Tesla Motors ประกาศยกเลิกสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่างสุดอย่าง Model X 60D หลังเปิดตัวมาได้เพียง 3 เดือน ทำให้ขณะนี้รุ่น 75D กลายมาเป็นรุ่นล่างสุดของ Model X
เว็บไซต์ Engadget คาดว่าสาเหตุที่ยกเลิกรุ่นนี้ เพื่อเป็นการหลีกทางให้กับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะถูกเปิดตัวในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ ซึ่ง Elon Musk เผยว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทุกคนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว (unexpected by most) รวมถึงคนที่สนใจซื้อรถยนต์ Tesla รุ่นล่างๆ มักจะเลือกซื้อ Model S 60 ตัวใหม่ ที่มีราคาถูกกว่า
ที่มา - Engadget
เหตุการณ์พ่อแม่ลืมลูกตัวเองไว้ในรถจนเด็กขาดอากาศหายใจ หรือร้อนเกินไปจนเสียชีวิตมีออกมาให้ได้ยินอยู่เนืองๆ เฉพาะปีนี้ในสหรัฐอเมริกามีเด็กเสียชีวิตเพราะถูกทิ้งไว้ในรถแล้วถึง 31 คน โดยอัพเดตเวอร์ชัน 8.0 ที่ Tesla เพิ่งปล่อยให้ผู้ใช้อัพเดตกันนั้น มีฟีเจอร์รักษาอุณหภูมิในห้องโดยสารไม่ให้ร้อนเกินไปด้วย
Tesla เรียกฟีเจอร์นี้ว่า Cabin Overheat Protection หลักการทำงานของมันง่ายมาก พอคนขับจอดรถ เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิภายในห้องโดยสารก็จะทำงาน และเปิดแอร์เป็นระยะเพื่อไม่ให้ห้องโดยสารร้อนเกิน 40 องศาเซลเซียส ซึ่ง Elon Musk ระบุว่าตามหลักการแล้วหากชาร์จแบตไว้เต็มสามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้ถึง 1 ปีเลยทีเดียว แต่ในรถ Tesla จะจำกัดระยะเวลาไว้ที่ 12 ชั่วโมง
ในยุคที่อะไรๆ ก็สมาร์ท ย่อมหนีไม่พ้นการตกเป็นเป้าโจมตีอย่างแน่นอน รถยนต์ไฟฟ้า Tesla ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ก็หนีไม่พ้น โดยกลุ่มนักวิจัยชาวจีนจาก Keen Security Lab ได้อัพโหลดวิดีโอสาธิตการแฮกรถยนต์ Tesla Model S หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเลื่อนเบาะไปจนถึงสั่งให้รถเบรกจากระยะไกล
ทีมนักวิจัยนำโดย Sen Nie นักวิจัยอาวุโสของ Keen Security Lab ได้สาธิตการแฮก Tesla Model S P85 เดิมๆ ไม่ได้ปรับแต่งใดๆ เริ่มด้วยการสั่งเปิดหลังคาซันรูฟจากระยะไกล จากนั้นก็โชว์เปิดไฟเลี้ยวและปรับเบาะ
สิ่งหนึ่งที่รถยนต์ไฟฟ้า Tesla แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป คือมันมีการอัพเดตซอฟต์แวร์ของตัวรถอยู่สม่ำเสมอ เมื่อผู้ใช้จอดรถในบริเวณบ้านก็จะเชื่อมต่อ Wi-Fi อัตโนมัติ ซึ่งอัพเดตใหญ่ครั้งสุดท้ายคือเวอร์ชัน 7.0 เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว มาพร้อมกับฟีเจอร์ Autopilot หลังจากนั้นก็ออกเวอร์ชัน 7.1 ที่ทำให้รถสามารถเข้าออกโรงจอดรถเองได้ ล่าสุด Tesla ประกาศเปิดตัวซอฟต์แวร์เวอร์ชัน 8.0 มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือการปรับปรุงระบบเรดาร์สำหรับ Autopilot ครั้งใหญ่
บนเว็บไซต์ Tesla เล่าเกี่ยวกับอัพเดตใหม่นี้ว่าจะใช้การประมวลผลสัญญาณจากเรดาร์ (signal processing) ที่ล้ำยิ่งขึ้นเพื่อสร้างแบบจำลองของพื้นที่รอบรถ โดยใช้ฮาร์ดแวร์เดิมได้เลย ซึ่งก่อนหน้านี้ระบบเรดาร์ดังกล่าวเป็นเพียงตัวเสริมให้กล้องหลักและระบบประมวลผลภาพ (image processing) เท่านั้น
