วันนี้กูเกิลปล่อยแพตช์ความปลอดภัยเดือนมกราคม 2022 ให้ Pixel ทุกรุ่นแล้ว ยกเว้น Pixel 6 และ 6 Pro ที่โดนดีเลย์อีกครั้ง (ตอนเดือนธันวาคม 2021 ก็ได้ช้ากว่ารุ่นอื่น) โดยนอกจากอุดช่องโหว่ความปลอดภัยแล้วยังมีการแก้บั๊กหน้าล็อก, บั๊กโทรหาเบอร์ฉุกเฉินไม่ได้ (ที่มีประเด็นกับแอพ Microsoft Teams), บั๊กแสดงตัวเลขการใช้งานดาต้า ฯลฯ
ส่วนสาเหตุที่ Pixel 6 ยังไม่ได้รับอัพเดตก็คงเป็นเพราะกูเกิลยังแก้บั๊กของแพตช์เดือนธันวาคมไม่เสร็จ โดยระบุว่าจะแก้ไขเสร็จภายในปลายเดือนมกราคมเลย
โทรศัพท์ Pixel รุ่นที่ได้รับอัพเดตคือ 5a, 5, 4a 5G, 4a, 4 XL, 4, 3a XL และ 3a
กูเกิลประกาศปล่อยฟีเจอร์ใหม่ให้มือถือตระกูล Pixel ตามแนวทางที่เรียกว่า Feature Drop ให้กับมือถือ Pixel 3a ขึ้นไป
กูเกิลเผยแพร่วิดีโอ ต้อนรับการเปิดตัว Pixel 6 และ Pixel 6 Pro เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเนื้อหาเป็นการแนะนำเหตุผล 113 ข้อ ที่คุณควรเปลี่ยนมาใช้ Pixel
วิดีโอนี้เป็นการแนะนำแบบรัวเหตุผลต่าง ๆ ซึ่งก็มีทั้งที่เป็นฟีเจอร์สำคัญจริง ๆ สำหรับการใช้โทรศัพท์ ไปจนถึงมุกตลกที่แทรกมาเป็นระยะ เช่น เป็นไม้บรรทัด เป็นตัวทาบเวลาตัดผมหน้าม้า เป็นที่ปาดแป้งทำขนม แต่ก็มีหลายเหตุผลดูจะพาดพิงคู่แข่งรายอื่นอยู่เหมือนกัน
เป็นธรรมดาของกูเกิลที่ยิ่งใกล้วันเปิดตัว Pixel ก็ยิ่งมีข่าวหลุดออกมาเรื่อยๆ คราวนี้เป็นบริการใหม่ชื่อ Pixel Pass ที่ให้ลูกค้าจ่ายค่ารายเดือนก้อนเดียวแล้วได้ทั้งสมาร์ทโฟน Pixel และบริการของกูเกิลอื่นๆ อีกหลายตัว
ข่าวหลุดรอบนี้มาจาก M. Brandon Lee ที่ได้สไลด์ภายในของกูเกิลมา ระบุว่ากำลังจะมีโครงการ Pixel Pass โดยเมื่อลูกค้าสมัครก็จะได้เครื่อง Pixel ที่อัพเกรดให้ทุกปีที่ออกรุ่นใหม่ พร้อมบริการอื่นๆ ดังนี้
กูเกิลเปิดตัวหูฟังไร้สาย Pixel Buds A-Series ที่จับตลาดล่างลงมาจาก Pixel Buds รุ่นปกติ ขายในราคา 99 ดอลลาร์ (รุ่นปกติขาย 179 ดอลลาร์)
ดีไซน์ของ Pixel Buds A-Series คล้ายกับ Pixel Buds Gen 2 ทั้งตัวหูฟังและเคส มีให้เลือก 2 สีคือ ขาว Clearly White และเทา Dark Olive
จุดต่างในแง่ฮาร์ดแวร์คือ Pixel Buds A-Series กันน้ำเฉพาะตัวหูฟัง (รุ่นใหญ่กันน้ำที่เคสด้วย), ไม่รองรับการชาร์จเคสแบบไร้สาย, มีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนตอนคุยโทรศัพท์ แต่ไม่ตัดเสียงลม และไม่สามารถใช้ท่า swipe เพื่อปรับระดับเสียงได้ ทำได้แต่แตะเพื่อหยุดหรือเล่นเพลงต่อเท่านั้น
