เดลล์สร้างความฮือฮาขึ้นในงาน IDF 2010 ด้วยการเผย Inspiron Duo ลูกผสมระหว่างเน็ตบุ๊กกับแท็บเล็ต ที่มาพร้อมกับหน้าจอที่หมุนพลิกไปอีกด้าน กลายสภาพจากเน็ตบุ๊กเป็นแท็บเล็ตได้ในตัว (ดูภาพและคลิปวีดีโอได้ท้ายข่าว)
ในส่วนข้อมูลทางเทคนิคนั้น Inspiron Duo มาพร้อมกับอินเทล Atom N550 ดูอัลคอร์ และรัน Windows 7 Home Premium
ทางเดลล์นั้นยังไม่ได้เปิดเผยราคาและวันวางจำหน่าย แต่ทาง Engadget คาดการณ์ว่าเดลล์น่าจะวางขายลูกผสมเน็ตบุ๊ก/แท็บเล็ตดังกล่าวได้ภายในสิ้นปีนี้
ที่มา: Engadget
เราคงเคยได้ยินชื่อตระกูลชิปของ Atom จาก D (เดสก์ทอป), N (เน็ตบุ๊ก), และ Z (ออกแบบมาสำหรับ MID แต่สุดท้ายก็ใช้ในเน็ตบุ๊กราคาแพง) นอกจากนี้ยังมีตระกูล CE ที่ใช้กับโทรทัศน์ วันนี้ืที่งาน IDF อินเทลก็เปิดตัวรุ่นอัพเกรดของชิปตระกูล CE พร้อมกับประกาศตระกูล E เพิ่มเข้ามา
Intel CE4200 เป็นการอัพเกรดตามรอบปรกติของชิปตระกูล CE โดยฟีเจอร์สำคัญที่สุดคือการเข้ารหัส H.264 ทำให้เราคาดได้ว่าเครื่องที่ใช้ CE4200 น่าจะเป็นโทรทัศน์หรือกล่องเสริมที่มีความสามารถด้าน DVR หรือการเก็บภาพลงฮาร์ดดิสก์กันหมดแล้ว
ที่งาน Intel Developer Conference (IDF) ปีนี้ แอพลิเคชั่น Mezzmo จะถูกแสดงในส่วนของ AppUp Pavilion โดยตัว Mezzmo นั้นเป็นแอพลิเคชั่นสำหรับการส่งข้อมูลภาพและเสียงไปยังอุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐาน DLNA เช่น XBox หรือ PS3 ทำให้เราสามารถชมภาพยนตร์ หรือไฟล์เพลงต่างๆ จากเครื่องเน็ตบุ๊กโดยไม่ต้องย้ายไฟล์อีกต่อไป
ที่งาน IDF 2010 อินเทลได้โชว์ซีพียูรุ่นถัดไปรหัส "Sandy Bridge" ซึ่งจะเริ่มวางขายจริงช่วงต้นปี 2011
Sandy Bridge ถือเป็นสถาปัตยกรรมย่อย (microarchitecture) รุ่นถัดไปต่อจาก Nehalem/Westmere ในปัจจุบัน รายละเอียดของเรื่องนี้อ่านได้ในข่าว อินเทลเตรียมผลิตชิป Sandy Bridge ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งคุณ javaboom เขียนไว้ละเอียดมากแล้ว
ฟีเจอร์ที่สำคัญของ Sandy Bridge คือการผนวกเอาหน่วยประมวลผลกราฟิกเข้ามาอยู่ในซีพียู ซึ่งอินเทลได้โชว์ประสิทธิภาพว่ามันเทียบเท่ากับการใช้การ์ดจอแยก (สาธิตโดยเล่น Starcraft II: Wings of Liberty เทียบกัน)
ชั่วโมงนี้ดูเหมือนทุกคนจะเริ่มลงมาจับตลาดโทรทัศน์กันมากขึ้นเรื่อยๆ ที่งาน IDF 2010 ก็มีเพิ่มเติมคืออัสซุสที่กำลังจะลงมาเล่นตลาดนี้ในกลางปีหน้า โดยเครื่องที่อัสซุสนำมาโชว์ยังไม่มีการระบุชื่อหรือราคา มีเพียงว่ามันจะวางตลาดกลางปีหน้าเท่านั้น
ส่วนชิปภายในนั้นเป็นไปตามเครื่องคู่แข่งส่วนใหญ่คือใช้ชิป Intel CE4100 เป็นซีพียู แต่ไม่มีส่วนเก็บข้อมูลอยู่ภายในต้องเชื่อมต่อผ่าน USB เพียงอย่างเดียว
ดูเหมือนปีหน้าจะเป็นปีของการพาคอมพิวเตอร์ไปยังคนที่ไม่ใช้คอมพิวเตอร์
ที่มา - Engadget
