เว็บไซต์ VentureBeat รายงานว่า กูเกิลกำลังพัฒนา YouTube Connect แอพถ่ายทอดสดผ่านสมาร์ทโฟนรัน Android และ iPhone ซึ่งน่าจะออกมาเพื่อแข่งกับ Periscope และ Facebook Live
แหล่งข่าวเผยว่า YouTube Connect จะมีฟีเจอร์แชต แท็กวิดีโอ "news feed" ที่โชว์คลิปล่าสุดจากเพื่อนๆ ของผู้ใช้หรือช่องที่ผู้ใช้ subscribe ไว้ และบันทึกการถ่ายทอดไว้ดูภายหลังได้ ผู้ใช้สามารถเรียกดูการถ่ายทอดสดได้จากเว็บ YouTube หรือแอพ YouTube Connect
กูเกิลเปิดศึกชิงส่วนแบ่งตลาดคลาวด์จาก Amazon Web Services ด้วยแนวคิดว่าไม่ย้ายออกจาก AWS ไม่เป็นไร แต่ใช้บริการของกูเกิลช่วยมอนิเตอร์ระบบด้วยก็ได้
บริการตัวนี้ชื่อ Google Stackdriver มีไว้มอนิเตอร์ เก็บล็อก และตรวจสอบปัญหาของระบบคลาวด์ มันสามารถใช้ได้กับ Google Cloud Platform และ Amazon Web Services หรือจะมอนิเตอร์สองระบบคู่กันเลยก็ยังได้ (ล็อกและสถิติทั้งหมดจากทุกบัญชี ทุกยี่ห้อ จะถูกรวบรวมมาแสดงบน dashboard อันเดียวกัน)
สถานะของ Stackdriver ยังเป็นเบต้า เปิดให้ทดสอบใช้งานฟรี ส่วนราคาเปิดตัวต้องรอประกาศต่อไปครับ
Google เปิดตัว Cloud Machine Learning บริการคลาวด์เพื่อสอนคอมพิวเตอร์ให้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ตัวเอนจินการเรียนรู้ใช้ไลบรารี TensorFlow ที่กูเกิลเปิดซอร์สเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเอนจินตัวเดียวกับที่ใช้ใน Google Photos, Google Now และระบบค้นหาด้วยเสียงของ Google Search
Google Cloud Machine Learning ออกแบบมาสำหรับองค์กรที่อยากสร้างโมเดลวิเคราะห์และเรียนรู้ข้อมูล แต่ไม่อยากลงทุนทำระบบเองที่ต้องคำนึงเรื่องการขยายระบบในอนาคต ก็สามารถเช่าคลาวด์กูเกิล โหลดข้อมูลที่เรามีใส่ลงไปเพื่อให้ระบบเรียนรู้ ผลลัพธ์ออกมาเป็นโมเดลพร้อมใช้งานพยากรณ์ (prediction) ทันที (งานระหว่างกลาง กูเกิลจัดการให้หมด) ตัวอย่างการใช้งาน Cloud Machine Learning คือแอพด้านการเงินสามารถโหลดข้อมูลตัวอย่างเพื่อให้พยากรณ์ค่าได้เลย
ในกระดานที่สอง จักรกลจากกูเกิลเดินหมากสุดหยั่งคาด และมันงามงดถึงที่สุด มันสำแดงพลังอันท่วมท้นและศักยภาพอันเร้นลับของปัญญาประดิษฐ์ให้โลกได้รับรู้
แต่ในกระดานที่สี่ มนุษย์ย้อนรอยด้วยตาหมากที่แม้จักรกลก็สุดคะเน หางดงามน้อยกว่าไม่ มิได้เหนือกว่า และมิได้ด้อยกว่า มันแสดงให้เห็นว่า แม้จักรกลจะเข้าสู่ห้วงเวลาแห่งอัจฉริยะได้ มนุษย์ก็มิได้พ่ายแพ้ในการก้าวข้ามสู่ห้วงอันสูงส่งเช่นกัน ในอนาคตกาลอันใกล้ เมื่อเรา - ผองมนุษย์ทำงานร่วมกับจักรกล อัจฉริยภาพของมนุษย์ก็จักเติบโตเคียงข้างกันไป
Diane Greene หัวหน้าฝ่ายคลาวด์คนใหม่ของกูเกิล (เธอคือผู้ร่วมก่อตั้ง VMware และเป็นบอร์ดกูเกิลด้วย) ประกาศในที่ประชุมภายในบริษัท ว่าจะขยายงานด้านคลาวด์ครั้งใหญ่ โดยเน้นต่อสู้ช่วงชิงลูกค้าองค์กรให้มากกว่าเดิม
