Radio Flyer ผู้ผลิตรถลากคันแดงสำหรับเด็กชื่อดังจากสหรัฐอเมริกาที่คนไทยอาจไม่ค่อยคุ้นมากนัก แต่อาจเห็นในภาพยนตร์อยู่บ่อยๆ ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S สำหรับเด็กที่ขับได้จริง
รถคันนี้มาพร้อมกับไฟหน้าที่ใช้งานได้จริง, ช่องเก็บของใต้ฝากระโปรงหน้าเหมือนของจริง มีแม้กระทั่งช่องสัญญาณเสียงเข้า (AUX) พร้อมลำโพงใช้งานได้จริง โดยสามารถทำความเร็วได้สูงสุด 6 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือเกือบ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลูกค้ายังสามารถเลือกสีรถที่ตรงกับสีจริงๆ ของ Model S ได้ด้วย เช่นสีน้ำเงินเข้มเมทัลลิค, สีเทาเมทัลลิค ไปจนถึงสีแดงแบบมัลติโค๊ต
นาย Stewart Alsop โพสต์บล็อกมากมายลงบน Medium วิจารณ์เกี่ยวกับบริการแย่ๆ ของหลายบริษัท แต่โพสต์เมื่อเดือนกันยายนที่เขาโจมตี Elon Musk ให้ออกมาขอโทษที่ทำให้เขาต้องรอนานหลายชั่วโมง แถมยังไม่เสิร์ฟอาหารในงานเปิดตัวรถยนต์ SUV ไฟฟ้าล้วน Tesla Model X โพสต์นั้นทำให้เขาโดนแบนจาก Tesla ไม่ขายรถยนต์ให้เขาแม้ว่าจะวางเงินมัดจำไปแล้ว $5,000 ก็ตาม โดยในโพสต์ล่าสุดก็พูดถึงกรณีที่เขาเคยวิจารณ์ CEO BMW ก็ไม่เห็นเอารถยนต์คืนเลย แถมแขวะอีกว่านี่คงหมายความว่าเขาคงไม่มีสิทธิ์จะซื้อยาน SpaceX Dragon
ต่อเนื่องจากข่าว Tesla ออกซอฟต์แวร์อัพเดต 7.1 Elon Musk ซีอีโอของ Tesla Motors ได้ทวีตเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่เพิ่มเติม ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเห็นกันบ่อยๆ จากภาพยนตร์สายลับหลายเรื่อง
เขาพูดถึงฟีเจอร์ Summon หรือแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "เรียกมา" ที่ขณะนี้สามารถสั่งให้รถยนต์เข้าและออกจากโรงจอดเองได้ ว่าภายใน 2 ปี เจ้าของรถจะสามารถเรียกรถให้ขับมาหาจากที่ไหนก็ได้ เช่นรถอยู่ที่นครนิวยอร์ก แต่เจ้าของอยู่ลอสแองเจลิส (ห่างกันราว 4,500 ก.ม.) ก็เรียกให้รถขับมาหาเองได้
Tesla Motors ยังคงออกอัพเดตเพิ่มฟีเจอร์ให้รถยนต์ของตนอย่างต่อเนื่อง หลังจากครั้งสุดท้ายปล่อยอัพเดตใหญ่ 7.0 ไปเมื่อเดือนตุลาคม โดยอัพเดตครั้งนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์เข้าและออกจากโรงจอดรถอัตโนมัติ รวมถึงปรับปรุงและจำกัดการใช้งาน Autopilot บางส่วน
สำหรับฟีเจอร์การเข้าและออกจากโรงจอดรถอัตโนมัติ หรือที่ Tesla เรียกว่า Summon สามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้เวลาต้องการเข้าออกโรงจอดที่แคบและอาจขึ้นลงจากรถไม่สะดวก วิธีการใช้งานคือให้จอดรถให้ตรงกับประตูโรงรถ จากนั้นให้กดปุ่มกลางของกุญแจรถ ไฟฉุกเฉินจะกะพริบ สุดท้ายให้กดปุ่มเปิดกระโปรงหน้าเพื่อบังคับให้รถเดินหน้าเข้าโรงรถ ฟีเจอร์นี้ยังสามารถเปิดและปิดประตูโรงรถได้เองด้วย โดยประตูโรงรถต้องรองรับระบบ HomeLink ด้วย
