หลังเปิดตัวและวางขายไปเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน เริ่มมีผลทดสอบและรีวิวของ Radeon RX 6800 XT ตัวกลางจากจีพียูทั้ง 3 ตัวที่เปิดตัวมารอบนี้ จากสื่อต่างๆ ออกมาแล้ว
ผลโดยรวมคือ Radeon RX 6800 XT ที่ราคา 649 เหรียญสหรัฐ มีประสิทธิภาพในการเล่นเกมใกล้เคียงกับ Geforce RTX 3080 ที่มีราคา 699 เหรียญสหรัฐจริง และผลจะเด่นชัดเมื่อเป็นเกมที่เล่นบนความละเอียด 1440p แต่จะด้อยกว่าในด้านการเล่นเกมที่เปิด ray tracing
อีกข้อด้อยของฝั่ง Radeon คือไม่มีเทคโนโลยี DLSS ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมความละเอียดสูงที่เปิด ray tracing ไปด้วยแบบที่ RTX 3080 ทำได้
จากที่ NVIDIA บอกว่ากำลังทำฟีเจอร์แบบเดียวกับ Smart Access Memory (SAM) ของ AMD Radeon RX 6000 ฝั่งของ AMD ก็ออกมาให้สัมภาษณ์เองว่า SAM จะใช้ได้กับทั้งซีพียูอินเทล และจีพียู NVIDIA ด้วย
SAM เป็นฟีเจอร์ที่เปิดตัวมาพร้อม Radeon RX 6000 ให้ซีพียูของ AMD สามารถเข้าถึงแรมของจีพียู Radeon โดยตรงผ่าน PCIe 4.0 เพื่อให้ประสิทธิภาพดีขึ้น โดยเฉพาะในการเล่นเกม
สืบเนื่องจากข่าว ไม่ต้องเถียงว่าการ์ดจอใครแรงกว่า NVIDIA เปิดตัว Ampere A100 รุ่นแรม 80GB ฝั่ง AMD ก็ไม่ยอมน้อยหน้า เปิดตัวการ์ดจอสำหรับเซิร์ฟเวอร์ Instinct™ MI100 ที่ใช้สถาปัตยกรรม CDNA โดยชูจุดเด่นว่าแรงกว่าการ์ดจอ A100 แต่กินไฟน้อยกว่า 25%
ซึ่ง AMD ได้ให้ข้อมูลว่าการ์ด MI 100 สามารถคำนวนทศนิยม 64 บิต เร็วกว่า A100 ถึง 58% และกินไฟน้อยกว่า 100 วัตต์(25%) และแน่นอน AMD อ้างว่าการ์ดจอตัวเองนั้นแรงที่สุดในโลก (World’s Fastest HPC GPU)
ซึ่งการ์ดจอ MI100 นี้จะวางจำหน่ายภายในสิ้นปีนี้ และจะสามารถทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ของ DELL ,HP, Gigabyte,SuperMicro ได้ทันที
ดูวีดีโอเปิดตัวได้ในข่าว
ในงาน One More Things เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แอปเปิลเปิดตัวชิป Apple M1 โดยให้รายละเอียดของ GPU ว่าเป็นชิป 8 คอร์ พร้อม 128 หน่วยประมวลผล (EUs) รองรับ 25,000 เทรด มีพลังประมวลผล 2.6 TFLOPS (คาดว่าวัดจากประสิทธิภาพ single-precision FP32) ถือว่าใกล้เคียงกับ Radeon RX 560 ที่ 2.6 TFLOPS และ GeForce GTX 1650 ที่ 2.9 TFLOPS
จากผลการทดสอบด้วย GFXBench 5.0 พบว่า GPU ของ M1 สามารถทำผลงานได้ตามที่แอปเปิลได้กล่าวอ้าง โดยมีค่าเฟรมต่อวินาทีสูงกว่าการ์ดจอทั้งสองรุ่นในทุกการทดสอบ เมื่อรันผ่าน Metal API ของแอปเปิล แพ้เพียง 1 การทดสอบเท่านั้น
NVIDIA เปิดตัวการ์ดจอสำหรับเซิร์ฟเวอร์ NVIDIA A100 (Ampere ตัวแรก) รุ่นเพิ่มแรมพิเศษ 80GB จากรุ่นปกติ 40GB สำหรับงานด้านวิทยาศาสตร์-วิศวกรรมที่ต้องประมวลผลปริมาณข้อมูลมากๆ
