รายงานจาก Canaccord Genuity เผยว่าแอปเปิลมีส่วนแบ่งกำไรตลาดสมาร์ทโฟนทั้งหมดร้อยละ 92 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2015 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วที่มีส่วนแบ่งกำไรตลาดสมาร์ทโฟนที่ร้อยละ 65 โดยกำไรทั้งหมดนี้มาจากส่วนแบ่งตลาดที่อยู่ต่ำกว่าร้อยละ 20 เท่านั้น

ในขณะที่ผู้ตามหลังมาห่าง ๆ อย่างซัมซุง มีส่วนแบ่งกำไรตลาดอยู่ที่ร้อยละ 15 ซึ่งหากคำนวณแล้วจะพบว่าทั้งสองรายมีส่วนแบ่งกำไรตลาดเกิน 100% เนื่องจากผู้ผลิตรายอื่นทำกำไรไม่ได้เลย หรือไม่ก็ขาดทุน จึงมีส่วนแบ่งกำไรเป็นศูนย์หรือค่าติดลบ

ในรายงานระบุว่าเหตุผลที่แอปเปิลสามารถเพิ่มส่วนแบ่งกำไรของตัวเองได้อย่างรวดเร็วในรอบปีที่ผ่านมา เนื่องจากแอปเปิลสามารถเรียกลูกค้าที่ต้องการมือถือหน้าจอใหญ่ขึ้นได้

เมื่อวาน ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิลได้ออกมาประกาศว่า Best Buy จะเริ่มรับการชำระสินค้าผ่านทาง Apple Pay ภายในปีนี้ แต่ล่าสุด Dekkers Davidson ซีอีโอของ MCX เจ้าของแพลตฟอร์มชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ CurrentC ก็ได้ลาออกจากบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Kristin Faulder โฆษกของ MCX ได้ออกมาบอกว่าการลาออกของ Dekkers Davidson ไมไ่ด้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ Best Buy ประกาศจะรองรับ Apple Pay แต่อย่างใด

หลังจากที่เราได้อ่านรีวิวของ HP EliteBook Folio 1020 G1 ไปแล้ว ทีนี้ก็ถึงคราวมาลองรีวิว MacBook โฉมใหม่ที่มาพร้อมกับจอภาพ Retina ขนาด 12 นิ้วซึ่งได้เปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้

MacBook ใหม่นี้เรียกได้ว่าเป็นโน้ตบุ๊กที่มีขนาดบางและเล็กที่สุดที่แอปเปิลได้เคยผลิตออกมา โดยตัวเครื่องมีขนาดทั้งเล็ก บาง และเบากว่า MacBook Air ขนาด 11 นิ้ว ถึงแม้ว่ามันจะมาพร้อมกับจอภาพขนาด 12 นิ้ว โดยแอปเปิลสามารถทำให้ MacBook มีขนาดเล็กลงได้ด้วยการเปลี่ยนไปใช้ซีพียูตระกูล Core M ซึ่งทำให้แอปเปิลสามารถตัดพัดลมระบายอากาศออกจากตัวเครื่องได้ไปอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังได้ลดขนาดของขอบจอภาพลงอีกด้วย

หลังจากที่ได้ทำลายสถิติประจำไตรมาสไปแล้ว แอปเปิล ยังได้ทำลายสถิติยอดเงินสดที่ตัวเองถืออยู่ โดยล่าสุดแอปเปิลถือเงินสดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 1.97 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6.89 ล้านล้านบาท

เงินสดจำนวนนี้ ได้รวมไปถึงสินทรัพย์สภาพคล่องที่สามารถเปลี่ยนสภาพเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม แอปเปิลก็มีหนี้สินบริษัทเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน โดยจำนวนหนี้ทั้งหมดของแอปเปิลปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ประมาณ 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สิ่งที่น่าสนใจ คือเงินสดของแอปเปิลส่วนใหญ่เป็นเงินที่อยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกา แอปเปิลได้เลือกที่จะกู้เงินจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อมาสนับสนุนธุรกิจของตัวเองในสหรัฐอเมริกา

หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมคราวนี้ไม่มีการเข้าไปต่อคิวยาว ๆ เพื่อซื้อ Apple Watch เช่นเดียวกับสินค้าแอปเปิลชนิดอื่น ๆ จากรายงานล่าสุดของ The New York Times แอปเปิลได้เลือกใช้ช่องทางการจำหน่ายสำหรับ Apple Watch ใหม่ทั้งหมด โดยได้เลือกที่จะวางขาย Apple Watch เป็นสินค้าประเภทแฟชั่นระดับหรูแทน

ซึ่งหมายความว่าคู่ค้าที่ได้สิทธิในการจำหน่ายสินค้าของแอปเปิลรายเดิม ๆ เช่น Best Buy ในสหรัฐฯ​ จะไม่สามารถนำ Apple Watch มาจำหน่ายได้ แต่ในทางกลับกันแอปเปิลกลับเลือกที่จะเปิดร้านจำหน่าย Apple Watch ตามห้างสรรพสินค้าหรู ควบคู่ไปกับร้าน Apple Store แทน

หนังสือพิมพ์จากประเทศไต้หวัน ระบุว่าไอโฟนรุ่นต่อไปจะเปลี่ยนมาใช้วัสดุอะลูมิเนียมที่แอปเปิลได้สั่งผลิตพิเศษเพื่อ Apple Watch Sport โดยแอปเปิลได้เรียกอะลูมิเนียมชนิดนี้ว่า "อะลูมิเนียมอัลลอย ซีรีส์ 7000"

ตามคำอธิบายในการตลาดของแอปเปิล อะลูมิเนียมอัลลอย ซีรีส์ 7000 มีความแข็งแรงกว่าอะลูมิเนียมธรรมดาถึง 60% มีความหนาแน่นที่ 1 ใน 3 ของเหล็กสเตนเลส แต่ยังมีน้ำหนักที่เบาอยู่เท่าเดิม โดยผู้ใช้จะรู้สึกว่าพื้นผิวของวัสดุดังกล่าวนั้นเรียบ แต่มีความหยาบเหมือนเนื้อผ้าซาติน นอกจากนี้ยังมีขั้นตอนเคลือบผิววัสดุเพื่อป้องกันการเกิดรอยขูดขีดอีกด้วย

แม้ว่าแอปเปิลยังไม่ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าสามารถจำหน่าย Apple Watch ไปได้กี่เรือนแล้ว แต่ล่าสุดรายงานจาก KGI Securities อ้างว่ายอดสั่งซื้อล่วงหน้า Apple Watch ทั่วโลกน่าจะอยู่ที่ 2.3 ล้านเรือนแล้ว

ข้อมูลจากทาง KGI Securities ได้ใช้วิธีเปรียบเทียบความสามารถในการผลิตกับระยะเวลาในการรอสินค้า โดยทาง KGI สามารถเข้าถึงข้อมูลจากห่วงโซ่อุปทานของแอปเปิลได้ และพบว่าแอปเปิลสามารถผลิต Apple Watch ได้ประมาณ 2.3 ล้านเรือนในช่วงเดือนมีนาคมไปจนถึงพฤษภาคม แต่กลุ่มลูกค้าที่ได้สั่งซื้อล่วงหน้าไปแล้ว กลับจะได้รับสินค้าจริงช่วงต้นเดือนมิถุนายน ทำให้ทาง KGI เชื่อว่าแอปเปิลน่าจะมียอดขาย Apple Watch เกิน 2.3 ล้านเรือนแล้ว

แคมเปญ​ Start Something New ของแอปเปิล ได้เลือกใช้ผลงานประเภทศิลปะของ Craig & Karl ซึ่งมีภาพรวมการออกแบบที่ใกล้เคียงกับผลงานการออกแบบของศิลปินป็อปชื่อดัง Romero Britto โดย Britto ได้กล่าวหาว่า Craig & Kral ได้ละเมิดรูปแบบทางการค้า (trade dress) ของเขา และได้เลือกที่จะฟ้องแอปเปิลด้วยเนื่องจากเป็นผู้เลือกผลงานของ Craig & Karl ในการทำการตลาด