Tesla Motors เพิ่งปล่อยอัพเดตฟีเจอร์ Autopilot ให้รถยนต์ไฟฟ้า Model S เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นก้าวแรกสู่การที่รถยนต์ Tesla จะขับอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ ล่าสุด Elon Musk ซีอีโอของบริษัทได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับอนาคตของฟีเจอร์นี้แล้ว
“ผมคิดว่าพวกเรามีทุกอย่างที่ต้องการแล้ว หลังจากนี้ก็เหลือแค่การเอาสิ่งต่างๆ มารวมเข้าด้วยกัน และทำให้แน่ใจว่ามันจะทำงานได้ในสิ่งแวดล้อมที่หลากหลาย” Musk กล่าว อย่างไรก็ตาม เขายังไม่เปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดไปมากกว่านี้ แต่บอกว่า “สุดท้ายเราจะมีรถยนต์ที่ขับอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ และผมคิดว่าเราจะทำสำเร็จภายใน 2 ปี”
แอปเปิลและ Tesla มีประเด็นความขัดแย้งกันอยู่เนืองๆ ตั้งแต่เรื่องแย่งตัวพนักงาน ไปจนถึงข่าวลือที่ว่าแอปเปิลจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกขาย อีกทั้งซีอีโอและอดีตซีอีโอของทั้งสองบริษัทก็ถูกยกย่องว่าเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล จึงช่วยไม่ได้หากจะถูกนำมาเปรียบเทียบกันอยู่เสมอ
Tesla Model S ถือเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่น่าปรารถนา แต่ด้วยเป้าหมายการผลิตถึง 5 หมื่นคันต่อปีก็หมายความว่าต้องผลิตขยะออกมามากด้วยเช่นกัน Elom Musk ซีอีโอของ Tesla จึงคิดค้นว่าจะทำอย่างไรกับขยะเหล่านี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือหนังที่เหลือจากการหุ้มเบาะ จึงเกิดไอเดียนำมาทำเป็นเคส iPhone
สำหรับเคส iPhone ที่ Tesla ทำสำหรับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus (เข้าใจว่าน่าจะใช้กับ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ได้ด้วย) ทำมาจากหนังซึ่งมีอยู่สองรุ่นคือรุ่นธรรมดาราคา 45 ดอลลาร์ และรุ่นมีช่องใส่บัตรพร้อมบล็อค RFID ราคา 50 ดอลลาร์ โดยตัวเคสทั้งสองรุ่นเป็นสีดำแปะตรา Tesla
หลังจากปล่อยให้ Tesla เป็นผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วนมานาน ขณะนี้ Porsche ผู้ผลิตรถสปอร์ตยักษ์ใหญ่จากประเทศเยอรมนีได้ประกาศจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นใหม่ ในนาม Porsche Mission E มาสู้กับ Tesla แล้ว
Porsche จะลงทุนขยายโรงงานใหม่เพิ่มจากโรงงานเดิมที่ Zuffenhausen เมือง Stuttgart ประเทศเยอรมนี ด้วยเงินราว 1.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะจ้างงานเพิ่มถึง 1,000 ตำแหน่งเพื่อผลิตรถยนต์รุ่นดังกล่าว โดยมันถูกเปิดตัวในงาน Frankfurt Motor Show เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และจะเริ่มเปิดขายภายในสิ้นปี 2020
หลังจากมีการประกาศแผนผังของงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 32 หรือ Motor Expo 2015 ไปก่อนหน้านี้ ก็มีกระแสฮือฮาว่าจะมีรถยนต์ Tesla มาออกบูธด้วย แต่เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะถึงวันแรกของงาน กลับมีการยืนยันจากผู้นำเข้าว่าบริษัทไม่สามารถมาเข้าร่วมงานได้อีกต่อไป
นางสาวนวมลลิ์ ฐิติวรทัต (เฟ) กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทสลา ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ในประเทศไทย ได้โพสต์บนหน้า Facebook ของตน ยืนยันว่าไม่สามารถมาเข้าร่วมงานได้ ดังนี้
เมื่อเร็วๆ นี้มีรายงานเกี่ยวกับข้อบกพร่องของเข็มขัดนิรภัยใน Tesla Model S โดย Tesla ได้ตรวจพบว่าเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์รุ่นดังกล่าวเพียง 1 คันในยุโรปถูกติดตั้งมาไม่ถูกต้อง ซึ่งจุดที่มีปัญหาคือตรงจุดยึดเข็มขัดแบบรั้งกลับบริเวณตัก (lap pretensioner belt ดูรูปด้านล่าง)
Tesla ระบุว่าไม่ได้เกิดอุบัติเหตุหรือมีใครบาดเจ็บจากรถยนต์คันดังกล่าว แต่อย่างไรก็ต้องเรียกคืนรถยนต์ราว 90,000 คันกลับมาตรวจสอบบริเวณที่มีปัญหา โดยขณะนี้ได้ตรวจสอบไปแล้วกว่า 3,000 คันและยังไม่พบปัญหาใดๆ
Tesla ยังบอกว่าหากลูกค้าคนไหนต้องการตรวจสอบเบื้องต้นด้วยตนเองก็สามารถทำได้ โดยการดึงเข็มขัดในส่วนที่อยู่ตรงตักด้วยแรงอย่างน้อย 80 ปอนด์ แต่บริษัทก็ยังแนะนำให้นำรถเข้าตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญอยู่ดี
ทุกๆ ปีที่นิวยอร์กจะมีการจัดงาน Baron Investment Conference โดย Ronald Baron มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทจัดการลงทุน Baron Capital โดยไฮไลท์ของงานเป็นการเชิญซีอีโอดังๆ มาพูดในงาน พร้อมกับมีคอนเสิร์ตจากศิลปินดังๆ มากมาย
งานประชุมปีนี้ได้เชิญ Elon Musk ซีอีโอของบริษัท Tesla Motors เข้าร่วมงานและพูดคุยตอบคำถามกับ Ronald Baron โดยตรง ซึ่ง Musk พูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกของเขาในเรื่องภาวะโลกร้อน และประเด็นสำคัญเกี่ยวกับยุคแรกๆ ของ Tesla ที่ไม่ราบรื่นนัก
แม้ขณะนี้ Musk จะมั่นใจในอนาคตของบริษัทฯ แต่ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เขาเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอในปี 2008 เขาบอกว่าตอนนั้นไม่คิดเลยว่า Tesla จะประสบความสำเร็จ “ตอนนั้นผมคิดว่าเราจะล้มเหลวแน่นอน” เขากล่าว “พวกเราตัดสินใจผิดเกือบทั้งหมด”
Tesla Motors เป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าล้วนนำทัพโดยซีอีโอ Elon Musk ที่ออกตัวมาตั้งแต่ต้นว่า "จะเปลี่ยนแปลงวงการรถยนต์" เราได้เห็นความรุ่งเรืองมากมายหลังจากบริษัทฯ เปิดตัว Tesla Model S ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ซึ่งภายหลังก็ออกเวอร์ชันอัพเกรดมอเตอร์คู่ในชื่อรุ่น P85 D และเฟิร์มแวร์ใหม่มาพร้อมโหมด "Ludicrous" (โหมดบ้าบิ่น) เพื่อความแรงเทียบชั้น supercar ได้