Jon Prosser บล็อกเกอร์ไอทีที่ล่าสุดเพิ่งปล่อยภาพเรนเดอร์ Macbook Air รุ่นใหม่ไป กลับมาอีกครั้งกับภาพเรนเดอร์ของ Pixel 6 ที่ระบุว่ารอบนี้จะมาในชื่อ Pixel 6 และ Pixel 6 Pro โดยไม่ใช้ชื่อ XL แล้ว และมีดีไซน์ที่ใหม่แหวกแนวกว่าที่ Google เคยทำ
Pixel 6 มาพร้อมกล้องหน้าแบบเจาะรูอยู่กึ่งกลางจอ ขอบจอโค้งเล็กน้อย เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือย้ายจากหลังเครื่องมาอยู่ใต้จอ ด้านหลังมีแถบสีส้ม (และอาจมีสีอื่น) อยู่ด้านบน ตามด้วยกล้องหลัง 2 กล้องที่นูนออกมาเล็กน้อย และฝาหลังสีขาว
เมื่อปี 2020 เคยมีข่าวลือว่ากูเกิลร่วมพัฒนาชิปกับซัมซุง ใช้โค้ดเนมว่า Whitechapel แล้วเงียบหายไป ล่าสุดมีข่าวลือออกมาอีกรอบว่าเราจะได้เห็น Whitechapel ถูกใช้กับสมาร์ทโฟน Pixel รุ่นถัดไป ซึ่งก็น่าจะชื่อ Pixel 6
เว็บไซต์ 9to5google อ้างว่าเห็นเอกสารภายในของกูเกิล ระบุว่า Pixel รุ่นของปี 2021 สองตัว ใช้โค้ดเนม Raven และ Oriole พัฒนาอยู่บนแพลตฟอร์ม Whitechapel SoC และชิปตัวนี้มีรหัสรุ่นว่า GS101 ซึ่งคาดว่า GS ย่อมาจาก "Google Silicon"
9to5google ยังมองว่าการที่โครงการ Whitechapel เป็นความร่วมมือกับซัมซุงด้วย จึงมีโอกาสสูงที่ชิปตัวนี้จะคล้ายกับ Exynos หรือมีชิ้นส่วนบางอย่างที่เหมือนกัน
Marc Levoy อดีตวิศวกรพัฒนากล้องมือถือ Pixel ของกูเกิล ผู้นำการพัฒนาเทคโนโลยีกล้องใน Pixel เช่น HDR+, Portrait Mode และ Night Sight ได้งานใหม่ที่ Adobe ซึ่งจากอีเมลบริษัทระบุว่าเป็นงานพัฒนาฟีเจอร์แอปพลิเคชั่นกล้องมือถือ แต่ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอปดังกล่าว
Marc Levoy ลาออกจากกูเกิลในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และเป็นหนึ่งในทีมพัฒนากล้อง Pixel ที่ลาออกหลายรายก่อนหน้านี้ เนื่องจากประสิทธิภาพยอดขาย Pixel 4 ไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไร
Google ประกาศ Pixel feature drops เดือนนี้มีการปรับปรุงฟีเจอร์ Adaptive Battery ให้ดีขึ้น รวมถึงขยายการรองรับแอป Personal Safety ที่มีบน Pixel 4 ให้รองรับบน Pixel ทุกรุ่น ขณะที่ car crash detection ขยายการรองรับไปยัง Pixel 3 ด้วยเช่นกัน
ส่วนของใหม่คือฟีเจอร์ Bedtime ที่จะอยู่ใน Clock สำหรับตั้งช่วงเวลานอนและจะบอกระยะเวลาที่เราใช้งานมือถือ ว่าเปิดแอปอะไรบ้าง เปิดไปกี่นาที ในช่วงระยะเวลานอนที่เราตั้งไว้ พร้อมฟีเจอร์ sleep sounds เพื่อกล่อมนอน
