ขณะที่โลกกำลังมุ่งจากซีพียูแบบดูอัลคอร์ไปเป็นควอดคอร์ หรือสี่ซีพียู ทางอินเทลได้แสดงตัวอย่างการทำงานของชิปต้นแบบจากห้องวิจัยของอินเทลที่สามารถพัฒนาชิประดับ 80 คอร์ให้ทำงานจริงได้แล้ว ชิปดังกล่าวเปิดตัวครั้งแรกในงาน Intel Developer Forum ที่ผ่านมา โดย Paul Otellini ซีอีโอของอินเทลระบุว่าอินเทลน่าจะวางตลาดชิประดับนี้ได้ในอีกห้าปีข้างหน้า
ซีพียูที่ทางอินเทลนำออกมาเดโมนี้สามารถทำความเร็วได้ถึง 1 เทราฟลอปในชิปตัวเดียว แต่เนื่องจากตัวชิปไม่ได้เป็นสถาปัตยกรรม x86 จึงไม่สามารถทดสอบโปรแกรมทั่วไปเช่นวิสต้าได้
หลังๆ เกมเมอร์ฝรั่งคงหันมาใช้โน้ตบุ๊กกันมากขึ้น อินเทลจึงเตรียมวางตลาด Core 2 Extreme X7800 และ X7900 ในกลางปีนี้ ชิปทั้งสองจะทำงานที่สัญญาญนาฬิกา 2.6 และ 2.8 กิกะเฮิร์ตตามลำดับ พร้อมแคชขนาด 4 เมกกะไบต์ และบัส 800 เมกกะเฮิร์ต ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ มีมาให้อย่างครบถ้วนเช่น SpeedStep (คนเล่นเกมอาจจะปิดทิ้งเป็นอย่างแรก), Virtualization, และ x86-64
ราคาของรุ่น X7800 นั้นจะอยู่ที่ 795 ดอลลาร์ต่อชิ้น (ประมาณสองหมื่นห้า) ราคาอาจจะเท่าโน้ตบุ๊กเครื่องต่อไปของผมทั้งเครื่อง!!!
ที่มา - RegHardware
สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับว่าเอเอ็มดีตามหลังอินเทลเสมอมาคือเทคโนโลยีการผลิตชิปชั้นพื้นฐานที่ทางเอเอ็มดีตามหลังอินเทลเสมอมา เช่นเทคโนโลยี 65 นาโนเมตรที่อินเทลใช่้งานมาปีกว่าๆ แล้วนั้นทางเอเอ็มดีเพิ่งนำเข้าสายการผลิตได้เมื่อไม่นานมานี้เอง และเทคโนโลยี 45 นาโนเมตรก็น่าจะซ้ำรอยเดิม เมื่อทางอินเทลระบุว่าชิป Penryn ของอินเทลนั้นพร้อมจะเข้าสายการผลิตแล้วในช่วงต้นปีนี้ ส่วนทางเอเอ็มดีนั้น ถ้าเป็นไปตามกำหนดการ เราคงได้เห็นเทคโนโลยีระดับเดียวกันในปี 2008
ชิป Penryn โดยทั่วไปแล้วคือ Core 2 Duo ที่จะเพิ่ม SSE4 เข้าไป แต่ด้วยเทคโนโลยี 45 นาโนเมตร จะทำให้ชิปตัวนี้กินพลังงานน้อยลง จำนวนผลิตที่ได้ต่อแผ่นเวเฟอร์สูงขึ้น ซึ่งกระทบโดยตรงกับต้นทุนการผลิตและส่วนต่างกำไร
ถ้าใครเล่นหุ้นก็จะรู้ว่าช่วงนี้เป็นฤดูการประกาศผลประกอบการ ต่างประเทศก็ประกาศออกมาเหมือนกัน ที่น่าสนใจที่สุดเห็นจะเป็นเอเอ็มดีที่มีผลประกอบการขาดทุนถึง 574 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียว นับเป็นการขาดทุนเป็นครั้งแรกนับแต่ต้นปี 2005 ที่เอเอ็มดีทำตลาดตีตื้นอินเทลได้เรื่อยมา เอเอ็มดีอธิบายว่าการขาดทุนนี้เกิดจากทางการเข้าซื้อบริษัท ATI เป็นเงินถึง 550 ล้านดอลลาร์ แต่นั่นก็หมายถึงส่วนอื่นๆ ของเอ็มดีแทบไม่ทำกำไรเลยในไตรมาสที่แล้ว