Paul Otellini, CEO ของ Intel ได้ให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Journal โดยพูดถึงสองเรื่องที่ถูกถามเข้ามามากที่สุด เรื่องแรกก็คือการที่ Intel เข้าเป็นพันธมิตรของ Google TV และการที่ผลิตภัณฑ์ทั้งสองจะวางขายในเดือนนี้ ซึ่ง Otellini ได้กล่าวว่าก่อนที่ผลิตภัณฑ์ทั้งสองจะเปิดตัว Intel ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการปรับแต่งโค้ดระบบปฏิบัติการของ Google TV ถึง 50% โดยหวังว่าการปรับแต่งดังกล่าวจะทำให้การใช้งาน Google TV มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังคาดหวังว่าภายในเดือนนี้ Google TV จะทำยอดขายได้ดี
หลังจากที่อินเทลเข้าซื้อ Infineon ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คำถามในตอนนี้คืออินเทลกำลังเตรียมทำอะไรกับเทคโนโลยีไร้สายนี้ที่ได้มากันแน่ ล่าสุด BusinessWeek มีรายงานวิเคราะห์ถึงอนาคตของ Atom ที่น่าสนใจว่าอินเทลกำลังเตรียมทำชิป Atom รุ่นสำหรับอุปกรณ์ในบ้านที่รองรับการทำงานได้หลากหลายขึ้นจนเข้าถึงอุปกรณ์แทบทุกประเภท
หลังจากที่ USB 3.0 นั้นเปิดตัวไปเกือบสองปี ปรากฎว่าในท้องตลาดก็ยังหาอุปกรณ์ที่ใช้ USB 3.0 จริงๆ ได้ยาก ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะว่าอินเทลพี่ใหญ่นั้นยังไม่พร้อมที่จะสนับสนุนในช่วงแรก ทำให้ผู้ผลิตหลายรายต้องหันหน้าไปใช้ชิปจากเจ้าอื่นเช่น NEC เป็นต้น
หลังจากได้รู้จักกับ Intel AppUp Center รวมถึงได้เห็นหน้าค่าตาของ Intel Atom Developer Program SDK สำหรับแอพลิเคชันที่จะเข้าไปทำตลาดกันบ้างแล้ว คราวนี้เราจะมาลองสร้าง/ปรับปรุงแอพลิเคชันเพื่อเตรียมลุยใน AppUp กัน โดยในบทความนี้จะเริ่มจากภาษา C/C++ กันก่อน เพราะตัว SDK รองรับมาตั้งแต่แรก ส่วนภาษาอื่นๆ นั้นแนวคิดจะคงเดิมแต่อาจจะต้องใช้ตัว binding ครับ
หลังจากอินเทลเข้าซื้อ McAfee กลายเป็นดีลประวัติศาสตร์ของปีนี้ ล่าสุดอินเทลได้เข้าซื้อกลุ่มธุรกิจโซลูชันไร้สายของ Infineon เป็นเงินประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์ โดยซีอีโอของอินเทลให้เหตุผลว่า เนื่องจากความต้องการโซลูชันไร้สายเติบโตอย่างมาก การเข้าซื้อกลุ่มธุรกิจโซลูชันไร้สายของ Infineon จะทำให้การดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นเสาหลักอันที่สองของอินเทลนั้นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และทำให้อินเทลมีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมด้านการเชื่อมต่อไร้สาย คือตั้งแต่ Wi-Fi และ 3G จนถึง WiMAX และ LTE (4G)
หากใครรอแท็บเล็ตรัน Windows 7 จาก MSI ที่เคยปรากฏในงาน Computex ไปก่อนหน้านี้คงต้องอดใจรอต่อไปอีกถึงปีหน้า เนื่องจาก MSI เปิดเผยว่าจะยังไม่ปล่อยแท็บเล็ตดังกล่าวจนกว่าอินเทลจะเปิดตัวแพลตฟอร์ม Atom "Oak Trail" ซึ่งคาดว่าจะเป็นต้นปีหน้า โดย MSI ให้เหตุผลว่าแพลตฟอร์ม Atom ปัจจุบันไม่ประหยัดพลังงานเพียงพอ
