Starbucks เชนร้านกาแฟรายใหญ่ ประกาศเข้าถือหุ้นบางส่วนใน Brightloom (ชื่อเดิม Eatsa) สตาร์ทอัพที่พัฒนาโซลูชันบนคลาวด์สำหรับร้านอาหาร โดยไม่มีการเปิดเผยมูลค่าของดีล
ในข้อตกลงของดีลนี้ Starbucks จะให้สิทธิ Brigthloom เข้าถึงและใช้เทคโนโลยีบางรายการที่ Starbucks มีอยู่ในระบบ เพื่อเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มของ Brightloom ให้มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น จากนั้นจะนำระบบนี้ใช้งานในร้าน Starbucks ทั่วโลก และนำออกไปขายให้กับร้านอาหารอื่นต่อไป
Uber Eats บริการสั่งอาหารเดลิเวอรีของ Uber เปิดตัวบริการใหม่ Dine-In ให้ผู้ใช้สามารถกดสั่งอาหารที่ร้านอาหารล่วงหน้าได้ ก่อนจะเดินทางไปที่ร้านแล้วทานอาหารได้เลยทันที ไม่ต้องนั่งรอที่ร้านเตรียมอาหารให้เสียเวลา วิธีการดังกล่าวก็คล้ายกับเราโทรไปสั่งอาหารล่วงหน้าที่ร้าน ก่อนจะไปนั่นเอง
ผู้ใช้งานจะสั่งอาหารและจ่ายเงินผ่านแอป ส่วนการทิปพนักงานในร้านสามารถเลือกทำได้ทั้งผ่านแอปซึ่ง Uber ไม่มีการหักค่าธรรมเนียม หรือจะให้ทิปที่ร้านก็ทำได้เช่นกัน รูปแบบดังกล่าวทำให้ Uber สามารถเพิ่มร้านอาหารกลุ่มที่ไม่ต้องการทำเดลิเวอรี หรือต้องการรักษาคุณภาพหน้าตาอาหารเวลาเสิร์ฟ กับบรรยากาศในการทานอาหารที่ร้านได้เพิ่มเติมนั่นเอง
American Express ผู้ให้บริการบัตรเครดิตประกาศข้อตกลงที่จะเข้าซื้อกิจการ Resy แพลตฟอร์มสำหรับจองโต๊ะและจัดการร้านอาหาร โดยไม่มีการเปิดเผยมูลค่าของดีลดังกล่าว
Resy ก่อตั้งในปี 2014 ให้บริการแพลตฟอร์มบริหารจัดการสำหรับร้านอาหาร มีร้านอาหารที่ใช้งานอยู่ 4,000 แห่ง ใน 154 เมืองของอเมริกา และในอีก 10 ประเทศ
American Express บอกว่าดีลดังกล่าวจะนำมาเพิ่มเติมเป็นบริการให้กับลูกค้าบัตรเครดิต เพื่อเข้าถึงประสบการณ์จากร้านอาหารต่าง ๆ ที่น่าสนใจทั่วโลก และมองว่าบริการของ Resy สามารถนำพัฒนาต่อยอดเพื่อเป็นรางวัลสำหรับลูกค้าบัตรเครดิตได้อีกด้วย
ที่มา: TechCrunch
ในงาน Dell Technologies World 2019 ที่ลาสเวกัสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จุดสนใจหนึ่งในงานคือเครื่องจักรหุ่นยนต์เสิร์ฟกาแฟที่ชื่อ Briggo โดยมีคนไปจองรับกาแฟและเครื่องดื่มฟรีกันยาวมาก Blognone เคยพูดถึง Briggo ไปเล็กน้อยก่อนหน้านี้ แต่คราวนี้เรามีรายละเอียดเพิ่มเติมมานำเสนอกันครับ
ในงานสัมมนา Articulate Food Robotics ที่ซานฟรานซิสโกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการนำเสนอเรื่องราวของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่นำมาปรับใช้ในธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งตอนนี้มีสตาร์ทอัพใหม่ ๆ เข้ามาพัฒนาหุ่นยนต์เครื่องจักรสำหรับทำหน้าที่ต่าง ๆ มากขึ้น โดยมีการรวบรวมโครงการที่น่าสนใจดังนี้
