รวมข่าว Browser ทั้ง Mac, Linux, และ Windows พร้อมแนะนำ Browser มี Update ใหม่อะไรบ้าง
ไมโครซอฟท์เขียนบล็อกอธิบายการทดลองสร้าง "โหมดปลอดภัยสุดๆ" (Super Duper Secure Mode) ของ Microsoft Edge โดยใช้แนวคิดสุดขั้วคือปิดการทำงานของ JIT (Just-In-Time Compilation) ในเอนจิน V8 ของ Chromium ไปเลย เพื่อลดพื้นที่ในการถูกโจมตี (attack surface)
แนวคิดของไมโครซอฟท์คือ JIT ของ Chromium ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ (ข่าวเก่า 1, ข่าวเก่า 2) เกิดบั๊กจำนวนมากขึ้นเป็นเงาตามตัว และหากดูสถิติช่องโหว่ความปลอดภัย (CVE) ของเอนจิน V8 หลังปี 2019 เป็นต้นมา มีช่องโหว่ที่เกี่ยวข้องกับ JIT คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 45% ของช่องโหว่ V8 ทั้งหมด
เราเห็นระบบปฏิบัติการ Fuchsia ของกูเกิลเริ่มเครื่องติด โดยปีนี้ กูเกิลเปลี่ยนไส้ในของ Nest Hub รุ่นแรกจาก CastOS มาเป็น Fuchsia แต่ยังแทบไม่เห็นความแตกต่างในมุมของผู้ใช้ เพราะ UI ที่ครอบยังเป็นแบบเดิม
ล่าสุดในฐานข้อมูลบั๊กของ Chromium ระบุว่ากูเกิลเริ่มพอร์ต Chrome ไปยัง Fuchsia แล้ว กระบวนการนี้ยังต้องใช้เวลาอีกมาก และมีบั๊กย่อยๆ อีกมากมายที่ต้องแก้ก่อน Chrome จะสามารถรันบน Fuchsia ได้เต็มรูปแบบ
จากข้อมูลของ Mozilla เอง สถิติผู้ใช้งานต่อเดือนของ Firefox เวอร์ชันเดสก์ท็อปในเดือนกรกฎาคม 2021 ลดลงเหลือ 197 ล้านคนต่อเดือนแล้ว ลดลงจากสถิติในเดือนธันวาคม 2018 ที่มีผู้ใช้ 244 ล้านคนต่อเดือน เท่ากับว่าในระยะเวลาเกือบ 3 ปี ผู้ใช้ Firefox หายไปถึง 46 ล้านคน หรือประมาณ 1/5 ของฐานผู้ใช้เดิม
ส่วนเหตุผลที่ Firefox มีผู้ใช้ลดลงอย่างมากยังเป็นที่ถกเถียงกันต่อไป (ข่าวนี้เขียนด้วย Chrome)
ที่มา - Firefox User Activity, Gizmodo, Reddit
การเปลี่ยนแปลงสำคัญอย่างหนึ่งของ iOS 15 คือ Safari ดีไซน์ใหม่ที่ย้าย URL Bar และแถบเครื่องมือลงมาด้านล่าง ซึ่งถูกวิจารณ์ไม่น้อยเพราะผู้ใช้ไม่คุ้นเคย ทำให้แอปเปิลต้องยอมปรับดีไซน์บางจุดใน Beta หลังๆ
เรื่องนี้ Chris Lee อดีตพนักงานทีม Chrome Android ของกูเกิลได้เขียนเล่าว่ากูเกิลเคยลอง UI แบบนี้ตั้งแต่ปี 2016 แล้วพบว่าไม่เวิร์คจนต้องยกเลิกไป
Lee บอกว่าเขาเป็นคนพัฒนาดีไซน์ใหม่นี้เอง โดยใช้ชื่อว่า Chrome Home มันคือการนำช่อง URL ไปไว้ด้านล่าง แล้วมีแถบเลื่อนที่สามารถลากขึ้นมาให้เห็นปุ่มคำสั่งต่างๆ ได้อีก
Mozilla ถอด FTP ออกจาก Firefox 90 อย่างเป็นทางการ ตามที่ประกาศไว้เมื่อเดือนเมษายน โดยก่อนหน้านี้ก็ปิดเป็นค่าเริ่มต้นตั้งแต่ Firefox 88 แต่ยังมีออปชั่นให้เปิดกลับมาได้