ยุทธศาสตร์นี้ถือว่าผิดไปจากธรรมเนียมปกติของกูเกิล ที่เน้นเทคโนโลยีนำหน้าการตลาดมาโดยตลอด แต่ปัจจุบันกูเกิลยังรั้งอยู่อันดับสามในตลาด public cloud (ตามหลัง AWS และ Azure) การหันมาเน้นงานขายจึงดูสมเหตุสมผล
กูเกิลยังเดินหน้าถอดฟีเจอร์ของ Chrome ที่คนไม่ใช้งาน (ก่อนหน้านี้คือ Desktop Notification Center)
ฟีเจอร์ล่าสุดที่โดนถอดคือ Chrome App Launcher หรือตัวเรียกแอพในระบบของ Chrome (ที่กูเกิลเรียก Chrome app) จากระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปอีกที
Chrome App Launcher เป็นระบบการเรียกแอพบน Chrome OS ของกูเกิลเอง (ทำหน้าที่เหมือนปุ่ม Start ของ Chrome OS) แต่กูเกิลก็ขยายมายัง Windows, Mac, Linux เพื่อต้องการให้คนใช้ Chrome app กันเยอะๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม จากสถิติของกูเกิลพบว่าผู้ใช้เรียกแอพจากใน Chrome โดยตรง ไม่ได้เรียกผ่าน Launcher ทำให้กูเกิลตัดสินใจถอดฟีเจอร์นี้ออกจาก Chrome เวอร์ชันเดสก์ท็อป (แต่บน Chrome OS ยังอยู่ต่อไปเหมือนเดิม)
กูเกิลประกาศเปลี่ยนชื่อแอพ Chromecast เป็น Google Cast เพื่อแยกแบรนด์ระหว่างตัวฮาร์ดแวร์ของกูเกิลเอง (Chromecast) กับตัวเทคโนโลยีส่งภาพขึ้นจอ (Google Cast)
เดิมทีแอพ Chromecast ใช้ส่งภาพหรือวิดีโอจากมือถือขึ้นจอทีวีที่เสียบอุปกรณ์ Chromecast ของกูเกิล แต่ภายหลังเมื่อมีทีวีที่รองรับโพรโทคอล Google Cast โดยตรง (เช่น ทีวี Vizio SmartCast P-Series รุ่นล่าสุด) ทำให้แอพ Chromecast สามารถใช้กับฮาร์ดแวร์อื่นๆ ได้ด้วย การใช้ชื่อ Chromecast อาจไม่ตรงความหมายเท่าไรนัก
ใครที่ใช้ Google Photos ในการจัดการภาพอยู่ อาจจะมีปัญหาเรื่องการคัดเลือกภาพจำนวนมากหลังจากเที่ยวเพื่อทำเป็นอัลบั้มภาพ ปัญหานี้จะหมดไปเมื่อ Google Photos เพิ่มฟีเจอร์จัดการอัลบั้มภาพให้อัตโนมัติ (Smart Album)
หลักการทำงานคือ เมื่อเรากลับมาถึงบ้านหลังจากเที่ยว Google Photos จะตรวจสอบภาพหรือวิดีโอที่ผู้ใช้ถ่ายว่าที่ไหนและเวลาเมื่อใด จากนั้นจะคัดเลือกภาพเหล่านั้นออกมาสร้างเป็นอัลบั้มให้ หากถ่ายภาพหลายๆ ที่ระหว่างการเที่ยว ก็จะมีการเพิ่มแผนที่เล็กๆ ลงไประหว่างอัลบั้มเพื่อบอกว่าภาพเหล่านี้ถ่ายจากสถานที่ใด และผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพที่ต้องการ เพิ่มแผนที่เองหรือเพิ่มคำอธิบายให้ภาพที่ต้องการรวมถึงเปิดให้ผู้ใช้คนอื่นเข้ามาจัดการอัลบั้มได้อีกด้วย
The Verge รายงานอ้างแหล่งข่าวไม่ระบุตัวตน ระบุว่ากูเกิลกำลังสร้างคีย์บอร์ดสำหรับ iOS โดยสามารถลากนิ้ว (swipe) ไปบนคีย์บอร์ดเพื่อพิมพ์คำได้แบบเดียวกับบนแอนดรอยด์ แต่ความพิเศษคือจะมีโลโก้กูเกิลอยู่บนคีย์บอร์ดเพื่อค้นหาข้อความ และมีปุ่มค้นหาภาพ GIF