นอกจากนี้แอป Recorder ยังรองรับการสั่งงานด้วย Google Assistant แล้ว ทั้งสั่งให้บันทึกเสียงหรือสั่งให้ค้นหาไฟล์บันทึกด้วยคีย์เวิร์ด เช่น "Hey Google, show me recordings about dogs" ส่วน transcript ที่ถอดบันทึกจากเสียงเอาไว้ก็สามารถเซฟลง Google Docs ได้แล้วด้วย สะดวกกับการแชร์มากขึ้น
ที่มา - Google Blog
ปัญหาสายสแปมโฆษณาหรือ robocalls ที่เป็นเทปอัดไว้นั้นเป็นปัญหาใหญ่ หลายๆ ครั้งเราต้องละความสนใจจากสิ่งที่ทำอยู่มารับสายเพื่อพบว่าเป็นโฆษณา
ตอนที่สมาร์ทโฟน Pixel 4 เปิดตัวก็มีฟีเจอร์ชื่อ Call Screening ติดมาด้วย โดยเมื่อมีสายเข้าจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก โทรศัพท์จะยังไม่ดังและใช้ Google Assistant รับสายแทนก่อน หากสายนั้นเป็นเทปที่อัดไว้ก็จะตัดสายทิ้งให้อัตโนมัติ แต่หากเป็นคนพูดจึงจะมีเสียงริงโทนดังออกมาพร้อมกับแสดงข้อความถอดคำพูดของบุคคลปลายสาย เพื่อให้เจ้าของเครื่องอ่านก่อนว่าจะรับสายนั้นหรือไม่
จุดประสงค์แรกเริ่มของโครงการ Pixel คือการสร้างมาตรฐานหรือชี้แนะแนวทางของสมาร์ทโฟนให้ผู้ผลิตรายอื่นทำตาม รวมถึงให้นักพัฒนาแอพได้ทดสอบแอพของตนกับ Android เวอร์ชันที่ผ่านการปรับแต่งน้อยที่สุด ซึ่งผลคือ Pixel กลายเป็นหนึ่งในมือถือที่วงการแฟลชรอมนิยมกันมาก
ล่าสุดกูเกิลได้ปล่อยเครื่องมือตัวใหม่ในชื่อ Android Flash Tool ช่วยให้การแฟลชรอมเดิมๆ ของ Pixel เป็นไปได้ง่ายมากขึ้นโดยใช้เพียงเว็บเบราว์เซอร์
กูเกิลปล่อยแพตช์ความปลอดภัยประจำเดือนมกราคม 2020 (รอบแพตช์ 2020-01-01) ให้กับสมาร์ทโฟนแบรนด์ Pixel ที่ยังซัพพอร์ตในปัจจุบัน (Pixel 2 ไปจนถึง Pixel 4)
แพตช์รอบนี้อุดช่องโหว่ระดับ critical 1 ตัว (เกี่ยวกับไดรเวอร์ Wi-Fi ของ Realtek), ช่องโหว่ระดับ high 3 ตัว และช่องโหว่ที่เกี่ยวข้องกับ Qualcomm อีกชุดใหญ่
นอกจากช่องโหว่แล้ว อัพเดตรอบเดือนมกราคม 2020 ยังแก้บั๊กอื่นๆ ของ Pixel หลายอย่าง เช่น ปัญหาการเชื่อมต่อ Wi-Fi กับเราเตอร์บางรุ่น, ปรับปรุงคุณภาพเสียง, แก้ปัญหาสีเพี้ยนของ Pixel 4 เป็นต้น
Google ประกาศรายการการอัพเดตฟีเจอร์ใหม่ให้กับสมาร์ทโฟน Pixel ในชื่อ Pixel feature drop ที่จะมีการอัพเดตฟีเจอร์ให้ใหม่อย่างต่อเนื่องแยกออกจากการอัพเดตแพตช์รายเดือน ซึ่ง Google ไม่ได้บอกกรอบเวลาชัดเจนว่า Pixel feature drop จะมาเป็นรายเดือนเหมือนแพตช์ แต่ระบุแค่ว่าจะมีอัพเดตให้อย่างต่อเนื่อง (regular basis)
สมาร์ทโฟนที่ได้ Pixel feature drop คือสมาร์ทโฟนที่ยังอยู่ในระยะซัพพอร์ทรายเดือน ตอนนี้ก็มี Pixel 2 ขึ้นมาจนถึง Pixel 4 ส่วนรายละเอียดฟีเจอร์อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น
