ปกติเวลาเราได้ยินแอปตระกูล Lite ก็มักนึกถึงระบบปฏิบัติการ Android เพื่อให้รองรับเครื่องสเป็กไม่สูงมาก และมีให้ดาวน์โหลดเฉพาะบางประเทศ แต่คราวนี้ iOS ก็มีแอปสาย Lite เช่นเดียวกัน โดยมาจาก Facebook เลย
Facebook ได้ปล่อยแอป Facebook Lite และ Facebook Messenger Lite เป็นครั้งแรก ซึ่งมีให้ดาวน์โหลดเฉพาะใน App Store ประเทศตุรกีก่อนเท่านั้น ที่น่าสนใจคือแอปมีขนาดเล็กมาก ๆ เมื่อเทียบกับแอป iOS ปัจจุบันที่มีขนาดหลายร้อย MB โดย Facebook Lite มีขนาด 16.3MB และ Facebook Messenger Lite มีขนาด 5MB เท่านั้น
โซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ Facebook กำลังแก้ปัญหาข่าวปลอม และยิ่งต้องแก้กันอย่างเข้มข้นเพราะการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯกำลังจะมาถึงในเดือนพฤศจิกายน
ข้ามมาที่ฝั่งจีนบ้าง Wechat คือโซเชียลมีเดียที่คนจีนใช้มากที่สุด นอกจากคุยกับเพื่อนแล้วยังเป็นแหล่งหาข้อมูลด้วย และเช่นกันกับโซเชียลอื่นที่ต้องเจอปัญหาข่าวปลอม สแปม และหนึ่งในวิธีที่ Wechat แก้ปัญหาคือ ใช้บัญชี Wechat ที่เป็นออฟฟิเชียล โพสต์ 10 อันดับข่าวปลอมยอดนิยมเองเสียเลย โดยทำเป็นประจำทุกเดือน เพื่อให้คนรู้โดยทั่วกันว่าเนื้อหาดังกล่าวเป็นเรื่องแต่ง
ตัวอย่างข่าวปลอมที่แพร่ใน Wechat คือ ห้ามใช้ไมโครเวฟเพราะทำให้เป็นมะเร็ง, ใช้แอพ QQ สแกนเงินจีนได้เพื่อดูว่าเป็นเงินปลอมหรือไม่, ห้ามโพสต์โจมตีพรรคคอมมิวนิสต์ และประเด็นการเมืองบน Wechat (แต่รัฐบาลก็เซนเซอร์เนื้อหาทำนองนี้จริงๆ)
Facebook เปิดตัว Portal ฮาร์ดแวร์ชิ้นแรกภายใต้แบรนด์ Facebook เป็นหน้าจออัจฉริยะเน้นการใช้งานวิดีโอคอล ฟีเจอร์เด่นคือมีกล้องจับมุมภาพกว้าง ตามติดตัวคนเวลาเดินไปเดินมาระหว่างคุยวิดีโอคอลได้ ถ้าคุยหลายคนกล้องจะพยายามจับภาพทุกคนให้อยู่ในเฟรมเดียวกันให้ได้ และถ้าคุยคนเดียว กล้องจะปรับโฟกัสเน้นคนเดียวให้การคุยเป็นธรรมชาติ และง่ายกว่าถือมือถือคุย
เมื่อปี 2017 Facebook เปิดตัวแพลตฟอร์ม AR ของตัวเองที่เน้นเรื่องกล้อง โดยใช้ชื่อว่า Camera Effect Platform
ปีนี้ Facebook ประกาศเปลี่ยนชื่อมันเป็น Spark AR และขยายแพลตฟอร์มนี้ไปยังบริการอื่นในเครือคือ Instagram ด้วย ตอนนี้ Spark AR for Instagram ยังมีสถานะเป็นรุ่นเบต้า และเปิดทดสอบในวงจำกั
นอกจากนี้ Facebook ยังออก Spark AR Studio for Mac OS สำหรับสร้างเนื้อหา AR บนแพลตฟอร์มนี้ด้วย
ที่มา - Facebook
เมื่อทำการลบบัญชี Facebook ไปแล้ว ก็ยังมีเวลาให้กู้บัญชีคืนมาได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดคือ 14 วัน หลังจากนั้นบัญชีของเราจะหายไปตลอดกาล แต่ต่อไปนี้ไม่ใช่แล้วเพราะ Facebook ให้เวลาตัดสินใจเพิ่มจาก 14 วัน เป็น 30 วัน