ถ้าให้คิดถึงหุ่นยนต์ในร้านอาหารแบบที่พอจะเชื่อว่าทดแทนคนได้ ก็คงเป็นหุ่นยนต์สำหรับหน้าที่เตรียมวัตถุดิบ หรือจัดส่งอาหาร Briggo เป็นสตาร์ทอัพที่พัฒนาสิ่งที่เรียกว่าหุ่นยนต์บาริสต้า โดยสามารถเตรียมเครื่องดื่มได้ถึง 100 แก้วต่อชั่วโมง เสิร์ฟลูกค้าพร้อมกันได้สูงสุด 10 คน ในเวลาเดียว
Alibaba เผยแพร่โครงการทางเทคโนโลยี โดยเป็นความร่วมมือระหว่างแอปไลฟ์สไตล์ O2O Koubei ของ Alibaba กับเชนร้านชานมไข่มุกจากไต้หวัน Happy Lemon สร้างหุ่นยนต์ผลิตเครื่องดื่มขึ้นมา โดยนำร่องที่สาขาเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
ลูกค้าสามารถเลือกสั่งชานมไข่มุกได้กับพนักงานตามปกติ หรือเลือกสั่งผ่านแอป โดยสแกนคิวอาร์โค้ดผ่านแอป Koubei แล้วเลือกเครื่องดื่ม พร้อมปรับแต่งส่วนผสมได้ถึง 40 รายการ จากนั้นหุ่นยนต์จะผลิตเครื่องดื่มตามเงื่อนไข ใช้เวลา 90 วินาที จึงสามารถรับเครื่องดื่มได้ผ่านตู้ล็อกเกอร์สำหรับรับสินค้า
June Oven เตาอบอัจฉริยะบริษัท June ในซานฟรานซิสโกอาจเปลี่ยนวิถีชีวิตคนทำอาหารไปตลอดกาล เมื่อตัวเตาอบมาพร้อมกล้องในตัว ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นไลฟ์วิดีโออาหารในเตาอบได้ตลอด กล้องยังมาพร้อมระบบจดจำวัตถุ แยกแยะชนิดและจำนวนของอาหารได้ และยังสามารถแนะนำเวลาที่เหมาะสมในการอบอาหารแต่ละชนิดได้ด้วย
Amazon ได้ส่งอีเมลแจ้งลูกค้าในอังกฤษว่าบริการส่งอาหารเดลิเวอรี Amazon Restaurants จะหยุดให้บริการในอังกฤษ มีผลตั้งแต่ 3 ธันวาคม เป็นต้นไป
บริการส่งอาหาร Amazon Restaurants เป็นหนึ่งในบริการสำหรับลูกค้า Prime Now ปัจจุบันมีให้บริการในอเมริกาและอังกฤษ โดยที่อังกฤษเริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2016 มีร้านอาหารในระบบกว่า 200 ร้าน อย่างไรก็ตามการแข่งขันในธุรกิจส่งอาหารนั้นไม่ง่ายสำหรับ Amazon เพราะมีคู่แข่งสำคัญทั้ง Deliveroo และ Uber Eats
บุคคลในอุตสาหกรรมให้ความเห็นที่น่าสนใจว่าตลาดเดลิเวอรีอาหารนั้นมีการแข่งขันสูง และไม่ใช่แค่มีบริการขนส่งสินค้าอยู่แล้วจะมาทำส่งอาหารได้เลย ธุรกิจนี้มีรายละเอียดที่ซับซ้อนกว่านั้น
Zume สตาร์ทอัพสาย FoodTech ที่เริ่มต้นด้วยการขายพิซซ่าแบบจัดส่งถึงบ้าน โดยใช้หุ่นยนต์ในกระบวนการผลิตเป็นหลัก ได้รับเงินเพิ่มทุนอีก 375 ล้านดอลลาร์ จาก SoftBank ทำให้มูลค่ากิจการบริษัทพุ่งขึ้นเป็น 2,250 ล้านดอลลาร์
