ก่อนหน้านี้มีกรณีที่ทรัมป์กล่าวหา Amazon ว่าทำวงการค้าปลีกล่มสลาย และโทษว่า Amazon ทำให้ USPS ขาดทุน จนนำมาสู่การสั่งตรวจสอบ USPS โดยล่าสุดมีรายงานว่าทรัมป์เคยคุยกับหัวหน้าไปรษณีย์สหรัฐฯ ให้ขึ้นค่าส่งสินค้าหลายครั้ง
ประเด็นเรื่องสหรัฐอเมริกาแบนห้ามทำการค้ากับ ZTE กลายเป็นวาระระดับโลกไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า เขากับประธานาธิบดี Xi Jinping ของจีน กำลังร่วมมือกันเพื่อให้ ZTE กลับมาทำธุรกิจได้โดยเร็ว
Trump ยังบอกว่าเขาได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ (Commerce Department) ไปจัดการเรื่องนี้แล้ว ที่น่าสนใจคือในทวีตของเขายังพูดว่าการแบน ZTE ส่งผลให้คนจำนวนมากในจีนต้องตกงาน ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์เรื่องการจ้างงานในสหรัฐ vs จีน ตามมาอีกด้วย
Ted Lieu และ Ruben Gallego สมาชิกสภาฝั่งเดโมแครตได้ส่งจดหมายสอบถามไปยังทำเนียบขาว โดยขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากมีสื่อรายงานว่าทรัมป์ใช้โทรศัพท์ส่วนตัวซึ่งไม่มีความปลอดภัยบ่อยกว่าเดิม
จดหมายนี้ได้สอบถามไปยังหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ White House Communications Agency ซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบดูแลด้านความปลอดภัยข้อมูลของประธานาธิบดี เช่น
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกคำสั่งให้ตรวจสอบการเงินของไปรษณีย์สหรัฐฯ หรือ USPS หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขากล่าวถึง Amazon ว่าใช้งานไปรษณีย์สหรัฐฯ ราวกับเป็นเด็กส่งของของตัวเอง โดยใช้ให้ส่งของเป็นปริมาณมากจนทำให้ USPS ขาดทุนนับพันล้านดอลลาร์ต่อปี และอาจออกคำสั่งให้ Amazon ต้องใช้อัตราค่าส่งใหม่เพื่อให้ USPS ไม่ขาดทุน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่าเขากังวลว่า Amazon จะทำลายวงการค้าปลีก และส่งผลให้คนจำนวนมากต้องตกงาน
ทรัมป์ระบุว่าเขาเป็นห่วงเรื่องนี้มานานก่อนได้เป็นประธานาธิบดี โดยเขามองว่า Amazon แทบไม่จ่ายภาษีให้ท้องถิ่นเลย และใช้งานระบบไปรษณีย์ของสหรัฐเหมือนเป็นเด็กส่งของของตัวเองด้วย
ก่อนหน้านี้มีข่าวหลุดออกมาว่าทรัมป์กำลังไม่พอใจ Amazon และหลังจากนั้นไม่นาน ทรัมป์ก็ออกมาทวีตข้อความนี้ อย่างไรก็ตาม โฆษกของทำเนียบขาวระบุว่าไม่มีแผนจะออกนโยบายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Amazon
ประธานาธิบดี Donald Trump ได้ลงนามในสัญญาห้ามยุ่งเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินของสกุลเงินคริปโตของเวเนซุเอลา รวมถึงหน่วยงานภาครัฐยังเตือนว่านี่เป็นการหลอกลวงโดยรัฐบาล Nicolas Maduro ซึ่งการลงทุนจะถูกมองว่าเป็นการสนับสนุนระบอบเผด็จการโดยตรง
ทำเนียบขาวได้ประกาศคำสั่งของ Trump เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยคำสั่งนี้จะกีดกันธุรกรรม, การช่วยเหลือทางการเงิน และดีลต่าง ๆ ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล, เหรียญดิจิทัล หรือโทเคนดิจิทัลที่ออกโดยรัฐบาลเวเนซุเอลาตั้งแต่วันที่ 9 มกราคมเป็นต้นไป คำสั่งนี้จะมีผลใช้กับประชากรสหรัฐฯ หรือคนที่อยู่ในสหรัฐฯ ส่วนคนที่เคยทำธุรกรรมไปแล้วก่อนคำสั่งจะออกจะต้องถูกพิจารณาเป็นรายกรณี
ในวันประชุมระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ กับสมาคมผู้พัฒนาเกมเรื่องผลกระทบของเกมต่อเหตุกราดยิง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี เปิดวิดีโอตัวหนึ่งให้ผู้เข้าร่วมประชุมดู รวบรวมฉากรุนแรงจากเกมดัง ล่าสุดกลุ่มผู้พัฒนาเกมอัพโหลดวิดีโออีกตัวบน YouTube แสดงด้านสวยงามและศิลปะของเกม
ตัววิดีโอชื่อว่า #GameOn ผู้เผยแพร่คือ Games for Change องค์กรไม่แสวงหากำไร สนับสนุนพลังด้านบวกของเกมที่มีต่อโลกจริง วิดีโอมีความยาว 88 วินาที มีฉากจากเกมมากมายเช่น The Legend of Zelda: Breath of the Wild, Minecraft, The Last Guardian, Little Big Planet, Monument Valley, Never Alone, Overwatch เป็นต้น
Asi Burak ประธาน Games for Change บอกว่าวิดีโอนี้เป็นยิ่งกว่าจดหมายรักมอบให้แก่อุตสาหกรรมเกม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวิดีโอนี้จะช่วยสื่อสาร และแสดงให้เห้นความงามอีกด้าน ในรูปแบบที่ต่างออกไปจากวิดีโอของทำเนียบขาว
ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์คำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ระงับดีลที่ Broadcom พยายามเข้าซื้อกิจการ Qualcomm หลังคณะกรรมการลงทุนต่างประเทศในอเมริกา ออกมาให้คำแนะนำก่อนหน้านี้ว่าดีลนี้อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
คำสั่งนี้ระบุว่า ทั้งสองบริษัทต้องหยุดดีลการซื้อขายกิจการทันที และห้าม Broadcom เสนอรายชื่อเข้าไปเป็นกรรมการบอร์ด Qualcomm ด้วย
Broadcom เป็นบริษัทที่จดทะเบียนสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ ขณะที่ Qualcomm จดทะเบียนสำนักงานใหญ่ในอเมริกา และเนื่องจาก Qualcomm เป็นผู้ผลิตชิปสื่อสารรายใหญ่ โดยเฉพาะเทคโนโลยี 5G ที่พัฒนาอยู่ จึงทำให้เกิดความกังวลดังกล่าว
วันนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และสมาคมผู้ผลิตเกม ESA เข้าพูดคุยกันเรื่องความเกี่ยวข้องของเกมกับเหตุกราดยิงที่เป็นปัญหามานานในสหรัฐฯ ยังไม่มีผลสรุปของการพูดคุยว่ามีมาตรการอย่างไรต่อไป แต่ระหว่างการประชุม ฝ่ายรัฐเปิดคลิปแสดงตัวอย่างเกมที่มีภาพรุนแรง และยังโพสต์ลงยูทูบในช่องของทำเนียบขาวด้วย
ตัววิดีโอความยาว 1 นาทีครึ่ง ไม่มีเสียงบรรยาย มีแค่ภาพฟุตเทจจากเกมต่างๆ ประกอบด้วย Call of Duty, Dead by Daylight, Fallout 4, Sniper Elite 4, The Evil Within
ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เสียแล้วกับประเด็นความรุนแรงในเกมและเหตุกราดยิงในสหรัฐฯ หลังจากก่อนนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกประเด็นเกมมาพูดในการประชุมหารือเพื่อแก้ปัญหาเหตุกราดยิง โดยบอกว่าความรุนแรงในเกมมีส่วนหล่อหลอมเยาวชนให้เป็นคนมีความคิดรุนแรง ล่าสุดทรัมป์เตรียมเชิญผู้ผลิตเกมมาเจรจาถึงประเด็นดังกล่าว
Sarah Huckabee Sanders เลขาธิการทำเนียบขาวยืนยันว่า การประชุมระหว่างทรัมป์ กับ Entertainment Software Association หรือ ESA สมาคมที่มีสมาชิกเป็นผู้ผลิตเกมและซอฟต์แวร์ต่างๆ จะจัดขึ้นในวันที่ 8 มีนาคมนี้
จากเหตุกราดยิงในโรงเรียนที่ฟลอริด้า จึงมีการประชุมหารือเรื่องความรุนแรงในโรงเรียนที่ทำเนียบขาว โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี ระบุในการประชุมว่าวิดีโอเกม หนัง มีส่วนช่วยสร้างความคิดรุนแรงให้แก่เยาวชน ด้านประเด็นกฎหมายปืน อาจพิจารณาอายุคนที่ซื้อปืนได้ใหม่ จาก 18 ปี เป็น 21 ปี
