หมดจากจีพียูชุด GeForce ซีรีส์ 30 สถาปัตยกรรม Ampere ไปแล้ว วันนี้ NVIDIA เปิดตัวจีพียูใหม่สำหรับกลุ่มโปร ที่เราคุ้นกันในชื่อแบรนด์ Quadro แต่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ NVIDIA เลิกใช้ชื่อแบรนด์ Quadro ทำตลาดซะแล้ว
จีพียูใหม่ที่เปิดตัวใช้ชื่อว่า NVIDIA RTX A6000 ไม่มีคำว่า Quadro แต่อย่างใด
ตอนนี้เรายังไม่เห็นสเปกเต็มของ RTX A6000 เพราะยังไม่เปิดเผยจำนวนคอร์ทั้ง 3 ประเภท (CUDA, RT, Tensor) บอกเพียงว่า มีแรม 48GB GDDR6 ECC (เท่ากับ Quadro RTX 8000 รุ่นท็อปสุดของเจนก่อน), รองรับการต่อจีพียูสองตัวด้วย NVLink, รองรับ PCIe Gen 4 (หน้าผลิตภัณฑ์ของ RTX A6000)
NVIDIA ประกาศเลื่อนวันวางขาย GeForce RTX 3070 ออกไปราว 2 สัปดาห์ เป็นวันที่ 29 ตุลาคม 2020 ด้วยเหตุผลว่าต้องการเตรียมสต๊อกสินค้าให้เพียงพอ หลังเจอปัญหา GeForce RTX 3080 ของหมดอย่างรวดเร็ว
NVIDIA ยอมรับว่าการเลื่อนครั้งนี้ย่อมทำให้ลูกค้าที่เตรียมซื้อต้องผิดหวัง แต่ก็ระบุว่าเร่งผลิต 3070 อย่างเต็มที่
การเลื่อนครั้งนี้จะทำให้วันวางขาย 3070 ไปชนกับงานเปิดตัว Radeon RX 6000 ที่จะเปิดตัววันที่ 28 ตุลาคม แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลว่าของจะวางขายจริงเมื่อใด
ที่มา - NVIDIA
หลัง NVIDIA มีปัญหาการ์ดจอตัวเกือบท็อป RTX 3080 ทำเกมแครชโดยยังระบุสาเหตุที่แน่นอนไม่ได้ ล่าสุด NVIDIA ออกไดรเวอร์เวอร์ชั่น 456.55 โดยมีข้อความระบุว่า “ปรับปรุงด้านความสเถียรในการเล่นเกมบางเกม บนจีพียูซีรีส์ RTX 30”
ในแผนการใหญ่ของอินเทลเรื่องจีพียู Xe นอกจากเรื่องประสิทธิภาพต้องต่อกรกับคู่แข่งให้ได้แล้ว ยุทธศาสตร์สำคัญอีกข้อคือการสร้าง ecosystem ขนาดใหญ่พอที่นักพัฒนาให้ความสนใจ ทำซอฟต์แวร์ให้รองรับ
หลัง MX250 มีประสิทธิภาพเพิ่มจาก MX150 เพียงเล็กน้อย (แถมในผลทดสอบเดียวกัน โน้ตบุ๊กบางรุ่นที่ใช้ MX150 ยังแซงได้อยู่ด้วยซ้ำ) และ MX350 ก็ยังแพ้ให้กับ Intel Iris Xe ที่เป็นการ์ดจอออนบอร์ด (Iris Xe ก็ชนะ RX Vega จากฝั่ง Radeon เช่นกัน)
ล่าสุด เว็บไซต์ Notebookcheck เปิดผลทดสอบเบื้องต้นในโปรแกรม 3D Mark ของ GeForce MX450 รุ่นใหม่พบว่าตอนนี้แรงกว่า Intel Iris Xe แล้ว โดยได้คะแนน Time Spy Graphics บนความละเอียด 2560x1440 ไป 1,680 คะแนน ชนะคะแนนเฉลี่ยของ Intel Iris Xe Graphics G7 ที่ได้ไป 1,435 คะแนน แต่แพ้ GTX 1050 ที่ทำได้ 2,130 คะแนน
note (lew): ข่าวนี้มีข้อถกเถียงกันค่อนข้างมาก ผมตัดสินใจเอาข่าวนี้ลงจากหน้าแรกจนกว่าจะมีอัพเดตที่ชัดเจนกว่านี้ (อ่านคอมเมนต์ใน thread เพิ่มเติม)
