Google ได้ออกอัพเดตแอพ Play Store ใหม่ โดยรอบนี้มาพร้อมกับไอคอนแบบใหม่ทั้งตัวไอคอนของแอพและการแจ้งเตือน คือจะใช้เป็นไอคอนสามเหลี่ยมโดด ๆ ไม่มีถุงช้อปปิ้งครอบอีกแล้ว หลังจากที่ถุงช้อปปิ้งถูกใช้มาตั้งแต่สมัย Android Market ซึ่งการปรับปรุงครั้งนี้จะทำให้โลโก้ Play Store มีโลโก้เป็นรูปสามเหลี่ยมโดด ๆ ไม่มีอะไรตกแต่ง โดยไอคอนลักษณะนี้เริ่มใช้กับ Google Pixel เป็นครั้งแรก และจะปล่อยให้ผู้ใช้ Android บนอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ใช้งานต่อไป
บริษัทวิจัยแอพมือถือ App Annie ออกมาพยากรณ์ตลาดแอพของปี 2017 มองว่าตลาดรวมมีรายได้ราว 82,200 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน และใน 5 ปีข้างหน้า 2021 ตลาดจะอยู่ที่ 139,100 ล้านดอลลาร์ เติบโตเฉลี่ยปีละ 18% โดยมีเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดสำคัญ
App Store ของ iOS จะยังครองเบอร์หนึ่งในด้านรายได้ต่อไปถึงปี 2021 แต่ก็มีสิ่งน่าสนใจสำหรับปี 2017 นั่นคือหากรวมรายได้ Google Play กับร้านค้าแอพรายอื่นเข้าด้วยกัน (เช่น Amazon Appstore, Samsung Galaxy) รายได้จาก Android จะแซง iOS เป็นปีแรก โดย App Store คาดทำเงิน 60,000 ล้านดอลลาร์, Google Play 42,000 ล้านดอลลาร์ และร้านค้าแอพอื่นๆ 36,000 ล้านดอลลาร์
ที่ผ่านมาแม้ iOS จะมีจำนวนผู้ใช้น้อยกว่า Android แต่แอปเปิลก็มักย้ำเสมอว่านักพัฒนาทำเงินบนแพลตฟอร์มได้มากกว่า Android ก็ดูเหมือนตัวเลขนี้จะเปลี่ยนไปเสียแล้ว
ที่มา: App Annie ผ่าน Phone Arena
Google Play Store อนุญาตให้นักพัฒนาตั้งค่าลดราคาและช่วงเวลาที่ลดราคาของแอพหรือเกมส์ได้เอง โดยฝั่งผู้ใช้จะแสดงให้ทราบว่าแอพหรือเกมส์นั้นๆ ลดราคาจากราคาปกติเหลือเท่าไหร่และบอกด้วยว่าหมดเวลาลดราคาตอนไหน
สำหรับอัพเดตนี้ นักพัฒนาจะสามารถกำหนดราคาส่วนลดแอพหรือเกมส์ของตัวเอง โดยราคาต้องถูกลดอย่างน้อย 30% ของราคาเดิมและวันที่ลดราคาจะต้องมากกว่า 1 วันและไม่เกิน 8 วัน ที่สำคัญคือหากจะลดราคาใหม่ต้องรอไปอีก 30 วันจึงจะสามารถลดราคาได้ใหม่ ทั้งนี้อนุญาตให้ลดราคาได้เฉพาะแอพที่ขายเต็มราคาเท่านั้น ไม่รวม in-app purchases ของแอพ
สำหรับฝั่งผู้ใช้บน Google Play Store เมื่อเข้าไปที่หน้าแอพลดราคา ที่ปุ่ม Buy จะแสดงราคาที่ลดราคาแล้ว ส่วนด้านบนปุ่มจะแสดงราคาเต็มของแอพและกลางจอจะแสดงช่วงเวลาที่ยุติการลดราคา ทำให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจซื้อแอพหรือเกมส์ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
ที่มา : 9To5Google