หนึ่งในหลักฐานความสำเร็จของเอเอ็มดีในปีที่ผ่านมาคือการเป็นพันธมิตรกับซันที่ขายเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ชิปของซันเอง และชิปเอเอ็มดีเท่านั้น เนื่องจากความเร็วของ Opteron ในยุคนั้นนำหน้า Xeon ของอินเทลไปค่อนข้างชัด แต่ตอนนี้ก็มีข่าวลือออกมาค่อนข้างมากว่าทางซันเตรียมจะประกาศ
แม้ในตอนนี้ทั้งทางซันและอินเทลต่างปฎิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ กับข่าวนี้ แต่แนวโน้มการย้ายค่ายของผู้ผลิตที่จะโน้มเข้าหาทางอินเทลนั้นค่อนข้างชัดเจนในช่วงหลังการวางตลาด Core 2 Duo ที่ให้ความเร็วนำหน้าทางเอเอ็มดีอยู่พอควร
ข่าวนี้คาดว่าจะได้รับการยืนยันภายในวันนี้
ที่มา - chron.com
ช่วงนี้ข่าว iPhone เยอะมาก คัดเฉพาะข่าวที่น่าสนใจมาลงละกัน
โฆษกของทั้งแอปเปิลและอินเทลออกมาให้ข่าวว่า iPhone ไม่ได้ใช้ซีพียูอินเทลแต่อย่างใด มีเพียง Apple TV เพียงตัวเดียวเท่านั้นที่ใช้
ข่าวนี้เป็นการหักปากกาเซียนที่ระบุว่าเป็น XScale แน่นอน ในขณะที่ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเป็นอะไรกันแน่ ทาง Ars Technica ได้วิเคราะห์ว่าเป็น Samsung!
CPU ใหม่จาก Intel ครับ Q6600 เป็น Quad core ราคาประหยัด ตัว top ของ CPU Quad-core จะอยู่ที่ราคาสูงกว่า US$ 1,000 แต่ตัวนี้อยู่ที่ราวๆ US$ 800 ครับ
เป็นการปรากฎแบบเงียบๆยังไงไม่รู้ เพราะเห็นว่าโชว์ในเครื่องพีซีใหม่ (Shuttle XPC 1337)
CPU spec คือ 2.4GHz มี level 2-cache ขนาด 8 MB มีรายละเอียดแค่นี้เองครับ ยังไม่ได้ไปดูที่ site Intel
อ่านดูครับ [Link]
อินเทลเป็นผู้สนับสนุนเทคโนโลยีไวแมกซ์มานาน ถ้าจำสมัยไวฟายกันได้ คงต้องให้เครว่าการที่ไวร์เลสแลนได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในทุกวันนี้เพราะอินเทลผลักดันให้รวมเข้าไว้กับชุดเซนทริโน รอบนี้เทคโนโลยีไวร์แมกซ์ก็ดูเหมือนอินเทลจะใช้กลยุทธ์เดิมด้วยการผลักดันเทคโนโลยีให้รวมเข้าไว้ในชุดเดียวกัน
การเปิดตัวชิปเซ็ต Intel WiMAX Connection 2300 รุ่นสาธิตในวันนี้เป็นการแสดงแนวทางที่ค่อนข้างชัดเจนของทางอินเทล โดยชิปเซ็ตชุดนี้จะรวมเอาทั้ง WiMAX, MIMO (802.11n) และ HSDPA (สำหรับเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายมือถือ) เข้าไว้ในชุดเดียวกัน เทคโนโลยีทั้งสามอาจจะได้รับการติดตั้งในแล็ปท็อปจำนวนมากในเร็ววันนี้
ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทางอินเทลได้พยายามโปรโมทโครงการ Classmate PC ที่เห็นได้ชัดว่าเป็นโครงการที่สร้างขึ้นมือเพื่อเป็นคู่แข่งกับทาง OLPC โดยเฉพาะ หลังจากทาง OLPC ได้ส่งมอบเครื่องชุดแรกให้กับทางบราซิลไปทดสอบการใช้งานจำนวน 60 เครื่อง ทางอินเทลก็ไม่ยอมน้อยหน้าด้วยการส่งเครื่องทดสอบจำนวนถึงเกือบหนึ่งพันเครื่องให้กับทางบราซิล