RTX 3080 ล็อตแรก มีปัญหาผู้ใช้เล่นเกมแล้วเกิดอาการแครช เครื่องค้าง ล่าสุดเว็บไซต์ Igor’s lab ได้ลงบทวิเคราะห์สาเหตุของอาการแครชนี้ ว่าอาจมาจากแบรนด์ OEM เลือกใช้ตัวเก็บประจุ (capacitor) ที่มีคุณภาพต่ำ
วันนี้สื่อไอทีเมืองนอกหลายราย เริ่มลงผลทดสอบ GeForce RTX 3090 Founder Edition การ์ดจอ Ampere ตัวแรงที่สุดของ NVIDIA ที่มีราคาสูงถึงประมาณสองเท่าของ RTX 3080 (สเปกคร่าวๆ คือ CUDA cores ถึง 10496 แกน และวีแรม GDDR6X ขนาด 24GB)
แม้ผลทดสอบที่ได้จะไม่ได้เพิ่มเป็นสองเท่าตามราคา แต่ GeForce RTX 3090 ก็ครองตำแหน่งเจ้าแห่งการ์ดจอเล่นเกมในตอนนี้ไปเรียบร้อย
หลังเปิดตัว RTX 3080 ที่ประสิทธิภาพรวมถึงราคาที่ดีขึ้นกว่ารุ่นแรก จนทำให้ยอดพรีออเดอร์พุ่งกระฉูดและขาดตลาดไปแทบจะทุกช่องทาง ขณะที่ของหน้าร้านก็ไม่มีขายเลยตั้งแต่วันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา เพราะของหมดตั้งแต่พรีออเดอร์ ล่าสุด NVIDIA ออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการแล้วและบอกว่าะจะเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้น
NVIDIA ขอโทษและยอมรับว่าทั้งตัวบริษัทและพาร์ทเนอร์ไม่ได้เตรียมพร้อม (กับความท่วมท้นระดับนี้) รวมถึงเปิดเผยด้วยว่าหน้าเว็บของ NVIDIA และพาร์ทเนอรค้าปลีกถึงกับล่มอยู่เป็นระยะ เนื่องจากทราฟิคที่เข้ามามหาศาลและมากกว่าตอนเปิดตัว RTX 2080 ถึง 10 เท่า ขณะที่พาร์ทเนอร์ค้าปลีกก็บอกว่าเยอะกว่าช่วง Black Friday ด้วยซ้ำ
สัปดาห์ที่แล้ว เว็บไซต์ฮาร์ดแวร์ต่างประเทศหลายรายเริ่มได้ Intel Core 11th Gen รหัส "Tiger Lake" ไปทดสอบกันแล้ว จุดที่น่าสนใจคือตัวจีพียู Iris Xe (อ่านว่า "เอ็กซ์อี") ที่อิงจากสถาปัตยกรรมใหม่ Xe-LP ให้ผลการทดสอบออกมาดี ชนะจีพียูแบบออนบอร์ดของคู่แข่งคือ Radeon Vega ใน Ryzen ซีรีส์ 4000U ได้แบบทิ้งห่าง
หน่วยประมวลผลรุ่นที่นำไปทดสอบคือ Core i7-1185G7 ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดของ Tiger Lake ที่เปิดตัวมาในขณะนี้ ตัวจีพียู Iris Xe มีคอร์ (execution unit หรือ EU) จำนวน 96 คอร์ โดยโน้ตบุ๊กที่ทดสอบเป็นโน้ตบุ๊กตัวอย่าง (reference design) ของอินเทลเอง ยังไม่ใช่สินค้าที่วางขายจริง
NVIDIA ประกาศใน release notes ของไดรเวอร์ GeForce Game Ready เวอร์ชั่น 456.38 ว่าจะไม่ออกซอฟต์แวร์ซัพพอร์ตที่เป็นแบบ implicit สำหรับเทคโนโลยี SLI ในการ์ดจอรุ่น RTX 2xxx หรือก่อนหน้า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2021 เป็นต้นไป