เรียกว่าตรงตามข่าวก่อนหน้านี้ทุกประการ ขณะนี้ Tesla ได้เปิดตัว Model S และ X รุ่นความจุแบตเตอรี่สูงพิเศษ 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง มาพร้อมมอเตอร์คู่หน้าหลัง ขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่ง Model S P100D สามารถทำความเร็วตั้งแต่ 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ได้ในเวลาเพียง 2.5 วินาที โดย Tesla บอกว่าเร็วกว่ารถยนต์ใดๆ ที่ยังผลิตอยู่ในปัจจุบัน
แบตเตอรี่ขนาด 100 กิโลวัตต์ชั่วโมงก็สามารถพารถวิ่งได้ไกลถึง 507 กิโลเมตรหากวัดตามมาตรฐาน EPA ของสหรัฐอเมริกา และวิ่งได้ไกล 613 กิโลเมตรหากวัดตามมาตรฐานยุโรปในการชาร์จเพียงครั้งเดียว จึงทำให้ Tesla เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งได้ไกลที่สุดขณะนี้
มีรายงานความพยายามของ Tesla ในการเข้ามาทำตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ว่าขณะนี้มีผู้บริหารจาก Tesla สหรัฐอเมริกาได้เดินทางมายังสิงคโปร์เพื่อหารือกับรัฐบาลสิงคโปร์เกี่ยวกับการวางเครือข่ายระบบชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์ได้มีแผนติดตั้งจุดชาร์จไฟจำนวน 2,000 จุดทั่วประเทศอยู่แล้ว นี่จึงอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ Tesla อยากเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า Tesla ก็กำลังตามหาผู้บริหารที่จะมาประจำออฟฟิศสาขาสิงคโปร์อยู่ ซึ่งสอดคล้องกับที่ Elon Musk ทวีตไว้เมื่อเดือนเมษายนว่าจะขยายตลาดไปอีก 7 ประเทศ รวมถึงสิงคโปร์
ที่มา - Tech in Asia
ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ Tesla Model S เปิดโหมด Autopilot เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนที่ปักกิ่ง และผู้เสียหายบอกว่า Tesla โฆษณาเกินจริงว่ารถยนต์ขับอัตโนมัติได้ ล่าสุดมีคนพบว่า Tesla ได้นำคำว่า Autopilot และวลี "zidong jiashi" ที่แปลได้ว่า "ขับอัตโนมัติ" ออกจากเว็บไซต์ภาษาจีนแล้ว
"เราพยายามพัฒนาและแก้ไขสิ่งต่างๆ อยู่เสมอ ซึ่งนั่นรวมถึงการแปลด้วย" โฆษกหญิงของ Tesla กล่าวผ่านอีเมล "เราอยู่ระหว่างการแก้ไขความกำกวมของภาษามาหลายสัปดาห์แล้ว และจังหวะเวลานี้ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน" เธออ้าง
ขณะนี้วลีภาษาจีนที่แปลว่า "ระบบช่วยขับ" (self-assisted driving) ถูกนำมาใช้แทนแล้ว
ปัจจุบันรถยนต์ Tesla Model S มีความจุแบตเตอรี่ 3 ขนาดให้เลือก เริ่มที่ 60 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ไกล 338 กิโลเมตร, 75 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ไกล 400 กิโลเมตร และ 90 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ไกล 473 กิโลเมตร ส่วน Model X ก็มี 3 ขนาดให้เลือกเช่นกัน แต่จะวิ่งได้ระยะทางน้อยกว่าเนื่องจากน้ำหนักตัวมากกว่า
ล่าสุดมีบล็อกเกอร์ชาวดัตช์ไปพบว่า Tesla Model S และ X ความจุแบตเตอรี่สูงถึง 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง ถูกรับรองโดยกรมการขนส่งของเนเธอร์แลนด์ (Rijksdienst voor het Wegverkeer - RDW) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสามารถนำมาใช้งานในยุโรปได้ทันที โดยในฐานข้อมูลของ RDW แสดงให้เห็นว่าแบตเตอรี่ขนาด 100 กิโลวัตต์ชั่วโมงนี้ทำให้รถวิ่งได้ไกลถึง 613 กิโลเมตรเลยทีเดียว
