โครงการ CoreOS เปิดตัวช่วงปลายปีที่แล้วโดยมีแนวคิดจากระบบปฏิบัติการสมัยใหม่ที่มี API ให้ใช้งานชัดเจน แม้โครงการจะเริ่มต้นขึ้นจากนักพัฒนาเพียงกลุ่มเล็กๆ แต่ก็ได้รับความสนใจเป็นวงกว้าง ตอนนี้กูเกิลก็รองรับ CoreOS บน Google Compute Engine (GCE) เป็นทางการแล้ว
ต่อจากข่าวกูเกิลสร้างศูนย์ข้อมูลที่ไต้หวันสำหรับการให้บริการ Cloud Platform วันนี้ศูนย์ข้อมูลแห่งดังกล่าวก็พร้อมให้ใช้งานแล้วครับ
หลังจากที่มีเพียงสองประเทศคือสหรัฐอเมริกา และยุโรปให้เลือกใช้งานสำหรับบริการ Cloud Platform มาตั้งแต่เปิดตัว ตอนนี้กูเกิลก็ได้เพิ่มเติมศูนย์ข้อมูลของ Cloud Platform สำหรับให้บริการประเทศในย่านเอเชียแปซิฟิก เพื่อเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลจากประชากรเกือบครึ่งโลกในย่านนี้ โดยจะมี 2 โซนให้เลือกเช่นเดียวกับศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคอื่นๆ และที่สำคัญคือ ศูนย์ข้อมูลใหม่นี้ใช้ซีพียูรุ่น Ivy Bridge ที่ใหม่กว่าศูนย์ข้อมูลเดิมที่ยังคงเป็น Sandy Bridge อยู่ครับ
Google Compute Engine เปิดให้ผู้ใช้วงจำกัดสามารถเลือกใช้ Red Hat Enterprise Linux มาระยะหนึ่ง ตอนนี้ก็เปิดให้เลือกใช้งานได้ทุกคนแล้ว โดยคิดราคาเพิ่มชั่วโมงละ 0.06 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงสำหรับเครื่องที่มีซีพียูน้อยกว่า 8 คอร์ และ 0.13 ดอลลาร์สำหรับเครื่องที่มีซีพียู 8 คอร์หรือมากกว่า
ทางด้าน Red Hat ก็เปิดให้ลูกค้าที่ซื้อไลเซนส์ไว้แล้วสามารถย้ายไลเซนส์ของตัวเองไปรันบน Google Compute Engine ได้ต่อและยังรับซัพพอร์ตเหมือนรันในเครื่องของตัวเองต่อไป โดยสามารถจัดการผ่าน Red Hat Cloud Access ย้ายเครื่องเข้าออกจากศูนย์ข้อมูลตามความต้องการ โดยก่อนหน้านี้มีเพียง Amazon Web Service เท่านั้นที่รองรับบริการนี้
กูเกิลเพิ่งลดกระหน่ำพื้นที่ Google Drive ไปไม่นาน คราวนี้เป็นคิวของ Google Cloud Platform สำหรับนักพัฒนาบ้าง
กูเกิลยังประกาศส่วนลดพิเศษสำหรับการใช้งานที่มี workload ค่อนข้างคงที่ โดยถ้าใช้ workload เกิน 25% ต่อเดือนจะได้ส่วนลดในอัตราก้าวหน้าเพิ่มเติมด้วย
เว็บ Infoworld ออกรายงานวัดประสิทธิภาพของบริการประมวลผลจากเซิร์ฟเวอร์ในกลุ่มเมฆ เพื่อวัดประสิทธิภาพราคาของแต่ละราย โดยวัดจากสามเจ้าหลัก ได้แก่ อเมซอน, กูเกิล, และไมโครซอฟท์
เครื่องที่ใช้ของทั้งสามเจ้าแบ่งเป็น (รายการเครื่องเป็น Amazon EC2, Google Compute Engine, และ Windows Azure ตามลำดับ)
เครื่องประเภท 8 คอร์ ได้แก่ m3.2xlarge แรม 30GB, n1-standard-8 แรม 30GB, Extra Large VM แรม 14GB
ทั้งหมดทดสอบด้วย Dacapo Benchmark ชุดทดสอบจาวา ผลทดสอบคือ
Google Cloud SQL เปิดบริการเป็นส่วนเสริมสำหรับ Google App Engine เพื่อให้นักพัฒนาที่ต้องการเข้าถึง MySQL เต็มรูปแบบสามารถใช้บริการที่ขยายไปได้เรื่อยๆ แต่ก่อนหน้านี้บริการนี้อยู่ในสถานะการให้บริการอย่างจำกัด (limited preview) ตอนนี้ Cloud SQL ก็เข้าสู่สถานะมีให้บริการทั่วไป (generally available - GA) แล้ว
การให้บริการเป็นการทั่วไปครั้งนี้กูเกิลจะรับประกัน uptime ให้ 99.95% และขยายขนาดฐานข้อมูลใหญ่ที่สุดเป็น 500 กิกะไบต์
BigQuery เป็นบริการฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของกูเกิล มันใช้หลักการ big data ที่สร้างตารางข้อมูลที่ไม่ซับซ้อนแต่มีขนาดใหญ่มากๆ (ระดับ 1 พันล้านแถว) ซึ่งต่างไปจากแนวทางของ relational database มาก
BigQuery คือการออกแบบคำสั่งคล้ายๆ SQL (แต่ฟีเจอร์ไม่ครบเท่า SQL) เพื่อให้ค้นหรือวิเคราะห์ข้อมูลในตารางได้ง่ายๆ และกูเกิลทำหน้าเว็บให้เราป้อนคำสั่ง BigQuery แล้วรับข้อมูลกลับได้จากหน้าเว็บเลย (อัพโหลด/ดาวน์โหลดข้อมูลผ่าน CSV)