ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า เขากำลังยกระดับกองบัญชาการไซเบอร์ (U.S. Cyber Command) ที่จากเดิมอยู่ภายใต้กองบัญชาการด้านยุทธศาสตร์ (U.S. Strategic Command) ให้เป็นกองบังคับบัญชาพลรบรวม (Unified Combatant Command) อย่างเต็มรูปแบบ และให้แยกออกจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (NSA) ก่อนหน้านี้ Cyber Command ก่อตั้งอยู่ภายในสำนักงานใหญ่ของ NSA มาแล้ว 8 ปี
CEO อินเทล Brian Krzanich กลายเป็น CEO คนที่ 3 แล้ว ที่ลาออกจากคณะที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังเกิดเหตุรุนแรงโดยกลุ่มคนสนับสนุนผิวขาวที่มีแนวคิดแบบสุดโต่งปะทะกับกลุ่มคนที่ต่อต้านการเหยียดผิวจนทำให้มีทั้งคนบาดเจ็บและเสียชีวิตที่เมืองชาร์ล็อตต์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วโมงเดียวหลังจาก Kenneth Frazier, CEO จาก Merk & Co. เพิ่งลาออกจากสภาที่ปรึกษานี้ด้วยกรณีเดียวกัน ตามด้วย Kevin Plank, CEO จาก Under Armour
ยังคงเป็นข้อถกเถียงว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ซึ่งมีสถานะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะสามารถบล็อคผู้ใช้รายอื่นบนทวิตเตอร์ได้หรือไม่ เพราะข้อมูลที่เผยแพร่จากประธานาธิบดีควรเป็นข้อมูลสาธารณะห้ามปิดกั้นการเข้าถึง ก่อนหน้านี้มีกรณีฟ้องร้องไปแล้ว คือสถาบัน The Knight First Amendment จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ฟ้องโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไล่บล็อคผู้ใช้ทวิตเตอร์รายอื่น กระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการเข้าถึงข้อมูล ล่าสุดหน่วยงานรัฐออกมาโต้แล้วว่า คำสั่งศาลไม่มีอำนาจในการบังคับการใช้งานทวิตเตอร์ส่วนตัวของทรัมป์ หรือ @realDonaldTrump ได้
ก่อนหน้านี้มีประเด็นที่ Donald Trump ออกมายืนยันว่าแอปเปิลจะสร้างโรงงานในสหรัฐ 3 แห่ง ก่อนจะมีการตั้งข้อสังเกตว่าหรืออาจจะว่าประธานาธิบดีสับสนแอปเปิลกับซัพพลายเออร์แอปเปิลอย่าง Foxconn ที่มาเปิดโรงงานหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม Tim Cook กลับยิ่งทำให้หลายฝ่ายรู้สึกว่าข้อสงสัยนั้นมีน้ำหนักมากขึ้น เมื่อถูกถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อต้องการคำยืนยัน ทว่าเจ้าตัวกลับเลี่ยงที่จะตอบคำถามโดยตรง ก่อนจะหันไปยืนยันและพูดถึงความพยายามในการสร้างงาน 2 ล้านตำแหน่งในสหรัฐของแอปเปิลแทน
