จากข่าวลือว่า Tencent บริษัทแม่ WeChat หยุดพัฒนาแอพบน Windows 10 ล่าสุดมีข่าวอย่างเป็นทางการแล้วครับ
Tencent บอกว่าผู้ใช้ Windows Phone ลดลงเรื่อยๆ แต่บริษัทก็ไม่เห็นทีท่าว่าไมโครซอฟท์จะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร ส่วน Windows 10 Mobile ก็ดูมีศักยภาพแต่ยังไม่ออก ดังนั้นบริษัทจะหยุดพัฒนาแอพ QQ บน Windows Phone แต่ก็ยังเปิดให้ใช้งานเวอร์ชันเก่าต่อไป (แอพอัพเดตครั้งล่าสุด มิ.ย. 2015)
อย่างไรก็ตาม Tencent ไม่ได้บอกว่าจะทำอย่างไรต่อกับ WeChat บน Windows Phone ครับ
ไมโครซอฟท์พยายามสุดตัวในการดัน Universal Windows Platform (UWP) เพื่อสร้างแอพที่รันได้บน Windows 10 ทุกรุ่น และเราเริ่มเห็นแอพดังๆ อย่าง Twitter และ Netflix มาลงแพลตฟอร์มนี้กันบ้างแล้ว
อย่างไรก็ตาม มีข่าวไม่ยืนยันจากเมืองจีนว่า Tencent บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของจีน และพาร์ทเนอร์ร่วมเปิดตัว Windows 10 ในจีน หยุดการพัฒนาแอพบน UWP ทั้งหมด และถึงขั้นโยกนักพัฒนาในทีม UWP ไปอยู่ทีมอื่นด้วย
นี่อาจเป็นคำอธิบายว่าทำไมเรายังไม่เห็น WeChat บน Windows 10 สักที และถ้าข่าวเป็นจริง การขยายฐานลูกค้าในจีนของไมโครซอฟท์ก็น่าจะยากขึ้นไปอีก
Tencent ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจากจีนที่สนใจตลาดเกมมาอย่างต่อเนื่อง (และเป็นผู้กุมรายได้อันดับหนึ่งของวงการเกม) กลายเป็นผู้ครอบครอง Riot Games สตูดิโอผู้พัฒนา League of Legends เกมแนว MOBA ชื่อดังระดับโลกอย่างเต็มตัวด้วย
JOOX Music แอพฟังเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่งจาก Tencent ยักษ์ใหญ่ของวงการอินเทอร์เน็ตจีน (เจ้าของเดียวกับ WeChat และ Sanook) เปิดตัวในประเทศไทยแล้ว
แอพ JOOX พัฒนาโดย Tencent แต่ทยอยใช้บริษัทลูกทำตลาดในแต่ละประเทศ (กรณีของไทยคือ Sanook) โมเดลการทำตลาดคือ "ฟังฟรี" แบบมีโฆษณา แต่จุดเด่นที่เหนือคู่แข่งรายอื่นคือบัญชีแบบฟรี สามารถฟังเพลงแบบออฟไลน์ได้ และมีเนื้อเพลงให้ด้วยสำหรับบางเพลง
เหม่ยถวน (Meituan :美团) เว็บไซต์ขายดีลแบบเดียวกับ Grupon ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Alibaba และเตี่ยนผิง (Dianping : 大众点评·) แอพพลิเคชันรีวิวร้านอาหารที่มี Tencent เป็นผู้สนับสนุน ได้ประกาศควบรวมกิจการกันเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมาโดยที่บริษัทใหม่จะยังคงแบรนด์เดิมเอาไว้และบริหารงานแยกจากกัน ซึ่ง Tencent คาดการณ์ว่าการควบรวมกิจการคราวนี้จะทำให้บริษัทใหม่มีส่วนแบ่งในตลาดสูงถึง 80% กลายเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม Online-to-Offline (O2O) ท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดในจีน
สงครามแอพเรียกรถแท็กซี่ในจีนเริ่มร้อนระอุ หลัง Uber ออกมาเปิดเผยว่าโดน Tencent บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของจีน บล็อคบัญชีบนแอพแชตยอดนิยม WeChat ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา
Tencent ไม่ได้ให้บริการเรียกรถแท็กซี่โดยตรง แต่ลงทุนในสตาร์ตอัพ Didi Kuaidi ผู้ให้บริการเรียกรถแท็กซี่รายใหญ่ของจีนที่เป็นคู่แข่งรายสำคัญของ Uber (และมีส่วนแบ่งตลาดในจีนมากถึง 78%) ทำให้ Uber มองว่าโดนกลั่นแกล้งจาก Tencent ที่มีประโยชน์ทับซ้อนกัน
สื่อจีนรายงานว่าตอนแรก Tencent แบนบัญชีด้วยข้อหาละเมิดเงื่อนไขการใช้งานและปัญหาทางเทคนิค แต่ไม่มีข้อมูลยืนยันว่าตกลงแล้ว Tencent มีเหตุผลใดในการแบนกันแน่
Kik Messenger ผู้พัฒนาแอพแชตสัญชาติแคนาดา ประกาศรับเงินลงทุน 50 ล้านดอลลาร์จาก Tencent ยักษ์ออนไลน์จากประเทศจีน
ความน่าสนใจของดีลนี้อยู่ที่ Tencent เป็นเจ้าของ WeChat แอพแชตร่วมวงการเดียวกันด้วย ซึ่งเรื่องนี้ Ted Livingston ผู้ก่อตั้ง Kik อธิบายว่าโฟกัสหลักของ Tencent อยู่ในประเทศจีน ไม่ทับซ้อนกับ Kik ที่เน้นตลาดสหรัฐ แต่ในขณะเดียวกัน Tencent ทำธุรกิจแอพแชตโดยตรงเลยทำให้เข้าใจ Kik เป็นอย่างดี แถมนำหน้า Kik ไปไกลแล้วในเรื่องการเชื่อมต่อบริการต่างๆ เข้ากับการแชต
Livingston บอกว่าผู้ให้บริการแอพแชตที่มีวิสัยทัศน์นี้มีทั้งหมด 6 รายคือ Kik, Tencent, Line, Facebook, Snapchat, Telegram
สามหน่วยงานจัดอันดับโปรแกรมป้องกันไวรัส ได้แก่ AV-Comparatives, AV‐TEST, และ Virus Bulletin (เป็น PDF ไฟล์เดียวกันแต่โพสสามเว็บ) ประกาศถอด Qihoo 360 ออกจากการจัดอันดับโปรแกรมป้องกันไวรัส เพราะซอฟต์แวร์ที่ส่งมาให้แตกต่างจากซอฟต์แวร์ที่ใช้งานจริงอย่างมีนัยสำคัญ
หลังจากเผยโฉมรอมแอนดรอยด์รุ่นปรับแต่งของตัวเองไปเมื่อหลายเดือนก่อน วันนี้ Tencent ออกมาอัพเดตข้อมูลเพิ่มเติมของรอมตัวที่ว่านี้อีกครั้ง โดยวางแผนไปไกลกว่าใช้งานบนสมาร์ทโฟนไปพอตัว
รอมแอนดรอยด์ตัวที่ว่านี้จะใช้ชื่อว่า TOS+ ออกแบบมาสำหรับใช้งานกับสมาร์ทโฟน เครื่องเกมคอนโซล อุปกรณ์ไอทีสำหรับสวมใส่ รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านด้วย
แนวทางของ Tencent จะต่างจากแอนดรอยด์รุ่นปรับแต่งอื่นๆ แต่คล้ายกับต้นสายตรงที่ไม่ได้เก็บไว้ใช้เฉพาะกับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง แต่จะเปิดให้ผู้ผลิตรายอื่นๆ สามารถเข้าถึง และใช้งาน TOS+ ได้ด้วย
ตอนนี้รายละเอียดของรอมรุ่นดังกล่าวยังไม่มีออกมามากนัก แต่มีภาพเรนเดอร์บนสมาร์ทโฟนออกมาแล้วครับ