นอกจาก Nokia และ Intel จะมีการรวมมือกันในการพัฒนาระบบปฏิบัติการ MeeGo แล้ว ล่าสุดทั้งสองบริษัทยักษ์ใหญ่ยังมีแผนร่วมทำอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก
วันนี้ในงานแถลงข่าวที่ประเทศฟินแลนด์ได้พูดถึงการก่อตั้ง Intel and Nokia Joint Innovation Center ซึ่งจะเป็นที่สำหรับศูนย์วิจัยโดยมีนักวิจัยเกือบ 30 คน ในมหาวิทยาลัย Oulu โดยให้คำจำกัดความของแผน 3D บน MeeGo ว่าจะเป็น "interfaces that are more similar to interactions in the real world" โดยแผน 3D นี้จะลงในโทรศัพท์มือถือและแทบเล็ตที่ใช้ MeeGo ที่จะออกมาในอนาคต
ข่าวซื้อกิจการเหนือความคาดหมาย เมื่อยักษ์วงการฮาร์ดแวร์อย่างอินเทล เข้าซื้อบริษัทซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยชื่อดัง McAfee
เป้าหมายของอินเทลคือการขายโซลูชันด้านความปลอดภัย ซึ่งผสมผสานด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จากบริษัทเดียวกัน นอกจากนี้ยังหวังลุยตลาด mobile security ที่จะเติบโตอีกมากในอนาคต ซีอีโอของอินเทลบอกว่า "ความปลอดภัย" จะกลายเป็นตลาดหลักอันที่สามของอินเทล ต่อจากหน่วยประมวลผล (CPU/GPU) และการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต (Wi-Fi/WiMAX)
McAfee จะกลายเป็นบริษัทลูกของอินเทล ใต้การดูแลของฝ่าย Software and Services Group การซื้อกิจการครั้งนี้มีมูลค่าประมาณ 7.68 พันล้านดอลลาร์
อินเทลได้ประกาศว่าได้เข้าซื้อบริษัท McAfee ผู้พัฒนาโซลูชันด้านการรักษาความปลอดภัย ด้วยเงินสูงถึงราว 7.68 พันล้านดอลลาร์ โดยอินเทลระบุว่าได้ทำข้อตกลงที่จะเข้าซื้อหุ้นของ McAfee ทั้งหมดด้วยเงินสด ณ มูลค่าหุ้น 48 ดอลลาร์
ซีอีโอของอินเทลระบุว่า ความปลอดภัยจะกลายเป็นเสาหลักอันที่สามของอินเทล ซึ่งแต่เดิมอินเทลมุ่งแค่การประมวลผลและการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
คำถามที่ผมได้รับเรื่อยๆ หลังจากเขียนบทความเกี่ยวกับ AppUp Center เรื่อยมาคือสามารถพัฒนาในภาษาใดได้บ้าง ในประเด็นนี้แม้ตัว AppUp จะไม่ได้กำหนดเอาไว้ว่าจะต้องพัฒนาด้วยภาษาใด แต่ตัว SDK นั้นก็รองรับเพียงภาษา C/C++ เท่านั้น ส่วนถ้าใครจะพัฒนาด้วยภาษาอื่นก็ต้องไปเขียน binding ของแต่ละภาษากันเอาเอง แต่วันนี้ทาง BaKno Games ผู้ผลิตเกมบน AppUp รายหนึ่งก็ได้ประกาศเปิดแพลตฟอร์ม AppAble ให้ใช้งานได้ฟรี
AppAble 2.0 เป็นการพอร์ต AppUp SDK ไปยังภาษาอื่นๆ ได้แก่ UnityPro, Run Revolutions, C# (.NET), Python, Ruby, Java, และ Flash