Nikkei Asian Review เทียบการบริหารประเทศระหว่าง Donald Trump กับ Xi Jinping ดำเนินนโยบายต่างกันชัดเจน ฝ่ายแรกเตรียมนำประเทศถอยหลัง ส่วนฝ่ายหลังเดินหน้าปฏิรูปประเทศก้าวสู่อนาคต เมื่อเร็วๆ นี้ทางการจีนเพิ่งประกาศแผนพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ เตรียมเป็นผู้นำและเตรียมตั้งศูนย์นวัตกรรม AI ระดับโลกภายในปี 2030 หรืออีก 13 ปีข้างหน้านี้
ประธานาธิบดี Donald Trump ทวีตว่า หลังจากที่เขาได้ปรึกษากับบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ รับไม่ได้ หากทหารที่มารับใช้ชาติจะเป็นคนข้ามเพศ (transgender) เขาเห็นว่าทหารต้องมุ่งเป้าไปที่ชัยชนะและรัฐไม่สามารถที่จะแบกรับภาระมากมายจากต้นทุนทางการแพทย์และการเข้ามาเกี่ยวพันของกลุ่มคนข้ามเพศในกองทัพได้
ประธานาธิบดี Donald Trump ให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Journal บอกว่า Tim Cook ซีอีโอแอปเปิลได้ให้คำมั่นว่า แอปเปิลจะสร้างโรงงานผลิต ขนาดใหญ่ 3 โรงงาน และเป็นโรงงานที่สวยมาก ในอเมริกา ซึ่งช่วยให้เกิดการจ้างในประเทศเพิ่มขึ้น
Trump ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าโรงงานนั้นจะเป็นโรงงานของแอปเปิลเอง หรือเป็นของบริษัทอื่นที่ผลิตสินค้าให้แอปเปิล รวมทั้งเป็นโรงงานสินค้าประเภทใด
ปัจจุบันแอปเปิลมีโรงงานในอเมริกาที่เปิดเผยแห่งเดียวคือ โรงงานประกอบ Mac Pro ในเมือง Austin
สถาบัน The Knight First Amendment จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ฟ้องร้องประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไล่บล็อคผู้ใช้ทวิตเตอร์รายอื่น กระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการเข้าถึงข้อมูล
ทางสถาบันระบุว่า เมื่อใดก็ตามที่ข้อมูลโซเชียลมีเดียถูกใช้โดยประธานาธิบดี ข้อมูลนั้นก็ทำหน้าที่เป็นข้อมูลสาธารณะ เทียบเท่าได้กับข้อมูลจากสถาบันการเมือง รัฐบาลท้องถิ่นและโรงเรียน หากประธานาธิบดีบล็อคบัญชีทวิตเตอร์ที่ล้อเลียนเยาะเย้ย ก็เท่ากับละเมิดสิทธิพลเมือง
ทรัมป์เชิญคณะที่ปรึกษาด้าน IT ร่วมหารือครั้งแรก มี CEO จากหลายองค์กรขนาดใหญ่เข้าร่วมด้วย แต่ Mark Zuckerberg จาก Facebook ไม่ได้เข้าร่วม
การประชุมครั้งนี้มีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเข้าร่วมจำนวนมาก
คณะที่ปรึกษาเรื่องโรคเอดส์แก่ประธานาธิบดี หรือ The Presidential Advisory Council on HIV/AIDS (PACHA) คือหน่วยงานที่รับผิดชอบในการให้คำแนะนำและข้อมูลนโยบายสุขภาพตลอดจนดูแลยุทธศาสตร์การต่อสู้กับโรคเอดส์ ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า 6 คนในคณะ PACHA ลาออก โดยสมาชิกที่ลาออกเขียนบทความลงใน Newsweek ว่า พวกเขาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ประธานาธิบดีที่ดูเหมือนจะไม่แคร์ได้ ("president who simply does not care.")
