หลังจากไมโครซอฟต์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ virtualization นำโดย Hyper-V ในเวลาเดียวกันนี้ ไมโครซอฟต์ได้ประกาศลงทุนด้วยงบ 8 พันล้านเหรียญสำหรับงานวิจัยและพัฒนาด้านบันเทิง, Vista, และ Cloud Computing โดยผลิตภัณฑ์ชูโรงสำหรับบริการ Cloud Computing ของไมโครซอฟต์มีชื่อว่า Microsoft System Center Virtual Machine Manager 2008 (VMM) ที่สนับสนุนการบริหารจัดการศูนย์ข้อมูล (data center) และสามารถรองรับคอมพิวเตอร์เสมือน (virtual machine) ที่ใช้เทคโนโลยี Microsoft Hyper-V, Microsoft Virtual Server, และ VMware ESX
ภายในงาน VMworld 2008 ที่ลาสเวกัส บริษัท VMware, Inc. ได้เปิดผ้่าคลุมผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ชื่อ Virtual Datacenter Operating System (VDC-OS) โดย VMware เรียกผลิตภัณฑ์นี้ว่าเป็นระบบปฏิบัติการเสมือนสำหรับการบริหารจัดการศูนย์ข้อมูล (data center) เพื่อรองรับการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (Cloud Computing)
นอกจากนี้ VMware ยังได้เปิดตัวโครงการชื่อ vCloud ที่ทาง VMware ร่วมมือกับบริษัทพาร์ทเนอร์มากกว่า 100 ราย เพื่อการพัฒนาเครือข่ายของบริการ Cloud Computing ขนาดใหญ่ โดยโครงการ vCloud จะใช้ผลิตภัณฑ์ VDC-OS สำหรับการสร้างเครือข่ายดังกล่าว
บริษัท Citrix Systems, Inc. ประกาศผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ชื่อ Citrix Cloud Center (C3) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับการบริหารจัดการศูนย์ข้อมูล (Data Center) เพื่อรองรับการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆหรือ Cloud Computing โดยกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ C3 คือ Cloud Provider หรือลูกค้าที่ต้องการใช้ศูนย์ข้อมูลของตนเพื่อให้บริการ Cloud Computing
ผมเห็นว่าบทความของอาจารย์ภุชงค์ "คุยกันเล่นกับชาว HP" ฟังชื่อเหมือนป็นการคุยกันเล่นๆ แต่จริงๆกลับมีคุณค่าอย่างมากในการวางแผนสำหรับโครงการไอทีระยะยาว, การวิจัยและพัฒนา, และการให้ความรู้แก่ผู้ที่จะมาเป็นกำลังสำคัญในการใช้หรือพัฒนาเทคโนโลยีต่อไป ผมจึงขอนำเสนอผลงานค้นคว้าและวิจัยของบริษัทการ์ทเนอร์ (Gartner) ที่มีความเกี่ยวข้องกับบทความของอาจารย์ภุชงค์ ดังต่อไปนี้
บริษัทการ์ทเนอร์ได้ยกเทคโนโลยี 5 ตัวซึ่งอยู่ใน Hype Cycle * แห่งปี 2008 ได้แก่ Green IT, Cloud Computing, Social computing platforms, Video telepresence, และ Microblogging ว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีการเติบโตมากในปีนี้และอีก 2 - 5 ปีข้างหน้า
ในโลกลินุกซ์นั้นเทคโนโลยี Virtualization กำลังจะกลายเป็นเรื่องปรกติไป แต่การเข้ามาอย่างเป็นทางการของไมโครซอฟท์ก็น่าจะช่วยตอกย้ำความสำคัญของเทคโนโลยีนี้ได้เป็นอย่างดี ที่ผ่านมาเราคงได้ยินชื่อเทคโนโลยี Hyper-V ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Virtualization ของทางฝั่งไมโครซอฟท์มาแล้ว (มีการเปิดให้ทดสอบตั้งแต่สองเดือนก่อน) แต่ในวันนี้ไมโครซอฟท์ก็เตรียมการเปิดตัวเทคโนโลยีนี้อย่างเป็นทางการแล้วในงาน getVIRTUALnow
ซอฟต์แวร์ที่คาดว่าจะเปิดตัวในงานมีสามตัวด้วยกันคือ
ไม่รู้ว่ามีงานเปิดตัวในเมืองไทยมั่งรึเปล่า
ล่าสุด ไม่โครซอฟท์ยอมให้รันวินโดวส์วิสต้าเวอร์ชั่น Home Basic และ Home Premium ในฐานะ Guest OS บน Virtual Machine แล้ว
เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ไมโครซอฟท์ได้ออกมาประกาศว่าตนเองจะไม่ยอมให้่มีการใช้ Virtualization กับวิสต้า แม้ว่าจะไม่มีสาเหตุว่าเพราะอะไร แต่ตอนนี้ไมโครซอฟท์ได้ออกมาเปลี่ยนใจอีกครั้ง
อันนี้เป็นข่าวดีสำหรับคนที่รัน Virtual Machine โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้วินโดวส์วิสต่าผ่าน Parallels หรือ VMware บนเครื่องแมคอย่างแน่นอน
ที่มา - C|net
อินเทลเปิดตัวฮาร์ดแวร์ใหม่ในตระกูล vPro ซึ่งจับตลาดองค์กรธุรกิจ โดยซีพียู Core 2 Duo ใหม่ 3 รุ่น (E6550, E6750, E6850) ที่ลดอัตราการบริโภคพลังงานขณะไม่ใช้งานลงเหลือ 8 วัตต์จากเดิม 22 วัตต์ กับชิปเซ็ตตัวใหม่ Intel Q35 Express ซึ่งมีกิกะบิตแลนในตัว
แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่เทคโนโลยีใหม่ 2 ตัวครับ
บริษัท Citrix ซึ่งมีชื่อเสียงด้านซอฟต์แวร์สำหรับ thin client และ remote server เข้าซื้อกิจการ XenSource ซึ่งเป็นบริษัทของนักพัฒนา Xen เป็นมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์
การเข้าซื้อครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสายผลิตภัณฑ์ของ Citrix มากขึ้น ในทางกลับกัน สายสัมพันธ์ที่ดีของ Citrix กับไมโครซอฟท์ จะช่วยให้ Xen ทำงานกับวินโดวส์ได้ดีขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ Citrix ยังแนบแน่นกับผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์อย่าง IBM และ HP อีกด้วย
ช่วงก่อนหน้านี้ผู้ใช้ iPhone จะไม่สามารถเชื่อมต่อ iPhone เข้ากับวินโดวส์เอ็กซ์พี หรือวินโดวส์วิสตาที่ทำงานอยู่ใน Parallels Desktop ได้
แต่นับจากนี้ไปปัญหาเหล่านั้นก็จะหมดไปแล้ว หลังจากที่ทางทีมงานออกมาประกาศทางบล็อกเกี่ยวกับ Parallels Desktop Beta ตัวใหมที่เพิ่งออกมาให้ทดลองใช้กัน โดยทางทีมงานได้พูดถึงการใช้ iPhone กับ Parallels Desktop ไว้ว่า
"ผมพบคำเหน็บแนมมากมายในเรื่องการใช้ iPhone กับวินโดวส์ที่ทำงานอยู่บนแมค แต่อย่าลืมนะว่าผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังต้องใช้ iPhone กับ Outlook อยู่"
นอกจากเรื่อง iPhone แล้วก็มีความสามารถเพิ่มขึ้นมาดังนี้
หลังจากปล่อยรุ่นทดสอบมาให้ผู้ใช้งานได้ทดลองกันหลายรุ่น ในที่สุด VMWare ก็ประกาศข่าวพร้อมปล่อย VMWare Fusion 6 สิงหาคมนี้ ราคาตั้งไว้ที่ 79.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,799 บาท) โดยจะเปิดขายก่อนกำหนดวางตลาดที่ราคา 39.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,399 บาท) ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดรุ่นทดลองใช้ มาใช้งานได้ก่อนเป็นระยะเวลา 30 วัน
Fusion นั้นพัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี Virtualization ของ VMWare เช่นเดียวกับที่ VMWare ใช้กับระบบปฎิบัติการอื่น รองรับการทำงานบนซีพียูแบบ 64 บิต การใช้งานกราฟฟิกแบบสามมิติผ่าน Direct X ได้ อย่างไรก็ตาม ทั้ง Fusion และ Parallels ยังมีข้อจำกัดในการใช้งาน Direct X อยู่เพียงแค่รุ่น 8.1 ยังไม่สามารถใช้งาน Direct X รุ่นใหม่ๆ ได้
หลายคนคงรู้จัก Xen ในฐานะ Virtualization ที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดในช่วงหลังๆ นี้กันแล้ว ล่าสุด Xen ได้ถูกรวมเข้าในเคอร์เนลลินุกซ์เวอร์ชัน 2.6.23 แล้ว (แปลว่าต่อไปนี้ลินุกซ์ใช้ Xen ได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องรอ kernel patch ของดิสโทรเหมือนแต่ก่อน)
