่ติดอันดับในชาร์ทมีดังนี้
Edit ข่าวนี้เป็นข่าวหลอกครับ อยู่ในเซคชั่นตลกของนิตยสาร The New Yorker ขออภัยที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนนะครับ
เสียฤกษ์กันเล็กน้อยสำหรับการกลับมาทำงานที่ไมโครซอฟท์ของบิล เกตส์ เป็นวันแรก โดยเขาพยายามอัพเกรดคอมพิวเตอร์เป็น Windows 8.1 แต่พบข้อความแจ้ง error และบังคับให้รีสตาร์ตคอมพิวเตอร์ใหม่
ตามข่าวบอกว่าเกตส์ไม่สามารถติดตั้ง Windows 8.1 ได้จนถึงเวลาเที่ยง เขาจึงเรียกซีอีโอคนใหม่ Satya Nadella มาช่วยแก้ปัญหา ซึ่งก็ไม่ได้ผลอยู่ดี
แหล่งข่าวบอกว่าสองคนนั่งแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์อยู่ในห้องทำงานของเกตส์ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ได้ยินเสียงเกตส์โวยวายดังออกมาถึงนอกห้องเลยทีเดียว
ข้อมูลอย่างเป็นทางการตรงตามข่าวลือก่อนหน้านี้ โดยบิล เกตส์ ได้ลงจากตำแหน่งประธานบอร์ดไมโครซอฟท์ (เปลี่ยนมาให้ John Thompson หนึ่งในบอร์ดชุดปัจจุบัน และประธานสรรหาซีอีโอใหม่ ขึ้นมาเป็นประธานบอร์ดแทน)
ตำแหน่งใหม่ของเกตส์คือ Founder and Technology Advisor โดยเขาระบุว่า Satya Nadella ซีอีโอคนใหม่ได้ขอให้เขามาช่วยงานส่วนนี้ (ตามข่าวใช้คำว่า shaping technology and product direction) และจะใช้เวลาประมาณ 1/3 ของเขาร่วมประชุมกับทีมผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์
ที่มา - ไมโครซอฟท์
จากข่าวลือ Satya Nadella ใกล้ได้เป็นซีอีโอไมโครซอฟท์, ขอให้บิล เกตส์ ช่วยงานมากขึ้น สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าววงในเพิ่มเติมว่า บิล เกตส์ กำลังพิจารณาว่าอาจกลับมาทำงานที่ไมโครซอฟท์โดยให้เวลาอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์
ตามแผนการที่ว่านี้ เกตส์จะลงจากตำแหน่งประธานบอร์ดของไมโครซอฟท์ แต่ยังเป็นบอร์ดอยู่ และเข้ามาช่วยงานด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น
Wall Street Journal รายงานข่าววงในว่าไมโครซอฟท์กำลังเจรจาเรื่องสัญญาค่าตอบแทนกับ Satya Nadella ว่าที่ซีอีโอคนใหม่อยู่ในตอนนี้ และบอร์ดของไมโครซอฟท์จะประชุมกันในสัปดาห์หน้าเพื่ออนุมัติซีอีโอคนใหม่อย่างเป็นทางการ
แหล่งข่าวยังบอกด้วยว่า Satya Nadella จะขอให้บิล เกตส์ กลับมาทำงานที่ไมโครซอฟท์มากขึ้นในฐานะที่ปรึกษาใกล้ชิดของซีอีโอ โดยเกตส์จะทำหน้าที่แนะนำในแง่เทคโนโลยีและยุทธศาสตร์ของบริษัท ประเด็นนี้ถูกตั้งคำถามว่าเกตส์จะมีเวลาแค่ไหน เพราะปัจจุบันเขามีงานทั้งที่มูลนิธิ และงานในฐานะประธานบอร์ดของไมโครซอฟท์ (จึงมีข่าวลือออกมาว่า เกตส์จะลงจากตำแหน่งประธานบอร์ด)
สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าววงในว่ากระบวนการสรรหาซีอีโอของไมโครซอฟท์ใกล้เสร็จสิ้น โดย Satya Nadella ผู้บริหารคนใน (ตำแหน่งปัจจุบันคือ Executive Vice President, Cloud and Enterprise) น่าจะเป็นตัวเต็งในตำแหน่งซีอีโอ
นอกจากนี้ยังมีข่าวว่า บิล เกตส์ จะลงจากตำแหน่งประธานบอร์ด และ John Thompson หนึ่งในบอร์ดชุดปัจจุบันจะขึ้นมาเป็นแทน อย่างไรก็ตาม มีข่าวออกมาว่าเกตส์อาจกลับมามีส่วนร่วมกับไมโครซอฟท์มากขึ้นในสายงานด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ ถ้าหากเขาหมดภาระในฐานะประธานบอร์ดแล้ว
ที่มา - Bloomberg