หนึ่งในวิธีที่จะทำให้ยอด follower หรือยอดผู้ติดตามในทวิตเตอร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วคือ การแย่งชิงพื้นที่ reply ในทวิตเตอร์ของโดนัลด์ ทรัมป์
Account ของทรัมป์ในทวิตเตอร์ ภายใต้ ชื่อ realDonaldTrump กำลังเป็นพื้นที่ร้อนๆสำหรับคนที่กระหายอยากได้ยอด follower เพิ่มขึ้นเร็วๆ ด้วยการรีบไปตอบทวีตทรัมป์เป็นรายแรกๆ (กรณีนี้ ไม่นับรวมกลุ่มคนที่ต้องการสื่อสารกับทรัมป์โดยตรง แต่ไม่ได้ต้องการยอด follower เพิ่ม)
Politico และ Morning Consult ได้จัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นของทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายที่ไม่สนับสนุนประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump เกี่ยวกับการเล่น Twitter ของประธานาธิบดี โดยเปรียบเทียบทั้งก่อนเข้ารับตำแหน่งในเดือนธันวาคมและหลังเข้ารับตำแหน่งในเดือนมิถุนายน
แบบสำรวจนั้นแยกความคิดเห็นเป็นผู้โหวต, ผู้ไม่สนับสนุนฝ่ายใด, Democrat และ Republican ซึ่งจากการเปรียบเทียบผลสำรวจตั้งแต่เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วก่อนที่ Trump จะเข้ารับตำแหน่ง กับล่าสุดคือเดือนมิถุนายน พบว่าทุกฝ่ายต่างคิดว่าท่านประธานาธิบดีทวีตเยอะเกินไปเป็นจำนวนมากขึ้น โดย 53% ของผู้โหวต Trump, 70% ของผู้ไม่สนับสนุนฝ่ายใด, 82% ของ Democrat และ 53% ของ Republican คิดว่า Trump ทวีตเยอะมากเกินไป
Knight First Amendment Institute องค์กรปกป้องเสรีภาพสื่อและเสรีภาพในการแสดงออก ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกไปยังทำเนียบขาว เพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ปลดบล็อคผู้ใช้ทวิตเตอร์ หลังเจ้าของแอคเคาท์ดังกล่าวไม่เห็นด้วยและวิจารณ์ทรัมป์ก่อนจะถูกประธานาธิบดีบล็อค โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าวผิดรัฐธรรมนูญ
จากที่ประกาศเอาไว้เมื่อวานนี้ เมื่อคืนนี้ ประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศนำสหรัฐอเมริกาถอนตัวออกจากข้อตกลง Paris Accord โดยให้เหตุผลว่าเพื่อการเจรจาข้อตกลงแบบเดียวกันที่สหรัฐอเมริกาเสียเปรียบน้อยลง
นักธุรกิจคนดังอย่าง Elon Musk ก็ประกาศถอนตัวจากการเป็นที่ปรึกษาให้ Trump ทันที เขาให้เหตุผลว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (climate change) เป็นของจริง การถอนตัวของสหรัฐอเมริกาไม่เป็นผลดีกับทั้งตัวเองและโลก
หลังจากที่ทรัมป์ทวีตว่าเขาจะแถลงการตัดสินใจเกี่ยวกับ 'ข้อตกลงปารีส' (Paris Accord) วันนี้ ผู้คนก็คาดการณ์กันว่าทรัมป์เตรียมเอาสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงนี้แน่
แถมก่อนหน้าที่จะทวีตข้อความนี้เพียง 1 อาทิตย์ บรรดาวุฒิสมาชิกจากรีพับลิกันราว 22 คนก็พร้อมใจกันเชียร์ทรัมป์ให้ออกเช่นกัน
เป็นที่ทราบกันว่าประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอย่างโดนัล ทรัมป์ ไม่ค่อยเสพสื่อหรือเล่นโซเชียลมีเดียนอกจากทวิตเตอร์เพียงอย่างเดียว ซึ่งเจ้าตัวยืนยันจะใช้แอคเคาท์เดิมของตัวเองต่อไปแทนที่จะเป็น @POTUSด้วย และนั่นอาจเป็นสาเหตุให้ทวิตเตอร์เป็นเพียงแอพเดียวที่อยู่บน iPhone ของประธานาธิบดี
ข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยอย่างไม่เป็นทางการโดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระดับสูง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็กังวลว่าประธานาธิบดีจะเอาแต่นั่งเล่นทวิตเตอร์ จึงป้องกันด้วยการยัดงานให้ประธานาธิบดีอย่างต่อเนื่อง
ทันทีที่นโยบายปิดกั้นผู้อพยพจาก 7 ประเทศมุสลิมไม่ให้เข้าสหรัฐฯเป็นการชั่วคราวได้รับการอนุมัติ และอาจมีการทบทวนวีซ่าทำงาน H-1B บรรดาบิ๊กบอสวงการไอทีต่างก็ประสานเสียงไม่เห็นด้วย ล่าสุดวันนี้มีเอกสารอย่างเป็นทางการจาก 162 บริษัทไอทีระบุข้อโต้แย้งทางกฎหมาย และเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนนโยบายใหม่อีกครั้ง
Edgar Mitchell นักบินอวกาศที่เคยปฏิบัติภารกิจอพอลโลเหยียบดวงจันทร์เป็นมนุษย์คนที่ 6 เคยกล่าวไว้ "เมื่อคุณเห็นโลกจากอวกาศส่วนนอก จากบนดวงจันทร์ เรื่องการเมืองระหว่างประเทศจะกลายเป็นเรื่องหยุมหยิมไปเลย คุณจะอยากคว้าคอนักการเมืองสักคนและลากพวกนี้ออกไปให้ไกลสัก 1 ใน 4 ล้านไมล์ และก็พูดว่า ดูสิ แกมันก็แค่ Son of a bitch"
ประโยคนี้เกิดขึ้นจริงแล้วเมื่ออาทิตย์นี้เอง ปฏิบัติการนี้ถูกเรียกว่าการประท้วงทรัมป์ครั้งแรกจากนอกโลก!