เดิมทีทีมงาน Xen ตั้งใจจะเอาเข้าเคอร์เนลมานานแล้ว แต่ว่า Xen ใช้วิธีแยกตัวเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ (arch/xen) ซึ่งบรรดานักพัฒนาเคอร์เนลคัดค้านว่าจะมีผลต่อการดูแลในระยะยาว ให้ใช้วิธีรวมเข้ากับสถาปัตยกรรม arch/386 ที่มีอยู่เดิมจะดีกว่า ซึ่งทางทีม Xen ก็ไปแก้ไขและได้เข้าเคอร์เนลในที่สุด (อ่าน LWN ประกอบ)
กองทุนของบริษัทอินเทล ได้แสดงความจำนงในการเข้าลงทุน ถือหุ้นในบริษัท VMWare ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ Virtualization รายใหญ่ เป็นจำนวนเงินกว่า 7 พันล้านบาท (218 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งหากผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการตรวจสอบ อินเทล ก็จะมีหุ้นของ VMWare ในสัดส่วน 2.5% เลยทีเดียว และอาจจะมีผู้บริหารจากอินเทล เข้าไปนั่งเป็นคณะกรรมการ ของ VMWare ด้วยก็เป็นได้
น่าจับตามองว่าหากข้อตกลงในครั้งนี้ บรรลุวัตถุประสงค์ จะส่งผลอย่างไรกับตลาดอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ Virtualization คู่แข่งรายอื่นของ VMWare อย่าง Parallels ในตลาดแมคอินทอช จะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง
ที่มา - Mac World
VMware เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่อัพเดตผลิดภัณฑ์ค่อนข้างบ่อย และคราวนี้ก็เพิ่งจะปล่อย Workstation 6.0 ออกมา ซึ่งคราวนี้มีฟีเจอร์หลักๆ หลายอย่างซึ่งถือว่าสุดยอดเลยทีเดียว
สำหรับผู้ใช้ระบบปฎิบัติการนอกกระแสทั้งหลายเช่น Mac OS X หรือ Linux เพื่อให้เข้าถึงโปรแกรมในวินโดวส์แล้วการใช้เทคโนโลยี Virtualization เป็นทางเลือกที่ดีมากอีกทางหนึ่ง เพราะทำให้เราสามารถรันโปรแกรมที่ต้องการวินโดวส์ได้โดยไม่ต้องบูตเครื่องใหม่
แต่ถ้าใครได้อ่านข้อตกลงการใช้งาน (EULA) ของวิสต้าดูอาจจะพบกับความจริงที่น่าเศร้า เพราะวิสต้านั้นไม่อนุญาตให้ใช้งานบนเทคโนโลยี Virtualization หรือ emulation ใดๆ ทั้งสิ้น เว้นแต่รุ่น Business, Ultimate และ Enterprise เท่านั้น ที่อนุญาตให้รันได้โดยมีเงื่อนไขถึงฟีเจอร์หลายๆ ตัว นับแต่การใช้งาน BitLocker ตลอดจนการเข้าถึงไฟล์ที่ป้องกันไว้ด้วยเทคโนโลยี DRM ของไมโครซอฟท์
ผมล่ะเซ็งไปแล้วคนนึง
ขึ้นปี 2007 สื่อต่างๆ ก็เริ่มทำนายเทคโนโลยีที่คาดว่าจะมาแรงในปีนี้ InformationWeek จัดมา 5 อันดับ
ที่มา - InformationWeek: 5 Disruptive Technologies To Watch In 2007
ตั้งแต่ Inter Mac ออกมาได้ซักพัก ผมก็เริ่มอยากได้มาใช้บ้าง ติดปัญหาเดียวคือใช้ VMware จนติดเป็นนิสัย โดยเฉพาะ VMware Player เพราะมันสะดวกดี เลยเฝ้ารอ VMware สำหรับ Intel Mac OS X มานานแสนนาน ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง VMware สัญญาว่าจะทำ และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึงจนได้ VMware ได้ออกตัวเบต้ามาให้ลองใช้กันจนได้ รุ่นนี้ใช้ชื่อว่า Fusion
โชคร้ายนิด ตั้งแต่วันที่อยากซื้อจนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่มีวาสนาได้ Inter Mac มาครอบครองไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนก็ตาม คงต้องพึ่งคนอื่นลองรีวิวซะแล้ว ระหว่างนี้ก็ Ubuntu...