จุดเด่นของ Zume คือการใช้หุ่นยนต์, AI, ออโตเมชัน และครัวเคลื่อนที่ในรถบรรทุก ทำให้สามารถผลิตและอบพิซซ่าได้ในระหว่างที่รถบรรทุกกำลังเคลื่อนจัดส่งไปหาลูกค้า ซึ่งกระบวนการดังกล่าวทำโดยหุ่นยนต์ทั้งหมด จึงได้พิซซ่าที่อบร้อนใหม่จากเตาดีกว่าพิซซ่าเดลิเวอรีแบบเดิม
แผนธุรกิจของ Zume คือการพัฒนาหุ่นยนต์ทำอาหารร่วมกับ ABB เพื่อจำหน่ายให้กับธุรกิจรายอื่น นอกจากนี้ยังเตรียมขยายไปยังหุ่นยนต์ผลิตอาหารประเภทอื่นด้วย ปัจจุบันต้นทุนหุ่นยนต์อยู่ราว 25,000-35,000 ดอลลาร์ต่อตัว
มนุษย์นั้นชอบเกลือ เนื่องจากเกลือนั้นทำให้รสชาติอาหารอร่อยขึ้น แต่การกินเกลือที่มากไปกลับไปทำลายร่างกายของมนุษย์อย่างเราๆ แทน ในสหรัฐอเมริกาแค่ที่เดียวมีผู้ใหญ่ที่มีปัญหาความดันเลือดสูงถึง 30% ซึ่งถูกแนะนำให้ลดการกินเค็มในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่ก็คือ อาหารรสอ่อนมักจะไม่ค่อยถูกปากผู้คน
เกลือ คือหนึ่งในเครื่องปรุงรสที่พบได้ในตำรับอาหารแทบทุกเชื้อชาติทั่วทุกมุมโลก สารให้ความเค็มนี้คือพื้นฐานของความรู้สึกอร่อยในเมนูอาหารนานาชนิด แม้กระทั่งสูตรเครื่องดื่มหรือของหวานก็ยังมีการใช้เกลือเพื่อช่วยตัดรส และเพิ่มความกลมกล่อม แต่ปัญหาที่เรารู้กันดีคือการบริโภคเกลือมากเกินไปย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพ ครั้นจะรณรงค์จูงใจให้ทุกคนหักห้ามความอยากแล้วทำความคุ้นเคยกับอาหารรสชาติจืดจางลงบ้างก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ทว่างานวิจัยล่าสุดที่เผยแพร่ใน Food Research International ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Nimesha Ranasinghe นั้นเลือกที่จะท้าทายโจทย์ด้านโภชนาการนี้ด้วยการพัฒนาตะเกียบที่จะให้ความรู้สึกอร่อยแทนการบริโภคเกลือ
ตามที่เราเรียนกันมา หรือเชื่อกันมา ว่าการรับประทานวิตามินและอาหารเสริมเกลือแร่ต่างๆ จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารเพิ่มเติมจากที่ได้รับจากมื้ออาหารที่รับประทานเข้าไปในแต่ละวัน และทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหรือมีอาการเจ็บป่วย ทว่าผลการวิจัยศึกษาพบว่ามันอาจไม่เป็นอย่างที่คิดเสมอไป
งานวิจัยนี้เป็นความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาล St. Michael's Hospital และ University of Toronto ซึ่งได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ใน Journal of the American College of Cardiology เมื่อสัปดาห์ก่อน