NVIDIA A100 80GB ใช้แรมความเร็วสูง HBM2e แบนด์วิดท์ 2TBps (รุ่นปกติ 1.6TBps) ทำให้บริษัทเคลมว่าเป็นจีพียูศูนย์ข้อมูลที่เร็วที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ (the world's fastest data center GPU)
AMD เปิดตัวการ์ดเร่งความเร็วงานด้านปัญญาประดิษฐ์และวิทยาศาสตร์ AMD Instinct MI100 ที่ใช้ชิปประมวลผลสถาปัตยกรรม CDNA (Compute DNA) พัฒนาแยกสายออกมาจากสถาปัตยกรรม RDNA ที่ใช้เพื่องานกราฟิกและเกมเป็นหลัก
ฟีเจอร์เด่นของ Radeon RX 6000 ที่เพิ่งเปิดตัวคือ Smart Access Memory (SAM) ที่เปิดให้ซีพียูสามารถเข้าถึงแรมของจีพียูได้โดยตรง ส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยรวมเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ข้อจำกัดของมันคือ SAM ต้องใช้กับสินค้าแบรนด์ AMD ด้วยกันเท่านั้น (Radeon+Ryzen)
ล่าสุด NVIDIA ออกมาเปิดเผยว่าตัวเองก็มีเทคโนโลยีแบบเดียวกับ SAM แต่ใช้ได้กับทั้งซีพียู Intel/AMD และจะเปิดใช้งานกับจีพียูตระกูล Ampere ในอนาคต
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลรายละเอียดมากนัก เว็บไซต์ GamersNexus ที่คุยกับ NVIDIA โดยตรงบอกว่ายังไม่ทราบช่วงเวลาที่แน่ชัด รู้แค่ว่าไม่จำเป็นต้องใช้ PCIe Gen 4 เท่านั้น
อินเทลเปิดตัวการ์ด H3C XG310 การ์ดสำหรับให้บริการสตรีมมิ่งเกมแอนดรอยด์และบริการวิดีโอสตรีมมิ่งเป็นหลัก แม้ว่าทางอินเทลจะระบุว่ายินดีทำงานร่วมกับบริษัทที่ต้องการใช้งานประเภทอื่นๆ โดยการเปิดตัวครั้งนี้มีผู้ผลิตเกมอย่าง Tencent Games มาเปิดตัวด้วย
H3C XG310 เป็นการ์ดที่ประกอบไปด้วยชิปสถาปัตยกรรม Xe-LP จำนวน 4 ชิป แต่ละชิปวางคู่กับแรม DDR4 ขนาด 8GB เชื่อมต่อด้วยไปป์ไลน์ขนาด 128 บิต การ์ดมีความยาว 3/4 ของความยาวเต็ม เชื่อมต่อด้วย PCIe 3.0 x16
AWS เริ่มให้บริการเครื่อง Amazon EC2 แบบใหม่ P4 instance ที่ใช้จีพียู NVIDIA A100 สถาปัตยกรรม Ampere สำหรับลูกค้าที่ต้องการเครื่องพลังสูงมาทำ Machine Learning และงานด้าน HPC
ตอนนี้เครื่อง P4 ยังมีเพียงรุ่นย่อยเดียวคือ P4d.24xlarge และยังมีบริการเฉพาะเขตสหรัฐ สเปกเครื่องคือ
ในงานเปิดตัว Intel Iris Xe Max เมื่อวันก่อน อินเทลให้ข้อมูลสั้นๆ ว่าเราจะเห็นจีพียู DG1 ตัวเดียวกันเป็นเวอร์ชันเดสก์ท็อปด้วย (ยังไม่ยืนยันว่าจะใช้แบรนด์ Iris Xe Max ด้วยหรือไม่)
ข้อมูลที่อินเทลยืนยันคือ มีผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายหนึ่งที่ยังไม่เปิดเผยชื่อ เซ็นสัญญาทำการ์ด DG1 สำหรับเดสก์ท็อปแล้ว อย่างไรก็ตาม การ์ดตัวนี้จะยังไม่ขายปลีกให้ผู้บริโภคทั่วไป แต่จะขายให้กับ OEM นำไปใช้ในคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปแบบมีแบรนด์เท่านั้น