อย่างไรก็ตาม Bob Lutz อดีตผู้บริหาร GM กลับให้สัมภาษณ์ว่า Tesla กำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง โดย Lutz เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงในบริษัทรถยนต์หลายแห่ง เช่น BMW, Ford, Chrysler และก่อนเกษียณเขาดำรงตำแหน่งรองประธานของ GM
เพิ่งจะมีข่าวการทำลายสถิติขับ Tesla Model S แบบ Autopilot ข้ามทวีปอเมริกาไปไม่ถึงวัน ล่าสุดมีเหตุการณ์ระทึกขวัญที่เกิดจากการไว้ใจรถยนต์มากเกินไปแล้วครับ
เว็บไซต์ Ars Technica โพสต์คลิปวิดีโอที่ผู้ใช้รถรายหนึ่งถ่ายไว้ระหว่างการขับขี่ด้วยโหมด Autopilot แต่จู่ๆ รถก็หักเลี้ยวซ้ายกระทันหันจนเกือบเข้าไปชนกับรถที่สวนมา ยังดีที่เขาหักพวงมาลัยนำรถกลับเข้ามาในเลนตัวเองได้ทัน
Tesla Motors เพิ่งปล่อยซอฟต์แวร์อัพเดตเวอร์ชัน 7 ให้กับรถยนต์ Tesla Model S เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นการอัพเดตครั้งใหญ่ที่สุด ซึ่งเพิ่มฟีเจอร์ Autopilot เข้ามา ให้รถยนต์ใช้เซ็นเซอร์ต่างๆ ที่มีและขับเองได้ (ขณะนี้มีวิดีโอสาธิตฟีเจอร์นี้มากมายบนยูทูบ หากสนใจลองค้นว่า Tesla Autopilot ดูได้)
ถึงแม้ทางนิตยสาร Consumer Reports จะให้คะแนนสมรรถนะของ Tesla Model S รุ่นใหม่ไปแบบทะลุชาร์ทก็ตาม แต่ Model S กลับสอบตกในเรื่องความน่าเชื่อถือของตัวรถ
กล่าวคือทาง Consumer Reports ไม่กล้ารับประกันได้ว่าตัว Tesla Model S จะไม่มีปัญหาในส่วนต่างๆ ภายในระยะเวลา 2 ปีแรกหลังการซื้อ โดยทางนิตยสารได้สำรวจความเห็นของผู้ใช้รุ่น Model S กว่า 1,400 คนที่ส่วนใหญ่บ่นไปในทางเดียวกันว่า Model S ส่วนใหญ่มักมีปัญหาที่ระบบขับเคลื่อนและส่งกำลัง (Drivetrain) อุปกรณ์ที่จ่ายไฟ (Power Equipment) อุปกรณ์ชาร์จไฟ (Charging Equipment) หลังคาซันรูฟที่มักส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด เสียงแปลกๆ ภายในตัวรถ (rattles) และการรั่วตามจุดต่างๆ
Elon Musk ประกาศทาง Twitter ของเขาว่าซอฟต์แวร์รุ่นที่ 7 สำหรับรถรุ่น Tesla S จะปล่อยสู่สาธารณะในวันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคมนี้
ซอฟต์แวร์รุ่นที่ 7 จะเพิ่มความสามารถขับรถแบบ Autopilot แต่ว่าเป็นระบบอัตโนมัติเพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่ใช่ระบบขับรถอัตโนมัติทั้งคันแบบสมบูรณ์เสียทีเดียว คุณสมบัติที่สามารถทำได้ คือ จอดรถเข้าช่องคู่ขนาน (parallel parking) อัตโนมัติ, เปลี่ยนเลนอัตโนมัติเมื่อผู้ขับขี่เปิดไฟเลี้ยว เป็นต้น
ตัวระบบ Autopilot ของ Tesla เริ่มต้นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่ง Elon Musk กล่าวว่า รถของ Tesla รุ่นปัจจุบันทุกคันติดตั้งระบบเซ็นเซอร์ที่จำเป็นสำหรับการขับรถแบบอัตโนมัติ แต่ยังมีข้อจำกัดทางเทคโนโลยีที่ยังไม่พร้อมใช้กับการจราจรที่ซับช้อนอย่างเช่นการขับรถในเมืองได้