แคนาดาช่วงหลังๆ มานี้ลงทุนหนักมากเรื่องเทคโนโลยี ไม่เพียงภาครัฐ แต่ภาคเอกชนและการศึกษาต่างทยอยเปิดศูนย์วิจัย โดยเฉพาะในโตรอนโต ที่อาจเรียกได้ว่าจะเป็นซิลิคอนวัลเล่ย์แห่งใหม่ในอนาคตได้
อีกปัจจัยกระตุ้นให้แคนาดาเดินหน้าได้เร็วขึ้นคือนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ค่อนข้างปิดกั้นชาวต่างชาติ บรรดาวิศวกรนักพัฒนาเก่งๆ จากต่างประเทศก็จะหันไปหาแหล่งงานแห่งใหม่ในแคนาดาแทนในสหรัฐอเมริกา
ตัวเลขคนสหรัฐฯ ที่มาสมัครงานไอทีในแคนาดาพุ่งสูงขึ้นมาก Roy Pereira ซีอีโอบริษัท Zoom.ai ระบุว่าไม่เคยเห็นตัวเลขสมัครงานเยอะขนาดนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนอเมริกัน มหาวิทยาลัยโตรอนโตมีนักศึกษาจากสหรัฐฯมาสมัครเรียนช่วงสิ้นปี 2016 มากขึ้น 70% (ก่อนทรัมป์จะออกนโยบายแบนชาวต่างชาติใน 7 ประเทศ)
หากใครติดตามข่าวประธานาธิบดี Donald Trump มาตลอด คงจำได้ว่า Trump แม้จะต้องเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่เพื่อความปลอดภัย แต่เขาก็ยืนยันจะใช้มือถือเดิมที่เป็นแอนดรอยด์รุ่นเก่าต่อไป (คาดว่าเป็น Galaxy S3) อย่างไรก็ตามสุดท้าย Trump ก็ต้อง Change จนได้
หัวหน้าฝ่าย social media ของทำเนียบขาว Dan Scavino Jr. ได้ทวีตข้อความยืนยันว่าทั้งบัญชี @POTUS และ @realDonaldTrump ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้ iPhone หลายสัปดาห์แล้ว ทั้งเพื่ออ่านข้อความและส่งข้อความทวีต
ก่อนหน้านี้บัญชี @realDonaldTrump จะมีผู้สังเกตว่าหากทวีตด้วย Android ก็แปลว่า Trump ทวีตเอง แต่ถ้าทวีตด้วย iPhone ก็เป็นทวีตของทีมงาน ซึ่งปัจจุบันทวีตทั้งหมดพบว่ามาจาก iPhone ทั้งสิ้น
ที่มา: The Verge
คณะบริหารรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งแบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ที่ผู้โดยสารนำขึ้นเครื่องเข้าประเทศ โดยสั่งห้ามเฉพาะสายการบินที่มาจาก 8 ประเทศในตะวันออกกลาง และประเทศในแอฟริกาเหนือเท่านั้น
คำสั่งดังกล่าวทำให้ผู้โดยสารไม่สามารถนำ iPad โน้ตบุ๊ค และกล้องขึ้นเครื่องมาสหรัฐฯได้ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสายการบินอย่างน้อยประมาณ 12 สายการบิน กระทบสนามบิน 10 แห่ง และเชื่อว่าจะกระทบประเทศ จอร์แดน อียิปต์ ซาอุดิอาระเบีย และอาหรับเอมิเรตส์
เหตุผลที่สั่งห้ามยังไม่ชัดเจน สำนักข่าว Independent ระบุว่ายังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชการคนไหนให้สัมภาษณ์ แต่คาดว่านโยบาย รายละเอียดและเหตุผลจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันนี้