ต่อจากข่าว หัวหน้าทีม Crysis Remastered บอกตอนนี้ไม่มีการ์ดจอไหนรันโหมด Can It Run Crysis? ที่ 4K@30 ไหว (ย้ำว่า "โหมด")
เว็บไซต์ PCGamer จึงทดสอบกับ GeForce RTX 3080 ตัวใหม่ล่าสุดว่าเอาอยู่หรือไม่ ผลคือสามารถรันได้
การ์ดที่ทดสอบเป็น Colorful RTX 3080 iGame Advanced รันโหมด Can It Run Crysis? ที่ความละเอียด 4K เปิด Ray Tracing สามารถทำเฟรมเรตเฉลี่ยได้ที่ 37.46 fps โดยกินไฟเฉลี่ย 319W และขึ้นไปสูงสุดที่ 386W (วัดเฉพาะไฟของการ์ดจอ ไม่ใช่ทั้งระบบ)
ที่มา - PCGamer
หลายคนอาจรอคอยผลการทดสอบ GeForce RTX ซีรีส์ 30 จากสื่อสำนักต่างๆ กันอยู่ วันนี้เริ่มมีรีวิวออกมากันแล้ว โดย Gamespot เป็นเว็บไซต์แรกๆ ที่ทดสอบ GeForce RTX 3080 เทียบกับ 2080 Ti และ 2080 (ทั้งหมดใช้การ์ดรุ่น Founders Edition จาก NVIDIA)
การทดสอบรันบนซีพียู Intel Core i7-10700, แรม 16GB ทดสอบกับเกมยอดนิยม 10 เกม ที่ความละเอียด 4K และ 1440p แล้ววัดค่า FPS เฉลี่ย โดยเปิดตัวเลือกกราฟิกสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ และเปิด Ray Tracing/DLSS หากเกมนั้นซัพพอร์ต
ตอนนี้เรายังไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับ AMD Radeon RX 6000 Series นอกจากการใช้สถาปัตยกรรม RDNA 2, รองรับ ray tracing และภาพตัวการ์ดที่ AMD นำมาโชว์ ก่อนงานแถลงข่าว 28 ตุลาคม
แต่จากแพตช์ล่าสุดในไดรเวอร์จีพียูโอเพนซอร์ส ก็พบข้อมูลชัดเจนว่า Radeon RX 6000 (โค้ดเนมในไฟล์คือ Sienna Cichlid) มีตัวถอดรหัสไฟล์วิดีโอแบบ AV1 เช่นเดียวกับคู่แข่ง GeForce RTX ซีรีส์ 30 ที่เปิดตัวไปแล้ว
AMD โชว์ภาพแรกของจีพียู Radeon RX 6000 สถาปัตยกรรม RDNA 2 ที่จะเปิดตัววันที่ 28 ตุลาคมนี้
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลใดๆ ยกเว้นระบบระบายอากาศแบบใหม่ที่ใช้พัดลม 3 ตัว และมีตัว R โลโก้ของ Radeon อยู่ตรงกลางของพัดลมเท่านั้น
AMD ยังนำโมเดลของ Radeon RX 6000 ตัวนี้ไปโชว์ในเกม Fortnite ด้วย
ที่มา - @Radeon
มาถึงตอนนี้ยังไม่มีใครได้ลองใช้ GeForce RTX ซีรีส์ 30 กันอย่างจริงจังมากนัก (สินค้าจริงวางขาย 17 กันยายน ตอนนี้สื่อที่ได้ของไปรีวิวคงทดสอบกันอยู่)
NVIDIA จึงถือโอกาสออกคลิปเปรียบเทียบระหว่าง GeForce RTX 3080 กับรุ่นพี่ระดับเดียวกัน GeForce RTX 2080 Ti ให้ดูกันชัดๆ ด้วยการเล่นเกม Doom Eternal ซึ่งเป็นเกมที่เอนจินสามารถดันเฟรมเรตไปได้ถึง 1000 FPS
การเปิดตัว GeForce RTX ซีรีส์ 30 ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นจากเดิมมาก เช่น GeForce RTX 3080 ที่แรงกว่า GeForce RTX 2080 Ti แต่ในราคาเปิดตัวที่ถูกกว่ากันมาก (699 ดอลลาร์ vs 999 ดอลลาร์ ยังไม่รวมประเด็นที่ราคาของ 2080 Ti เพิ่มขึ้นในช่วงหลังด้วย)