Newzoo บริษัทวิจัยวงการเกม เผยข้อมูลรายได้ของบริษัทผู้ผลิตเกมรายใหญ่สิบอันดับแรกในช่วงปี 2014 ที่ผ่านมาว่าบริษัทไหนกันแน่ที่ทำรายได้มากที่สุด อ้างอิงจากรายงานที่ออกมา บริษัทสัญชาติอเมริกาจะใช้มาตรฐานรายงานการเงินของตัวเอง (GAAP) ส่วนบริษัทจีนอย่าง Tencent จะใช้มาตรฐานรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ (IFRS) โดยอัพเดตครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา
จากรายงานระบุว่ายักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจากจีน Tencent ยังครองแชมป์ต่อเนื่องเป็นปีที่สองด้วยรายได้กว่า 7,211 ล้านเหรียญ โตขึ้นจากปีก่อนถึง 37% ตามมาด้วย Sony และ Microsoft ในอันดับสอง และสาม ก่อนจะมาเป็นผู้ผลิตเกมเพียวๆ อย่าง EA และ Activision Blizzard ในอันดับทีสี่ และห้า
ยักษ์วงการไอทีจีน Tencent (เจ้าของ QQ, WeChat, Weibo และเว็บเครือ Sanook.com ของบ้านเรา) เปิดธนาคารของตัวเองในชื่อ WeBank โดยเป็นธนาคารออนไลน์เพียงอย่างเดียว ไม่มีสาขาจริงแต่อย่างใด
เป้าหมายของธนาคาร WeBank คือปล่อยกู้ให้กับธุรกิจ SME วงเงินไม่เกิน 1 ล้านหยวน (ประมาณ 5.3 ล้านบาท) โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากรัฐบาลจีนที่ต้องการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยให้มากขึ้น ถึงขนาดที่นายกรัฐมนตรีจีน Li Keqiang มากดปุ่มอนุมัติสินเชื่อรายแรกสุดให้กับคนขับรถบรรทุกที่มายื่นขอด้วย
ช่วงหลังเราเห็นข่าวยักษ์สีฟ้า IBM เดินสายสร้างพันธมิตรแบบถี่ยิบ ล่าสุด IBM ประกาศความร่วมมือกับ Tencent Cloud บริษัทลูกของยักษ์ใหญ่วงการอินเทอร์เน็ตจีน Tencent เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีด้านคลาวด์ร่วมกัน
ปัจจุบัน Tencent ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับหน่วยงานในจีนเป็นจำนวนมาก การจับมือกับ IBM จะช่วยให้ Tencent ได้ความเชี่ยวชาญสายงานคอนซัลต์จาก IBM รวมถึงซอฟต์แวร์บนกลุ่มเมฆแบบ SaaS ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น CRM หรือการตลาดด้วย ฝั่งของ Tencent ก็จะทำหน้าที่ดำเนินการกลุ่มเมฆทั้งแบบ public/private ให้กับลูกค้าในจีนโดยอิงอยู่บนเทคโนโลยีของ IBM ต่อไป
ที่มา - IBM
ข่าวเก่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนะครับ แอพแชทสัญชาติจีน WeChat ออกมาให้ข้อมูลสถิติของผู้ใช้ว่าสิ้นไตรมาสแรกของปี 2014 มีผู้ใช้งานจริงต่อเดือน (monthly active users) ที่ 396 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากยอดผู้ใช้เมื่อสิ้นปี 2013 ที่ 355 ล้านคน
สถิตินี้ทำให้ WeChat มีจำนวนผู้ใช้ใกล้เคียงกับเจ้าตลาดอย่าง WhatsApp มากขึ้น โดยสถิติล่าสุดของ WhatsApp เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2014 อยู่ที่ 450 ล้านคนต่อเดือน
ตัวเลข 396 ล้านคนนี้นับรวมทั้งบริการ Weixin ในจีน และ WeChat ในตลาดนอกจีนครับ
ที่มา - CNET