โดนัลด์ ทรัมป์ ยกเลิกการคุ้มครองนักเรียนเพศทางเลือกซึ่งเป็นนโยบายสมัยรัฐบาลโอบามา อนุญาตให้นักเรียนข้ามเพศเข้าห้องน้ำได้ตามเพศสภาพที่ตนเลือก การเพิกถอนนโยบายดังกล่าวทำให้มีกลุ่มนักเรียนออกมาประท้วง และยังมีบริษัทไอทีต้องออกโรงแสดงความเห็นอีกครั้ง ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันคือไม่เห็นด้วยกับการเพิกเฉยของรัฐบาล
บริษัทที่ออกมาแสดงจุดยืนคือ Apple, Alphabet, Facebook, IBM, Lyft, Microsoft, Pinterest, Salesforce, Yahoo และ Zenefits ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างคำพูดจากบางบริษัท
นิทรรศการประท้วงประธานาธิบดี โดนลด์ ทรัมป์ หรือ "HE WILL NOT DIVIDE US" จัดแสดงโดย Shia LaBeouf พระเอกหนัง Transformers ที่ตั้งใจจัดไลฟ์สตรีมผ่านเว็บไซต์เป็นเวลาสี่ปีต้องปิดตัวลงหลังจากจัดแสดงมาได้แค่ 21 วัน เหตุเพราะอาจก่อให้เกิดสถานการณ์รุนแรงจนยากจะควบคุม
ยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับเสียงคัดค้านนโยบายปิดกั้นผู้อพยพไม่ให้เข้าสหรัฐอเมริกา ล่าสุดเป็นเสียงจากผู้จัดจำหน่ายเกมรายใหญ่อย่าง Valve ออกมาชี้ประเด็นถึงผลกระทบจากนโยบายนี้ โดยเน้นไปที่ 2 หัวข้อหลักอย่าง eSport และ การจ้างงาน
Gabe Newell ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ และ Erik Johnson ฝ่าย Business Development ของ Valve จัดวงเสวนากับนักข่าวที่สตูดิโอของ Valve ในวอชิงตัน ทั้งคู่เห็นตรงกันว่านโยบายดังกล่าวกระทบกับธุรกิจของตัวเองโดยตรง ในสองประเด็นดังนี้
Twitter รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4/2016 มีรายได้ 717 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 119 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ใช้งานยังคงเป็นโจทย์ที่ท้าทายของ Twitter ต่อไป โดยมีผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) 319 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2 ล้านคนจากไตรมาส 3/2016 อย่างไรก็ตามตัวเลขที่ออกมาดีและ Twitter อ้างถึงคืออัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน (DAUs) โดยไตรมาสล่าสุดเพิ่มขึ้นมาเป็น 11% เทียบกับ 7%, 5% และ 3% ของไตรมาส 3,2 และ 1 ปีที่ผ่านมาตามลำดับ ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
จะเห็นว่า MAUs นั้นเติบโตน้อย ขณะที่ DAUs เติบโตได้ดี ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุเดียวกับที่ซีโอโอ Anthony Noto ระบุก็คือการที่ประธานาธิบดี Donald Trump เลือกใช้ Twitter เป็นช่องทางการสื่อสารหลัก ทำให้มีกลุ่มคนที่ติดตามทุกวันเพิ่มมากขึ้น
Noto บอกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวช่วยสร้างการรับรู้ในวงกว้างว่า Twitter นั้นมีพลังมากมายเพียงใด แต่ก็เป็นความท้าทายหาก Twitter จะพึ่งพาการเติบโตจากทวีตของคนเพียงคนเดียว
ที่มา: Twitter และ Business Insider