อย่างที่ทราบกันว่าบริการต่างๆ ของ Google ไม่สามารถเข้าไปให้บริการในจีนได้ 7 ปีแล้ว และด้วยขนาดของตลาดจีนแล้วดูเหมือนว่า Google จะไม่ได้ยอมให้เป็นเช่นนี้ไปตลอด เมื่อ The Information รายงานอ้างอิงแหล่งข่าววงในว่า Google กำลังเจรจาอยู่กับ NetEase ผู้ให้บริการเกมออนไลน์ในจีน (ที่ทำข้อตกลงกับไมโครซอฟท์นำ MineCraft ทำตลาดในจีน) ในการเปิดบริการ Play Store ในประเทศจีน
อย่างไรก็ตามยังไม่มีการยืนยันว่าการเจรจาจะสำเร็จลุล่วงแค่ไหนอย่างไร แต่หากสำเร็จคาดว่าการเปิด Play Store ของ Google อาจจะไม่แตกต่างกับ App Store ของแอปเปิลคือต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและการเซ็นเซอร์ของรัฐบาลจีน และแอพบางตัวจะไม่สามารถนำไปขายในตลาดจีนได้
Google ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อของ Android for Work และ Google Play for Work ซึ่งเป็นการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับการทำงานมากขึ้น โดยชื่อเหลือเพียงแค่ Android และ Google Play เท่านั้น หรือว่าง่าย ๆ คือรวมเป็นส่วนหนึ่งของ Android และ Google Play โดยไม่ใช้ชื่อแยก ซึ่ง Google ก็ได้ให้เหตุผลถึงการเปลี่ยนแปลงไว้ว่า การปรับแบรนด์ให้ง่ายขึ้นนั้นเพื่อเป็นการสะท้อนว่า API ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะถูกรวมเข้าไปยัง Android และ Google Play แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้แบรนด์แยกอีก
กูเกิลประกาศใช้วิธีอัพเดตไฟล์แอพแบบใหม่บน Google Play ส่งผลให้ขนาดไฟล์อัพเดตแอพ ลดลงเฉลี่ยถึง 65-90% จากไฟล์แอพตัวเต็ม (กรณีดาวน์โหลดใหม่) ช่วยให้กูเกิลประหยัดทราฟฟิกได้ถึงวันละ 6 petabyte
ไฟล์ APK ของ Android เป็นไฟล์ ZIP ที่ถูกบีบอัดเพื่อให้ขนาดเล็กตอนดาวน์โหลด ปัญหาของไฟล์ที่ถูกบีบอัดคือดูความเปลี่ยนแปลง (diff) ได้ยาก เพราะต่อให้เปลี่ยนไส้ในเพียงตัวอักษรเดียว แต่ไฟล์ที่บีบอัดแล้วจะมีข้อมูลบิตแตกต่างกันมาก ส่งผลให้ที่ผ่านมา กูเกิลต้องให้เราดาวน์โหลดไฟล์ APK ใหม่ทั้งก้อนเมื่อแอพมีอัพเดต แม้ว่าแอพจะอัพเดตเพียงนิดเดียวก็ตาม
Google ได้ประกาศเพิ่มฟีเจอร์เกี่ยวกับ Google Play Movies & TV ที่สำคัญหลายอย่าง ดังนี้
4K Ultra HD คือ Google Play Movies จะเริ่มให้บริการภาพยนตร์แบบ 4K กับภาพยนตร์ที่รองรับกว่า 125 เรื่อง โดยใช้ VP9 โดยภาพยนตร์แบบ 4K จะสามารถซื้อได้ผ่านอุปกรณ์ Android และสตรีมมิ่งไปยัง Chromecast Ultra, Sony Bravia Android TV, Mi Box 3 ซึ่งผู้ใช้ Chromecast นั้นก็จะมีภาพยนตร์ให้ทดลองทันที คือ Ghostbuster และ Captain Phillips สามารถเข้าไปรับสิทธิภาพยนตร์ได้ทันทีที่เว็บ Chromecast Ultra และภาพยนตร์ 4K จะยังเปิดขายเฉพาะในสหรัฐฯ และแคนาดาเท่านั้น