เมื่อเช้าเราเพิ่งลงข่าว Tesla ช่วยชีวิตเจ้าของรถกันไป ตอนนี้มีข่าวอุบัติเหตุออกมาอีกแล้ว คราวนี้เหตุเกิดที่กรุงปักกิ่งเมืองหลวงของประเทศจีน ขณะที่นาย Luo Zhen โปรแกรมเมอร์อายุ 33 ปีกำลังเดินทางไปทำงานด้วยรถยนต์ Tesla Model S ที่เปิดใช้งานโหมด Autopilot อยู่นั้น รถของเขาก็แล่นไปเฉี่ยวเข้ากับรถ Volkswagen ที่จอดอยู่ริมทางซึ่งล้ำเข้ามาในเลนครึ่งคัน ทำให้กระจกมองข้างหลุดออกจากตัวรถ และเกิดรอยครูดด้านข้างรถ
เราได้ยินเรื่องอุบัติเหตุถึงชีวิตจากการใช้ระบบ Autopilot มาแล้ว คราวนี้เป็นเรื่องช่วยชีวิตคนกันบ้าง เรื่องเกิดที่เมือง Springfield รัฐมิสซูรี ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่นาย Joshua Neally กำลังขับรถยนต์ Tesla Model X อยู่บนไฮเวย์ จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บหน้าอกเหมือนมีอะไรมาแทง เขารู้ตัวว่าต้องรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด จึงกดเปิดระบบ Autopilot สั่งขับไปโรงพยาบาลทันที รถ Tesla ขับพาเขาไปตามไฮเวย์เป็นระยะทางราว 20 ไมล์ (32 กิโลเมตร)
เมื่อลงจากไฮเวย์ และใกล้ถึงโรงพยาบาล เขาเปลี่ยนมาขับด้วยตัวเองและนำรถเข้าจอดทันเวลา แพทย์บอกว่าอาการที่เกิดขึ้นคือภาวะลิ่มเลือดอุดกั้นในปอดเฉียบพลัน (Pulmonary Embolism) ซึ่งนาย Joshua บอกว่าเขาเชื่อในตัวซอฟต์แวร์และวางใจให้รถขับพาเขาไปโรงพยาบาล แทนที่จะจอดแล้วรอรถพยาบาลมารับ เขายังบอกอีกว่าหากเขาขับด้วยตัวเองขณะเกิดอาการ คงไม่สามารถขับบนไฮเวย์และคงชนคนหรือชนกำแพงสักที่เป็นแน่
ที่มา - The Guardian
JB Straubel ผู้เสนอไอเดียให้ Tesla ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนกับรถยนต์ของบริษัท ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ของ Tesla ได้ร่วมลงทุนในสตาร์ตอัพชื่อ Axiom Energy (อ่านว่า แอ็กเซี่ยม) ดำเนินธุรกิจผลิตแบตเตอรี่พลังน้ำเกลือที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2013 การลงทุนคราวนี้มีผู้ร่วมลงทุนหลายราย เช่นกลุ่มศิษย์เก่า MIT, Victory Capital และ JB Straubel ก็เป็นหนึ่งในนั้น รวมเงินได้มากถึง 2.5 ล้านดอลลาร์ (ราว 87 ล้านบาท)
เราเห็นตัวอย่างคนที่ประสบอุบัติเหตุหรือเจออะไรไม่คาดฝันระหว่างเล่นเกมโปเกมอนโกกันมาพอสมควรแล้ว และสำหรับรถยนต์อัตโนมัติ Tesla เราก็ได้ยินข่าวอุบัติเหตุด้วย ซึ่งล่าสุด ชายหนุ่มคนหนึ่งลองเล่นโปเกมอนในรถ Tesla เลย และให้รถบังคับตัวเองทั้งหมด โดยเขาใช้ทั้งสองมือในการจับโปเมอน และเขายังถ่ายคลิปวิดีโอไปด้วย แต่คลิปถูกลบออกไปแล้วเพราะมีกระแสด้านลบมากเหลือเกินต่อพฤติกรรมของเขา
ในคลิปเขาบอกว่า การเล่นโปเกมอนใน Tesla เป็นอะไรที่ดีมาก Tesla วิ่งไปบนถนนโดยไม่เกิดปัญหาอะไรเลย ทำให้คนดูคลิปเป็นกังวล จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าอันตรายเกินไป อีกอย่างยังขัดต่อเงื่อนไขการใช้งานของ Tesla เองด้วย
ที่มา - Carscoop
Mobileye บริษัทเทคโนโลยีรถยนต์สัญชาติอิสราเอล และผู้ผลิต EyeQ ซึ่งเป็น SoC สำหรับระบบกึ่งไร้คนขับบนรถยนต์ในปัจจุบัน รวมถึงรถยนต์ Model S และ Model X ของ Tesla Motors ด้วยแต่ล่าสุดทาง Mobileye ออกมาประกาศแยกทางกับ Tesla และจะไม่ผลิตชิพให้อีกแล้ว