โฆษก Facebook บอก The Verge ว่า Facebook เห็นคนพยายามเข้าสู่ระบบบัญชีที่พวกเขาเลือกที่จะลบไปแล้ว โดยพยายามล็อกอินเข้ามาหลังจากเวลาผ่านไป 14 วัน การยืดเวลาทำให้ผู้คนมีเวลามากขึ้นในการตัดสินใจเลือกข้อมูลได้อย่างเต็มที่
Facebook เพิ่มฟีเจอร์พลัง AI ใน Marketplace เช่น ถ้าผู้ใช้โพสต์ขายเก้าอี้สำนักงาน ระบบจะแสดงราคาที่เหมาะสมสำหรับเก้าอี้ให้ และจะจัดหมวดเก้าอี้ให้ไปอยู่ในหมวดเฟอร์นิเจอร์อัตโนมัติ นอกจากนี้ยังทดลองการใช้ภาพหาสินค้า โดยผู้ใช้จะสามารถโพสต์รูปสินค้าที่อยากได้เพื่อให้ Marketplace ช่วยหาสินค้าในบริเวณใกล้เคียงให้ได้ด้วย
เฟซบุ๊กเปิดตัว PyTorch 1.0 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยตอนนี้ก็ยังเป็นเพียงรุ่นพรีวิวอยู่ อย่างไรก็ตามที่งาน PyTorch Developer Conference เมื่อวานนี้ก็มีการประกาศความก้าวหน้าของโครงการเพิ่มเติม
ฟีเจอร์ที่เพิ่มมาคือการทำงานในโหมด eager ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถทดลองกับกราฟประมวลผลได้ง่ายขึ้น และมีการปรับปรุงไลบรารี torch.distributed โดยตอนนี้รองรับทั้ง Python และ C++
วงการสตาร์ทอัพในระยะหลังอาจดูเงียบๆ ลงไปบ้าง แต่อาจไม่ใช่กับเฟซบุ๊กที่เพิ่งหันมาลงทุนกับสตาร์ทอัพ จากการจับมือกับ Infocomm Media Development Authority หรือ IMDA ที่อยู่ภายใต้กระทรวงข้อมูลและการสื่อสารของสิงคโปร์ เพื่อจัดตั้ง Startup Station โครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพด้านข้อมูล ซึ่งครอบคลุมสตาร์ทอัพทั้งภูมิภาคอาเซียน
หลังการลาออกของ 2 ผู้ก่อตั้ง Instagram บริษัทแม่คือ Facebook ก็แต่งตั้งผู้นำคนใหม่ของ Instagram เรียบร้อยแล้วคือ Adam Mosseri
ตัวเลือกนี้ไม่ผิดความคาดหมายนัก เพราะ Adam Mosseri ดำรงตำแหน่งเป็น Vice President of Product และรับผิดชอบงานภาพรวมของ Instagram อยู่ก่อนแล้ว การขยับเขาขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของ Instagram จึงเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ไม่ยาก
Mosseri เติบโตมาจากสายดีไซเนอร์ โดยเขาเริ่มเข้าทำงานกับ Facebook ตั้งแต่ปี 2008 และขยับมาทำงานสายพัฒนาผลิตภัณฑ์แทน เขาเคยรับผิดชอบ Facebook Mobile และฝ่าย News Feed ก่อนย้ายมาอยู่กับทีม Instagram
ปัญหาความปลอดภัยรอบล่าสุดของ Facebook ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้อย่างน้อย 50 ล้านคน อาจเป็นเหตุให้ Facebook โดนปรับเป็นเงินถึง 1.63 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.1 หมื่นล้านบาท)
ประเด็นที่เป็นปัญหาคือข้อมูลของผู้ใช้รั่วไหลไปด้วย ซึ่งมีความผิดตามกฎ GDPR ของสหภาพยุโรป ที่กำหนดเพดานค่าปรับไว้ที่ 20 ล้านยูโร หรือ 4% ของรายได้ทั่วโลกของบริษัทนั้น ขึ้นกับตัวเลขไหนสูงกว่า ซึ่งกรณีของ Facebook คืออย่างหลัง และสามารถคำนวณออกมาได้ที่ 1.63 พันล้านดอลลาร์