FTP นับเป็นโปรโตคอลดั้งเดิมของอินเทอร์เน็ต โดยตัวมันเองเกิดตั้งแต่ปี 1971 มาก่อน TCP/IP เสียอีก ในปีนี้ FTP ก็มีอายุครบ 50 ปีแล้ว แม้ว่ายุคหลังจะมีโปรโตคอลเพิ่มความปลอดภัย เช่น FTPS และ SFTP เข้ามาทดแทน แต่ก็ได้รับความนิยมจำกัด การแชร์ไฟล์สำหรับผู้ใช้ส่วนมากยังคงแชร์ไฟล์ผ่าน HTTP/HTTPS เป็นหลัก
Chrome นั้นหยุดรองรับ FTP ไปตั้งแต่ Chrome 88 ที่ออกช่วงต้นปี 2021 ที่ผ่านมา หลังจากมีออปชั่นให้เปิดกลับมาใช้ได้ตั้งแต่ Chrome 77
กูเกิลออก Chrome 92 Stable ของใหม่ในฝั่งเดสก์ท็อปคือ phishing detection ทำได้เร็วขึ้น 50 เท่า และกินแบตเตอรี่น้อยลง (ลดพลังซีพียูลงไป 1.2%) จากเดิม Chrome ใช้วิธี image processing นำข้อมูลพิกเซลทั้งหมดบนจอมาวิเคราะห์ ว่าเว็บเพจที่แสดงเป็น phishing หรือไม่ กูเกิลได้ปรับเทคนิคใหม่ให้ลดจำนวนพิกเซลที่ต้องใช้งานลง ทำให้เร็วขึ้น
ฝั่งแอนดรอยด์ สามารถปรับปุ่มในแถบเครื่องมือ (ระหว่าง URL กับปุ่มแสดงจำนวนแท็บ) เลือกได้ระหว่าง New Tab, Share, Voice Search
โครงการ Chromium ประกาศแนวทางทดสอบหน้าจอแสดงโปรโตคอล HTTP/HTTPS ให้การเข้ารหัสเป็นเรื่องปกติยิ่งกว่าตอนนี้ หลังจากสำรวจพบว่าเว็บมากกว่า 90% เข้ารหัสแล้ว โดยมีสองแนวทางหลักที่จะปรับให้การเข้ารหัสเป็นเรื่องปกติยิ่งขึ้น
Firefox ออกเวอร์ชัน 90 มีของใหม่ไม่เยอะนัก การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ Firefox สามารถอัพเดตตัวเองแบบเบื้องหลัง (background update) โดยไม่ต้องเปิด Firefox ก็ได้ ตอนนี้ยังรองรับเฉพาะบนวินโดวส์เท่านั้น
ของใหม่อีกอย่างคือ SmartBlock 2.0 ป้องกันการตามรอยให้ดีขึ้น บล็อคการตามรอยโดยที่ยังใช้งาน Facebook Login ได้, เมนูคลิกขวา "Open Image in New Tab" เปลี่ยนมาเปิดภาพในแท็บเบื้องหลังแทนแล้ว
Mozilla ประกาศในบล็อก SUMO ว่าเตรียมหยุดอัพเดตแอปมือถือ Firefox Lite หรือชื่อเดิม Firefox Rocket แล้ว และจะไม่มีอัพเดตทั้งความปลอดภัยหรืออัพเดตอื่นๆ อีก หลังวันที่ 30 มิถุนายนเป็นต้นไป
Firefox Lite เป็นแอป Firefox เวอร์ชั่นประหยัดด้าต้า และเน้นโหลดไว เปิดตัวครั้งแรกสำหรับตลาดประเทศอินโดนีเซียในปี 2017 และเน้นตลาดประเทศในเอเชียอื่นๆ ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น Firefox Lite ทีหลัง แตกต่างจากแอป Firefox หลักโดยทำงานบน Chromium WebView แทน มี Turbo Mode บล็อก trackers และโฆษณา พร้อมมีตัวเลือกปิดไม่ให้โหลดรูปได้
Opera เปิดตัวเบราว์เซอร์เวอร์ชัน Chrome OS อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการนำเวอร์ชัน Android มาปรับแต่งให้เหมาะสมกับการรันบนแล็ปท็อป เช่น เพิ่มคีย์บอร์ดชอร์ทคัท เป็นต้น