บริษัทไอทีใหญ่ๆ ต่างมีโครงการที่เรียกว่า Bug Bounty เปิดโอกาสให้นักวิจัยหรือใครก็ตามที่พบช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ต่างๆ แจ้งเข้ามาเพื่อรับเงินรางวัลแลกกับการที่บริษัทเหล่านั้นจะได้อุดช่องโหว่ก่อนจะเปิดเผยต่อสาธารณะ
ด้านกูเกิลเองก็มีโครงการ Android Security Rewards ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งล่าสุดได้เพิ่มเงินรางวัลสูงสุดเป็น 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 30 ล้านบาท แก่ใครก็ตามที่สามารถรันโค้ดจากระยะไกลแบบคงอยู่แม้จะรีเซ็ตเครื่อง (full chain remote code execution exploit with persistence) บนชิปความปลอดภัย Titan M ที่อยู่ในสมาร์ทโฟน Pixel 3 ขึ้นไป
จากกรณี Google Pixel รุ่นแรกจะไม่ได้รับแพตช์ความปลอดภัยอีก เพราะครบกำหนดระยะซัพพอร์ต 3 ปีแล้ว
ตัวแทนของกูเกิลให้ข้อมูลกับ The Verge ว่าจะยังยืดอายุซัพพอร์ตให้ Pixel อีกเล็กน้อย โดยข้ามแพตช์รอบเดือนพฤศจิกายน 2019 ไป แต่จะอัพเดตให้อีกครั้งในรอบเดือนธันวาคม 2019 ซึ่งรวมช่องโหว่ของรอบเดือนพฤศจิกายนให้ด้วยเลย
อัพเดตรอบนี้จะถือเป็นอัพเดตตัวสุดท้าย (จริงๆ) ของ Pixel รุ่นแรกนั่นเอง
ที่มา - The Verge
วันนี้กูเกิลปล่อยแพตช์ความปลอดภัย Pixel เดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นแพตช์แรกของ Pixel 4 และ 4 XL ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ในขณะเดียวกัน เดือนนี้ก็เป็นเดือนแรกที่ Pixel รุ่นแรกไม่ได้รับแพตช์อีกต่อไป
Pixel และ Pixel XL เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2016 หลังกูเกิลยกเลิกโครงการ Nexus ไป โดยถือเป็นผลิตภัณฑ์แรกในตระกูล Made by Google และได้สร้างชื่ออย่างยิ่งใหญ่จากกล้องที่ให้ภาพคุณภาพดีเยี่ยมเหนือสมาร์ทโฟนอื่นในตลาดขณะนั้น ซึ่งตอนเปิดตัวกูเกิลระบุว่า Pixel จะได้รับอัพเดตเวอร์ชันใหญ่ 2 ปี และแพตข์ความปลอดภัยรายเดือน 3 ปี ทำให้แพตช์เดือนตุลาคม 2019 เป็นแพตช์สุดท้ายของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้
หนึ่งในฟีเจอร์ที่ถูกจับตามองที่สุดของ Google Pixel 4 คงหนีไม่พ้นเซ็นเซอร์ Soli ที่ใช้ท่าทางของมือ (Gesture) เพื่อควบคุมสมาร์ทโฟนแน่นอน กูเกิลจึงร่วมมือกับทาง Pokémon Company เพื่อพัฒนาแอพใหม่ที่นำมาใช้กับฟีเจอร์นี้โดยเฉพาะ และแอพนี้ชื่อว่า "Pokémon Wave Hello!"