ที่ผ่านมา EU ยังไม่เคยใช้ GDPR เป็นเครื่องมือลงโทษเรื่องค่าปรับมากนัก กรณีนี้จึงเป็นที่น่าจับตาว่า EU จะลงโทษ Facebook หรือไม่ และมากน้อยแค่ไหน
เฟซบุ๊กกำลังอยู่ระหว่างวิกฤติข้อมูลส่วนบุคคลจากการแฮกบัญชีถึง 50 ล้านรายการ แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาที่จริงแล้วมีงานวิจัยที่แสดงว่ากระบวนการใช้งานข้อมูลส่วนตัวของเฟซบุ๊กน่าวิตกว่าที่คิด เพราะเฟซบุ๊กพยายามใช้ข้อมูลที่ได้มานอกจากข้อมูลที่เราเปิดเผยให้ เพื่อเปิดให้คนลงโฆษณาแบบเจาะจงได้
ผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดคือหมายเลขโทรศัพท์ที่เราไม่เคยให้เฟซบุ๊กไว้เลยไม่ว่าทางใดๆ แต่หากเฟซบุ๊กพบความเชื่อมโยงกับบัญชีของเรา ก็จะนำหมายเลขนั้นมาเปิดให้ผู้ลงโฆษณาสามารถลงโฆษณาแบบเจาะจงตัวบุคคลได้
เมื่อคืนนี้เฟซบุ๊กรายงานถึงการแฮกเว็บ ตอนนี้โฆษกเว็บยืนยันว่าการแฮกครั้งนี้กระทบไปถึงเว็บภายนอกที่ล็อกอินด้วยบริการ Facebook Login แต่ได้ล็อกเอาท์บริการภายนอกให้ทั้งหมดแล้ว เฉพาะผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง 50 ล้านคน
ผลกระทบการแฮกครั้งนี้ค่อนข้างกว้าง โดยล่าสุด ทางเฟซบุ๊กยืนยันว่า ตัว Mark Zuckerberg และ Sheryl Sandberg ซีโอโอของบริษัทก็ถูกขโมย access token ด้วยเช่นกัน
ตอนนี้ผู้ใช้ที่ถูกล็อกเอาท์จึงมี 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ 1 ใน 50 ล้านบัญชีที่ถูกแฮก จะถูกล็อกเอาท์ทั้งเฟซบุ๊กเองและบริการภายนอก เช่น Instagram จากนั้นเมื่อล็อกอินใหม่จะเห็นกล่องแจ้งเตือนจากเฟซบุ๊ก กลุ่มที่สองคือกลุ่มเฝ้าระวังที่ถูกใช้ชื่อไป View As เท่านั้น กลุ่มนี้จะถูกล็อกเอาท์เฟซบุ๊กอย่างเดียว
เที่ยงคืนที่ผ่านมาเฟซบุ๊กออกข่าวที่กระเทือนโลกออนไลน์และวงการความปลอดภัยทั้งโลก จากฟีเจอร์ "View As" ที่ช่วยให้ผู้ใช้เฟซบุ๊กสามารถตรวจสอบการตั้งค่าของของตัวเอง ว่าเปิดสิทธิ์ให้คนต่างๆ เข้ามาเห็นข้อมูลอะไรบ้าง เช่นบางคนต้องการเปิดข้อมูลการทำงานให้เฉพาะเพื่อนเท่านั้น ขณะที่บางคนอาจจะเปิดให้ทุกคน หรือแม้แต่การบล็อคบางคนออกจากบางโพส
เฟซบุ๊กประกาศพบช่องโหว่ในฟีเจอร์ View As ที่ให้เราดูหน้าเพจโดยสมมติว่าเป็นเพื่อนของเราเข้ามาดูว่าเห็นอะไรบ้าง ช่องโหว่ทำให้แฮกเกอร์สามารถขโมยบัญชีใครก็ได้ โดยมีผู้ใช้ได้รับผลกระทบรวมเกือบ 50 ล้านคน
เฟซบุ๊กรีเซ็ต token ของผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด พร้อมกับรีเซ็ต token ของผู้ใช้ที่เคยถูกใช้ View As ในรอบปีที่ผ่านมา อีก 40 ล้านคน ทำให้ผู้ใช้ทั้งหมดล็อกอินหลุด และหลังจากล็อกอินเข้ามาแล้ว เฟซบุ๊กจะแจ้งเตือนว่าเกิดอะไรขึ้นอีกครั้ง
ผมเองก็ล็อกอินหลุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา
จากประเด็นผู้ก่อตั้ง whatsApp ออกมาเปิดใจถึงเหตุผลที่ลาออกจาก Facebook ทำให้ David Marcus หัวหน้าทีม Facebook Messenger ออกมาโต้บ้าง โดยจั่วหัวว่าเป็นเรื่องอีกด้านหนึ่ง เป็นความคิดเห็นในมุมของเขาไม่เกี่ยวกับบริษัท Facebook แต่อย่างใด
Brian Acton ผู้ร่วมก่อตั้ง WhatsApp ลาออกเมื่อเดือนกันยายน 2017 โดยลาออกก่อนจะเกิดเหตุอื้อฉาวข้อมูลหลุด ของเฟซบุ๊กผู้เป็นบริษัทแม่ได้ไม่นาน และเมื่อข่าวแพร่ออกไป เขายังเป็นคนจุดเทรนด์ #deletefacebook ชวนผู้ใช้ลบบัญชีเฟซบุ๊กบนทวิตเตอร์ด้วย
ผลของการลาออกคือ Acton ต้องทิ้งหุ้นเฟซบุ๊ก มูลค่า 850 ล้านดอลลาร์ หลังจากนั้นเขาก็ปิดปากเงียบมาตลอด จนกระทั่งนิตยสาร Forbes ได้สัมภาษณ์เปิดใจครั้งแรกถึงสาเหตุที่ลาออก รวมทั้งมุมมองของเขาที่มีต่อเฟซบุ๊ก
หลังจาก Facebook นำเสนอฟีเจอร์ Stories มายาวนาน โดยวางไว้ในตำแหน่งบนสุดเด่นสุดของแอพ ชนิดว่าไม่มีทางปิดได้ ก็ได้เวลาของการมีโฆษณาแล้ว
Facebook ให้ข้อมูลว่ามีผู้ใช้ Stories (นับรวมบน Facebook หลักและ Messenger แต่ไม่รวม Instagram) เป็นประจำทุกวันจำนวน 300 ล้านคนต่อวัน พร้อมแล้วสำหรับการให้แบรนด์สินค้าต่างๆ เข้าถึงคนเหล่านี้
การลงโฆษณาบน Facebook Stories ไม่ต่างอะไรจากการลงโฆษณาในระบบ Facebook ปกติ โฆษณาจะแสดงแบบเต็มจอระหว่าง Stories แต่ละอัน (เหมือนกับ Instagram Stories ทุกประการ)
อัพเดต: แถลงการณ์อย่างเป็นทางการจาก Kevin Systrom ซีอีโอ ตอนท้ายข่าว
The New York Times รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวภายในที่เกี่ยวข้อง ว่า 2 ผู้ก่อตั้ง Instagram คือ Kevin Systrom (ซีอีโอ) และ Mike Krieger (ซีทีโอ) ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากบริษัทเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยเบื้องต้นได้มีการแจ้งข่าวนี้กับผู้บริหารระดับสูงใน Instagram แล้ว
ทั้ง 2 ผู้ก่อตั้งไม่ได้ให้เหตุผลในการตัดสินใจลาออกจากบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมา รวมทั้งแผนงานที่จะทำต่อในอนาคต ส่วนตัวแทนของ Facebook บริษัทแม่ของ Instagram ก็ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าว
มีรายงานว่า Facebook เตรียมเปิดตัวอุปกรณ์วิดีโอคอลชื่อว่า Portal ในสัปดาห์หน้า ซึ่งมีข่าวลือมานานตั้งแต่ปีก่อนว่า Facebook ตั้งทีมฮาร์ดแวร์ขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ แผนเดิมจะเปิดตัวในงาน F8 แต่เนื่องจากปัญหา Cambridge Analytica ทำให้ผลิตภัณฑ์ต้องเลื่อนเปิดตัว
อุปกรณ์ดังกล่าวการทำงานจะคล้ายกับ Echo Show ของ Amazon โดยมีจุดขายคือกล้องที่ทำงานด้วย AI คอยจับภาพบุคคลในเฟรมแล้วเคลื่อนที่ตาม ขณะเดียวกันก็มีชัตเตอร์ที่สามารถสั่งปิดหน้ากล้องได้เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน มีสองขนาดหน้าจอเล็กและใหญ่ ราคาเริ่มต้นที่ 300 ดอลลาร์