Opera ระบุว่า เบราว์เซอร์ Opera บน Chrome OS จะยังคงมีฟีเจอร์เหมือนกับ Opera บนแพลตฟอร์มอื่น เช่น VPN ฟรีไม่จำกัด, ระบบซิงค์ข้อมูลร่วมกับ Opera บนแพลตฟอร์มอื่น, โซเชียลเน็ตเวิร์คที่ฝังมาในตัว และคริปโตวอลเล็ต เป็นต้น
ผู้ใช้ Chrome OS สามารถดาวน์โหลด Opera for Chrome OS ได้แล้วที่ Google Play
เว็บเบราว์เซอร์ Opera ออกเวอร์ชันใหม่ที่ใช้โค้ดเนม R5 มีฟีเจอร์ใหม่ชุดใหญ่ ดังนี้
Brave เบราว์เซอร์โอเพ่นซอร์ส ที่ก่อตั้งโดยอดีตผู้บริหาร Mozilla เปิดตัวบริการเสิร์ช Brave Search ที่เน้นปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ซึ่งมาจากการซื้อกิจการเสิร์ช Tailcat เมื่อต้นปี โดยนำมารวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเบราว์เซอร์ แบบเดียวกับกูเกิล หรือไมโครซอฟท์
Brave ระบุว่าบริการเสิร์ชนี้มีการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นอิสระ ไม่มีการติดตามผู้ใช้งาน พฤติกรรมการค้นหาก่อนหน้า หรือการคลิก รวมทั้งสร้างจากฐานข้อมูลของ Brave Search เอง ซึ่งแตกต่างจาก DuckDuckGo ที่ใช้ฐานข้อมูลของ Bing
เว็บเบราว์เซอร์ Vivaldi ของทีมงาน Opera ยุคดั้งเดิม ออกเวอร์ชันใหญ่ 4.0 มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือเพิ่ม Vivaldi Mail, Calendar, Feed Reader ตามที่เคยประกาศไว้ แล้วแถมมาด้วยฟีเจอร์แปลภาษา Vivaldi Translate
แอปเปิลออกแบบหน้าจอ Safari ใหม่โดยมีส่วนสำคัญคือการย้ายส่วนแสดงแท็บขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกับ URL และยังรองรับการจัดกลุ่มแท็บให้สลับไปมาระหว่างกลุ่มได้ง่ายขึ้น การจัดกลุ่มแท็บสามารถซิงก์ข้ามอุปกรณ์ได้ทั้ง Mac, iPad, และ iPhone
ฟีเจอร์สำคัญอีกอย่างคือการรองรับส่วนขยาย (web extension) สามารถดาวน์โหลดจาก App Store ได้ ก่อนหน้านี้แอปเปิลเข้าร่วมกับกูเกิล, ไมโครซอฟท์, และมอซิลล่า เพื่อตั้งกลุ่มทำงานออกมาตรฐานการทำงานส่วนขยายให้ตรงกันทุกเบราว์เซอร์ รอบนี้แอปเปิลประกาศรองรับส่วนขยายนี้บนทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง macOS, iPadOS, และ iOS
บริษัทผู้พัฒนาเบราว์เซอร์ 4 รายใหญ่คือ Apple, Google, Microsoft, Mozilla ประกาศตั้งกลุ่ม WebExtensions Community Group (WECG) เพื่อให้ส่วนขยายของเบราว์เซอร์ทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น
ระบบส่วนขยายของเบราว์เซอร์ในปัจจุบันอิงจากแนวทางของ Chrome เป็นหลัก กรณีของ Edge ที่ใช้เอนจิน Chromium คงไม่มีปัญหาเรื่องความเข้ากันได้มากนัก ส่วน Firefox หันมาใช้ฟอร์แมตแบบ Chrome ในปี 2015 และ Safari เป็นรายล่าสุดที่ตามมาในปี 2020