อินเทลเปิดตัวชิปกราฟิกแยก Iris Xe MAX นับเป็นชิปกราฟิกแยกตัวแรกหลังบริษัทพยายามพัฒนาชิปกราฟิกมานาน โดยชิปนี้ใช้สถาปัตยกรรม Xe-LP ที่พัฒนาจากวงจรเปิดที่อยู่ใน Intel Core รุ่นที่ 11
อินเทลวางตัวให้ Iris Xe Max ทำตลาดสำหรับโน้ตบุ๊กกลุ่มบางเบาต่อไป โดยโน้ตบุ๊กที่ใช้ Intel Core รุ่นที่ 11 ก็มีวงจรกราฟิก Xe-LP มาในตัวอยู่แล้ว แต่การเปิดตัวครั้งนี้อินเทลก็เสนอเทคโนโลยี Deep Link สำหรับกระจายโหลดออกไป โดยแอปพลิเคชั่นที่รองรับ Deep Link ต้องพัฒนาโดยอาศัยชุด SDK ของอินเทลเอง
ตัวชิป Iris Xe MAX จะผลิตด้วยเทคโนโลยี 10nm SuperFin อินเทลระบุว่าประสิทธิภาพโดยรวมเพียงพอสำหรับเล่นเกมยอดนิยมที่ความละเอียด 1080p ได้
สื่อหลายเจ้าเปิดเผยผลรีวิว Nvidia Geforce RTX 3070 Founder Edition การ์ดจอตัวรองท็อปของ Nvidia ออกมาแล้ว โดยเป็นการจอที่ Nvidia ระบุว่าแรงกว่า 2080 Ti ในราคา 499 เหรียญ มาพร้อม 5,888 CUDA Cores ความเร็ว 1,500 MHz บูสต์ได้ถึง 1,725 MHz แรม GDD6 8GB แบนด์วิธหน่วยความจำ 448GB/s และ TDP ที่ 220W (ใช้พาวเวอร์ซัพพลาย 650W ขึ้นไป)
AMD เปิดตัว Radeon RX ซีรีส์ 6000 "Big Navi" ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 2 ตามกำหนดการ
สินค้าแบ่งออกเป็น 3 รุ่นคือ
ร้านค้าบน Taobao ของจีนได้อัพข้อมูลของการ์ดจอ RTX 3060 และ 3060Ti บนหน้าร้านและระบุราคาอยู่ที่ช่วงประมาณ 1,499 ถึง 2,998 หยวน (ราว 7,000 - 14,000 บาท) พร้อมระบุว่าจะวางขายหลังเดือนหน้า ซึ่งก็เป็นไปได้ว่า NVIDIA อาจเปิดตัวการ์ดจอรุ่นเล็กภายในเดือนหน้า (ถ้าข้อมูลหน้าร้านนี้เชื่อได้)
ขณะเดียวกันมีข้อมูลสเปคของ RTX 3060Ti บน GPU-Z หลุดออกมาว่ามี CUDA คอร์ที่ 4,864 วีแรม GDDR6 8GB คล๊อก 1.4GHz บูสต์ 1.6GHz โดยข้อมูลของเวนเดอร์การ์ดจอตัวนี้คือ HP คาดว่าอาจจะเป็นการ์ดจอบนโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง
อินเทลเปิดตัวจีพียูแบบ discrete (dGPU) รุ่นแรกของตัวเองมาแบบเงียบๆ ในชื่อทางการค้าว่า Iris Xe Max ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแรงขึ้นจาก Iris Xe รุ่นมาตรฐานที่เป็นจีพียูออนบอร์ด (iGPU) ของ Tiger Lake
ก่อนหน้านี้ อินเทลเคยประกาศทำจีพียูแยกไว้อยู่แล้ว แต่ใช้ชื่อรหัสว่า DG1 โดยยังมีเฉพาะรุ่นสำหรับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ OEM ใช้งานในโน้ตบุ๊กเท่านั้น ส่วนโน้ตบุ๊กรุ่นแรกที่ใช้ Iris Xe Max คือ Acer Swift 3x ที่เปิดตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
