หลังจากไมโครซอฟท์เปิดตัว Delve แอพแสดงเอกสารจากเพื่อนร่วมงานในชุด Office 365 ล่าสุดไมโครซอฟท์ได้ปรับปรุงหน้าโปรไฟล์ของผู้ใช้บน Delve ใหม่ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหา เชื่อมต่อ และประสานงานการทำงานได้ถูกคน หน้าโปรไฟล์ใหม่รองรับการใช้งานตั้งแต่อุปกรณ์หน้าจอ 4 นิ้วขึ้นไป พร้อมระบุตำแหน่งตามโครงสร้างองค์กรอย่างชัดเจน
"21 ภาพแมวอ้วนกลมดุ๊กดิ๊กที่จะทำให้คุณใจละลาย" "เมื่อภรรยานอกใจ สามีจึงวางแผนเอาคืนแบบแสบทะลักขีด" พาดหัวข่าวแบบนี้กลายเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในแวดวงโซเชียล เว็บเนื้อหาแนวไวรัลกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา อย่างไรก็ตาม การพาดหัวชวนคลิกแบบโอเวอร์เกินจริง บวกกับปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์เนื้อหาจากเว็บอื่นๆ ทำให้เริ่มมีคนตั้งคำถามกับเว็บไซต์เหล่านี้
เว็บลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในต่างประเทศ และถ้าพูดถึง "ต้นฉบับ" ของเว็บข่าวแนวไวรัลเหล่านี้ก็ย่อมหนีไม่พ้น BuzzFeed ที่เริ่มกิจการมาตั้งแต่ปี 2006 (เกือบสิบปีแล้วนะ) บทความนี้จะแนะนำต้นกำเนิดของเว็บไวรัล และพัฒนาการของเว็บเหล่านี้ทั้งในและต่างประเทศ คำเตือน: รูปเยอะมาก
ผลศึกษาจากบริษัทวิจัย Strategy Analytics เรื่องเม็ดเงินโฆษณาบนโซเชียลเน็ตเวิร์คตลอดทั้งปี 2014 ระบุว่า Facebook กวาดรายได้ไปถึง 11.4 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 75% ของรายได้โฆษณาทั้งหมดเลยทีเดียว (โซเชียลอื่นๆ ต้องแบ่ง 25% ที่เหลือกันเอง ในจำนวนนี้ Twitter ได้ไป 8%)
ขนาดตลาดรวมของโซเชียลปี 2014 อยู่ที่ 15.4 พันล้านดอลลาร์ และคาดว่าปี 2015 นี้ ตลาดจะโตขึ้นอีก 29% เป็น 19.8 พันล้านดอลลาร์
สถิติอื่นที่น่าสนใจคือ
พระเอกของงานสัมมนาประจำปี Facebook F8 2015 คือ Facebook Messenger อย่างไม่ต้องสงสัย และในงาน F8 รอบนี้ เราอาจพูดได้ว่า Facebook ตั้งใจดัน Facebook Messenger แยกเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คอีกอันใน "ครอบครัว Facebook" เลยด้วยซ้ำ
มาถึงวันนี้ บริษัท Facebook ไม่ได้มีแค่โซเชียลเน็ตเวิร์คชื่อ Facebook เพียงอย่างเดียวอีกแล้ว และในการนำเสนอของ Mark Zuckerberg ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัท ก็มีภาพน่าสนใจที่แสดงให้เราเห็นว่า "บริษัท Facebook คิดอย่างไร" กับบริการโซเชียลทั้งหมดที่มีอยู่ในมือ
เฟซบุ๊กประกาศอัพเกรด Graph API เป็นรุ่น 2.3 โดยรับประกันว่าจะใช้งานได้อีกอย่างน้อยสองปี มีฟีเจอร์ใหม่ หลายอย่าง
Twitter มีปัญหาเรื้อรังในประเด็นว่าระบบถูกใช้เพื่อการกลั่นแกล้งผ่านเน็ต (cyberbullying) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทก็ออกมายอมรับเมื่อเร็วๆ นี้ว่าดำเนินการแก้ไขน้อยและช้ากว่าที่ควรทำไปมาก (ซีอีโอ Dick Costolo ออกมายอมรับเองว่า "We suck at dealing with abuse and trolls on the platform and we've sucked at it for years.")