แหล่งข่าวระบุว่าพนักงานกูเกิลใช้คีย์บอร์ดรุ่นนี้มาแล้วหลายเดือน โดยตัวคีย์บอร์ดออกแบบให้ผู้ใช้สมาร์ตโฟนใช้ความสามารถค้นหาของกูเกิลมากขึ้นหลังจากแนวโน้มผู้ใช้สมาร์ตโฟนจะใช้บริการค้นหาน้อยลงเรื่อยๆ
ยังไม่แน่ชัดว่ากูเกิลจะปล่อยคีย์บอร์ดนี้ออกสู่สาธารณะหรือไม่ หรือเป็นเพียงการทดลองในบริษัทเท่านั้น
ที่มา - The Verge
หลังจากมีข่าวออกมาว่า Android N รุ่นถัดไปจะมี Window mode ซึ่งอนุญาตให้แอพสามารถทำงานในโหมดแบบหน้าต่างได้ และมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ใช้งานลักษณะแบบ desktop มาวันนี้เว็บไซต์ ArsTechnica ระบุว่าโหมดดังกล่าวมีอยู่จริง และสามารถเปิดใช้ได้แล้ว (แต่ต้องทำเอง ยังไม่มีมาโดยอัตโนมัติ)
ถึงแม้จะมีการพัฒนาด้านความปลอดภัยในการสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ แต่การรับส่งอีเมลผ่านโปรโตคอล SMTP ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักนับตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้นมา ถึงแม้จะมีมาตรฐานโปรโตคอลเข้ารหัส STARTTLS เสริม SMTP (RFC3207) ก็ยังไม่สามารถให้ message confidentiality เนื่องจากมีโอกาสโจมตีโดย downgrade การเชื่อมต่อ และ server authenticity เพราะไม่มีการตรวจสอบโดยการเข้ารหัส-ถอดรหัสระหว่างอีเมลโดเมนกับ Message Transfer Agent (MTA) server
ล่าสุด ไมโครซอฟท์ กูเกิล ยาฮู และอีกหลายบริษัทยักษ์ใหญ่ ได้ส่งข้อเสนอร่างมาตรฐาน SMTP Strict Transport Security (STS) แก่องค์กรวางมาตรฐานอินเทอร์เน็ต IETF (Internet Engineering Task Force) เพื่อเพิ่มกลไกที่จะทำให้ผู้ให้บริการอีเมลสามารถรับการเชื่อมต่อ TLS สามารถตรวจสอบใบรับรอง และแจ้งเซิร์ฟเวอร์ SMTP ขาส่งปฏิเสธการส่งอีเมลที่ไม่ถูกส่งอย่างปลอดภัยได้
ใครที่สนใจสามารถศึกษาข้อเสนอนี้ได้จากเว็บ IETF ครับ
ที่มา: WinBeta
เว็บไซต์ข่าว Engadget รายงานว่าในบรรดาอีเมลของนาง Hillary Clinton อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ และปัจจุบันเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นตัวแทนลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต (ยังไม่ใช่ผู้สมัครอย่างเป็นทางการจนกว่าจะผ่านการประชุมใหญ่ของพรรค) ที่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะทาง WikiLeaks พบว่ามีอีเมลฉบับหนึ่งที่ระบุว่า Google พยายามสร้างเครื่องมือให้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลกลางซีเรียที่นำโดยประธานาธิบดี Bashar Assad เมื่อปี 2012