ปัจจัยเรื่องการ์ดใหม่แรงกว่าถูกกว่า ทำให้เจ้าของ 2080 Ti เดิมเริ่มหาทางปล่อยของกันแล้ว อย่างใน eBay ตอนนี้ 2080 Ti มือสองเริ่มปล่อยขายกันที่ราคาราว 400 ดอลลาร์ หรือถ้าเป็น 2070 ก็อยู่ที่ราว 250 ดอลลาร์แล้ว
อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ GeForce RTX ซีรีส์ 30 คือ NVIDIA RTX IO ที่ออกแบบมาแก้ปัญหาเกมรุ่นใหม่มีขนาดใหญ่ๆ มากๆ ซึ่งไม่มีปัญหาเรื่องการโหลดเกมจากสตอเรจเพราะ SSD รุ่นใหม่เร็วพอ แต่กลับไปคอขวดที่ซีพียูแตกไฟล์ที่บีบอัดเอาไว้ไม่ทัน
NVIDIA บอกว่าเรื่องนี้ไม่เคยเป็นปัญหา เพราะสตอเรจในอดีตช้ากว่ายุคปัจจุบันมาก แต่พอเราเข้าสู่ยุค NVMe ที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ มันจึงกลายเป็นปัญหาขึ้นมา
เราเริ่มเห็นฮาร์ดแวร์ที่รองรับตัวเข้ารหัสวิดีโอ AV1 ออกสู่ตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ (เช่น MediaTek Dimensity 1000) ฝั่งของจีพียูก็มี NVIDIA ประกาศว่า GeForce RTX ซีรีส์ 30 สถาปัตยกรรม Ampere รองรับ AV1 แล้วเช่นกัน
นอกจากการใช้ฮาร์ดแวร์เร่งความเร็วการถอดรหัส AV1 ตามปกติแล้ว NVIDIA ระบุว่าการรองรับ AV1 จะช่วยปิดช่องว่างเรื่องการถ่ายทอดเกม เพราะสตรีมเมอร์มักเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p @ 144 FPS แต่การถ่ายทอดสดยังเป็น 720p/1080p @ 60 FPS ซะเป็นส่วนใหญ่ การที่จีพียูรองรับ codec รุ่นใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ก็ช่วยผลักดันวงการสตรีมเกมไปได้อีก ซึ่ง GeForce RTX ซีรีส์ 30 สามารถดันไปได้ถึงการสตรีม 8K HDR ด้วยซ้ำ
NVIDIA โฆษณาว่า GeForce RTX ซีรีส์ 30 มีประสิทธิภาพดีขึ้นจากซีรีส์ 20 สูงสุด 2 เท่า (มีดอกจันว่าต้องเปิดโหมด RTX On เป็นกราฟิกแบบ ray tracing ถึงจะได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า และเป็นการเทียบระหว่าง 3080 กับ 2070 Super)
ส่วนเบนช์มาร์คหรือผลทดสอบจริงๆ ที่ไม่ได้มาจาก NVIDIA เอง คงต้องรอกันอีกสักระยะ โดยตอนนี้มีเพียงเว็บไซต์ Digital Foundry รายเดียวที่ได้ GeForce RTX 3080 รุ่น Founders Edition มาทดสอบก่อนใครประมาณหนึ่งสัปดาห์
ในงานเปิดตัว GeForce RTX Series 30 เมื่อคืนนี้ NVIDIA ยังเปิดตัวโซลูชันด้านเทคโนโลยีกราฟิกอื่นๆ ด้วย เช่น NVIDIA Broadcast App สำหรับถ่ายทอดเกม