อินเทลตัดสินใจไม่รอให้มาตรฐาน 802.11n ได้รับรองในขั้นสุดท้าย โดยจะรวมเอามาตรฐาน 802.11n ที่ยังเป็นฉบับดราฟท์อยู่นี้เข้าไปในชุด Centrino รุ่นใหม่ที่จะออกในปีหน้า งานนี้ทางอินเทลระบุว่านอกจากความเร็วที่เพิ่มขึ้นมากแล้ว ผู้ใช้ยังได้ประโยชน์ในแง่ของรัศมีในการใช้งานที่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50 (แน่นอนว่าตัวเลขกลมๆ พวกนี้มีไว้เพื่อการค้า เราคงต้องรอผลทดสอบกันต่อไป)
การที่อินเทลนำมาตรฐานรุ่นดราฟท์เข้ามาใน Centrino จะมีผลให้มีเครื่องที่ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีนี้เป็นจำนวนมากจนเราอาจจะมั่นใจได้มากขึ้นว่ามาตรฐานตัวจริง ก็น่าจะทำงานร่วมกับมาตรฐานรุ่นปัจจุบันได้ แต่อย่างไรก็ตามการมองในแง่นี้ก็ไม่ได้มีอะไรมารับประกันจริงๆ
ผู้ผลิตซีพียูรายเล็กอย่าง VIA โดนอินเทลกดดันให้เลิกทำซีพียูแข่ง โดยมีข้อแลกเปลี่ยนเป็นสิทธิ์ในการใช้สิทธิบัตรของอินเทลสำหรับชิปเซ็ต
ทั้งสองบริษัทเคยมีคดีความกันมาก่อน คืออินเทลหาว่า VIA ละเมิดสิทธิบัตรของตัวเอง และเรื่องนั้นจบด้วยอินเทลอนุญาตให้ VIA ใช้สิทธิบัตร 4 ปี ซึ่งจะหมดสัญญาในปี 2007 นี้ เมื่อช่วงหลังซีพียูขนาดเล็กและประหยัดพลังงานของ VIA เริ่มได้รับความนิยมและกินตลาดอินเทลมากขึ้นเรื่อยๆ อินเทลจึงนำเรื่องต่อสัญญาการใช้สิทธิบัตรมากดดันตามข่าว
แหล่งข่าวเรื่องนี้เป็นคนในของการเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่าย ซึ่งการเจรจายังไม่จบ ยังไม่ใช่ข้อมูลอย่างเป็นทางการ ฟังหูไว้หูครับ
ที่มา - The Inquirer
วันนี้มีหลายเรื่อง เลยขอรวบๆ มาไว้เป็นข่าวเดียวเลย เริ่มจากอินเทลเริ่มส่งมอบชิปควอร์ดคอร์ชุดแรกให้กับผู้ผลิตพีซีแล้ว เชื่อกันว่าในช่วงนี้เป็นช่วงของการทดสอบระบบก่อนที่จะมีการวางจำหน่ายชิปตัวนี้ในช่วง กลางเดือนหน้า ส่วนชิปที่ส่งมอบได้เป็นตัวแรกนี้คือ Core 2 Extreme QX6700 หรือที่รู้จักกันก่อนหน้านี้ในชื่อ Kentsfield ทำงานที่สัญญาณนาฬิกา 2.67 กิกะเฮิร์ต และกินไฟ 110 วัตต์ เทียบกับ Core 2 Duo E6700 ที่กินไฟ 65 วัตต์
ที่มา - TGDaily
หลังจากการควบกิจการ AMD-ATI ก็มีข่าวลือสารพัดอย่างเกี่ยวกับ Nvidia เช่น nForce อาจโดน AMD ตัดหาง เป็นต้น
ล่าสุดมีข่าวลือรอบใหม่ว่าอินเทลได้ตกลงกับ Nvidia เรียบร้อยแล้ว และเตรียมประกาศอย่างเป็นทางการในคืนนี้ (เวลาบ้านเราก็ต้องพรุ่งนี้) มูลค่าของ Nvidia จะอยู่ประมาณ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ของ ATI 5.4 พันล้าน) ข่าวลือนี้ทำให้หุ้น Nvidia ใน NASDAQ ขึ้นไป 8%
พรุ่งนี้ก็รู้กันว่าจริงหรือหลอก
ที่มา - Forbes
อินเทลอนุญาตให้เว็บไซต์ HotHardware ได้ลองทดสอบ Core 2 Extreme QX6700 หรือชื่อที่เข้าใจง่ายๆ ว่า Core 2 Quad ในระหว่างงานประชุม Intel Developer Forum ประจำปี 2006