Wongnai เพิ่มหมวดรีวิวร้านอาหารในสิงคโปร์โดยเฉพาะ โดยได้รับความร่วมมือจากการท่องเที่ยวสิงคโปร์ด้วย โดยตอนนี้มีเนื้อหาร้านอาหารในสิงคโปร์บนเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นแล้ว ผู้ใช้ในไทยที่ไปเที่ยวสิงคโปร์ หรือที่วางแผนจะไปเที่ยวสามารถเข้าไปรีวิวและหาข้อมูลเป็นภาษาไทยได้
ทีมงานกูเกิลจากอิสราเอล เปิดตัวบริการใหม่ล่าสุดบน Google Cloud Platform ซึ่งเป็นการแก้ปัญหา pain point ของคนที่นั่นซึ่งนิยมทานฮัมมัส อาหารของตะวันออกกลางกัน
ปัญหาก็คือฮัมมัสนั้นปรุงจากเครื่องเทศที่หลากหลาย และมีสูตรอยู่มากมาย ฮัมมัสแต่ละจานจึงมีความเหมาะสมและถูกปากกับคนแตกต่างกันออกไป โจทย์คือทำอย่างไรเราจะช่วยให้คนเจอฮัมมัสที่ใช่ และคำตอบก็คือ Hummus API
จากการเก็บข้อมูลฮัมมัสมากมายบน Big Data ประมวลผลด้วย Machine Learning และ AI กูเกิลได้พัฒนาอุปกรณ์ที่เพียงผู้ใช้อมเพื่อเก็บข้อมูลต่อมรับรสสัมผัส กูเกิลจะประมวลผลและค้นหาร้านที่มีฮัมมัสซึ่งรสชาติน่าจะตรงใจผู้ใช้งานมากที่สุด
นักวิจัยแห่ง Tufts University จากประเทศสหรัฐอเมริกา สร้างเซ็นเซอร์ขนาดเล็กจิ๋วที่สามารถติดเข้าไปบนฟันของคน ซึ่งเซ็นเซอร์ที่ว่านี้จะตรวจสอบการกินอาหารบางประเภทรวมทั้งการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ด้วย
แผ่นเซ็นเซอร์รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีความยาวด้านละประมาณ 2 มิลลิเมตร สามารถตรวจจับกลูโคส, เกลือ และแอลกอฮอล์ได้ มันมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะแนบไปกับพื้นผิวฟันของคนได้ สามารถส่งข้อมูลเรื่องสารอาหารที่มันตรวจจับได้โดยอาศัยคลื่นวิทยุ
ถึงตอนนี้ทุกคนคงรู้ดีกันอยู่แล้วว่าหุ่นยนต์สามารถทำงานแทนคนได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานสายการผลิตในโรงงาน, งานประชาสัมพันธ์และต้อนรับในโรงแรม แน่นอนว่ามีแม้กระทั่งหุ่นยนต์ปรุงอาหารในร้านอาหาร และ Flippy หุ่นยนต์นักทำเบอร์เกอร์ ผลงานการพัฒนาโดย Miso Robotics ก็คือหนึ่งในนั้น มันไม่ได้เป็นแค่หุ่นยนต์แขนกลธรรมดาที่ย่างเบอร์เกอร์ไปวันๆ มันมองเห็น คิดเป็น และถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับคนได้
ในที่สุด Amazon Go ร้านค้าปลีกของ Amazon ที่ลูกค้าเดินเข้าไปหยิบของได้เลยไม่ต้องต่อคิวจ่ายเงิน ก็จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว
ร้านค้าต้นแบบ Amazon Go เปิดที่ซีแอตเทิล ช่วงแรกเปิดให้พนักงาน Amazon ใช้งานก่อน และตั้งใจจะเปิดให้บริการคนทั่วไปในต้นปี 2017 แต่ก็เลื่อนออกไป จนกระทั่งมกราคม 2018 ก็เปิดให้บริการคนทั่วไปแล้ว
ในธุรกิจส่งอาหารที่สามารถส่งอาหารไปยังลูกค้าทุกรายได้ การนำอาหารเหลือไปยังผู้ที่มีความต้องการอาหารก็คงไม่ยากเย็นเกินไป