แนวทางเกี่ยวกับความปลอดภัยของอุปกรณ์ Nexus ช่วงหลังที่กูเกิลใช้คือสัญญาว่าจะปล่อยอัพเดตแพตช์ความปลอดภัยให้ทุกต้นเดือน แต่ล่าสุดมีรายงานว่าพบช่องโหว่ความปลอดภัยร้ายแรงมากจนกูเกิลต้องปล่อยแพตช์อัพเดตฉุกเฉินให้เร็วๆ นี้
ช่องโหว่ที่ว่านี้มีรหัส CVE-2015-1805 เปิดโอกาสให้แอพที่ไม่ประสงค์ดีสามารถใช้ช่องโหว่เกี่ยวกับสิทธิ์ในระดับเคอร์เนลเพื่อแก้ไขโค้ดของระบบปฎิบัติการได้ ถ้าโดนเล่นงานแล้วต้องแฟลชอุปกรณ์ใหม่เท่านั้น โดยขณะนี้ยืนยันแล้วว่า Nexus 5 และ 6 ได้รับผลกระทบจากบั๊กนี้ รวมถึง Nexus รุ่นอื่นๆ ทุกรุ่น และอุปกรณ์ที่รัน Android ที่ใช้ลินุกซ์เคอร์เนลเวอร์ชันต่ำว่า 3.18 ก็โดนหมดเช่นกัน
กูเกิลบอกว่ามีโทรศัพท์ Nexus 5 ถูกโจมตีผ่านช่องโหว่นี้แล้ว อย่างไรก็ตาม แอพไม่ประสงค์ดีดังกล่าวต้องเข้าถึงสิทธิ์รูทได้ก่อนเท่านั้น แปลว่าผู้ใช้ทั่วไปไม่ต้องกังวลกับบั๊กนี้มากนัก เพราะไม่ได้รูทเครื่องอยู่แล้ว แต่ที่ต้องรีบแพตช์ก็เพราะมีคนถูกโจมตีจริงๆ แล้วนั่นเอง
ขณะนี้ Google Play Store ได้บล็อกการติดตั้งแอพไม่ประสงค์ดีเหล่านั้นแล้ว อีกทั้งระบบ Verify Apps ในตัวระบบปฏิบัติการก็สามารถบล็อกการติดตั้งแอพเหล่านั้นได้แล้วเช่นกัน
กูเกิลบอกว่าจะปล่อยอัพเดตสำหรับอุปกรณ์ Nexus ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าครับ
กูเกิลปล่อยโปรแกรม BinDiff โปรแกรมเทียบความแตกต่างของฟังก์ชั่นการทำงานของไฟล์ไบนารี โดยสามารถเทียบความแตกต่างของโปรแกรมที่คอมไพล์มาสำหรับสถาปัตยกรรมได้หลากหลาย (รองรับ x86, MIPS, ARM, PowerPC)
การใช้งานหลักของ BinDiff คงเป็นการใช้งานสำหรับนักวิจัยความปลอดภัยที่ต้องการสำรวจความเปลี่ยนแปลงไฟล์ไบนารี เช่นกรณีไฟล์ติดไวรัส โดยโปรแกรม BinDiff จะรายงานว่ามีส่วนใดทำงานเหมือนกันหรือต่างกันบ้าง รวมถึงสามารถตรวจสอบได้ว่ามีฟังก์ชั่นใดเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไป
ไม่ใช่แอปเปิลเพียงเจ้าเดียวที่กำลังสร้างสำนักงานแห่งใหม่อยู่นะครับ ขณะนี้กูเกิลก็กำลังจะเริ่มสร้างส่วนต่อขยายของสำนักงานใหญ่ "Googleplex" ที่เมือง Mountain View เช่นกัน โดยกูเกิลมีที่ว่างอยู่ด้านข้างสำนักงานเดิม ตอนนี้ปล่อยรูปเรนเดอร์ออกมาแล้ว
สำนักงานแห่งใหม่นี้ใช้ชื่อโปรเจ็คว่า Charleston East เนื่องจากตั้งอยู่ริมถนน Charleston ไปทางทิศตะวันออก จะเรียกว่าอาคารก็คงไม่เต็มปากนัก เพราะสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดจะถูกครอบอยู่ด้วย "เต็นท์" ขนาดมหึมา (ภาษาอังกฤษเรียก canopy) ด้านในเป็นอาคารสองชั้นดีไซน์โมเดิร์น ประกอบด้วยผนังกระจกมากมาย สาเหตุที่สร้างเตี้ยเพียงสองชั้นเพราะต้องการรักษาทัศนียภาพที่สวยงามของเมือง ดูไกลๆ จากภายนอกเห็นเพียงหลังคาเต็นท์อยู่ลิบๆ เท่านั้น
สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวลือว่า Alphabet เตรียมขายบริษัทหุ่นยนต์ Boston Dynamics ออกไป ด้วยเหตุผลว่าไม่เห็นโอกาสทำเงินในระยะสั้น ซึ่งขัดกับแผนการของ Alphabet ที่พยายามให้บริษัทในเครือสร้างรายได้ให้ได้สักที
Bloomberg รายงานว่า Boston Dynamics อาจถูกขายให้ Toyota Research Institute (หน่วยงานวิจัยของ Toyota) หรือ Amazon ที่นำหุ่นยนต์ไปใช้ในคลังสินค้า
Google Drive และแอพในชุดคือ Docs, Sheets, Slides เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้เราสามารถแชร์เอกสารแบบกำหนดวันหมดอายุของลิงก์ได้ เหมาะสำหรับการแชร์เอกสารแบบชั่วคราว เฉพาะช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
กูเกิลยกตัวอย่างการใช้งานเป็นกรณีที่เราจ้างพนักงานสัญญาจ้าง (contractor) ที่ต้องเข้าถึงข้อมูลภายใน เราสามารถแชร์เอกสารแบบ view only โดยกำหนดอายุลิงก์ตามระยะเวลาในสัญญาได้เลย ไม่ต้องมาเสียเวลาเอาสิทธิการเข้าถึงเอกสารออกเมื่อหมดสัญญาจ้างแล้ว
ฟีเจอร์นี้จะทยอยปล่อยให้ผู้ใช้ทีละกลุ่ม และอาจต้องรอถึง 2-3 เดือนกว่าจะได้ใช้ฟีเจอร์นี้
วงการนี้ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรจริงๆ ถึงแม้แอปเปิลและกูเกิลแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายในตลาดอุปกรณ์พกพา แต่ล่าสุดมีข่าวไม่เป็นทางการ รายงานว่าแอปเปิลย้ายระบบเซิร์ฟเวอร์บางส่วนมาอยู่บน Google Cloud Platform แทน AWS แล้ว
เว็บข่าว CRN อ้างแหล่งข่าวหลายราย บอกว่าแอปเปิลต้องการลดการพึ่งพาคลาวด์ของ AWS ที่ใช้รัน iCloud และบริการออนไลน์อื่นๆ จึงแบ่งระบบเซิร์ฟเวอร์บางส่วนมาใช้ Google Cloud Platform แทน แต่แอปเปิลก็ยังเป็นลูกค้าของ AWS ต่อไป ไม่ได้เลิกใช้ AWS ทั้งหมด นอกจากนี้แอปเปิลก็ยังมีศูนย์ข้อมูลของตัวเองด้วย (ก่อนหน้านี้ก็เคยมีข่าวว่าแอปเปิลใช้ Azure ด้วยเช่นกัน)
ตามข่าวบอกว่าแอปเปิล "น่าจะ" จ่ายค่าคลาวด์ให้กูเกิลปีละ 400-600 ล้านดอลลาร์
กูเกิลประกาศจะเพิ่มน้ำหนักให้ปัจจัยเรื่อง mobile-friendliness หรือความเป็นมิตรต่ออุปกรณ์พกพา ในการจัดลำดับผลการค้นหา โดยจะมีผลในเดือนพฤษภาคม 2016 เป็นต้นไป
เจ้าของเว็บไซต์ท่านใดที่อยากรู้ว่าเว็บของตัวเอง มีค่า mobile-friendliness มากน้อยแค่ไหน เช็คคะแนนได้ที่ Mobile-Friendly Test และอ่านคำแนะนำเรื่องการทำเว็บให้เหมาะกับอุปกรณ์พกพาที่ Mobile Friendly Websites
กูเกิลเปิดตัว Google Analytics 360 Suite ชุดซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลสำหรับนักการตลาดออนไลน์
Google Analytics 360 Suite เป็นการขยาย Google Analytics Premium (เวอร์ชันสำหรับลูกค้าองค์กร) ให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม โดยมีแอพทั้งหมด 6 ตัวในชุด