วิดีโอแบบ AV1 ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และปลายปีนี้ เราจะเห็นจีพียูที่มีตัวถอดรหัส AV1 ที่ระดับฮาร์ดแวร์ออกวางขาย ทั้ง GeForce RTX 30, Intel Xe และ Radeon RX 6000
ไมโครซอฟท์ถือเป็นสมาชิกก่อตั้งของกลุ่ม Alliance for Open Media (AOMedia) ผู้พัฒนา AV1 จึงไม่น่าแปลกใจที่ไมโครซอฟท์ออกมารับลูกเรื่องนี้ ล่าสุดไมโครซอฟท์ประกาศว่า Windows 10 จะรองรับการถอดรหัส AV1 ที่ระดับฮาร์ดแวร์ หากใช้งานบนจีพียูที่รองรับ (ทั้ง 3 ยี่ห้อข้างต้น)
Jensen Huang ซีอีโอ NVIDIA ตอบคำถามสื่อในประเด็น GeForce RTX 3080 และ 3090 ขาดตลาด ยอมรับว่าภาวะสินค้าขาดสต๊อกจะดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2020
Huang บอกว่า NVIDIA ไม่มีปัญหาเรื่องการผลิต แต่ความต้องการเพิ่มสูงมากจริงๆ แม้บริษัทพยากรณ์คำสั่งซื้อในระดับที่สูงมากแล้ว แต่พอเริ่มวางขายจริงๆ ก็เยอะกว่าที่คิดมากๆ (much much greater than we expected)
เขายังบอกว่าไตรมาส 4 ถือเป็นความท้าทายของ NVIDIA เพราะเป็นเทศกาลจับจ่ายช่วงปลายปี ผสมกับปัจจัยความต้องการ Ampere ด้วย เลยกลายเป็น 'Ampere holiday factor' ที่ความต้องการเพิ่มสูงเป็นพิเศษ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ อาจต้องย้อนไปถึงยุค Windows 95 และ Pentium เลยด้วยซ้ำ
หมดจากจีพียูชุด GeForce ซีรีส์ 30 สถาปัตยกรรม Ampere ไปแล้ว วันนี้ NVIDIA เปิดตัวจีพียูใหม่สำหรับกลุ่มโปร ที่เราคุ้นกันในชื่อแบรนด์ Quadro แต่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ NVIDIA เลิกใช้ชื่อแบรนด์ Quadro ทำตลาดซะแล้ว
จีพียูใหม่ที่เปิดตัวใช้ชื่อว่า NVIDIA RTX A6000 ไม่มีคำว่า Quadro แต่อย่างใด
ตอนนี้เรายังไม่เห็นสเปกเต็มของ RTX A6000 เพราะยังไม่เปิดเผยจำนวนคอร์ทั้ง 3 ประเภท (CUDA, RT, Tensor) บอกเพียงว่า มีแรม 48GB GDDR6 ECC (เท่ากับ Quadro RTX 8000 รุ่นท็อปสุดของเจนก่อน), รองรับการต่อจีพียูสองตัวด้วย NVLink, รองรับ PCIe Gen 4 (หน้าผลิตภัณฑ์ของ RTX A6000)
NVIDIA ประกาศเลื่อนวันวางขาย GeForce RTX 3070 ออกไปราว 2 สัปดาห์ เป็นวันที่ 29 ตุลาคม 2020 ด้วยเหตุผลว่าต้องการเตรียมสต๊อกสินค้าให้เพียงพอ หลังเจอปัญหา GeForce RTX 3080 ของหมดอย่างรวดเร็ว
NVIDIA ยอมรับว่าการเลื่อนครั้งนี้ย่อมทำให้ลูกค้าที่เตรียมซื้อต้องผิดหวัง แต่ก็ระบุว่าเร่งผลิต 3070 อย่างเต็มที่
การเลื่อนครั้งนี้จะทำให้วันวางขาย 3070 ไปชนกับงานเปิดตัว Radeon RX 6000 ที่จะเปิดตัววันที่ 28 ตุลาคม แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลว่าของจะวางขายจริงเมื่อใด
ที่มา - NVIDIA