"เราต้องทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เด็กและเยาวชนดู รวมถึงเกมและภาพยนตร์ด้วย ผมได้ยินคนพูดกันว่าระดับความรุนแรงของเกมมีอิทธิพลต่อความคิดเยาวชนมากขึ้นเรื่อยๆ" ทรัมป์ กล่าวในการประชุม และยังบอกด้วยว่าการกำหนดเรตหนังทุกวันนี้อาจไม่ครอบคลุมความรุนแรงมากพอ เพราะจัดเรตเฉพาะเนื้อหาโป๊แต่อาจไม่ได้ครอบคลุมเรื่องความรุนแรง การฆ่าฟันกัน
ทรัมป์ไม่ใช่คนแรกที่โทษเกมว่ามีส่วนช่วยสร้างปัญหาความรุนแรง ก่อนหน้านี้ Matt Bevin ผู้ว่าการรัฐเคนทักกีก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าปืนไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นเกมต่างหากที่เป็นปัญหา
เว็บไซต์ข่าว Axios ได้เอกสารหลุดจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Council คนละหน่วยกับ NSA) ระบุว่ารัฐบาลสหรัฐในยุคทรัมป์ กำลังวางแผนจะลงทุนสร้างเครือข่าย 5G ด้วยตัวเอง เพื่อรับมือภัยคุกคามจากจีน
ในเอกสารให้เหตุผลว่า จีนกำลังมีอิทธิพลอย่างสูงในตลาดอุปกรณ์เครือข่าย (ในเอกสารมีชาร์ทแสดงว่า Huawei กลายเป็นอันดับหนึ่งของตลาดแทน Nokia/Ericsson) และปัญหาภัยคุกคามด้านข่าวกรองไซเบอร์จีน ทำให้รัฐบาลสหรัฐมองว่าต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร (ในที่นี้คือ 5G) ที่ควบคุมได้
ทุกการกระทำและคำพูดมีราคาที่ต้องจ่าย หลังจากที่มีรายงานข่าวว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใช้คำเรียกผู้อพยพจากเฮติและแอฟริกา ว่ามาจาก shithole หรือที่สามารถแปลความหมายได้ว่ามาจากประเทศที่โสโครกและไม่น่าอยู่ ในระหว่างการประชุมของทำเนียบขาวเกี่ยวกับสถานการณ์ผู้อพยพในสหรัฐฯ นำมาสู่การวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เหตุการณ์นี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อเก้าอี้ประธานาธิบดี แต่ยังรวมถึงธุรกิจโรงแรมของทรัมป์ด้วย
บรรดาผู้ใช้งานเว็บไซต์ Yelp เว็บรีวิวอาหารและการบริการ หาทางแก้เผ็ดทรัมป์ด้วยการรีวิวโรงแรมหรูของเขาในวอชิงตันดีซีเหลือแค่ 1-2 ดาว จาก 4-5 ดาว
มีผู้ใช้เขียนรีวิวโรงแรมของเขาด้วยว่า เป็นสถานที่ที่ โสโครกและไม่น่าอยู่ (shithole) ล้อเลียนสิ่งที่ทรัมป์พูดถึงผู้อพยพ
ประธานาธิบดี Donald Trump แถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรี Erna Solberg ของนอร์เวย์ที่มาเยือนทำเนียบขาว หนึ่งในนั้นคือประเด็นเรื่องการส่งมอบเครื่องบินรบ F-52 และ F-35 ให้กับนอร์เวย์ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการทหารให้พันธมิตรในยุโรป
ปัญหาคือ F-35 เป็นเครื่องบินรบที่มีอยู่จริง (F-35 Lightning II ที่ผลิตโดย Lockheed Martin) แต่ F-52 เป็นรุ่นของเครื่องบินรบที่มีเฉพาะในเกม Call of Duty เท่านั้น
คาดว่าปัญหามาจาก Trump อ่านแถลงการณ์ผิด เพราะประโยคถัดมาเขากล่าวว่า "เรามีเครื่องบินทั้งหมด 52 ลำ" ปัญหาน่าจะเกิดจากเขาสับสนตัวเลข 52 กับชื่อรุ่น F-35 เลยกลายมาเป็น F-52 แทน (ไม่น่าจะเกิดจาก Trump เป็นแฟนของเกม Call of Duty แต่อย่างใด)
ทำเนียบขาวในยุคของรัฐบาลทรัมป์ ยกเลิกการใช้เว็บไซต์ whitehouse.gov ที่สร้างในยุครัฐบาลโอบามา เปลี่ยนมาใช้เว็บไซต์อันใหม่ทั้งหมด และเปลี่ยนระบบ CMS จากเดิม Drupal มาเป็น WordPress
เว็บไซต์ whitehouse.gov อันใหม่เพิ่งเริ่มใช้งานเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2017 โดยไม่ระบุว่าใช้ CMS ตัวใด แต่จากการขุดซอร์สโค้ดของเว็บไซต์ก็พบชื่อไฟล์และไดเรคทอรีขึ้นต้นด้วยคำว่า wp ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ WordPress ส่วนธีมที่ใช้เป็นธีมสร้างพิเศษคือ WhiteHouse และใช้เลขเวอร์ชัน "45" ตามลำดับประธานาธิบดีของทรัมป์