Tavis Ormandy นักวิจัยความปลอดภัยกูเกิลเขียนบทความวิเคราะห์ความปลอดภัยของปลั๊กอินที่เชื่อมต่อโปรแกรมเก็บรหัสผ่านเข้ากับเบราว์เซอร์เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
Travis ระบุว่าปลั๊กอินที่เชื่อมตัวเก็บรหัสผ่านเข้ากับเบราว์เซอร์นั้นมักอาศัยการแก้ไขคอนเทนต์ในตัวเว็บเพื่อแสดงไอคอนและ UI ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการรหัสผ่าน จากนั้นตัวโปรแกรมมักสร้างช่องทางพิเศษเพื่อเชื่อมต่อไปยังตัวโปรแกรมจัดการรหัสผ่านนักเบราว์เซอร์ แนวทางเช่นนี้สร้างความเสี่ยงเพราะเว็บที่มุ่งร้ายสามารถใช้ช่องทางนี้เข้าถึงโปรแกรมจัดการรหัสผ่านได้ และสคริปต์ที่ปลั๊กอินใส่เข้าไปในหน้าเว็บก็เปิดทางให้เว็บมุ่งร้ายดัดแปลงสคริปต์มาหลอกผู้ใช้ได้
การเปลี่ยนแปลงเอนจินของ Edge ตัวเก่า (EdgeHTML) มาเป็น Chromium ส่งผลให้การเรนเดอร์ฟอนต์บน Windows เปลี่ยนไป เพราะ Chromium มีระบบเรนเดอร์ฟอนต์ของตัวเองที่เหมือนกันทุกแพลตฟอร์ม แต่ต่างจากแอพบน Windows ตัวอื่นๆ
ล่าสุดไมโครซอฟท์ปรับปรุง Edge ให้สามารถใช้เอนจินเรนเดอร์ฟอนต์ของ Windows ได้แล้ว เบื้องหลังการทำงานจะใช้ DirectWrite และการเรนเดอร์แบบ ClearType ข้อดีคือเห็นฟอนต์แบบเดียวกันกับแอพอื่นๆ และตั้งค่าระดับความเข้ม (contrast) ของฟอนต์ใน Settings ทีเดียวแล้วเปลี่ยนทั้งหมด
เมื่อต้นปี 2019 ทีมงาน Chrome เสนอสเปก API ชื่อ Manifest V3 ที่เปลี่ยนพฤติกรรมการควบคุมหน้าเว็บของส่วนขยายเบราว์เซอร์ ตัวบล็อคโฆษณาต้องขอให้เบราว์เซอร์ทำหน้าที่บล็อคโฆษณาให้ ข้อดีคือความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น แต่ส่งผลกระทบให้ตัวบล็อคโฆษณาใช้วิธีเดิมไม่ได้อีก
ข้อเสนอ Manifest V3 เป็นประเด็นถกเถียงกันมากมาย กูเกิลก็ยอมถอยบางก้าว และสุดท้ายเริ่มใช้งานใน Chrome 88 ช่วงปลายปี 2020
Firefox ออกเวอร์ชัน 89 มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ UI แบบใหม่ที่สดใสขึ้น เมนูเรียบง่ายขึ้น (โค้ดเนม Proton) แต่ก็เป็นประเด็นวิจารณ์มาตั้งแต่ช่วงทดสอบ โดยเฉพาะการออกแบบแท็บใหม่ที่เป็นก้อนสี่เหลี่ยม และดู "ลอย" ขึ้นจากแถบเครื่องมือ มีช่องว่างไม่เชื่อมต่อกัน
Mozilla บอกว่าแนวทางหลักของ UI ใหม่คือ simplified ลดสิ่งที่ไม่จำเป็นลง
กูเกิลออก Chrome 91 ที่ระบุว่าเร็วขึ้นสูงสุด 23% อันเป็นผลมาจากคอมไพเลอร์จาวาสคริปต์ตัวใหม่ Sparkplug