กูเกิลประกาศเพิ่มหมวดรายงานความโปร่งใส จากเดิมรายงานเน้นการขอข้อมูลผู้ใช้ และการขอลบข้อมูลออกจากระบบ ตอนนี้เพิ่มรายงานการเชื่อมต่อผ่าน HTTPS ของบริการต่างๆ
ข้อมูลของกูเกิลแสดงให้เห็นว่าโดยรวมแล้วตอนนี้จำนวนการเชื่อมต่อเข้ามายังเซิร์ฟเวอร์กูเกิล 75% เป็นการเชื่อมต่อแบบ HTTPS แล้วและแนวโน้มกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และข้อมูลแยกตามบริการแสดงให้เห็นว่าบริการโฆษณานั้นเพิ่มขึ้นเร็วที่สุด โดยตอนนี้เกิน 75% แล้วจากต้นปี 2014 ที่เชื่อมต่อผ่าน HTTPS เพียง 9% เท่านั้น
กูเกิลมีระบบล็อกอินบัญชีสำหรับลูกค้าองค์กรชื่อ Google Identity เดิมทีมันเอาไว้สำหรับลูกค้า Google Apps เท่านั้น แต่ภายหลังก็ขยายมาเป็นระบบยืนยันตัวตน (identity provider) ด้วยตัวมันเองด้วย ล่าสุดกูเกิลประกาศรองรับมาตรฐาน Security Assertion Markup Language (SAML) 2.0 เพื่อใช้บัญชี Google Apps ล็อกอินกับแอพพลิเคชันตัวอื่นแบบ Single Sign-On (SSO)
กูเกิลปรับเงื่อนไขการรายงานช่องโหว่ความปลอดภัยสำหรับ Chrome Reward Program (CRP) โดยขยายขอบเขตและเพิ่มเงินรางวัล
เงินรางวัลสูงสุดของ CRP ตอนประกาศอยู่ที่ 50,000 ดอลลาร์ แต่ปีนี้จะเพิ่มเป็น 100,000 ดอลลาร์ กูเกิลระบุว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีนักวิจัยที่ได้รับเงินรางวัลสูงสุดตามที่ประกาศไว้ โดยรางวัลสูงสุดนี้จะได้ต่อเมื่อสามารถแฮก Chromebook ที่คงอยู่ในเครื่องแม้จะบูตเครื่องไปแล้วก็ตาม
อีกส่วนหนึ่งคือการเพิ่มขอบเขตให้ครอบคลุมการป้องกันไฟล์ดาวน์โหลดที่เป็นฟีเจอร์ใหม่
ที่มา - Google Security Blog
ที่งานสัมมนา Game Developers Conference กูเกิลประกาศบริการใหม่สำหรับนักพัฒนาเกมบนแพลตฟอร์ม Google Play Games อีกหลายตัว ดังนี้
การแข่งขันหมากล้อมนัดสุดท้ายระหว่าง AlphaGo และ Lee Sedol กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่กี่นาทีข้างหน้า และเมื่อสักครู่ Demis Hassabis ผู้ก่อตั้ง DeepMind ได้ทวีตเปิดเผยว่าทำไม AlphaGo ถึงแพ้ Lee Sedol ในการแข่งขันนัดที่แล้ว
Demis บอกว่า AlphaGo ได้ประเมินความเป็นไปได้ที่ Lee จะวางหมากเทพในตาที่ 78 เพียง 1 ใน 10,000 เท่านั้น ส่งผลให้ "เสียแผน" และวางหมากไม่ถูกไปพักหนึ่ง นี่แสดงให้เห็นถึงช่องโหว่ในความรู้ของ AlphaGo ที่มาจากการฝึกโดยการแข่งกับตัวเอง หรือพูดง่ายๆ คือ AlphaGo "คิดไม่ถึง" ว่า Lee จะวางหมากนั้นในตานั้น
สุดท้ายเขาบอกว่าขณะนี้ Lee รู้ช่องโหว่หรือจุดอ่อนของ AlphaGo แล้ว และเกมสุดท้ายก็น่าสนใจมากว่า Lee จะใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนี้ได้หรือไม่ (AlphaGo ไม่ได้พัฒนาตนเองเลยตั้งแต่การแข่งนัดแรก ใช้เวอร์ชันเดิมมาตลอดครับ)
ที่มา - @demishassabis