เคยมีข่าวตั้งแต่ต้นปีเกี่ยวกับการแย่งชิงพนักงาน ระหว่างแอปเปิลกับ Tesla และ Elon Musk ซีอีโอ Tesla Motors ก็บอกว่าถ้าแอปเปิลจะทำรถยนต์จริงก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ดูเหมือนตอนนี้ Musk จะไม่มองแบบนั้นแล้ว
โดยเขาให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Handelsblatt ของเยอรมัน พูดถึงประเด็นแอปเปิลชิงตัวพนักงานไปจาก Tesla ว่า แอปเปิลได้ไปแต่วิศวกรที่ Tesla ไล่ออกไปแล้วเท่านั้น ซึ่งคนใน Tesla ยังมีมุกตลกเรียกแอปเปิลว่าเป็นสุสานของ Tesla
เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดียมีภารกิจมาทัวร์ซิลิคอนวัลเลย์ ซึ่งเป็นการมาเยือนลักษณะนี้ครั้งแรกในรอบกว่า 3 ทศวรรษ โดยในช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ผ่านมา เขาและคณะได้ไปเยี่ยมชมโรงงานของ Tesla Motors ด้วย
ระยะทางที่รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งนั้นเป็นประเด็นใหญ่ของวงการรถยนต์ไฟฟ้ามาตลอด มันเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคใช้ตัดสินใจว่าจะซื้อใช้ดีหรือไม่ โดยสถิติที่ผู้ใช้ Tesla Model S ขับไปได้คือราว 800 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ล่าสุด Elon Musk ซีอีโอของ Tesla Motors ได้ให้สัมภาษณ์กับ Børsen หนังสือพิมพ์ของเดนมาร์กเกี่ยวกับประเด็นนี้
เขากล่าวว่า "เราจะทำให้รถยนต์ของเราวิ่งได้ถึง 1,000 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งภายในหนึ่งถึงสองปีต่อจากนี้ หรือที่แน่ๆ คือภายในปี 2017" และเขายังเสริมว่าภายในปี 2020 จะทำได้ถึง 1,200 กิโลเมตรเลยทีเดียว
ข่าวเก่าไปนิดนึงนะครับ หลังจากที่ Elon Musk ทวิตข้อมูลเบื้องต้นของ Tesla Model X รถยนต์ไฟฟ้าแบบ crossover ที่มาพร้อมประตูแบบ falcon doors อันเป็นเอกลักษณ์ ล่าสุด Tesla ได้ร่อนบัตรเชิญผู้สื่อข่าวเข้าร่วมงานเปิดตัวรถยนต์รุ่นนี้อย่างเป็นทางการแล้ว โดยจะจัดงานที่โรงงานของ Tesla ณ เมือง Fremont ในค่ำวันอังคารที่ 29 กันยายนนี้
มีการคาดการณ์ไว้ว่า Tesla จะเปิดเผยราคาและรายละเอียดออปชันต่างๆ ในงาน และก่อนหน้านี้ได้มีการเชิญผู้ถือหุ้นเข้ามาดู Model X รุ่น Signature อย่างลับๆ แล้วด้วย โดยเป็นรุ่นย่อยไฮเอนด์ที่ใส่ออปชันมาเต็มและราคาแพงมาก
Tesla Model X รถยนต์ crossover ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจาก Tesla Motors ที่โดนเลื่อนการผลิตมาหลายครั้ง ได้ฤกษ์ส่งมอบรถแล้ว โดย Elon Musk ซีอีโอของบริษัทได้ทวิตว่า รถยนต์รุ่นดังกล่าวจะเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าวันที่ 29 กันยายนนี้ ณ โรงงานของ Tesla ที่เมือง Fremont และเนื่องจาก Model X มีขนาดใหญ่และซับซ้อนกว่า Model S ที่เป็นรถเก๋ง จึงทำให้มันมีราคาแพงกว่า Model S อยู่ 5,000 ดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีรุ่น “Sig” ให้เลือกด้วย โดย Sig ย่อมาจาก Signature ซึ่งจะเป็นรุ่นไฮเอนด์ แน่นอนว่าราคาจะแพงขึ้นไปอีก เริ่มต้นที่ 132,000 ดอลลาร์ (ราว 4.7 ล้านบาท)