หลังจาก Twitter ตื่นตัวในประเด็นนี้แล้ว ก็เริ่มมีมาตรการแก้ไขปัญหาออกมา เช่น ระบบแจ้งเตือนข้อความข่มขู่ที่ใช้ง่ายกว่าเดิม ล่าสุดมีผู้ใช้ค้นพบฟีเจอร์ใหม่ "Quality Filter" หรือตัวกรองเนื้อหาที่มีคำขู่ ข้อความคุกคาม ภาษาไม่สุภาพ รวมถึงเนื้อหาซ้ำซ้อน และข้อความจากบัญชีที่น่าสงสัย
LinkedIn ประกาศซื้อกิจการบริษัท Careerify ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์จ้างงานโดยอาศัยเครือข่ายสังคมของพนักงานในองค์กร ช่วยแนะนำหาคนมาทำงาน (employee referrals)
Careerify เป็นบริษัทจากแคนาดา ก่อตั้งในปี 2009 ช่วงเดียวกับที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก มีเป้าหมายคือนำเทคโนโลยีมาช่วยลดอัตราการว่างงาน โดยเรียกซอฟต์แวร์ของตัวเองว่า Talent Acquisition Platform และจับกลุ่มลูกค้าเป็นฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ (HR) ขององค์กรต่างๆ
Careerify บอกว่าการไปอยู่กับ LinkedIn จะช่วยให้ซอฟต์แวร์ของตัวเองเข้าถึงเครือข่ายองค์กรกว่า 30,000 แห่งที่ใช้ LinkedIn ช่วยในการจ้างงาน และเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ LinkedIn กว่า 347 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งเป็นขนาดผู้ใช้ที่ตัว Careerify เองไม่สามารถทำได้โดยลำพัง
ในทุกๆ วัน ผู้คนรอบโลกใช้ Facebook เชื่อมต่อระหว่างครอบครัวและเพื่อน แบ่งปันข่าวสารหรือเรื่องของตัวเอง ดังนั้นจะมีบทสนทนามากมายที่เกิดขึ้น และก็มีบางเรื่องที่อาจจะเป็นอันตรายต่อสังคม จึงทำให้ Facebook ปรับปรุง Community Standards เพื่อทำให้ผู้คนเข้าใจได้ว่าเนื้อหาใดที่อนุญาตให้แชร์ได้ใน Facebook โดยมีเนื้อหา 4 หมวดหลักคือ
การปรับเอกสาร Community Standards ของ Facebook นอกจากประเด็นเรื่องชื่อจริง ยังมีประเด็นเกี่ยวกับเนื้อหาที่ Facebook ไม่ยอมให้โพสต์และจะลบทิ้งหรือจำกัดการแสดงผลถ้าได้รับรายงาน
ภาพโป๊เปลือย (nudity)
ข่าวใหญ่วันนี้คือ Facebook ปรับปรุงเอกสาร Community Standards หรือเงื่อนไขการอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนบน Facebook โดยเนื้อหาส่วนใหญ่คงเดิม แต่ปรับวิธีการเขียนให้ชัดเจนและเข้าใจง่ายขึ้น เพราะ Facebook จะใช้เอกสารนี้เป็นบรรทัดฐานสำหรับคนที่ทำผิดกฎการใช้งาน
เอกสารฉบับใหม่มีประเด็นที่น่าสนใจหลายอย่าง ขอเริ่มจากประเด็นที่คนไทยได้รับผลกระทบกันเยอะคือเรื่อง "ชื่อจริง" ก่อนครับ
Facebook ประกาศปรับยอดไลค์ของเพจต่างๆ โดยจะลบตัวเลขของบัญชีที่เลิกใช้งาน (deactivated) เพื่อปรับสถานะของผู้ติดตามเพจให้เป็นปัจจุบันมากขึ้น
Facebook เตือนว่าเจ้าของเพจจะเห็นตัวเลขยอดไลค์ของ "เพจลดลงเล็กน้อย" แต่ถ้าเจ้าของบัญชีกลับมาใช้งานใหม่อีกครั้ง ตัวเลขไลค์ก็จะถูกนับเพิ่มกลับมาให้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ Instagram เพิ่งมีนโยบายแบบเดียวกัน แต่เป็นการลบบัญชีปลอมและสแปม ส่งผลให้ผู้ติดตามบัญชีดังๆ บางบัญชีลดลง
ที่มา - Facebook for Business