DoorDash ผู้ให้บริการส่งอาหารจากร้านอาหารไปยังลูกค้า เพิ่มทางเลือกใหม่ให้ร้านอาหารที่มีอาหารเหลือต้องทิ้ง (ตามกฎหมายไม่สามารถนำมาขายในวันถัดไปได้) สามารถนำอาหารเหลือไปยังธนาคารอาหารหรือ Food Bank เพื่อแจกจ่ายให้ผู้ที่ต้องการอาหาร เช่น คนไร้บ้าน ต่อไป
Kim Young-won อายุ 77 ปี ชาวเกาหลีใต้ กำลังได้รับความนิยมในชุมชนออนไลน์ เมื่อเธอผันตัวมาเป็นนักกินบน YouTube หรือ mukbang โดยช่อง YouTube ของเธอมีคนติดตามกว่า 130,000 แต่ละคลิปมีคนดูหลายแสนครั้ง
mukbang หรือการถ่ายคลิปวิดีโอโชว์กินอาหารทีละเยอะๆ ได้รับความนิยมมากในเกาหลีใต้ ปัจจุบันมีบล็อกเกอร์โชว์กินมากมาย มีทั้งกินอาหารแปลกออกท่าทางตลกสร้างความสนุกสนานแก่คนดู แต่ Kim Young-won แค่กินอาหารธรรมดาๆ แต่เป็นอาหารที่เธออาจไม่มีดอกาสได้กินบ่อยถ้าไม่ได้มาเป็น mukbang โดยระหว่างกิน เธอแค่บอกความรู้สึก รสชาติอาหาร และแต่ละคลิปมียอดรับชมประมาณหลักแสนครั้ง นอกจากกินแล้ว ยังมีคลิปทำสไลม์ที่เด็กๆ นิยมเล่น และทำทาโกะยากิ รวมถึงไปท่องเที่ยวกับหลานสาวด้วย
เราได้เห็นเรื่องราวการนำ AI มาสร้างสรรค์อะไรหลายอย่าง คราวนี้เป็นคิวของขนมกันบ้าง เมื่อขนมปังแท่งสอดไส้ยี่ห้อ Toppo ได้เปิดตัวรสชาติใหม่ล่าสุดชื่อว่า Calamansi Chocolate หรือช็อกโกแลตผสมส้มจี๊ดฟิลิปปินส์
ที่น่าสนใจคือรสชาติใหม่นี้ไม่ได้เกิดจากคนเป็นผู้คิดค้น แต่ Toppo ระบุไว้บนหน้ากล่องเลยว่า รสชาตินี้ถูกคัดเลือกโดย AI ที่วิเคราะห์ชื่อรสชาติและส่วนผสมที่ลูกค้าน่าจะชื่นชอบ จากข้อมูลที่รวบรวมมา
สำหรับคนที่กำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่นและรอซื้อ Toppo รสชาตินี้ ก็ต้องพยายามขึ้นอีกหน่อย เพราะจะมีวางจำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น และต้องสั่งซื้อขั้นต่ำ 10 กล่อง
ดูเหมือนจะไม่มีศาสตร์ศิลป์แขนงไหนที่วิทยาการปัญญาประดิษฐ์จะเข้าไปมีส่วนร่วมไม่ได้ ไม่เว้นแม้แต่วงการอาหาร แต่วันนี้เราก็มีปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกสร้างมาเพื่อคิดวิธีปรับเปลี่ยนสูตรอาหารแล้ว ชื่อของมันคือ Giuseppe
Giuseppe เป็นผลงานที่พัฒนาโดยทีม NotCo (ชื่อเต็มคือ NotCompany) สตาร์ทอัพจากประเทศชิลี โดยหน้าที่ของ Giuseppe คือพยายามคิดปรับสูตรอาหารทั่วไป ให้ทดแทนด้วยวัตถุดิบกลุ่มพืชผักต่างๆ โดยที่ยังคงเปี่ยมด้วยรสชาติเหมือนเดิม โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนสูตรอาหารที่เดิมทีใช้ผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งชื่อ Giuseppe นี้ก็เป็นการตั้งตามชื่อศิลปินอิตาเลียนผู้มีนามว่า Giuseppe Arcimboldo ซึ่งมีผลงานโด่งดังเรื่องการวาดภาพบุคคล โดยใช้เทคนิคการวาดภาพสิ่งของต่างๆ เช่น พืช ผัก มาประกอบเข้าด้วยกันเป็นภาพใบหน้าคน