ผลการทดสอบเบนช์มาร์คบางอย่าง พบว่าที่เป็น multi-thread เช่น POVRay หรือ DivX encoding นั้นมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว (ประมาณ 80%) ในขณะที่การทำงานแบบ single-thread เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย หรือบางอย่างก็ต่ำกว่า Core 2 Duo ด้วยเหตุผลว่าเกิดคอขวดที่ Front Side Bus ก็มี
ทาง HotHardware หวังว่าจะได้ทดสอบ Core 2 Quad แบบเต็มๆ ในอีกไม่นาน รวมถึงคู่แข่งอย่าง AMD 4x4 ด้วย
ในงาน Intel Developer Forum ประจำปีนี้ อินเทลได้เปิดเผยเทคโนโลยีแห่งอนาคต 3 อย่าง
อ่านหัวข่้าวแล้วอย่าเพิ่งนึกถึงหนังกาโม่ เรื่องของเรื่องคือความเร็วคอมพิวเตอร์ทุกวันนี้นั้น เรื่องหนึ่งที่เป็นข้อจำกัดกันอย่างมากคือ การสื่อสารข้อมูลระหว่างชิปที่มักเป็นจุดที่ช้าเสมอๆ และทำให้เอเอ็มดีได้เปรียบอินเทลไปพักใหญ่ เนื่องจากทำความเร็วได้ดีกว่า เพราะย้ายเอา MMU เข้าไปวางไว้ในชิปเดียวกับตัว CPU เลย
อ่านไม่ผิดครับ Quadro แปลว่าข้างในมี 4 core
Tom's Hardware ได้รับชิปรุ่นทดสอบก่อนผลิตจริง ตอนนี้มันยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ ถึงแม้เราจะเรียกกันเล่นๆ ว่า Quadro ให้เห็นภาพ แต่มีข่าวแว่วมาว่าอินเทลจะทำตลาดในชื่อ Core 2 Extreme มากกว่า
รายละเอียดทางเทคนิคคือมันไม่ได้ 4 core บน 1 die จริง แต่เป็น 4 core บน 2 die แต่ละ die แยกหน่วยความจำกัน (เหมือนกับเอา dual core 2 อันมาต่อกันเฉยๆ) เนื่องจากปัญหาด้านขนาดของ die แต่ในอนาคตเมื่ออินเทลไปถึงขั้นสามารถผลิตที่ 32 นาโนเมตรได้แล้ว ปัญหาด้านนี้คงหมดไป
CSI คืออะไร (ไม่ใช่ Crime Scene Investigation นะ) ดูในข่าวเก่า อินเทลเชื่อมั่น CSI เหนือกว่า HyperTransport
หลังจากตามหลังในตลาดเซิร์ฟเวอร์มาพักใหญ่ เพราะ HyperTransport ของ AMD มีอัตราการส่งข้อมูลสูงกว่ามาก อินเทลก็เตรียมปรับทัพใหม่โดยส่งเทคโนโลยีสองตัว
โดยอินเทลตั้งชื่อแบรนด์ของ 2 ตัวนี้รวมกันไว้ว่า Direct Connect Architecture
จากข่าวเก่า อินเทลโอเพนซอร์สไดรเวอร์ชิปกราฟิก ซึ่งทำให้ชาวบ้านสรรเสริญอินเทลกันทั่วหน้า แต่เอาเข้าจริงแล้ว ไม่ทุกโมดูลของไดรเวอร์ที่โอเพนซอร์ส โดย Keith Packard ได้ตอบประเด็นเรื่องนี้ในเมลลิ่งลิสต์ของเคอร์เนลว่า สิ่งที่ไม่ได้ให้ซอร์สมาด้วย (มีแต่ไบนารี) คือส่วนที่เรียกว่า Macrovision ซึ่งอินเทลติดปัญหาเรื่องความลับทางการค้า อย่างไรก็ตามตัวไดรเวอร์สามารถทำงานได้อย่างปกติ ถ้าผู้ใช้ไม่ต้องการเรียกใช้โมดูลนี้
ปฏิกิริยาของชุมชนแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝ่ายแรกโกรธที่อินเทลโกหก ส่วนอีกฝั่งบอกว่าเข้าใจเงื่อนไขของอินเทล และเปิดแค่นี้ก็ดีถมเถแล้ว
ในสมัยที่อินเทลเริ่มทำ Centrino ในช่วงแรกๆ สิ่งที่โดนบ่นมากคือไดรเวอร์สำหรับลินุกซ์นั้นออกยากเย็นเสียเหลือเกิน แต่การเปิดตัวไดรเวอร์ล่าสุดของอินเทลให้เป็นโอเพนซอร์สโดยใช้ไลเซนส์ GPL ในส่วนของเคอร์เนล และไลเซนส์ MIT ในส่วนของ X.Org