โครงการ Google+ ของกูเกิลที่มีปัญหาเรื้อรังมานาน ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง โดย Bradley Horowitz ผู้บริหารคนหนึ่งในทีม Google+ ขยับขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีม Google+ แทนผู้บริหารอีกคน Dave Besbris ที่เพิ่งนั่งเก้าอี้นี้มา 11 เดือนเท่านั้น
ที่น่าสนใจคือในคำประกาศของ Bradley Horowitz เขาไม่ใช้คำว่า Google+ โดยตรง แต่บอกว่าดูแล Photos และ Streams แทน เขายังบอกว่าอยากให้ทุกคนเข้าใจการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์ทั้งสองตัวให้ตรงใจผู้ใช้งานต่อไป
ระบบคอมเมนต์ออนไลน์ Disqus ปรับโฉมหน้าเว็บของตัวเองใหม่ โดยหยิบเอาการสนทนาบนเว็บไซต์ต่างๆ มาแสดงบนโฮมเพจของตัวเอง เพื่อให้คนสามารถติดตาม "การสนทนาที่น่าสนใจ" ได้ง่าย
รูปแบบของโฮมเพจ Disqus แบบใหม่จึงมีลักษณะคล้ายกับเว็บบอร์ดหรือกระดานสนทนาแบบ Reddit มากขึ้น ผู้ใช้งานสามารถติดตามประเด็นสนทนาของคนอื่นๆ และร่วมตอบคอมเมนต์เพิ่ม รวมถึงสามารถตั้งกระทู้ใหม่ด้วยตัวเอง (กระทู้ที่ตั้งใหม่จะอยู่บนระบบของ Disqus แทนการดึงมาจากเว็บอื่น)
ที่ผ่านมา Disqus ทำตัวเป็นระบบเบื้องหลัง ให้บริการเว็บไซต์กว่า 3 ล้านแห่ง ต้องรอดูว่าการปรับยุทธศาสตร์มาเน้นชุมชนคนคอมเมนต์มากขึ้นจะช่วยให้ Disqus ประสบความสำเร็จมากกว่านี้หรือไม่ครับ
ก่อนหน้านี้ผู้ใช้สามารถระบุเพศบน Facebook ได้ตามที่กำหนดมาให้ ซึ่งครอบคลุมถึงเพศทางเลือกทั้งหมด ล่าสุดทาง Facebook Diversity ได้ออกมาเปิดเผยว่าสามารถระบุเพศของตัวเองได้ตามใจชอบแล้ว โดยสามารถเลือกตัวเลือกเป็น Custom แล้วพิมพ์ระบุลงไปได้เอง ทั้งนี้จะมีตัวเลือกถามเพศที่แท้จริงของผู้ใช้ด้วย
ทาง Facebook Diversity ก็ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่าทีมงานตระหนักถึงผู้ใช้บางคนที่เผชิญหน้าต่อการบอกเรื่องเพศที่แท้จริงของตัวเองต่อผู้อื่น ฟีเจอร์นี้ก็จะช่วยให้ผู้ใช้แสดงออกถึงเพศที่แท้จริงของตัวเองได้มากขึ้น
ทุกวันนี้ในการดูแลบัญชีทวิตเตอร์นั้นหากมีทีมงานช่วยกันดูแลทุกคนจะต้องรู้ชื่อและรหัสผ่านของบัญชี แต่หลังจากนี้อาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไปเมื่อทวิตเตอร์เปิดฟีเจอร์ Teams ซึ่งสามารถเพิ่มบัญชีของผู้ใช้งานทวิตเตอร์ให้เป็นผู้ดูแลบัญชีได้ ยกตัวอย่างเช่นบัญชี blognone สามารถเพิ่มทีมด้วยบัญชีนาย A หรือนาย B ได้ โดยนาย A และ B ไม่จำเป็นต้องรู้รหัสผ่านของบัญชี blognone แต่อย่างใด นอกจากนี้การตั้งทีมยังสามารถเลือกระดับขั้นของคนในทีมว่าจะเป็นแอดมินหรือคอนทริบิวเตอร์ก็ได้
ฟีเจอร์นี้ใช้ได้เฉพาะ TweetDeck เท่านั้น ดูวิธีการทำงานได้ท้ายเบรก
ที่มา - Twitter
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ว่า โลกโซเชียลมีเดียในปัจจุบันนั้นมีความโหดร้ายอยู่มาก โดยเฉพาะการให้ร้ายคนอื่นอย่างไม่มีหลักฐานหรือข้อเท็จจริง ที่ทำให้คนเสพข้อมูลเหล่านี้เกิดความโกรธเกลียดซึมลึกเข้าไปในใจ โดยไม่มีการให้อภัยกัน ซึ่งพลเอกประยุทธ์มองว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ควรจะมีการให้อภัยกันบ้าง และถ้ามีอะไรขัดข้อง ตนเองก็พร้อมพูดคุยและเข้าสู่กระบวนการ เพื่อไม่ให้ลุกลามบานปลาย ทั้งนี้ขอให้ทุกคนไม่ใช้โซเชียลเป็นช่องทางในการตอบโต้กัน เพื่อแสดงออกถึงวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทย สร้างตัวอย่างที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชน
ที่ผ่านมา ช่องทางการสื่อสารระหว่างแบรนด์กับผู้ติดตามจะจำกัดอยู่ในรูปแบบของ Official Account ซึ่งมักมีเฉพาะแบรนด์ใหญ่ๆ เท่านั้นเนื่องจากต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง มาวันนี้ Line เปิดตัวแอพ Line@ ให้ผู้ใช้ทั่วไปที่สนใจสร้าง Account กันได้ฟรีแล้วครับ
รูปแบบของ Line@ จะมีลักษณะคล้ายกับ Facebook Pages คือผู้ใช้ Line ทั่วไปสามารถสร้าง Line@ Account ซึ่งสามารถโพสต์ข้อความลงใน Timeline/ส่งรูปและข้อความถึงเพื่อนทุกคนหรือคุย 1-1 กับเพื่อนคนใดก็ได้ (ภาพประกอบท้ายข่าว) รวมถึงสามารถมี Sub Admin เพื่อดูแลบัญชีได้เช่นกัน นอกจากนี้ผู้ใช้ 1 คนยังสามารถสร้างได้หลายบัญชีด้วยครับ (ข่าวไม่ยืนยันว่าสร้างได้ประมาณ 100 บัญชี)
เพื่อให้งานขายทำได้สะดวกขึ้น ล่าสุด Facebook เพิ่งเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้าไปใน Facebook Group ให้ผู้ใช้สามารถโพสต์ขายสินค้าในกลุ่มได้สะดวกขึ้นกว่าการโพสต์ติดภาพแบบเดิมๆ
ฟีเจอร์ขายของในกลุ่มที่เพิ่มเข้ามานี้ ยังไม่เปิดใช้ทั้งหมด แต่จะให้ทดลองใช้งานกับกลุ่มที่มีการซื้อขายเกิดขึ้นบ่อยครั้งก่อน โดยจะส่งคำเชิญ "For Sale Groups" ไปยังเจ้าของกลุ่ม หลังจากนั้นผู้ใช้ในกลุ่มจะมีปุ่ม Sell เพิ่มขึ้นมา สามารถใส่ชื่อสินค้า อัพรูปภาพ ตั้งราคา ใส่สถานที่ และบรรยายสินค้าได้ ดูคร่าวๆ แล้วไม่ต่างจากการโพสต์แบบปกตินัก เพราะไม่ได้ครอบคลุมถึงการจ่ายเงิน และรับส่งสินค้า แต่ก็ช่วยให้งานขายในกลุ่มมีรูปแบบที่จัดการได้ง่ายขึ้น
Twitter ปรับหน้าแรกของตัวเองเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี โดยเปลี่ยนจากเดิมที่เคยเป็นภาพขนาดใหญ่ พร้อมช่องสำหรับสมัครสมาชิกด้านขวาบน พร้อมสโลแกนที่ชวนให้มาเชื่อมต่อพูดคุยกับเพื่อนๆ กลายเป็นแบบใหม่ที่เปลี่ยนแนวทางไปเล็กน้อยครับ
ด้านการออกแบบ หน้าแรกแบบใหม่ของ Twitter จะเน้นไปที่การแนะนำให้ผู้ใช้มาติดตามเหล่าคนดัง หรือเรื่องราวที่สนใจแทน และแทนที่ภาพขนาดใหญ่ด้วยตัวอย่างของเหล่าเซเล็บต่างๆ ที่ใช้งาน Twitter อยู่แล้ว
ไมโครซอฟท์อัพเดตแอพ Yammer เครือข่ายสังคมสำหรับองค์กร (enterprise social network) บน iOS และ Android ดังนี้
Yammer ยังปรับปรุงระบบการแจ้งเตือนบนแอพทั้งสองแพลตฟอร์ม รวมถึงการแชร์ลิงก์และข้อมูลไปยัง Yammer ได้โดยตรงจาก Safari, Chrome อีกด้วย
ไมโครซอฟท์ประกาศชัดเจนว่าต้องการให้ Yammer ใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ของค่ายกูเกิล แอปเปิล และไมโครซอฟท์เอง
จากเมื่อปลายปีที่แล้ว ทาง Instagram ได้ออกมาประกาศจำนวนตัวเลขผู้ใช้งานที่ 300 ล้านคน ซึ่งแซงหน้า Twitter ที่ไตรมาสก่อนหน้าไปเล็กน้อย แต่เมื่อค้นพบภายหลังว่ามีบัญชีปลอมและสแปม และเดินหน้าไล่ลบบัญชีเหล่านั้น ก็คงมีคำถามกันไม่มากก็น้อยว่าแล้วบัญชีที่เหลืออยู่มีจำนวนเท่าไหร่? และยังคงแซงหน้า Twitter เหมือนที่เคยประกาศไว้หรือไม่?
หลายคนอาจลืมตำนานโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่าง Myspace กันไปแล้ว แต่หลังเจ้าของรายใหม่ที่มีนักร้องดัง Justin Timberlake อยู่ในทีม เปิดตัวเว็บเวอร์ชันใหม่ในปี 2013 เว็บก็กลับมาได้รับความนิยมแบบเงียบๆ
ปัจจุบัน Myspace มีคนเข้าเว็บมากถึง 50 ล้านคนต่อเดือน มียอดวิววิดีโอรวมกัน 300 ล้านวิวต่อเดือน (สถิติเดือน พ.ย. 2014) ถือว่าเติบโตจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 575%
ในปัจจุบันปัญหาเด็กหายหรือพลัดหลงมีปริมาณมากโดยเห็นได้จากสื่อต่าง ๆ ซึ่งมีคนจำนวนมากที่ต้องการให้ความช่วยเหลือ แต่ไม่มีช่องทางที่อำนวยความสะดวกในการให้ความช่วยเหลือและติดตามข่าวสาร อีกทั้งเมื่อเกิดเหตุแล้วยังไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากคนบริเวณโดยรอบได้ทันท่วงที ซึ่งหากสามารถให้คนในบริเวณที่เกิดเหตุช่วยเหลือได้ทันทีก็จะเพิ่มโอกาสในการเจอเด็กหายหรือพลัดหลงได้มากขึ้น
เป็นหูเป็นตา มีคุณสมบัติดังนี้
ประกาศหายหรือเจอ : ผู้ใช้สามารถประกาศข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่หายหรือสิ่งที่เจอได้ โดยโพสต์ข้อความ รูปภาพ สถานที่ และหมวดหมู่ของสิ่งของ โดยแอพพลิเคชันจะไปลิงก์ข้อมูลสู่ Facebook ด้วย
ระบบ Publishing platform เป็นระบบที่โพสต์บทความที่เขียนเอง (เหมือนบล็อก) แต่ใช้ได้เฉพาะกลุ่มผู้มีชื่อเสียง 25,000 ราย ซึ่งทดลองใช้มาระยะหนึ่งจนตอนนี้ก็มีหนึ่งล้านโพสต์แล้ว LinkedIn จึงฉลองด้วยการขยายขอบเขตของการให้บริการ โดยผู้ใช้ที่ใช้ภาษาอังกฤษจำนวน 250 ล้านคน ก็จะได้ใช้ฟีเจอร์นี้เหมือนกัน และมีแผนที่จะขยายให้ผู้ใช้ทั่วโลกได้ใช้งานฟีเจอร์นี้ในเดือนต่อๆ ไป
เป้าหมายของการเปิดให้สมาชิกโพสต์บทความได้นั้นก็เพื่อเพิ่มยอดการเข้า LinkedIn ให้มากขึ้นนั่นเอง
ที่มา - TechCrunch
วิดีโอ Year in Review ของ Facebook ที่ดึงเอาภาพและสถานะต่างๆ ของเรามาสร้างเป็นวิดีโอเพื่อดูสิ่งที่ผ่านไปในปีนี้ หลังจากได้เปิดให้ผู้ใช้งานสร้างวิดีโอได้เองมันก็เริ่มสร้างปัญหากับผู้ใช้บางกลุ่ม เนื่องจากระบบคัดเลือกภาพอัตโนมัติของทาง Facebook นั้นได้คัดเลือก "ความทรงจำที่ไม่อยากนึกถึง" มาด้วย ไม่ว่าจะเป็นการจากไปของคนที่รักหรือสัตว์เลี้ยง ดังเช่นกรณีของ Eric Meyer ชายผู้สูญเสียลูกสาวในวันครบรอบวันเกิด 6 ขวบ