ในงานเปิดตัว LinuxCon เมื่อสัปดาห์ที่แล้วอินเทลและโนเกียยังคงแสดงความมุ่งมั่นจะพัฒนา MeeGo ให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ผลิตแทนที่ Android อันนี้เป็นข้อความที่เราได้ยินมาหลายครั้ง โดยเรื่องที่อินเทลและโนเกียใช้ดึงดูดผู้ผลิตคือระบบวรรณะใน Open Handset Alliance ที่บางบริษัทสามารถเข้าถึงการพัฒนาของ Android ได้มากกว่าบริษัทอื่นๆ ขณะที่ MeeGo นั้นทุกคนสามารถเข้าถึงการพัฒนาล่าสุดได้พร้อมๆ กัน และอีกประเด็นคือความเข้ากันได้กับลินุกซ์ที่ Android มีปัญหากับทีมเคอร์เนลเพราะความเข้ากันไม่ได้ของ API หลายๆ ตัวขณะที่ MeeGo นั้นทำงานร่วมกับเคอร์เนลสายหลักได้อย่างเต็มที่
เป็นเรื่องปรกติที่อินเทลจะแสดงแผนการวางตลาดสินค้าให้กับคู่ค้าล่วงหน้า เป็นเหตุให้แผนเหล่านี้หลุดออกมาเสมอๆ และแผนล่าสุดที่หลุดออกมาก็แสดงให้เห็นถึง SSD ตระกูลใหม่ที่จะเปิดตัวไตรมาสที่สี่ของปีนี้ และซีพียูตระกูลใหม่ที่จะเปิดตัวต้นปีหน้า
SSD ตระกูลใหม่ที่จะเปิดตัวไตรมาสที่สี่นั้นส่วนที่น่าสนใจที่สุดคือ X25-M ที่จะเพิ่มขนาดเป็น 600GB, 300GB, และ 160GB เทียบกับรุ่นปัจจุบันที่มีขนาดสูงสุดเพียง 160GB เท่านั้น ส่วนรุ่น X18-M ที่ไว้ใส่โน้ตบุ๊กขนาดเล็กนั้นก็มีขนาด 300GB และ 160GB แต่ว่าสำหรับสองรุ่นนี้จะเปิดตัวไตรมาสแรกของปีหน้า
ต่อจากการรีวิว AppUp ซึ่งเป็นตลาดกลางขายแอพลิเคชั่นจากอินเทลในบทความที่แล้ว เราได้รู้จักกับ AppUp ในฝั่งของผู้ใช้กันไปแล้ว ว่าจะสามารถซื้อหรือดาวน์โหลดแอพลิเคชั่นฟรีได้อย่างไรบ้าง ในตอนนี้ผมจะมาแนะนำ AppUp จากมุมมองของนักพัฒนากันบ้าง โดยบทความนี้ยังไม่ลงโค้ด หรือแนะนำการพัฒนาแต่เป็นการแนะนำสถาปัตยกรรมกันก่อน แล้วค่อยมีบทความแนะนำการลงมือโค้ดกันในบทความต่อๆ ไป
เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว คณะกรรมการการค้าของสหรัฐ (FTC) ยื่นฟ้องอินเทลในข้อหากีดกันทางการค้า มาถึงตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ข้อตกลงระงับคดีกับ FTC แล้ว โดยมีเงื่อนไขที่อินเทลจะต้องปฏิบัติตามในการประกอบธุรกิจหลายข้อด้วยกัน
คดีที่ FTC ฟ้องอินเทลนั้น กล่าวหาว่าอินเทลมีพฤติกรรมกีดกันทางการค้าในตลาด CPU ที่อินเทลมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 80 เปอร์เซนต์ และตลาด GPU ที่มีประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ โดยพฤติกรรมที่ FTC กล่าวหาอินเทลนั้นรวมถึงการจ่ายเงินให้ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ไม่ใช้ชิปของ AMD และพยายามไม่ให้ GPU ของ Nvidia ทำงานกับชิปของอินเทลได้
ข้อตกลงหลักๆ ที่อินเทลจะต้องปฏิบัติตามมีดังนี้
ข้อดีของการเข้าร่วมในตลาดใหม่ๆ อย่างหนึ่งคือมักมีโครงการจูงใจมาดึงนักพัฒนามากมาย ตัว AppUp ของอินเทลเองก็ดูจะมาแนวทางเดียวกัน และดูจะเอาใจค่อนข้างมาก โดยมีโครงการจ่ายเงินเพื่อดึงนักพัฒนาหลายรายการ ล่าสุด Dollars For Download ก็เริ่มเปิดตัวเป็นโครงการล่าสุดในชุด Million Dollar Development Fund
เราอ่าน รีวิว MeeGo Netbook 1.0 ภาคปฏิบัติโดยคุณ champjss ไปแล้ว วันนี้มาย้อนดูภาคทฤษฎีว่า MeeGo เป็นใคร ถือกำเนิดมาจากไหน ฯลฯ กันดีกว่าครับ