ส่วนเหตุผลที่ย้ายมาใช้ WordPress เป็นเรื่องต้นทุนเป็นหลัก ตัวแทนของทำเนียบขาวระบุว่าประหยัดเงินได้มากกว่าเดิมปีละ 3 ล้านดอลลาร์ แต่ก็ไม่มีข้อมูลว่าเว็บไซต์เวอร์ชันนี้พัฒนาโดยบริษัทใด
ประธานาธิบดี Donald Trump ได้เซ็นกฎหมายเพื่อแบนซอฟต์แวร์ Kaspersky Lab สำหรับการใช้งานในรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว โดยเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายนโยบายการใช้จ่ายเพื่อการป้องกันประเทศ
ทุกวันนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงมีความกังวลว่าการใช้ซอฟต์แวร์จาก Kaspersky จะทำให้ข้อมูลจะถูกขโมยและนำไปส่งมอบให้รัฐบาลรัสเซีย ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) ก็ได้สั่งห้ามหน่วยงานภาครัฐใช้ซอฟต์แวร์จาก Kaspersky และล่าสุด Cristopher Krebs จาก DHS ก็กล่าวว่าตอนนี้หน่วยงานภาครัฐได้ถอด Kaspersky ออกจนเกือบจะหมดแล้ว ซึ่งการเซ็นกฎหมายนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความกังวลของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าคงจะไม่กลับมาใช้ซอฟต์แวร์ของ Kaspersky ง่าย ๆ
ถ้าหากจำกันได้ บัญชี Twitter ของประธานาธิบดี Donald Trump ได้ถูกระงับการใช้งานไป 11 นาที ซึ่งต่อมา Twitter บอกว่าเกิดจากพนักงานฝ่ายสนับสนุนที่ตัดสินใจระงับบัญชีในการมาทำงานวันสุดท้ายพอดี เรื่องน่าจะจบเท่านี้ แต่ในที่สุด TechCrunch ก็ตามหาพนักงานคนดังกล่าวเจอ ซึ่งเขาก็ยอมเปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ปัญหาข่าวปลอม (fake news) บนโลกโซเชียลกลายเป็นเรื่องบานปลายในสหรัฐ และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะคำครหาที่ว่าข่าวปลอมสามารถเปลี่ยนผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 ได้ Blognone จึงสรุปเหตุการณ์จากประเด็นดังกล่าว เพื่อจะได้เห็นภาพรวมว่า fake news บานปลายและมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
จากประเด็นบัญชี Twitter ของประธานาธิบดี Donald Trump @realDonaldTrump ถูกระงับเป็นเวลา 11 นาที ซึ่งแถลงการณ์แรก Twitter บอกว่าเป็นความผิดพลาดของพนักงานฝ่ายสนับสนุน แต่ดูเหมือนประเด็นนี้จะมีอะไรมากขึ้น
ในแถลงการณ์ที่สอง Twitter บอกว่าหลังการสอบสวนก็พบว่าพนักงานที่ทำการระงับบัญชี Donald Trump คนนี้มาทำงานที่ Twitter เป็นวันสุดท้ายพอดี ซึ่งบริษัทจะทำการตรวจสอบและปรับปรุงขั้นตอนต่อไป
ที่มา: The Verge
เมื่อวานนี้ @realDonaldTrump ซึ่งเป็นบัญชี Twitter ส่วนตัวของประธานาธิบดี Donald Trump ได้ถูกระงับเป็นระยะเวลาหนึ่ง
Twitter ได้ยืนยันว่าบัญชีของประธานาธิบดีถูกระงับไปเป็นเวลา 11 นาที ปัญหานี้เป็นความผิดพลาดของพนักงาน โดยทางบริษัททราบว่าเรื่องนี้ถูกกระทำโดยพนักงานฝ่ายสนับสนุนลูกค้า และจะสอบสวนเรื่องนี้ต่อไป รวมถึงหาทางป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก
ปัจจุบัน บัญชี Twitter ของ Trump มีผู้ติดตามทั้งหมด 41.7 ล้านคน โดยเขาเป็นคนที่เล่น Twitter บ่อยมากและโปรโมตนโยบายมาตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งจนถึงรับตำแหน่งประธานาธิบดีก็ยังคงใช้บัญชีดังกล่าวอยู่ แม้ว่าจะมีบัญชีทางการอย่าง @POTUS แล้วก็ตาม