Google ได้ประกาศผล Google Play Best of 2016 ซึ่งรวบรวบแอพ, เกม, เพลง,ภาพยนตร์, รายการทีวีและหนังสือที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 อันดับในปีที่ผ่านมาบน Google Play Store มีผลดังต่อไปนี้
Google ประกาศว่า Google Play Services 10.0.0 และ Firebase 10.0.0 ไคลเอนท์ไลบราลี่สำหรับ Android จะเป็นเวอร์ชันสุดท้ายที่จะรองรับ Android API ตั้งแต่ level 9 จนถึง 13 โดยไลบรารีเวอร์ชันถัดไปคือตั้งแต่ 10.2.0 ที่จะออกในต้นปี 2017 จะรองรับ Android API เฉพาะ level 14 ขึ้นไปเท่านั้น
หมายความว่า หากผู้ใช้ต้องการอัพเดต Google Play Services 10.2.0 หรือใหม่กว่า จำเป็นต้องใช้ Android 4.0 Ice Cream Sandwich หรือใหม่กว่าเท่านั้น ทำให้ Android 2.3 Gingerbread และ Android 3.0, 3.1, 3.2 Honeycomb ไม่รองรับไลบรารีรุ่นใหม่นี้
ทั้งนี้ หากนักพัฒนาเลือกที่จะพัฒนาแอพให้รองรับ API ที่รองรับ level ที่ขนาดต่ำกว่า 14 ก็สามารถทำได้อยู่ โดยใช้โค้ดดังนี้
กูเกิลประกาศจัดระเบียบพวกสแปมแอพหรือปั่นอันดับใน Google Play Store โดยเพิ่มระบบตรวจสอบแอพที่พยายามปั่นอันดับด้วยการจ้างติดตั้ง รีวิวปลอม หรือจ้างให้รีวิวด้วยคะแนนดีๆ ระบบของกูเกิลสามารถตรวจสอบพฤติกรรมลักษณะนี้ และถอดแอพออกจากระบบได้
กูเกิลเตือนให้นักพัฒนาแอพระมัดระวัง ถ้าหากสนใจจ้างบริษัทด้านการตลาดช่วยโปรโมทแอพ ก็ควรต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข Google Play Developer Policy อย่างเคร่งครัด
ที่มา - Android Developers Blog
เปิดให้ดาวน์โหลดเรียบร้อยแล้วสำหรับแอพแชทใหม่จาก Google หรือ Google Allo และทาง Blognone ก็รีวิวการใช้เจ้าแอพนี้ไปแล้ว
ตอนนี้ผ่านมาประมาณ 1 อาทิตย์ Allo ตอนนี้ขึ้นแท่นแอพอันดับ 8 ที่มีคนดาวน์โหลดมากที่สุดใน Play Store จำนวนการดาวน์โหลดคือ 5 ล้านครั้งแล้ว
ในขณะเดียวกัน แอพพี่น้อง Google Duo ทำได้ไม่ดีเท่า สามารถทำอันดับ 1 ใน Play Store หลังเปิดตัว 2 วัน และขยับสู่การดาวน์โหลด 5 ล้านครั้งในวันที่ 9 ส่วน Allo ขึ้นอันดับ 1 ในเวลาสองวันหลังเปิดตัว และทำยอด 5 ล้านดาวน์โหลดได้ในวันที่ 7
ก่อนหน้านี้ Chrome OS รองรับการรันแอพ Android จาก Play Store แล้ว แต่ยังจำกัดเฉพาะรุ่นทดสอบ Dev Channel เท่านั้น
วันนี้ กูเกิลออก Chrome OS 53.0.2785.129 ที่มีสถานะเป็นรุ่นเสถียร (Stable Channel) และมี Google Play Store มาให้ในตัวแล้ว โดยใช้ได้กับ ASUS Chromebook Flip, Acer Chromebook R11/C738T ส่วนรุ่นอื่นๆ จะตามมาในภายหลัง
ในแง่การใช้งานคงไม่แตกต่างจากตอนเป็น Dev Channel มากนัก แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ Play Store อย่างเป็นทางการบน Chrome OS รุ่นเสถียรครับ