เทคโนโลยีอีกตัวที่น่าสนใจคือ NVIDIA Reflex ซึ่งเป็นชุดของเทคโนโลยีทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ที่ออกแบบมาเพื่อลด latency ของเกม (หมายถึง system latency คือการดีเลย์ที่เกิดขึ้นในเครื่องพีซีของเรา จากเมาส์คลิกไปจนถึงภาพแสดงบนจอ โดยไม่เกี่ยวกับ latency ของเครือข่าย) โดยมุ่งไปที่เกมสาย e-sport เป็นหลัก
ในงานเปิดตัว GeForce RTX ซีรีส์ 30 เมื่อคืนนี้ ทาง Epic Games ร่วมกับ NVIDIA ก็ประกาศข่าวเกม Fortnite รองรับ ray tracing ด้วยอีกเกมแล้ว
นอกจากนี้ NVIDIA กับ Epic ยังประกาศแผนที่ใหม่ชื่อ RTX Treasure Run เพื่อโชว์ฟีเจอร์ใหม่ๆ ข้างต้นให้เห็นเด่นชัดด้วย ฟีเจอร์ทั้งหมดจะเพิ่มเข้ามาใน Fortnite Chapter 2 - Season 4 บนพีซีเร็วๆ นี้
ในโอกาสที่ NVIDIA จะเปิดตัว GeForce "Ampere" วันที่ 1 กันยายนนี้ ถือเป็นช่วงครบรอบ 2 ปีของการเปิดตัว GeForce RTX ซีรีส์ 20 สถาปัตยกรรม "Turing" ด้วยพอดี
เว็บไซต์ PCWorld จึงมีบทความย้อนอดีต มองกลับไปว่า 2 ปีที่เราอยู่กับ GeForce RTX ส่งผลอะไรต่อวงการเกมบ้าง
Mark Grossman หัวหน้าฝ่ายสถาปัตยกรรมจีพียู Xbox Series X ไปพูดที่งานสัมมนาด้านหน่วยประมวลผล Hot Chips เล่าถึงสถาปัตยกรรมของ Xbox Series X
ประเด็นที่น่าสนใจคือ Grossman ยอมรับว่าถึงแม้จีพียู Big Navi ของ Xbox Series X รองรับการประมวลผล ray tracing ที่ระดับฮาร์ดแวร์ แต่นักพัฒนาเกมในตอนนี้ยังอยากใช้วิธีการเรนเดอร์แบบเดิมๆ ที่คุ้นเคยมากกว่า ซึ่ง Grossman ก็เชิญชวนให้นักพัฒนาเกมลองใช้ ray tracing กับสภาพแวดล้อมบางส่วนไปก่อนก็ได้
ในงาน Intel Architecture Day 2020 เมื่อวันก่อน นอกจากการเปิดเผยข้อมูลของหน่วยประมวลผล Tiger Lake อินเทลยังเปิดเผยข้อมูลของจีพียูซีรีส์ Xe ที่จะจับตลาดทุกระดับ ตั้งแต่การ์ดจอแบบออนบอร์ดไปจนถึงซูเปอร์คอมพิวเตอร์
Xe (อ่านว่า เอ็กซ์อี) เป็นความพยายามครั้งใหญ่ของอินเทลในการกลับเข้าสู่ตลาดจีพียูอีกครั้ง หลังจากล้มเหลวมาตลอด (ถ้ายังจำ Larrabee กันได้) และถึงขั้นต้องดึง Raja Kouduri อดีตหัวหน้าฝ่าย Radeon จาก AMD เข้ามาทำงานด้วย (Raja เป็นคนพรีเซนต์หลักของงานรอบนี้)
อินเทลจัดงาน Architecture Day 2020 โดยหัวหน้าทีมสถาปัตยกรรม Raja Koduri นำทีมมาเล่าแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของอินเทลในอนาคตอันใกล้นี้ สินค้าหลักที่ทุกคนให้ความสนใจย่อมหนีไม่พ้นซีพียูโค้ดเนม Tiger Lake ที่จะใช้ชื่อ Core 11th Gen ทำตลาด
อินเทลเริ่มให้ข้อมูลของ Tiger Lake มาตั้งแต่ต้นปี มันจะเป็น SoC สำหรับโน้ตบุ๊กที่มีทั้งซีพียูและจีพียูมาในตัว (อินเทลใช้คำเรียกว่า XPU)
ของใหม่ใน Tiger Lake มีทั้งซีพียูสถาปัตยกรรมใหม่ Willow Cove, จีพียูตัวใหม่ Xe-LP และการผลิตแบบใหม่ 10nm SuperFIN