โดยแอพนี้จะให้เราทดลองเล่นกับโปเกม่อนทั้งหมด 5 ตัว ได้แก่ พิคาชู, อีวุย, ซารุโนริ (Grookey), เมซซอน (Sobble), ฮิบานี่ (Scorbunny) จะมีคำสั่งง่าย ๆ เช่นโบกมือ, ลูบหัวและอื่น ๆ พอเราเล่นครบทั้งห้าตัวแล้วก็สามารถวนกลับมาเล่นอีกรอบได้ (สามารถดูตัวอย่างได้ในที่มา)
Nikkei Asian Review รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวจากคนในของ Google ระบุว่าบริษัทกำลังย้ายฐานการผลิตสมาร์ทโฟน Pixel จากจีนไปเวียดนาม โดยเล็งใช้งานโรงงานเก่าของ Nokia ทางตอนเหนือของประเทศ
เหตุผลสำคัญก็หนีไม่พ้นค่าแรงของจีนที่เพิ่มขึ้น และกำแพงภาษีที่เพิ่มขึ้นจากสงครามการค้า เบื้องต้นคือย้ายสายการผลิต Pixel 3a มาเวียดนามก่อนภายในสิ้นปีนี้ โดย Nikkei ระบุด้วยว่าแผนการของ Google คือย้ายกระบวนการผลิตส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะมือถือหรือลำโพงอัจฉริยะออกมาจากจีนทั้งหมด ในส่วนของลำโพงอัจฉริยะอาจย้ายกระบวนการผลิตบางส่วนมาไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม Google ยังคงเหลือกระบวนการผลิตและพัฒนาบางส่วนเอาไว้ในจีน ด้วยความที่จีนเป็นตลาดขนาดใหญ่
อาจมีหลายครั้งที่เราต้องการติดต่อหน่วยฉุกเฉิน (เช่น 911 ในสหรัฐอเมริกา) แต่อยู่ในสถานการณ์ที่สื่อสารด้วยเสียงไม่ได้ เช่น มีคนร้ายอยู่ในบริเวณที่อาจได้ยิน บาดเจ็บหรือมีปัญหาเรื่องการพูดอยู่ก่อนแล้ว ข้อจำกัดเหล่านี้อาจทำให้เราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากได้
ล่าสุดกูเกิลประกาศเพิ่มฟีเจอร์ให้แอพโทรศัพท์ของ Google Pixel ให้เราสามารถกดปุ่มเดียว (เช่น Medical, Police, Fire) ในแอพโทรศัพท์ แล้วกูเกิลจะสร้างเสียงสนทนาให้เราอัตโนมัติ ฝั่งโอเปอเรเตอร์หรือระบบอัตโนมัติของหน่วยงานฉุกเฉิน จะได้ยินเสียงพูดว่าผู้ใช้โทรศัพท์เครื่องนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องการความช่วยเหลือด้านใด พร้อมที่อยู่ของเรา (เป็นข้อความ) และพิกัด GPS ของเราในขณะนั้น
ช่วงวันสองวันนี้มีการปล่อยภาพเรนเดอร์ของ Pixel 4 ที่ต่างออกไปจากข่าวลือก่อนหน้านี้ คือมีโมดูลกล้องขนาดใหญ่อยู่บริเวณมุม สร้างความฮือฮาว่าดันไปเหมือนรูปเรนเดอร์ของ iPhone รุ่นถัดไป
ล่าสุดบัญชีทวิตเตอร์ Made by Google ที่ดูแลด้านฮาร์ดแวร์ของกูเกิลได้ปล่อยภาพเรนเดอร์ของ Pixel 4 ออกมาเอง พร้อมคำบรรยายว่า "ดูเหมือนจะมีกระแสความสนใจ นี่ไงล่ะ! คอยดูแล้วกันว่ามันจะทำอะไรได้บ้าง"
ในงาน Google I/O เมื่อคืน นอกจากจะเปิดตัวสมาร์ทโฟน Google Pixel 3a และ 3a XL แล้ว กูเกิลยังประกาศเพิ่มโหมดถ่าย time lapse ให้ Pixel ทุกรุ่นด้วย
โหมดดังกล่าวจะซ่อนอยู่ในเมนู "More" บนแอพ Google Camera โดยสามารถเลือกความเร็วได้ตั้งแต่ 5x, 10x, 30x ไปจนถึง 120x และแอพ Google Photos จะรองรับการแสดงผล time lapse ด้วย