ที่มา - OSNews
ใครพยายามทำ Virtualization เพื่อใช้งานอยู่ในตอนนี้อาจจะต้องพบกับความลำบากในการติดตั้งซักหน่อย เพราะโครงการ Xen นั้นยังรวมเข้าตัว Kernel ได้ไม่เต็มร้อยเท่าใหร่ แต่วันนี้ทางไลนัส ทอร์วัลด์ ก็ออกมาประกาศว่่าลินุกซ์ตั้งแต่รุ่น 2.6.20 เป็นต้นไป จะมีการอินทริเกรตความสามารถในการทำ Virtualization มาในตัวแล้ว ที่หลายคนอาจจะแปลกใจคือไลนัสเลือกเทคโนโลยี KVM ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นทางการเมื่อสองเดือนก่อนนี้เอง
Scott Crenshaw แห่ง Red Hat ให้สัมภาษณ์เว็บไซต์ InfoWorld พูดถึง Red Hat Enterprise Linux 5 ว่ามีอะไรใหม่บ้าง ซึ่ง Scott ตอบมาคำเดียวสั้นๆ ได้ใจความเลยว่า "Virtualization"
Virtualization ในที่นี้ก็หมายถึง Xen เป็นหลักนะครับ Scott บอกว่า Red Hat ทุ่มวิศวกร 30-40 คนลงไปในเรื่อง Xen โดยเฉพาะ ซึ่งจะเหนือกว่าคู่แข่งอย่าง Novell/Oracle แน่นอน ส่วนคู่แข่งอย่าง Microsoft หรือ VMWare ก็เอาประเด็นด้านโอเพนซอร์สกับราคามาสู้
ฟีเจอร์อื่นๆ ของ RHEL5 มีอีกเยอะ อ่านได้ตามลิงก์ เอ้อ RHEL5 ออกต้นปี 2007 ครับ หวังว่าจะเป็นปีทองของ Red Hat ละกันนะ
ที่มา - RHEL 5: What's coming
หลังปะทะคารมกันมาได้ซักพักใหญ่ ค่าย Virtualization ใหญ่ทั้งสองค่ายคือ VMWare และ XenSource ก็ได้ข้อยุติในเรื่องการทำงานของ Hypervisor ข้ามค่าย
ข่าวการร่วมมือระหว่าง XenSource และไมโครซอฟท์เมื่อสองวันก่อนทำให้คู่แข่งอย่าง VMware ที่กลายเป็นผู้ทียืนอยู่โดดเดี่ยวในสงคราม Virtualization ออกมากล่าวถึงการกระทำของ XenSource ว่าเป็นการหักหลังโลกโอเพนซอร์สที่ช่วนสร้างเทคโนโลยีของ Xen ขึ้นมา
รองประธาน VMware ออกมาระบุว่า ข้อตกลงระหว่าง XenSource แัละไมโครซอฟท์จะช่วยให้วินโดวส์วิสต้า รันระบบปฏิบัิติการที่รองรับเทคโนโลยี Xen Hypervisor ได้ดีขึ้น แต่กลับกันแล้ว โลกโอเพนซอร์สกลับไม่สามารถนำวินโดวส์มารันได้ดีขึ้นแต่อย่างใด
กระแส Virtualization ยังแรงจนหยุดไม่อยู่ หลังจากที่ไมโครซอฟท์ประกาศก่อนหน้านี้ว่า Windows Longhorn จะอนุญาตให้ติดตั้งได้ถึง 4 virtual machine ในการซื้อครั้งเดียว ในตอนนี้ไมโครซอฟท์ก็สร้างความประหลาดใจอีกครั้ง ด้วยการจับมือกับ XenSource ที่เป็นเป็นจ้าวเทคโนโลยี Virtualization บนลินุกซ์อยู่ในตอนนี้