Facebook เปิดตัวฟีเจอร์หาคู่หรือ Facebook Dating ในงาน F8 และเริ่มทดลองใช้ในกลุ่มพนักงานโดยเป็นการทดสองหน้าตาการใช้งาน UI ล่าสุดมีรายงานว่า Facebook พร้อมแล้วที่จะดูว่าฟีเจอร์หาคู่ที่ Facebook ปั้นมานั้นจะส่งผลต่อโลกจริงอย่างไร Facebook เริ่มเปิดใช้งานฟีเจอร์ Dating ที่โคลอมเบียเป็นแห่งแรกของโลก
เฟซบุ๊กประกาศขยายโครงการรางวัลสำหรับรายงานช่องโหว่ (bug bounty) ออกไปสู่แอพภายนอกที่ใช้แพลตฟอร์มเฟซบุ๊กด้วย โดยจำกัดเฉพาะช่องโหว่ที่ทำ access token ของผู้ใช้รั่วไหลเท่านั้น
รายงานช่องโหว่รั่วไหลนี้ต้องเป็นการรั่วไหลจากการ "รับชม" ข้อมูลบนแอพหรือเว็บไซต์เท่านั้น ไม่รวมถึงการโจมตีเว็บไซต์ด้วยวิธีการต่างๆ แนวทางเช่นนี้คือเฟซบุ๊กหาทางลดแอพ "มักง่าย" ที่พัฒนาอย่างไม่ระวังจนทำ access token ของผู้ใช้หลุดออกไป
รางวัลขึ้นกับผลกระทบของรายงานแต่ละครั้ง รางวัลขั้นต่ำ 500 ดอลลาร์
ทีมวิศวกรของ Facebook เปิดตัว SapFix เครื่องมือช่วยดีบั๊กด้วยพลัง AI ที่ล้ำหน้าถึงขั้นแก้บั๊กหรือเขียนแพตช์ให้อัตโนมัติด้วยในบางกรณี
SapFix ถูกนำมาใช้งานจริงแล้วในกระบวนการพัฒนาแอพ Facebook Android โดย Facebook ระบุว่าเป็นครั้งแรกที่นำ AI มาใช้ตรวจหาบั๊กในงานที่ใหญ่ระดับนี้
การทำงานของ SapFix มักใช้คู่กับเครื่องมืออีกตัวของ Facebook คือ Sapienz ซึ่งทำหน้าที่รัน automate testing ให้ก่อน เมื่อ Sapienz พบบั๊กแล้วจะส่งต่อให้กับ SapFix ช่วยวิเคราะห์หาแนวทางแก้ไข ซึ่งเป็นไปได้หลายแบบ
Mark Zuckerberg เขียนโน้ตยาวพูดถึงการเตรียม Facebook ให้พร้อมกับการเลือกตั้ง และการป้องกันไม่ให้ Facebook ถูกแทรกแซงเพื่อเป้าหมายทางการเมือง
Facebook เปิดเผยรายละเอียดของ Rosetta เครื่องมือที่พัฒนาขึ้นไว้สำหรับอ่าน Meme (มีม) ต่าง ๆ ที่โพสต์ลงทั้งใน Facebook และ Instagram โดยอาศัย AI เข้ามาช่วยในการทำงาน
ถึงตรงนี้อาจจะสงสัยว่าถ้าเป็นการสแกนหาข้อความในรูปภาพ ก็ไม่น่าถึงกับต้องใช้ AI ก็ได้ คำอธิบายของ Facebook คือ สิ่งที่ Rosetta เหนือกว่าการแยกข้อความในรูปภาพ คือสามารถอ่าน Meme ให้เข้าใจว่าข้อความที่สื่อในภาพนั้น มีเนื้อหาที่เหมาะสมหรือไม่ รวมทั้งสามารถรับรู้ได้ว่าข้อความในนั้นเป็นภาษาอะไร
ขั้นตอนทำงานของ Rosetta เริ่มด้วยการสแกนรูปภาพทีละรูปเพื่อค้นหาตัวหนังสือในนั้น นำตัวหนังสือมาจัดเรียงเป็นข้อความ แล้วใช้ระบบอีกตัวตีความหมายจากข้อความนั้น หากพบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมก็รายงานให้ตรวจสอบต่อไป
Facebook ประกาศโครงการสร้างตึกใหม่ขยายเพิ่มเติมใน Menlo Park ในชื่ออาคาร MPK 21 ที่สร้างเสร็จแล้วและใช้เวลาสร้างประมาณ 18 เดือน ที่นอกจากจะสวยงามสมกับเป็นออฟฟิศไอทียักษ์ใหญ่ในยุคใหม่แล้ว บนหลังคายังมีสวนขนาดย่อมและแผงโซลาร์ด้วย