กูเกิลระบุว่าจะอัพเดตเพิ่มโหมด time lapse ให้ Pixel ทุกรุ่นเร็วๆ นี้ ส่วน Pixel 3a และ 3a XL จะมีโหมดนี้มาตั้งแต่แกะกล่องเลย
ที่มา - Engadget
ฟีเจอร์ Playground หรือโหมด AR บนกล้องมือถือ Pixel มีคาแรกเตอร์เสมือนจริงของคนดังหรือ Playmoji ให้ผู้ใช้งานเล่นสนุกๆ ได้ โดยล่าสุด Playmoji ของนักร้องดังที่สร้างปรากฏการณ์สะเทือนวงการเพลงอย่าง Childish Gambino ก็เปิดให้เล่นกันแล้ว
ผู้ใช้สามารถเลือก Playmoji ของ Childish Gambino ไปวางในรูปถ่ายหรือในคลิปได้ ในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ใช้ ARCore ที่สามารถแทรคแสง และสิ่งแวดล้อมในโลกจริง ให้ความรู้สึกว่าตัว Playmoji เหมือนอยู่ในสถานที่นั้นจริงๆ
Google ปล่อยแพตช์ความปลอดภัยประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2019 ให้สมาร์ทโฟนในกลุ่ม Pixel แล้ว อุดช่องโหว่ความปลอดภัยทั้งหมด 42 จุด เป็นระดับร้ายแรง (critical) 11 จุด รวมถึงช่องโหว่ที่เกิดจากฮาร์แวร์ของ NVIDIA และ Qualcomm
หนึ่งในช่องโหว่ระดับร้ายแรงเป็นช่องโหว่ในเฟรมเวิร์ค ที่เปิดให้โจมตีทางไกลผ่านไฟล์ .PNG เพื่อรันโค้ดด้วยโปรเซสที่มีสิทธิระดับสูง ซึ่งกระทบตั้งแต่ Android Nougat ขึ้นไป อย่างไรก็ตาม Google ระบุว่ายังไม่พบรายงานการโจมตีด้วยช่องโหว่นี้
Google เริ่มจริงจังและตั้งแผนกฮาร์ดแวร์แยกมาตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งถึงแม้จะตั้งไม่นานและรายได้ของฮาร์ดแวร์ยังไม่ถูกแยกออกมาในรายงานงบประมาณ เพราะถูกจัดอยู่ในกลุ่มอื่นๆ (others revenue) ที่รวมกับธุรกิจคลาวด์และ Play Store แต่นักวิเคราะห์จาก RBC Capital Markets คาดการณ์ว่ารายได้ของฮาร์ดแวร์ก็ไปได้สวยกว่าที่เห็น
RBC คาดการณ์ว่ารายได้รวมของฮาร์ดแวร์ปีนี้ของ Google จะอยู่ที่ราว 8.8 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วจาก 5.3 พันล้านอยู่ราว 65% กำไรปีนี้อยู่ที่ 2.99 พันล้าน เพิ่มขึ้น 55% โดยรายได้และกำไรที่เยอะที่สุดมาจากกลุ่ม Pixel และ Google Home ตามมาด้วย Nest และ Chromecast
วันนี้กูเกิลออกแพตช์ความปลอดภัย Android ประจำเดือนธันวาคม 2018 แพตช์รอบนี้เป็นแบบตามปกติมี 2 ชุด ได้แก่ชุด 1 ธ.ค. สำหรับพาร์ทเนอร์ที่ต้องการอุดช่องโหว่ก่อน ชุด 5 ธ.ค. ที่เป็นแพตช์ชุดสมบูรณ์ (แพตช์ตัวนี้จะรวมเอาแพตช์ 1 ธ.ค. มาด้วย)
แพตช์ 1 ธ.ค. แก้ช่องโหว่ด้านความปลอดภัย 17 จุด (CVE) เป็นระดับร้ายแรง (critical) 6 จุด เป็นเรื่องของ Mediaserver เจ้าเก่าทั้ง 4 จุด ส่วนแพตช์ 5 ธ.ค. แก้เพิ่มอีก 36 จุด ส่วนมากเป็นเรื่องช่องโหว่บนไดรเวอร์ของผู้ผลิตอย่าง Qualcomm โดยเป็นช่องโหว่ระดับร้ายแรงถึง 5 จุด