ที่มา - Google Chrome Releases
Instagram กลายเป็นแอพตัวล่าสุดบนร้าน Google Play Store ที่มียอดดาวน์โหลดเกิน 1 พันล้าน ถ้านับตามลำดับแล้วเป็นแอพตัวที่ 19 ที่ข้ามเส้นพันล้าน (ตัวแรกที่ทำได้คือ Gmail ในปี 2014) และเป็นแอพตัวที่ 4 ของ Facebook ถัดจากแอพ Facebook, Messenger, WhatsApp
ตัวเลขพันล้านของ Play Store นับการดาวน์โหลดไปติดตั้ง โดยคิดแยกตามบัญชีผู้ใช้-ฮาร์ดแวร์ที่ติดตั้ง (การดาวน์โหลดซ้ำไม่นับ) ซึ่งตัวเลขนี้จะเยอะกว่าจำนวนผู้ใช้งานจริง (ที่อาจมีหลายเครื่อง) ส่วนสถิติผู้ใช้งานจริง (active users) ของ Instagram คือ 500 ล้านคน
Google นั้นเริ่มที่จะตัด Google+ ออกจากบริการต่าง ๆ เรื่อย ๆ และล่าสุดก็มาถึงคิวของ Play Store แล้ว โดยตอนนี้ได้ปิดการโหวตแแอพโดยใช้ Google+ และไม่จำเป็นต้องใช้บัญชี Google+ ในการรีวิวแอพ, เกม และสื่ออื่น ๆ อีกต่อไป และส่วน People ใน Play Store ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้ Google+ อย่างมาก รวมถึงระบบ +1 บน Play Store ก็จะถูกปิดเช่นกัน
การปลดการผูกบัญชี Google+ เข้ากับบริการต่าง ๆ ของ Google นี้เริ่มตั้งแต่กลางปีที่แล้ว โดยให้เหตุผลว่า การที่อนุญาตให้ผู้ใช้ได้ใช้เพียงบัญชีหลักของ Google ในการเข้าสู่บริการนั้นจะช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะผู้อื่นจะได้ไม่สามารถติดตามเราผ่านทาง Google+ ได้โดยตรง
เมื่อวานนี้ BlackBerry ประกาศว่าบริษัทได้ปล่อย BlackBerry Hub+ แอพ Hub ที่รวมเอาการติดต่อสื่อสารและข้อความทั้งหมดของ BlackBerry ที่เคยอยู่บน BlackBerry 10 และภายหลังนำมาไว้บน Android กับเครื่องที่บริษัทจำหน่าย (PRIV และ DTEK50) ลง Play store แล้ว
ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่า Google จะเปิดตัว Google Play Family Library ซึ่งเป็นไลบราลี่ของ Google Play เอาไว้แชร์กันภายในครอบครัว และตอนนี้ Google ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว
Google Play Family Library นี้จะสามารถแบ่งปันสิ่งที่ซื้อจาก Google Play ทุกอย่างกับสมาชิกในครอบครัวได้ 6 คน ไม่ว่าจะเป็นหนัง, รายการทีวี หรือหนังสือ ที่สามารถแบ่งปันกับผู้ใช้ Google Play ในครอบครัวผ่านแพลตฟอร์มใดก็ได้ ส่วนแอพจะสามารถแบ่งได้เฉพาะคนในครอบครัวที่ใช้ Android เท่านั้น
กูเกิลประกาศความเปลี่ยนแปลงของการอัพเดตไฟล์แอพผ่าน Google Play Store เพื่อตอบสนองปริมาณและความถี่ของการอัพเดตแอพที่เพิ่มขึ้น ดังนี้