Grab ประเทศไทยเปิดตัวบริการใหม่ GrabFood บริการรับส่งอาหารด้วย GrabBike โดยเบื้องต้นเปิดให้บริการแบบจำกัดพื้นที่ในกรุงเทพฯ ได้แก่ สยาม สีลม สาทร เยาวราช และสุขุมวิท ซึ่งผู้ใช้สามารถใช้บริการได้ผ่านแอพ Grab
บริการ GrabFood จะจัดส่งอาหารจากร้านในรัศมี 4 กิโลเมตรจากตำแหน่งของผู้ใช้เท่านั้น ในช่วงเวลา 10:00-22:00น. ของทุกวัน คิดราคาค่าบริการจัดส่งแบบเหมาจ่าย 60 บาท ยังไม่รวมค่าอาหาร ในช่วงแรกนี้รองรับการจ่ายค่าบริการและค่าอาหารเป็นเงินสดเท่านั้น
บริการ GrabFood เริ่มให้บริการครั้งแรกที่ประเทศอินโดนีเซีย
ในวันนี้ (7 พฤศจิกายน 2560) โลโก้ในหน้าแรกของกูเกิลหรือ Doodle ได้เปลี่ยนเป็นตัวคาแรกเตอร์เพื่อฉลองให้กับ ผัดไทย ในฐานะอาหารสตรีทฟู้ดของประเทศไทยซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
หน้ารายละเอียดของ Doodle อธิบายว่า ผัดไทยได้ถูกคิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีการรณรงค์ให้รับประทานก๋วยเตี๋ยวแทนข้าวที่มีราคาแพง จึงมีการต่อยอดนำเส้นก๋วยเตี๋ยวไปผัดแล้วใส่เครื่องปรุงต่างๆ ออกมาเป็นเมนูผัดไทยที่คนทั่วโลกรู้จักนับตั้งแต่นั้นมา
Doodle ผัดไทยของวันนี้ กูเกิลได้เผยแพร่ไปในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งในอเมริกาและยุโรปซึ่งผัดไทยเป็นที่รู้จักดีด้วย
Amazon สร้างแรงสะเทือนวงการค้าปลีกตอนเข้าซื้อ Whole Foods และกำลังรุกหนักขึ้นอีกขั้นในตลาดร้านอาหาร ล่าสุดจับมือกับ Olo ทำบริการส่งอาหารจากร้านอาหารในพื้นที่ใกล้เคียงถึงบ้าน
Olo คือผู้ให้บริการเทคโนโลยีสั่งซื้ออาหารและส่งถึงที่ ทำบริการแก่แบรนด์ร้านอาหารกว่า 200 แบรนด์ในสหรัฐฯ ครอบคลุมร้านอาหารประมาณ 40,000 แห่ง
Yelp แพลตฟอร์มค้นหาร้านอาหาร ประกาศวันนี้ว่าได้ตกลงที่จะขายธุรกิจในเครือ ที่ให้บริการส่งอาหาร Eat24 ให้กับ GrubHub ที่มูลค่า 287.5 ล้านดอลลาร์ โดยในข้อตกลงนี้ Yelp ต้องเพิ่มบริการสั่งอาหารออนไลน์ผ่าน GrubHub เข้าไปในแอพด้วยเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี
Yelp ซื้อกิจการ Eat24 เมื่อปี 2015 ที่มูลค่า 134 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้ใหญ่พอได้ เนื่องจากมีผู้เล่นรายใหญ่ในธุรกิจส่งอาหารที่อเมริกาอยู่แล้วอย่าง GrubHub รวมถึง Seamless, AllMenus และ MenuPages ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดก็เป็นธุรกิจในเครือของ GrubHub เช่นกัน