เดิมทีเอนจิน V8 ของ Chrome มีคอมไพเลอร์ 2 ระดับคือ Ignition ที่เริ่มแปลงจาวาสคริปต์ชั้นแรกเป็น byte code และ Turbofan ทำหน้าที่ปรับแต่ง (optimize) เป็น machine code ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยอิงจากข้อมูลที่ได้ตอนแปลง byte code มาช่วยปรับแต่ง ปัญหาของแนวทางเดิมคือ Turbofan เริ่มทำงานช้ากว่า Ignition มาก
Twitter เปิดให้เข้า Spaces ผ่านบราวเซอร์ช่องทางมือถือ และเดสก์ทอปได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถสร้างห้องคุยผ่านบราวเซอร์ได้ เมื่อเข้าห้องพูดคุยจะยังคงมองเห็นไทม์ไลน์ Twitter โดยห้องคุย Spaces จะแสดงเป็น หน้าต่างเล็กๆ ฝั่งขวามือ ทำให้สามารถพูดคุยและใช้งานไทม์ไลน์ต่อได้
ไมโครซอฟท์ประกาศออก Edge WebView2 เวอร์ชันเสถียรสำหรับ .NET/WinUI หลังออกรุ่นเสถียรสำหรับ Win32 ไปก่อนแล้ว
WebView2 เป็นการนำเอนจินแสดงผลของ Edge (ที่ข้างในเป็น Chromium อีกที) มาฝังในแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อใช้เรนเดอร์หน้าเว็บภายในแอปนั้น สามารถใช้ได้กับแอปหลากหลาย ทั้งแบบเนทีฟ ไฮบริด และเว็บแอป เช่น Win32 C/C++, .NET WPF/WinForms, WinUI 3 (Project Reunion)
Chrome ประกาศแผนการใช้ User-Agent Client Hints API (UA-CH) แบบใหม่ ที่ต้องการใช้แทน User-Agent String ที่วงการเบราว์เซอร์ใช้กันมานาน
โปรแกรมเมอร์สายเว็บคงคุ้นเคยกับข้อความ User-Agent String ที่เบราว์เซอร์ใช้ประกาศข้อมูลของตัวเองให้เซิร์ฟเวอร์ทราบ ปัญหาคือข้อความนี้ยาวเกินไป เพราะพยายามรักษาความเข้ากันได้ในอดีต และเปิดเผยข้อมูลตัวเองมากเกินไป (เช่น OS, รุ่นของอุปกรณ์ที่ใช้) ทำให้เซิร์ฟเวอร์สามารถ track ไคลเอนต์ เจาะจงตัวผู้ใช้ได้ง่าย เสียความเป็นส่วนตัว
Mozilla/5.0 (Linux; Android 10; Pixel 3) AppleWebKit/537.36 (KHTML, like Gecko) Chrome/84.0.4076.0 Mobile Safari/537.36
Opera เปิดเผยว่ามีผู้ใช้งาน Opera GX เว็บเบราว์เซอร์สำหรับเกมเมอร์ มากกว่า 9 ล้านคนแล้ว และเปิดตัว Opera GX Mobile สำหรับอุปกรณ์พกพา ทั้งบน Android และ iOS
ตัวอย่างฟีเจอร์ของ Opera GX Mobile ได้แก่
ไมโครซอฟท์ประกาศว่า Internet Explorer 11 เวอร์ชันสุดท้ายของเบราว์เซอร์ Internet Explorer บนเดสก์ท็อป Windows 10 จะหยุดการสนับสนุนตั้งแต่ 15 มิถุนายน 2022 เป็นต้นไป พร้อมคำประกาศที่ชัดเจนว่าอนาคตของ Internet Explorer บน Windows 10 ก็คือ Microsoft Edge นั่นเอง
สำหรับผู้ใช้งานเว็บเก่าที่ยังต้องการคุณสมบัติใน Internet Explorer สามารถเปิดใช้ IE mode บน Edge ทดแทนได้ ซึ่งไมโครซอฟท์บอกว่า IE Mode นี้จะยังรองรับไปจนถึงปี 2029
ทั้งนี้บริการ Microsoft 365 และแอปอื่นที่เกี่ยวข้อง จะเริ่มหยุดการสนับสนุนบน Internet Explorer 11 ตั้งแต่ 17 สิงหาคม ปีนี้