ไม่มีการแถลงการแน่ชัดว่าการจับมือกันครั้งนี้จะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอะไรกันบ้าง แต่ที่คาดการกันคือ Longhorn อาจจะรองรับลินุกซ์ได้ในตัว โดยก่อนหน้านี้ ทางด้าน Xen นั้นสามารถรันวินโดวส์และลินุกซ์ได้อยู่ก่อนแล้ว
การแข่งขันในเทคโนโลยี Virtualization เริ่มระอุขึ้นเรื่อยๆ โดยในตอนนี้ผู้แข่งขันหลักๆ สามเจ้าคงเป็นเป็น VMware, ไมโครซอฟท์ และ Xen ทางด้าน Xen นั้นฟรีอยู่แล้วเนื่องจากเป็นโอเพนซอร์ส งานนี้ไมโครซอฟท์และ VMware เลยยอมไม่ได้ ในวันเดียวกันเลยมีสองเทคโนโลยีออกมาให้เราใช้กันฟรีๆ คือ VMware Server และ Virtual PC 2004
VMware Server นั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นตัวเพิ่มความสามารถจาก VMware Player ที่ฟรีไปก่อนหน้านี้แล้ว ความสามารถที่เพิ่มมาก็เช่นการรองรับ SMP ทำให้ัตัว guest OS มองเห็นซีพียูได้หลายชุด หรือจะเป็นการจัดการผ่านเว็บ
Xen เทคโนโลยีในการทำ Virtualization ที่ร้อนแรงในขณะนี้ ทางซันก็ไม่พลาดที่จะร่วมวงด้วยครับ โดยวางแผนว่าโซลาริส 10 จะสนับสนุน Xen ประมาณกลางปีหน้า(2007)
ซันจะปล่อย โอเพนโซลาริส ที่มี Xen ออกมาทดลองก่อนประมาณเดือนกรกฏาคม ซึ่งจะสนับสนุนโซลาริสเองและลินุกซ์ครับ
ที่มา - OSNews
Boot Camp ได้รับความสนใจจากสื่ออย่างมากเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะมันแสดงสัญลักษณ์การทำงานร่วมกันของอดีตคู่แข่ง (แมคกะวินโดวส์) ถึงแม้ว่าสื่อจะประโคมข่าวว่ามันใช้ง่ายแค่ไหนก็ตาม มันยังมีข้อจำกัดบางจุดที่แก้ได้ในเวอร์ชันถัดๆ ไป
ประเด็นด้านเทคนิคที่สำคัญมี 2 จุด คือ การสนับสนุน NTFS และการคลิกขวา (กรณีที่ใช้ Macbook Pro หรือเมาส์แอปเปิลที่มีปุ่มเดียว) นอกจากนี้ยังมีเรื่องไดรเวอร์เล็กๆ น้อยๆ และคำถามว่า Mac OS X 10.5 Leopard จะรวมความสามารถนี้เข้าไปด้วยหรือไม่
VMWare ได้ยืนยันแล้วว่าจะมีเวอร์ชันสำหรับแมคแน่นอนภายในปีนี้ Diane Greene แห่ง VMWare บอกว่าเวอร์ชันแมคสามารถรันได้ในแล็บเรียบร้อยแล้ว
เวอร์ชันบนวินโดวส์กับลินุกซ์นั้นมี 3 รุ่นคือ VMWare Player, VMWare Workstation และ VMWare Server ส่วนเวอร์ชันแมคนั้นคาดว่าจะออกมารุ่นเดียว ที่เทียบเท่ากับตัว Workstation