หลังจากที่ทรัมป์มีวิวาทะกับ Mark Zuckerberg เรื่องการโจมตี Facebook ไป ล่าสุด มีคนพบว่าทรัมป์แอบลบทวีตสนับสนุน Luther Strange ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภารัฐ Alabama หลัง Luther แพ้การเลือกตั้ง และหลายคนระบุว่าอาจผิดกฎหมายอีกด้วย
โคจรมาพบกันจนได้กับสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดี Donald Trump ทวีตขึ้นมาว่า Facebook มักต่อต้านเขา ("Facebook was always anti-Trump) เช่นเดียวกับสื่อทีวีกระแสหลัก และหนังสือพิมพ์อย่าง The New York Times และ Washington Post อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังสนับสนุนเขา และไม่มีประธานาธิบดีคนใดมีผลงานเท่ากับเขาในช่วง 9 เดือนแรกที่มารับตำแหน่ง
Trump ทวีตโจมตีสื่อกระแสหลักอยู่บ่อยๆ จนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยถึง Facebook โดยตรง
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมลงนามในคำสั่งยกเลิกโครงการ DACA (Deferred Action for Childhood Arrivals) อนุญาตให้เยาวชนที่หลบเข้ามาในประเทศตั้งแต่ยังเด็ก สามารถอาศัย ศึกษาและทำงานได้อย่างถูกกฎหมายในสหรัฐฯ ต่อไปได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคนในโครงการหรือ Dreamer เกือบ 800,000 คน และเป็นอีกครั้งที่เหล่าผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีระดับบิ๊กต้องออกมาประกาศจุดยืน ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของประธานาธิบดี
หากคุณเป็นอีกคนที่รับไม่ได้กับพฤติกรรมการใช้ทวิตเตอร์ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ChirpChange อาจช่วยผ่อนคลายสิ่งนี้ลงไปได้ ChirpChange เป็นองค์กรการกุศลที่ให้ผู้ใช้สามารถบริจาคเงินอัตโนมัติ ทันทีที่ทรัมป์ทวีตข้อความ เงินเริ่มต้นคือ 2 เซนต์ และจะเพิ่มไปตามจำนวนครั้งที่ทรัมป์โพสต์ทวิตเตอร์
ChirpChange ก่อตั้งโดย Dr. Bret Levine มีหน่วยงานการกุศลที่ร่วมด้วยคือ Amnesty International, Planned Parenthood, Sierra Club และ ACLU ผู้ใช้สามารถตั้งค่าเป็นเพดานเงินบริจาคในแต่ละเดือนได้ (เพราะไม่รู้เลยว่าวันไหนประธานาธิบดีจะโพสต์เยอะขึ้นมา)
แม้มีหลายฝ่ายจะไม่ปลื้มกับเนื้อหาในทวิตเตอร์ของโดนัลด์ ทรัมป์ (การทวีตของประธานาธิบดีแต่ละครั้งเป็นข่าวใหญ่ไวรัลได้เสมอ) แต่จะมีสักกี่คนที่จริงจังขนาดนี้ Valerie Plame อดีตเจ้าหน้าที่ CIA เปิดระดมทุนเพื่อซื้อ Twitter โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ แบนโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากแพลตฟอร์ม เพราะทนกับการทวีตของประธานาธิบดีไม่ไหวแล้ว เป้าหมายระดมทุนคือ 1 พันล้านดอลลาร์
Valerie Plame ระบุใน GoFundMe เว็บไซต์ระดมทุนว่า มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ข้อความทวิตเตอร์ของโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลกระทบต่อโลกจริง ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และยังเป็นแหล่งแพร่กระจายข่าวปลอม เป็นส่วนหนึ่งที่ชุบชีวิตคนคลั่งขาวสุดโต่งขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม มีคนระดมทุนให้เพียงหลักหมื่อนดอลลาร์เท่านั้นในตอนนี้ และ 1 พันล้านดอลลาร์ก็ยังน้อยเมื่อเทียบกัลมูลค่าบริษัท Twitter ที่มีอยู่ประมาณ 12 พันล้านดอลลาร์