ผมสรุปเนื้อหามาจาก สไลด์ที่เกี่ยวข้องกับ MeeGo ในงาน OSCON 2010 ซึ่งจัดเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ข้อมูลยังใหม่มาก น่าจะใช้อ้างอิงไปได้อีกสักพัก
บทความนี้เป็นแค่สรุปใจความสำคัญของ MeeGo จากสไลด์เท่านั้น สำหรับผู้สนใจควรดาวน์โหลดสไลด์ทั้ง 3 ชิ้นจากลิงก์ข้างต้น
หลังจากเจ้าใหญ่ๆ สองสามเจ้าประสบความสำเร็จกับการทำร้านขายแอพลิเคชันแล้ว คราวนี้อินเทลก็ขอลงมาอยู่ในตลาดนี้บ้าง ซึ่งนับว่าสร้างความรู้สึก "แหวกแนว" อยู่พอสมควร เพราะขณะที่หน้าร้านขายแอพลิเคชันเจ้าหลักอื่นๆ อย่าง Apple Store หรือ Android Market ขายแอพลิเคชันสำหรับแพลตฟอร์มของตัวเอง แต่ AppUp นั้นขายแอพลิเคชันหลายแพลตฟอร์มพร้อมกัน คือมีทั้งเวอร์ชันสำหรับวินโดวส์ และ Moblin/MeeGo (สำหรับ MeeGo ยังไม่เปิดให้ดาวน์โหลดทั่วไป มีเฉพาะรุ่นที่แจกให้กับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ต่างๆ) โดยแอพลิเคชันที่ขายไม่จำเป็นต้องรองรับหลายแพลตฟอร์มก็ได้
อินเทลโชว์ต้นแบบของการส่งข้อมูลด้วยแสงเลเซอร์ ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Hybrid Silicon Laser มีอัตราการส่งข้อมูลสูงถึง 50Gbps (ในอนาคตจะพัฒนาได้สูงถึง 1Tbps ซึ่งเป็นตัวเลขตามทฤษฎี) สามารถส่งหนังแบบ HD ทั้งเรื่องได้ภายในเวลาน้อยกว่า 1 วินาที
อินเทลเริ่มพัฒนาเทคโนโลยีนี้มาตั้งแต่ปี 2004 และคาดว่าจะพัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์จริงได้ภายในปี 2015 โดยมันจะถูกใช้แทนการส่งข้อมูลผ่านสายทองแดงในปัจจุบันซึ่งมีขีดจำกัดทางกายภาพอยู่ที่ 10Gbps
ก่อนหน้านี้อินเทลเคยโชว์เทคโนโลยี Light Peak ซึ่งทำความเร็วได้ 10Gbps และคนของอินเทลระบุว่าอนาคตจะนำสองเทคโนโลยีนี้มารวมกัน
สงครามน้ำลายของอินเทลและ NVIDIA ยังคงเป็นมหากาพย์ขนาดยาวให้เราได้อ่านเรื่อยๆ ล่าสุด David Kirk วิศวกรอาวุโสของ NVIDIA ก็ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับสินค้าตระกูล Knight ของ Intel ที่เปิดตัวไปเมื่อเกือบสองเดือนที่แล้ว ว่าเขาไม่คิดว่าอินเทลจะมีความได้เปรียบใดในการออกแบบระบบประมวลผลแบบผสมเช่นนี้ และที่จริงแล้วอินเทลประสบความสำเร็จน้อยมากในการออกแบบเครื่องและซอฟต์แวร์สำหรับการประมวลผลแบบขนาน
แม้ว่า Adobe AIR นั้นจะมี ADOBE AIR Marketplace ของตัวเองอยู่ก่อนแล้ว แต่ฐานลูกค้าที่ติดตั้ง Intel AppUp Center ในสหรัฐฯ กลับสูงกว่ามากเพราะอินเทลไปคุยกับผู้ผลิตให้ติดตั้งไว้ล่วงหน้า งานนี้ค่าย Adobe ก็ต้องเพิ่มฐานลูกค้าให้นักพัฒนาของตนเองด้วยการทำให้ซอฟต์แวร์จาก Adobe AIR สามารถส่งเข้า Intel AppUp ได้
Intel AppUp Center เป็นหน้าร้่านขายซอฟต์แวร์ของทางอินเทลเอง ที่สร้างขึ้นมาเพื่อขายซอฟต์แวร์บนเน็ตบุ๊กและแท็บเล็ตที่กำลังจะออกมาในอนาคต