หลัง NVIDIA มีปัญหาการ์ดจอตัวเกือบท็อป RTX 3080 ทำเกมแครชโดยยังระบุสาเหตุที่แน่นอนไม่ได้ ล่าสุด NVIDIA ออกไดรเวอร์เวอร์ชั่น 456.55 โดยมีข้อความระบุว่า “ปรับปรุงด้านความสเถียรในการเล่นเกมบางเกม บนจีพียูซีรีส์ RTX 30”
ในแผนการใหญ่ของอินเทลเรื่องจีพียู Xe นอกจากเรื่องประสิทธิภาพต้องต่อกรกับคู่แข่งให้ได้แล้ว ยุทธศาสตร์สำคัญอีกข้อคือการสร้าง ecosystem ขนาดใหญ่พอที่นักพัฒนาให้ความสนใจ ทำซอฟต์แวร์ให้รองรับ
หลัง MX250 มีประสิทธิภาพเพิ่มจาก MX150 เพียงเล็กน้อย (แถมในผลทดสอบเดียวกัน โน้ตบุ๊กบางรุ่นที่ใช้ MX150 ยังแซงได้อยู่ด้วยซ้ำ) และ MX350 ก็ยังแพ้ให้กับ Intel Iris Xe ที่เป็นการ์ดจอออนบอร์ด (Iris Xe ก็ชนะ RX Vega จากฝั่ง Radeon เช่นกัน)
ล่าสุด เว็บไซต์ Notebookcheck เปิดผลทดสอบเบื้องต้นในโปรแกรม 3D Mark ของ GeForce MX450 รุ่นใหม่พบว่าตอนนี้แรงกว่า Intel Iris Xe แล้ว โดยได้คะแนน Time Spy Graphics บนความละเอียด 2560x1440 ไป 1,680 คะแนน ชนะคะแนนเฉลี่ยของ Intel Iris Xe Graphics G7 ที่ได้ไป 1,435 คะแนน แต่แพ้ GTX 1050 ที่ทำได้ 2,130 คะแนน
note (lew): ข่าวนี้มีข้อถกเถียงกันค่อนข้างมาก ผมตัดสินใจเอาข่าวนี้ลงจากหน้าแรกจนกว่าจะมีอัพเดตที่ชัดเจนกว่านี้ (อ่านคอมเมนต์ใน thread เพิ่มเติม)
RTX 3080 ล็อตแรก มีปัญหาผู้ใช้เล่นเกมแล้วเกิดอาการแครช เครื่องค้าง ล่าสุดเว็บไซต์ Igor’s lab ได้ลงบทวิเคราะห์สาเหตุของอาการแครชนี้ ว่าอาจมาจากแบรนด์ OEM เลือกใช้ตัวเก็บประจุ (capacitor) ที่มีคุณภาพต่ำ
วันนี้สื่อไอทีเมืองนอกหลายราย เริ่มลงผลทดสอบ GeForce RTX 3090 Founder Edition การ์ดจอ Ampere ตัวแรงที่สุดของ NVIDIA ที่มีราคาสูงถึงประมาณสองเท่าของ RTX 3080 (สเปกคร่าวๆ คือ CUDA cores ถึง 10496 แกน และวีแรม GDDR6X ขนาด 24GB)
แม้ผลทดสอบที่ได้จะไม่ได้เพิ่มเป็นสองเท่าตามราคา แต่ GeForce RTX 3090 ก็ครองตำแหน่งเจ้าแห่งการ์ดจอเล่นเกมในตอนนี้ไปเรียบร้อย
หลังเปิดตัว RTX 3080 ที่ประสิทธิภาพรวมถึงราคาที่ดีขึ้นกว่ารุ่นแรก จนทำให้ยอดพรีออเดอร์พุ่งกระฉูดและขาดตลาดไปแทบจะทุกช่องทาง ขณะที่ของหน้าร้านก็ไม่มีขายเลยตั้งแต่วันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา เพราะของหมดตั้งแต่พรีออเดอร์ ล่าสุด NVIDIA ออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการแล้วและบอกว่าะจะเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้น
NVIDIA ขอโทษและยอมรับว่าทั้งตัวบริษัทและพาร์ทเนอร์ไม่ได้เตรียมพร้อม (กับความท่วมท้นระดับนี้) รวมถึงเปิดเผยด้วยว่าหน้าเว็บของ NVIDIA และพาร์ทเนอรค้าปลีกถึงกับล่มอยู่เป็นระยะ เนื่องจากทราฟิคที่เข้ามามหาศาลและมากกว่าตอนเปิดตัว RTX 2080 ถึง 10 เท่า ขณะที่พาร์ทเนอร์ค้าปลีกก็บอกว่าเยอะกว่าช่วง Black Friday ด้วยซ้ำ