ไม่กี่วันก่อน Elon Musk โพสต์บทความลงบนบล็อกของ Tesla เขาเรียกมันว่า “แผนการขั้นสุดยอด ตอนที่ 2” หรือ “Master Plan, Part Deux” (Deux แปลว่า 2 ในภาษาฝรั่งเศส) เป็นแนวทางที่ Tesla ต้องการมุ่งหน้าไป อีกทั้งยังมีการเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วย ผมอ่านแล้วคิดว่าทำให้เห็นภาพรวมระยะยาวของ Tesla ได้ดีมาก เลยแปลมาลงอีกทีครับ
ก่อนจะมาถึงแผนการขั้นที่ 2 ก็ต้องมีขั้นที่ 1 ก่อน ซึ่ง Elon เคยเขียนไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว สรุปออกมาได้ 4 ข้อ ดังนี้ โดยในวงเล็บเป็นข้อความของผมเอง
ช่วงเดือนที่ผ่านมามีอุบัติเหตุกับรถ Tesla อย่างน้อยสองครั้ง ครั้งแรกเป็นข่าวใหญ่ที่ระบบ Autopilot ของ Tesla Model S ของนาย Joshua D. Brown ทำงานผิดพลาดและชนกับรถบรรทุก (กรณีที่ 1)
จากนั้นก็มีอีกข่าวหนึ่งเป็น Tesla Model X ชนกับที่กั้นริมทางในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งผู้ขับคือนาย Albert Scaglione อ้างว่าสาเหตุของอุบัติเหตุคือระบบ Autopilot แต่ตอนนั้น Tesla Motors ก็ออกมาบอกทันทีว่ายังไม่มีรายงานที่บ่งชี้ว่าระบบ Autopilot ถูกเปิดใช้งานอยู่ (กรณีที่ 2)
Tesla กำลังทำให้ราคารถยนต์ของตนถูกลงกว่าเดิม หลังจากเปิดตัว Model S 60 ไปเมื่อเดือนมิถุนายน ล่าสุดขยับมาปรับไลน์ของ Model X ด้วยการเปิดตัวรุ่นย่อย 60D
รถยนต์ Tesla ทุกรุ่นแบ่งรุ่นย่อยด้วยขนาดแบตเตอรี่ โดยขณะนี้แบตเตอรี่ขนาดเล็กสุดคือ 60 กิโลวัตต์ชั่วโมงถูกนำเข้ามาเป็นตัวเลือกล่างสุดเพื่อให้ราคารถต่ำลง แต่ใน Model X ต่างจาก Model S ตรงที่ทุกรุ่นย่อยจะได้มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นมาตรฐาน ซึ่ง Model X 60D สามารถวิ่งได้ไกล 200 ไมล์ (ราว 320 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในประมาณ 6 วินาที และความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 209 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
สำหรับผู้ที่อ่าน Blognone ประจำ คงเห็นว่าผมเขียนข่าวเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla เสมอ ซึ่งเกิดจากความชอบส่วนตัวและความชอบในตัว Elon Musk ซีอีโอของ Tesla Motors และตัวผู้เขียนเพิ่งเรียนจบ เลยได้โอกาสเดินทางไปเยอรมนีเพื่อท่องเที่ยวและเยี่ยมเยียนคนรู้จัก จึงเกิดไอเดียว่า "ไปลองขับ Tesla ดีกว่า" ผมเลยใช้ Skype โทรไปหาศูนย์บริการ Tesla Motors ที่เมือง Stuttgart ทางตอนใต้ของเยอรมนีเพื่อนัดหมายวันทดลองขับ จึงเป็นที่มาของการแชร์ประสบการณ์ในครั้งนี้
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก เสียแล้วสำหรับ Tesla Motors หลังมีรายงานระบบ Autopilot บน Model S ก่อให้เกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิต เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุดระบบ Autopilot บน Model X ก็ก่อให้เกิดอุบัติเหตุในเพนซิลเวเนียขึ้นมาอีกครั้ง
อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นกับนาย Albert Scaglione หลังจากเจ้าตัวเปิดโหมด Autopilot ก่อนที่ตัวรถจะชนเข้ากับที่กั้นริมทางด้านขวา แล้วหักซ้ายข้ามเลนไปชนเข้ากับแผงกั้นคอนกรีตกลางถนนและพลิกคว่ำ โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็ไม่มีรายงานว่าผู้โดยสารบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน
ถึงแม้จะยังอยู่เพียงในขั้นทดลอง แต่ผู้บริหาร Baidu ก็ออกมาสัญญาเชิงบลัฟเรียบร้อยแล้วว่า รถยนต์ไร้คนขับของบริษัทจะไม่มีวันเกิดอุบัติเหตุเหมือนกับกรณีของ Tesla Model S ที่เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต
Wang Jin รองประธานอาวุโสของ Baidu ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นของจีน อธิบายว่าเพราะกล้องและเซ็นเซอร์บนรถ Tesla Model S ถูกติดตั้งต่ำเกินไปและไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ทำให้เซ็นเซอร์ตรวจไม่พบรถบรรทุก ที่มีท้องรถยกสูงได้ โดยผู้บริหาร Baidu ยืนยันว่ารถไร้คนขับของบริษัท ใช้เซ็นเซอร์เรด้าร์ที่สามารถแยกแยะวัตถุได้จากสี ทำให้อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับ Model S จะไม่มีวันเกิดกับ Baidu ขณะเดียวกันจำนวนของเซ็นเซอร์บนรถก็มีจำนวนมากกว่าและมีราคาแพงกว่าที่ใช้บนรถของ Tesla ด้วย
รถยนต์ไฟฟ้า Tesla ได้รับอัพเดตเพิ่มฟีเจอร์ขับอัตโนมัติ หรือ Autopilot มาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว มีคนใช้มากมาย ล่าสุดเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจากการใช้ฟีเจอร์นี้เป็นครั้งแรก ส่งผลให้คนขับเสียชีวิตทันที
อุบัติเหตุนี้เกิดขึ้นบริเวณทางแยกบนทางหลวงในเมือง Williston รัฐฟลอริดา ผู้ขับรถ Tesla Model S คือนาย Joshua D. Brown อายุ 40 ปี ก่อนเขามาถึงทางแยก มีรถบรรทุกขนาดใหญ่กำลังเลี้ยวขวางถนนอยู่ รถยนต์ Tesla ของ Brown แยกแยะระหว่างด้านข้างของรถบรรทุกซึ่งเป็นสีขาว กับท้องฟ้าที่ค่อนข้างสว่างไม่ออก ทำให้ไม่ได้เบรก พุ่งชนและลอดใต้รถบรรทุกไป ชายล่างของตัวเทรลเลอร์ฉีกหลังคารถ Tesla ออกทั้งแผ่น รถของ Brown ไปจอดนิ่งห่างจากจุดเกิดอุบัติเหตุไปหลายร้อยฟุต เขาเสียชีวิตทันที
ปัจจุบันโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Motors ตั้งอยู่ที่เมือง Fremont รัฐแคลิฟอร์เนีย มีพื้นที่ราว 4.9 ล้านตารางเมตร และขณะนี้ก็กำลังสร้างเพิ่มอีกโรง ในชื่อ Gigafactory ที่รัฐเนวาดา มีพื้นที่ใหญ่มหึมา เป็นรองแค่โรงงานผลิตเครื่องบินโบอิ้ง ที่รัฐวอชิงตันเท่านั้น โดยขณะนี้มีรายงานจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ทันหุ้นของประเทศไทยว่า Tesla Motors กำลังสนใจเข้าซื้อที่ดินในประเทศไทยเพื่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์เพิ่ม
สำหรับใครที่ติดตามข่าวเกี่ยวกับ Elon Musk อาจจะรู้สึกงงปนตลกกับพาดหัวข่าวนะครับ เพราะ Elon เป็นประธานของทั้ง Tesla Motors และ SolarCity เลย ซึ่งฝั่ง Tesla Motors เพิ่งยื่นข้อเสนอเข้าซื้อกิจการของ SolarCity เพื่อ "ต่อจิ๊กซอว์ทางธุรกิจ" ของทั้งสองบริษัทให้เป็นโซลูชันครบวงจร
ภารกิจเริ่มแรกของ Tesla Motors คือการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นพลังงานที่ยั่งยืน หลังจากนั้นได้เปิดตัว Tesla Energy มีผลิตภัณฑ์คือ Powerwall และ Powerpack เป็นแบตเตอรี่สำหรับจ่ายไฟฟ้าเข้าบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ (ค่าไฟช่วงกลางคืนมีราคาถูก ก็ชาร์จเก็บไว้สำหรับใช้ช่วงกลางวัน) และฝั่ง SolarCity ทำธุรกิจให้บริการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ตามบ้านเรือน ซึ่งการที่ Tesla Motors เข้าซื้อ SolarCity ทำให้ผู้ใช้รถยนต์สามารถเข้าถึงแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนและฟรีได้ ก็คือแสงอาทิตย์นั่นเอง