ชิปเซ็ตทีี่่เปิดซอร์สไดรเวอร์นี้เป็นชิปเซ็ตตระกูล 965 ที่รองรับ Core 2 Duo ที่กำลังเริ่มวางตลาดในตอนนี้ การโอเพนซอร์สไดรเวอร์เช่นนี้จะทำให้ลินุกซ์หลายๆ ตัวสามารถรองรับชิปเหล่านี้ได้ทันที และสามารถดึงประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ออกมาได้เต็มที่
แม้จะมี Core2 มาสกัดดาวรุ่งในตลาดคอมซูมเมอร์ไว้ได้ชะงัก แต่อินเทลยังคงต้องทำการบ้านอีกเยอะ เมื่อสรุปผลส่วนแบ่งตลาดในไตรมาสที่สองที่ผ่านมา พบว่าเอเอ็มดียังคงเติบโตแบบก้าวกระโดด มาหยุดที่ร้อยละ 25.9 เติบโตขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้วที่อยู่ที่ร้อยละ 16.2
งานนี้อินเทลต้องหวังว่า Xeon ตัวใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม Core จะช่วยดึงส่วนแบ่งให้กลับมาคงเดิมได้ต่อไป
เราอ่านข่าวความแรงของ Core 2 Duo กันมาเป็นเดือน วันนี้ออกจริงๆ แล้วครับ ออกมา 10 รุ่นพร้อมกันเลยทีเดียว
อินเทลแถลงข่าวที่สำนักงานใหญ่ที่เมือง Santa Clara ว่าจะออกซีพียูชุด Core 2 โดยแบ่งเป็น 3 หมวดใหญ่ ดังนี้
หลังอินเทลออก Core 2 Duo มาได้ไม่กี่วัน AMD ได้โต้กลับด้วย "4x4" ซึ่งเป็นระบบซีพียูรวม 4 คอร์ (ดูอัลคอร์ 2 ตัว) เพื่อโปรโมทประสิทธิภาพรวมที่สูงกว่า Core 2 Duo (ข่าวเก่า)
อินเทลเลยต้องแก้เกมโดยเลื่อนเจ้า "Kentsfield" ซึ่งเป็นระบบ 4 คอร์แบบเดียวกันให้ออกเร็วขึ้นเป็นปลายปีนี้ จากแผนเดิมกลางปีหน้า
ว่าจะไม่ยุ่งกับสงครามศาสนาแล้วเชียว แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว...
เขา (ผู้รีวิวอิสระ) ว่า Intel Core 2 Duo เร็วจริงอย่างเขา (อินเทล) ว่า เร็วกว่า Athlon FX-62 ทีนี้อะไรต่อไปล่ะ
ที่มา - zdnet
ส่วน benchmark อันนี้ อาจไม่ได้บอกอะไรมาก เพราะขึ้นกับ utilization ด้วย เพียงแต่เคยเห็น Core 2 Duo 6600 ขึ้นไปอยู่ที่ 1300 averge credit/CPU ในขณะที่ใช้ Core Duo 1.83 GHz (iMac) อันสุดๆได้เกือบ 720 credit (หรือ 360 credit/CPU)
การบุกล้ำส่วนแบ่างตลาดของเอเอ็มดีส่งผลอย่างชัดเจนต่ออินเทลขึ้นเรื่อยๆ เมื่อตัวเลขผลกำไรไตรมาสที่ผ่านมาของอินเทลต่ำลงกว่าไตรมาสที่แล้วถึง 38 เปอร์เซนต์ ทำให้มีการประกาศเลย์ออฟพนักงานในส่วนการจัดการถึงพันตำแหน่ง ซึ่งอินเทลเชื่อว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง หนึ่งพันล้านดอลลาร์ต่อปี
ด้วยตัวเลขพนักงานถึงหนึ่งแสนคน การเลย์ออฟหนักงานออกไปหนึ่งเปอร์เซนต์จึงดูเหมือนเป็นจำนวนเพียงเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามมีการคาดการกันว่าจะมีการเลย์ออฟอย่างต่อเนื่อง จากพนักงานหลายๆ ฝ่าย ซึ่งอาจจะมีตัวเลขการเลย์ออฟรวมถึงหนึ่งหมื่นตำแหน่งภายในหกเดือนข้างหน้า