หลังปล่อย Play Store ลงบน Dev Channel ของ Chrome OS มี Chromebook เพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่ได้รับอัพเดตนี้ ล่าสุด Chromebook Pixel รุ่นใหม่ และ Acer R11 ดูเหมือนจะได้รับ Chrome OS เวอร์ชัน 53 นี้แล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตามทางเว็บ Chrome Story ระบุว่าผู้ใช้ Pixel สามารถอัพเดตได้แล้วตอนนี้ ตรงกันข้ามกับทาง Acer R11 ที่ยังไม่มีข้อมูลว่าได้รับอัพเดตแล้วหรือไม่ หรือจะได้เมื่อไหร่ครับ
ที่มา - Chrome Story
Google เตรียมเปิดตัวระบบแบ่งปันหนัง, เพลง และแอพที่ซื้อมาจาก Play Store ให้กับคนในครอบครัวได้อีก 6 คน โดยสิ่งที่ซื้อเหล่านี้สามารถแบ่งปันใช้ได้ทั้งอุปกรณ์ Android, เว็บไซต์ Google และแอพ Google Play บน iOS โดยบริการนี้จะใช้ชื่อว่า Google Play Family Library
บริการ Google Play Family Library ลักษณะก็จะคล้ายกับ Family Sharing ของ Apple คือจะมีผู้จัดการบัญชีของครอบครัวคนหนึ่ง ที่สามารถจัดการได้ว่าคอนเทนต์อะไรบ้างที่จะให้แชร์ไปแต่ละอุปกรณ์ บริการนี้ไม่เสียเงินแต่ต้องเพิ่มบัตรเครดิตเข้าไปใน Play Store ด้วย เพื่อให้คนในครอบครัวทุกคนที่ผูกบัญชีเข้าด้วยกันใช้บัตรเครดิตใบเดียวกันได้
ทาง CNET กล่าวว่าบริการนี้ Google จะเริ่มเปิดให้ใช้ในปลายเดือนนี้กับประเทศกลุ่มหนึ่ง
กูเกิลยังเดินหน้าผลักดันบริการของตัวเองให้รองรับ AMP ต่อไป บริการตัวล่าสุดคือ Google Play Newsstand แอพอ่านข่าวในซีรีส์ Google Play รองรับการแสดงผลข่าวสารจากฟอร์แมต AMP แทน RSS Feed แบบเดิมแล้ว
ข้อดีของการแสดงเนื้อหาแบบ AMP คือควบคุมฟอร์แมตการแสดงผลได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับหน้าจอมือถือมากขึ้นกว่า RSS Feed ที่มีแต่ text และทำอะไรไม่ได้มากนัก สำหรับเว็บเพจที่อยากแสดงผลเนื้อหาในระบบ Newsstand เป็น AMP แทน Feed ก็สามารถปรับแต่งในหน้า Google Play Newsstand Producer ได้เลย
สำหรับคนที่อยากติดตาม Blognone ใน Google Play Newsstand ก็ตามลิงก์
เว็บไซต์ 9to5Google ค้นพบว่า บริการ Google Play Music แบบเหมาจ่ายและ YouTube Red เริ่มให้ผู้ใช้ได้ทดลองใช้ฟรีเป็นเวลา 4 เดือนแล้ว จากเดิมที่ให้ทดลองใช้ฟรีได้แค่ 1 เดือนเท่านั้น และเมื่อพ้น 4 เดือนจึงจะเริ่มจ่าย 9.99 ดอลลาร์ต่อเดือน (สำหรับ plan ผู้ใช้คนเดียว ส่วน plan อื่นก็จะแตกต่างกันไป)
โปรโมชั่นทดลองใช้ฟรี 4 เดือนนี้ จะใช้ได้เฉพาะผู้ที่สมัครใหม่เท่านั้น ฉะนั้นถ้าเกิดใครเคยสมัครหรือใช้ฟรี 1 เดือนไปแล้วก็หมดสิทธิ์ที่จะได้ลองใช้ฟรี 4 เดือน และแน่นอนว่าทั้งสองบริการนี้ Google ยังไม่ได้เปิดให้ใช้ในไทย
ที่มา - 9to5Google