เว็บไซต์ Re/code รายงานว่า ไมโครซอฟท์จะไม่ประกาศซีอีโอคนใหม่ในเดือนมกราคมนี้อย่างแน่นอน เนื่องด้วยประเด็นต่างๆ นานัปการ ดังนี้
บิล เกตส์ เป็นแชมป์เศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกมานานหลายปี แต่ช่วงหลังอันดับตกลงๆตามมูลค่าทรัพย์สินของทั้งตัวเองและเศรษฐีคนอื่นๆ (แต่ก็ไม่เคยหลุดเกินอันดับ 3)
ในอันดับมหาเศรษฐีของ Forbes ประจำปี 2013 ยังยกให้มหาเศรษฐีชาวเม็กซิกัน Carlos Slim เป็นเบอร์หนึ่ง และเกตส์เป็นเบอร์สอง แต่การจัดอันดับของสำนัก Bloomberg กลับยกให้เกตส์กลับมาเป็นเบอร์หนึ่งอีกครั้ง ด้วยมูลค่าทรัพย์สินรวม 78.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.6 ล้านล้านบาท)
มูลค่าทรัพย์สินของเกตส์ในปี 2013 เพิ่มขึ้นมากเพราะราคาหุ้นของไมโครซอฟท์เพิ่มขึ้นถึง 40% ตลอดทั้งปี ทำให้เกตส์รวยขึ้นอีกหลายหมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้เกตส์ยังถือหุ้นในบริษัทอื่นๆ ที่ราคาหุ้นดีดตัวด้วยเช่นกัน
เว็บไซต์ชุมชน Reddit มีเซคชั่นพิเศษที่เรียกว่า Reddit Gift Exchanges ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้ Reddit ทั่วโลกมา "แลก" ของขวัญคริสมาสต์ระหว่างกัน โดย Reddit จะเป็นตัวกลางคอยจับคู่บัดดี้ให้ สถิติของ Reddit เมื่อปีที่แล้วมีผู้เข้าร่วมเป็น "Secret Santa" ซานตาคลอสจำแลงมากถึง 44,805 คน
สำหรับปีนี้ก็มีเรื่องน่าตื่นเต้นคือสมาชิกชื่อ NY1227 ซึ่งตัวจริงเป็นผู้หญิงชื่อ Rachel ออกมาโพสต์ว่าเธอได้รับของขวัญแล้ว และซานตาคลอสของเธอคือบิล เกตส์
เมื่อวานนี้มีประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นของไมโครซอฟท์ ซึ่งบิล เกตส์ ก็ได้เปิดใจพูดกับผู้ถือหุ้นในประเด็นเรื่องการหาตัวซีอีโอคนใหม่ของบริษัท
เกตส์บอกว่าเขาและบอร์ดมีพันธะผูกผันในการหาตัวซีอีโอคนใหม่ที่เหมาะสม ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อบริษัทที่เขารัก เขามีความมุ่งมั่นว่าไมโครซอฟท์จะต้องเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จ และทำให้โลกนี้ดีขึ้น
เขายังบอกว่าวัฒนธรรมของไมโครซอฟท์อาจแปลกไปจากทั่วไป เพราะตั้งบริษัทมา 38 ปีเพิ่งมีซีอีโอเพียงแค่สองคน แต่บอร์ดก็จะมองหาคนที่มีประสบการณ์ในการบริหาร "องค์กรด้านเทคโนโลยี" (technological organization) และโอกาสของไมโครซอฟท์ในโลกคอมพิวเตอร์ยังมีอีกมากในอนาคต ที่ผ่านมาเป็นแค่เพียงส่วนเล็กๆ ของโลกคอมพิวเตอร์เท่านั้น
บิล เกตส์ โปรโมทโครงการ Big History Project (BHP) รวบรวมประวัติศาสตร์จักรวาลย้อนหลังไป 13.7 พันล้านปีตั้งแต่การเกิดขึ้นของบิ๊กแบง ทำเป็น timeline ให้เรียนรู้กันแบบง่ายๆ และอินเทอร์แอคทีฟ
แกนหลักของโครงการ Big History คือเว็บไซต์ที่รวบรวม timeline ของจักรวาล ตั้งแต่บิ๊กแบง ไล่มายังการเกิดขึ้นของดวงดาว การก่อตัวของธาตุต่างๆ โลกและสุริยจักรวาล ชีวิตที่เกิดขึ้นบนโลก และพัฒนาการของมนุษย์ในปัจจุบันไปจนถึงอนาคต (แต่นอกจากนี้โครงการก็ยังทำสื่อแขนงอื่นๆ เช่น ทำวิดีโอสารคดีร่วมกับช่อง History Channel เป็นต้น)
เป้าหมายของโครงการนี้คือสร้างสื่อการเรียนรู้ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์กับนักเรียนระดับมัธยมให้ใช้งานได้ฟรี เนื้อหาของโครงการร่วมพัฒนาโดยครูอาจารย์จากหลายสถาบันการศึกษาในอเมริกาและออสเตรเลีย และได้รับเงินทุนสนับสนุนจากบิล เกตส์