เรียกได้ว่าแรงทะลุชาร์ทสำหรับ Tesla Model S รุ่นใหม่ที่เพิ่งถูกรีวิวโดย Consumer Reports และทำคะแนนได้เกิน 100 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์รถยนต์ของโลกใบนี้
Tesla Model S (P85D) เป็นรถซีดานมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อนได้ทุกล้อ เปิดตัวมาเมื่อปลายปี 2014 ที่นอกจากจะทำความเร็วจาก 0 ไป 60 ไมล์ได้ภายใน 3.2 วินาทีแล้ว ยังมาพร้อมกับระบบช่วยขับอัตโนมัติ (Autopilot) ที่ทางนิตยสาร Consumer Reports ได้ลองขับแล้วก็สัมผัสได้ถึงการผสมผสานของเทคโนโลยีที่ไม่เคยพบมาก่อน ออกมาเป็นคะแนนเกินมาตรฐานที่ 103 จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน จนทำให้ทาง Consumer Reports มีแผนปรับระบบการให้คะแนนในอนาคตอีกด้วย
ศึกชิงตัวพนักงานระดับสูงระหว่าง Tesla และแอปเปิลยังคงดำเนินต่อไปนะครับ ล่าสุดวิศวกรอาวุโสคนหนึ่งของฝั่ง Tesla ได้ย้ายไปทำงานกับแอปเปิลแล้ว โดยเรื่องการย้ายบริษัทดังกล่าวไม่ได้มีการเปิดเผยออกมาแต่อย่างใด แต่มีคนไปพบว่าโปรไฟล์ LinkedIn ของ Jamie Carlson ได้มีการอัพเดตว่าปัจจุบันทำงานให้กับแอปเปิล เกี่ยวข้องกับ "โปรเจ็คพิเศษ" หรือ "Special Projects" ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นงานเกี่ยวกับรถยนต์อัจฉริยะที่มีข่าวลือว่าแอปเปิลกำลังซุ่มพัฒนาอยู่ แหล่งข่าวยังเสริมว่ามีวิศวกรอีกอย่างน้อย 6 คนก็ย้ายไปทำงานกับแอปเปิลเช่นกัน
นับเป็นวิธีการที่น่าสนใจเลยทีเดียวสำหรับ Tesla ในการเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จไฟให้กับรถพลังไฟฟ้า ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการติดตั้งที่ชาร์จ ไว้ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งโรงแรมและรีสอร์ทไปแล้วรวมๆถึง 1,200 สถานีทั่วโลกเลยทีเดียว โดยคราวนี้หันมาจับมือกับ Airbnb เพื่อเพิ่มสถานีชาร์จให้มากขึ้น และ อำนวยความสะดวกในการขับรถเที่ยวของผู้ใช้ Tesla มากขึ้นอีกด้วย
แม้จะกระแสเริ่มดีจากการเปิดตัว Model S แต่ดูเหมือนสถานะทางการเงินของฝั่ง Tesla ในตอนนี้จะยังไม่ค่อยสู้ดีนัก หลังจากเอกสารที่ส่งให้กับผู้ถือหุ้นรอบล่าสุดระบุว่า Tesla ใช้จ่ายเงินไปมากพอตัว รวมถึงขาดทุนจากการดำเนินการกว่า 47 ล้านเหรียญ
จากเอกสารล่าสุด ระบุว่าเงินสดของ Tesla ตกลงจากปีก่อนที่ 2.67 พันล้าน ลงมาอยู่ที่ 1.15 พันล้าน ในขณะเดียวกันก็ขาดทุนราว 47 ล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับยอดขายที่ทำได้ราว 11,500 คันในไตรมาสล่าสุด จะตีคร่าวๆ ได้ว่า Tesla ขาดทุนประมาณ 4,000 เหรียญต่อรถยนต์หนึ่งคันที่ขายก็ว่าได้ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการผลิตที่ยังซับซ้อน และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ยังมีราคาแพงอยู่