Lookout บริษัทด้านความปลอดภัยได้ตรวจสอบแอพ LevelDropper ซึ่งเป็นแอพเครื่องมือบนแอนดรอยด์ พบว่าตัวแอพสามารถรูทเครื่องโดยไม่แจ้งผู้ใช้ ติดตั้งแอพอื่นลงไปในเครื่องและแสดงโฆษณาขึ้นมาได้เอง โดยแอพนี้ถูกนำออกจาก Play Store เรียบร้อยแล้ว
ทาง Lookout ระบุว่าถึงแม้จะเข้าไปดูในไดเร็กทอรี /system และไบนารีไฟล์ของตัวเครื่องจะไม่พบว่าเครื่องถูกรูท แต่พาร์ทิชันที่ควรจะเป็น read-only กลับสามารถเขียนไฟล์ลงไปได้ รวมถึงพบไฟล์ APKs ภายในแอพที่อาศัยสิทธิจากการรูทแสดงโฆษณาขึ้นมาบนเครื่อง อีกทั้งยังพบแอพที่ไม่เคยเห็นมาก่อน หลังติดตั้ง LevelDropper ด้วย
ผู้อ่าน Blognone อาจจะทราบแล้วว่า Google จะทำให้ Chrome OS สามารถรันแอพของ Android ได้ และปล่อยอัพเดตที่มีคุณสมบัติดังกล่าวแล้วลง Dev channel ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
คำถามอันหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นได้คือมันใช้งานได้ดีแค่ไหน หรือมีข้อจำกัดอะไรบ้าง ผมมีโอกาสได้ลองใช้คุณสมบัตินี้หลังจากอัพเดตถูกติดตั้งบน Chromebook Flip เลยนำมาเขียนเป็นรีวิวสั้นๆ เผื่อท่านผู้อ่านที่กำลังสนใจว่าความสามารถนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะกับผู้อ่านที่กำลังคิดจะซื้อ Chromebook
ถือว่ามาตามนัดสำหรับคุณสมบัติใหม่ของ Chrome OS ที่จะสามารถรันแอพจาก Android ได้พร้อมกับ Play store เมื่อวันนี้ Google ปล่อย Chrome OS รุ่น 53.0.2768.0 กับผู้ใช้ Chromebook ที่รับอัพเดตจาก Dev Channel ให้แล้ว
เมื่อผู้ใช้ติดตั้งอัพเดตนี้เสร็จและทำการรีสตาร์ทเครื่อง จะปรากฎโลโก้ของ Play store ที่แถบด้านล่าง (Chrome OS เรียกว่า shelf) ซึ่งสามารถเรียกใช้งานและเข้าไปโหลดแอพได้ทันทีโดยใช้เวลาไม่มากนัก ผมทดลองเบื้องต้นแล้วก็พบว่าใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหาบน ASUS Chromebook Flip
ทั้งนี้ คุณสมบัติดังกล่าวยังมีเฉพาะผู้ใช้ที่รับอัพเดตจาก Dev Channel และใช้ Chromebook เฉพาะบางรุ่นที่กำหนดเท่านั้น
Google เปิดตัวฟีเจอร์ Nearby บน Google Play Services เวอร์ชันใหม่ ซึ่งจะคอยแนะนำแอพพลิเคชันบน Play Store โดยอิงกับสถานที่ที่ผู้ใช้อยู่ อาทิ อยู่ในพิพิธภัณฑ์ แถบแจ้งเตือนก็จะแนะนำแอพ Audio Tour ขึ้นมาให้ และหากมีการเชื่อมต่อ Google Cast หรือ Android Wear ก็จะมีการแจ้งเตือนบนอุปกรณ์เหล่านั้นด้วยเช่นกัน
ฟีเจอร์ใหม่จะทำงานต่อเมื่อผู้ใช้เปิดใช้งาน Location และ Bluetooth อยู่เท่านั้น และรองรับแอนดรอยด์เวอร์ชัน 4.4 Kitkat ขึ้นไปเท่านั้น
สำหรับนักพัฒนาหรือห้างร้าน สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ผ่านมาตรฐาน Physical Web ของ Google ครับ