แม้ว่าไมโครซอฟท์ประกาศไปแล้วว่าจะยุติการสนับสนุนระบบปฏิบัติการอายุกว่า 12 ปีอย่าง Windows XP ลงในวันที่ 8 เมษายนนี้ แต่สำหรับในประเทศจีนจะต่างออกไปเล็กน้อย เพราะว่าผู้ใช้ในประเทศจีนจะยังได้รับการสนับสนุนทางด้านความปลอดภัยต่อเนื่องไปอีกแม้ว่าจะเลยวันหมดอายุไปแล้ว
การสนับสนุน Windows XP ในประเทศจีนจะไม่ได้มาจากไมโครซอฟท์โดยตรง แต่เป็นการร่วมมือกับบริษัทด้านความปลอดภัยในประเทศจีนรายใหญ่อย่าง Tencent นั่นเอง
เหตุผลที่ไมโครซอฟท์เลือกปฏิบัติ ก็เนื่องมาจากในตอนนี้ยังมีผู้ใช้ Windows XP เกินครึ่งในประเทศจีน จึงต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อช่วยผู้ใช้ไปก่อน จนกว่าผู้ใช้จะเปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติตัวใหม่กว่ามากขึ้นในอนาคต
วงการอินเทอร์เน็ตจีนช่วงนี้มีคู่แข่งกันหลายราย ค่ายสำคัญคือ Tencent เจ้าของ WeChat และ QQ ที่ยังไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจอีคอมเมิร์ซนัก ขณะที่ค่าย Alibaba มีที่มั่นหลักคืออีคอมเมิร์ซ ตอนนี้ Tencent ก็เลือกลงทุนในบริษัทคู่แข่งของ Alibaba คือเว็บ JD เป็นหุ้น 15% และสัญญาว่าจะซื้อเพิ่มอีก 5% เมื่อ JD เข้าตลาดหุ้น
สิ่งที่ JD ได้รับคือเงินลงทุน และ JD จะใช้บริการของ Tencent มาให้บริการลูกค้า เช่นการแชตระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายผ่าน QQ พร้อมกับรับช่วงกิจการด้านการค้าของ Tencent ได้แก่ QQ Wanggou และ PaiPai
เมื่อเดือนกันยายน CyanogenMod ทีมนักพัฒนารอมแอนดรอยด์ชื่อดังได้ฟอร์มทีมกันเพื่อเปิดบริษัท Cyanogen, Inc. พร้อมกับประกาศว่าระดมทุนรอบแรก (Series A) เป็นจำนวนเงิน 7 ล้านเหรียญไป ผ่านไปสามเดือน CyanogenMod เผยข้อมูลว่าทางบริษัทได้เสร็จสิ้นการระดมทุนรอบสอง (Series B) เป็นจำนวนเงิน 22 ล้านเหรียญ
การระดมทุนรอบสองนี้มีกลุ่มทุนของ Andreessen Horowitz เข้ามาเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงมาจากพันธมิตรเดิมอย่าง Benchmark และ Redpoint เช่นกัน ซึ่งจากการระดมทุนครั้งนี้จะมี Peter Levine จาก Andreessen Horowitz เข้ามานั่งในบอร์ดผู้บริหารด้วย
ยักษ์ออนไลน์จีน Tencent (เจ้าของเดียวกับ WeChat) เข้าซื้อหุ้น 36.5% ของเว็บค้นหาจีน Sogou คิดเป็นเงินมูลค่า 448 ล้านดอลลาร์ (เจ้าของเว็บแห่งนี้คือบริษัท Sohu.com Inc. ซึ่งยังถือหุ้นใหญ่ของ Sogou อยู่)
Sogou ถือเป็นเว็บค้นหาอันดับสามของจีน มีส่วนแบ่งตลาด 5.5% รองจาก Baidu ที่นำห่าง 82% และอันดับสอง Qihoo 360 ครองตลาด 9%
การที่ Tencent เข้าซื้อหุ้นของ Sogou ทำให้บริษัทเริ่มเข้ามาในตลาดเว็บค้นหาอย่างจริงจัง (โดยเฉพาะบนอุปกรณ์พกพาที่ Tencent ทำได้ดี) และภาวะการแข่งขันระหว่าง Tencent กับ Baidu ร้อนแรงขึ้น
ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่าเบอร์สอง Qihoo สนใจซื้อเบอร์สาม Sogou แต่สุดท้ายการเจรจาล้มเหลว จนกลายมาเป็น Tencent เข้าซื้อหุ้นบางส่วนในที่สุด
สงครามพื้นที่กลุ่มเมฆร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเมื่อบริษัทจีนเข้าร่วมศึกก็เกทับด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าทันที
บริการ Tencent Cloud (หรือ Weiyun ในภาษาจีน) ประกาศให้พื้นที่เก็บข้อมูลฟรีมากถึง 10TB โดยจะเพิ่มเป็นสเต็ปตามปริมาณข้อมูลที่เราใช้งานจริง (เริ่มที่ 2TB แต่ถ้าเก็บข้อมูลถึง 1.5TB ก็จะขยับโควต้าเป็น 3TB แล้วเพิ่มไปเรื่อยๆ)
ใครอยากได้ต้องมีบัญชี Tencent QQ แล้วเข้าไปสมัครที่เพจของ Weiyun (แคมเปญนี้มีโปรโมชันจำกัดเวลา)
ก่อนหน้านี้บริษัทจีนรายอื่นอย่าง Baidu กับ Qihoo 360 ก็ประกาศให้พื้นที่ฟรี 1TB มาก่อนแล้ว แต่ก็มาเจอ Tencent เกทับด้วยพื้นที่ 10TB อีกรอบ
Xiaomi จับมือ Tencent (ข่าวเก่า) เปิดตัวโทรศัพท์มือถือ Red Rice วางขายภายในประเทศ โดยจะวางขายกับเครือข่าย China Mobile มีราคาประมาณ $130 มีสเปคประมาณนี้ครับ (ภาพท้ายข่าว)
เมื่อพูดถึงเว็บไซต์อันดับหนึ่งของประเทศไทย หลายคนคงนึกถึง Sanook.com เว็บไซต์ท่า (portal) เบอร์ต้นๆ ที่เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังจาก Tencent ยักษ์ใหญ่วงการดิจิทัลของจีนทุ่มเงินกว่า 10.5 ล้านเหรียญเข้าถือหุ้นส่วนเกือบครึ่งหนึ่งไปเมื่อปี 2010
ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่เปลี่ยนไปมากจากการเข้ามาของอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนมือถือ และสมาร์ทโฟน ทำให้ยักษ์จากยุคเว็บไซต์เดสก์ท็อปอย่าง Sanook ต้องปรับตัวอย่างมาก หนึ่งในการเคลื่อนไหวสำคัญคือการแต่งตั้งคุณกฤตธี มโนลีหกุล ผู้เคยทำงานร่วมกับซัมซุงสำนักงานใหญ่ และบริษัทท่องเที่ยว Expedia ที่ฮ่องกงมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการแผนกเนื้อหา และบริการของ Sanook ซึ่งครอบคลุมในส่วนของเว็บไซต์ท่า ส่วนมือถือ และแอพ รวมถึงโฆษณา
เดือนกรกฎาคมนี้นับเป็นการครบรอบหนึ่งปีตั้งแต่คุณกฤตธีรับตำแหน่งมา ทางเราจึงถือโอกาสไปพูดคุยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง และแผนการณ์ในอนาคตของ Sanook ว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ
ไม่นานมานี้มีข่าวลือว่ายักษ์ใหญ่ในจีนอย่าง Tencent เล็งลงทุนในบริษัททำสมาร์ทโฟนดาวรุ่งอย่าง Xiaomi ในตอนแรกทั้งสองฝั่งต่างก็ปฏิเสธทั้งคู่ แต่วันนี้ก็เริ่มมีการขยับจากทาง Xiaomi มาก่อนแล้ว
ทาง Xiaomi ได้โพสต์ลงบน Sina Weibo ว่ากำลังจะมีแถลงการณ์ใหญ่เกี่ยวกับพันธมิตรรายสำคัญ ในวันที่ 30 กรกฎาคม (ซึ่งคงหนีไม่พ้น Tencent) พร้อมทั้งภาพจาก Sina Weibo ของ Li Wanqiang เป็นโลโก้กระต่าย Xiaomi และเพนกวิน QQ กอดคอกัน ก็คงได้แต่เดาว่าจะมีการหยิบระบบของ QQ ไปใช้ในแพลตฟอร์ม Xiaomi ประกาศออกมาในงานด้วย