ก่อนหน้านี้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Motors เคยมีตัวเลือกความจุแบตเตอรี่หลายขนาด แต่สุดท้ายก็ทยอยตัดรุ่นความจุต่ำๆ ออก และคงเหลือไว้เฉพาะแบตเตอรี่แบบ 90 กิโลวัตต์ชั่วโมง ล่าสุดบริษัทได้นำแบตเตอรี่ความจุ 60 กิโลวัตต์ชั่วโมงกลับมาขายอีกครั้ง พร้อมปรับดีไซน์รถยนต์ใหม่ และขายราคาถูกกว่าเดิม
Tesla Model S 60 รุ่นใหม่นี้มีสเปกพื้นฐานคือขับเคลื่อนสองล้อหลัง วิ่งได้ไกล 210 ไมล์ หรือราว 338 กิโลเมตร ทำความเร็วตั้งแต่ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.5 วินาที มีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 130 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 209 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อุปกรณ์พื้นฐานของรถก็มีให้มาตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ที่รองรับฟีเจอร์ Autopilot และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยต่างๆ สนนราคาตัวเริ่มต้นอยู่ที่ 66,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 2.3 ล้านบาท (รวมส่วนลดจากรัฐบาลแล้ว) โดยก่อนหน้านี้ขายอยู่ที่ 70,000 เหรียญสหรัฐ
Jared Overton เจ้าของรถ Tesla Model S ในรัฐ Utah ของสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องให้ Tesla หาสาเหตุและรับผิดชอบกรณีรถ Model S ของเขาขับไปขนกับท้ายรถพ่วงที่จอดอยู่ ขณะที่หลังตรวจสอบบันทึกข้อมูล (log) ของตัวรถแล้วก็พบว่า โหมด Summon ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่จะทำให้รถเข้าและออกโรงรถด้วยตัวเองถูกเปิดเอาไว้อยู่ ซึ่งทางเจ้าของรถก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เปิด และทาง Tesla ระบุว่าตัวผู้ใช้ ไม่ได้ใส่ใจและระมัดระวังสภาพแวดล้อมให้กับรถ ขณะเปิดให้โหมด Summon นี้
นอกจากจะรักษาสภาพอากาศแล้ว ดูเหมือน Tesla Motor จะช่วยทำให้อากาศสะอาดขึ้นไปในเวลาเดียวกันด้วย หลังออกมาเปิดเผยว่ากำลังทดสอบระบบกรองอากาศ ซึ่งสามารถกรองได้แม้กระทั่งอาวุธชีวภาพ ให้กลายมาเป็นอากาศบริสุทธิ์ ซึ่ง Tesla เรียกระบบนี้ว่า Bioweapon Defense Mode
ในการทดสอบ Tesla ได้นำรถ Model X เข้าไปในโดมพลาสติก ที่เต็มไปด้วยอากาศที่สกปรกในระดับอันตรายต่อชีวิต (มีค่า PM 2.5 หรือค่าฝุ่นละอองที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน สูงกว่าค่ามาตรฐานที่หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ ระบุว่าปลอดภัยถึง 83 เท่า) ปรากฎว่า ระบบกรองอากาศสามารถทำให้อากาศในห้องโดยสารกลับมาสะอาดบริสุทธิ์ ชนิดที่ว่าเซ็นเซอร์ตรวจไม่พบสิ่งสกปรกและสารปนเปื้อนแม้แต่น้อย ซึ่ง Tesla บอกว่าระบบนี้ จะช่วยทำให้อากาศรอบๆ คันรถสะอาดขึ้น พร้อมเคลมว่าคุณจะสามารถขับรถฝ่าอาวุธระดับของกองทัพได้สบายๆ
ถึงแม้รถที่นำมาทดสอบจะเป็นรุ่น Model X แต่ Tesla ระบุว่าระบบนี้จะถูกติดตั้งใน Model S ที่อยู่ระหว่างการผลิตขณะนี้ด้วย
ที่มา - Tesla Motors via Engadget