ส่วนตัวเลขลงทุน 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จะเป็นจริงแค่ไหน คงต้องรอกันในงานอีกทีครับ
ข่าวลือจากเมืองจีนว่ายักษ์ใหญ่ของวงการเว็บจีน Tencent (เจ้าของ QQ และ WeChat) เตรียมลงทุนในบริษัทมือถือดาวรุ่ง Xiaomi เป็นจำนวนเงินถึง 2 พันล้านดอลลาร์
ตามข่าวบอกว่า Tencent จะลงทุนผ่านบริษัทลูกของ DST ยักษ์ไอทีจากรัสเซีย ที่ช่วงหลังหันมาเปิดบริษัทลูกที่เน้นการลงทุนในบริษัทไอทีทั่วโลก
ตอนนี้ทั้ง Tencent และ Xiaomi ออกมาปฏิเสธข่าวนี้ แต่ถ้าเป็นจริงก็น่าจะช่วยให้ Tencent ก้าวเข้ามาสร้างอิทธิพลในวงการมือถือจีนได้อีกระดับหนึ่งครับ
ที่มา - DigiTimes
ยักษ์อินเทอร์เน็ตจีน Tencent ประกาศสถิติของแอพแชท WeChat ว่ามีจำนวนผู้ใช้งานจริงต่อเดือน (monthly active users) ที่ 190 ล้านคนแล้ว
สถิตินี้ทำให้ WeChat ไล่จี้ WhatsApp ที่ประกาศจำนวนผู้ใช้งานจริง 200 ล้านคนต่อเดือน เมื่อเดือนที่แล้วมาติดๆ โดยจำนวน 190 ล้านคนนี้คิดเป็นผู้ใช้งานนอกประเทศจีนประมาณ 40 ล้านคนครับ
WeChat มีจำนวนผู้ใช้ที่ลงทะเบียนเกิน 300 ล้านคนไปนานแล้ว และคาดว่าจะครบ 400 ล้านในเร็วๆ นี้
ที่มา - Tech in Asia
จากข่าว นอกจีนก็โดน แอพแชท WeChat กรองคำต้องห้ามของรัฐบาลจีน ทางบริษัท Tencent ต้นสังกัดของ WeChat ออกมาขอโทษและระบุว่าแก้ไขปัญหานี้แล้ว โดยไม่บอกเหตุผลของการเซ็นเซอร์ข้อความแต่อย่างใด
เว็บไซต์ Tech in Asia ที่รายงานข่าวเรื่องนี้ตั้งข้อสังเกตว่า ปัญหาการเซ็นเซอร์คำของ WeChat เป็นความจงใจของผู้ให้บริการ (แต่อาจเผลอตั้งค่าเป็นทั่วโลกแทนที่จะเป็นเฉพาะเมืองจีน) เพราะตัวแอพใช้ข้อความแจ้งว่า "The message you sent contains restricted words" อย่างชัดเจน ไม่ใช่ปัญหาเทคนิคว่าส่งข้อความไม่ไป
ที่มา - Tech in Asia
WeChat แอพแชทครบวงจรจาก Tencent ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีนที่เข้าบุกตลาดเมืองไทยมาซักพัก และเพิ่งประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับประเทศไทยในวันนี้ หลังจากเพิ่งทำสถิติเป็นแอพแชทที่มียอดผู้ใช้ครบ 200 ล้านไปเมื่อช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา
หลายคนอาจรู้จัก WeChat กันมาบ้างแล้วจากข่าวเก่า หรือจากโฆษณาทีวี ฟีเจอร์หลักของ WeChat นั้นอาจไม่ต่างกับคู่แข่ง แต่จากปากคำของ Poshu Yeung รองประธานฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศของ Tencent ได้บอกในงานเปิดตัวว่าจุดเด่นของ WeChat คือฟีเจอร์ที่ครบเครื่อง การติดต่อที่ทำได้ทั้งข้อความ เสียง วิดีโอ การรองรับที่ครอบคลุมแทบทุกระบบปฏิบัติการมือถือ และเว็บไซต์ รวมถึงฟีเจอร์เสริมที่เพิ่มเข้ามา ดังนี้