ข้อมูลจาก Slice Intelligence ระบุว่า Apple Watch มียอดสั่งซื้อล่วงหน้าหรือพรีออเดอร์ในสหรัฐอเมริกาในวันที่ 10 เมษายนเป็นจำนวน 957,000 เรือน

ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่า 71% ของยอดสั่งซื้อล่วงหน้าได้เลือกซื้อรุ่นขนาดใหญ่ 42mm โดยมีราคาในการซื้อเฉลี่ยเรือนละ 503.83 ดอลลาร์สหรัฐ​ โดยผู้ที่ซื้อรุ่น Sport มียอดซื้อเฉลี่ย 382.83 ดอลลาร์สหรัฐต่อเรือน ส่วนผู้ซื้อ Apple Watch รุ่นปรกติมียอดซื้อเฉลี่ย 707.04 ดอลลาร์ต่อเรือน

หากใครยังจำประเด็น Bendgate ของ iPhone 6 Plus นั่นก็คือประเด็นตัวเครื่องงอจากการใส่ในกระเป๋ากางเกงได้ ล่าสุดจากการทดสอบเดียวกันโดย SquareTrade พบว่า Galaxy S6 Edge ก็งอด้วยแรงกดหนัก 110 ปอนด์เท่ากัน

ที่แย่กว่าคือ Galaxy S6 Edge ที่นอกจากตัวเครื่องจะงอแล้ว กระจกจอภาพด้านข้างจะแตกเป็นเกล็ดออกมา และที่แรงกด 149 ปอนด์ตัวเครื่องจะหักอย่างสิ้นเชิง (iPhone 6 Plus หักอย่างสิ้นเชิงที่ 179 ปอนด์)

ใครสนใจสามารถชมคลิปได้ในข่าวครับ

ที่มา - Android Community

The Financial Times รายงานว่าสหภาพยุโรปกำลังจับตาการเจรจากันระหว่างแอปเปิลกับค่ายเพลงต่าง ๆ เพื่อบริการสตรีมมิ่งเพลงของแอปเปิล โดยทางฝั่งของสหภาพยุโรปในตอนนี้ได้เริ่มสอบถามค่ายเพลงถึงรายละเอียดการเจรจากันดังกล่าวแล้ว

เมื่อคืนที่ผ่านมา แอปเปิลได้เปิดตัว MacBook รุ่นใหม่ขนาด 12 นิ้วที่มาพร้อมกับจอภาพ Retina Display โดยตัวเครื่องมีพอร์ตให้เพียงแค่พอร์ตเดียวเท่านั้น นั่นคือช่องเสียบ USB-C ล่าสุดมีรายละเอียดเกี่ยวกับสาย Adapter ที่ใช้แปลง USB-C มาเป็นพอร์ตอื่น ๆ พร้อมกับราคาแล้วตามนี้

หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้โหวตเพื่อบังคับให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ต้องให้บริการด้วยความเป็นกลาง (net neutrality) ล่าสุดสหภาพยุโรปกลับมีแผนที่จะทำตรงกันข้าม ด้วยการเสนอให้แบ่งการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นแบบเร็วกับแบบช้า โดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตสามารถเก็บเงินผู้ใช้หรือผู้ให้บริการทางด้านเนื้อหาเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้เร็วกว่าปรกติหากการกระทำดังกล่าวไม่ส่งผลเสียแก่ผู้ใช้รายอื่นที่ไม่ได้จ่ายเงินเพิ่ม

TechCrunch รายงานว่า Apple Watch จะแจ้งเตือนผู้ใช้งานก็ต่อเมื่อผู้ใช้สวมใส่อยู่เท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่โดยไม่จำเป็น และจะเลิกแจ้งเตือนผู้ใช้งานเมื่อแบตเตอรี่มีระดับอยู่ต่ำกว่า 10%

ในส่วนของเม็ดมะยมดิจิตอลของ Apple Watch (ที่แอปเปิลเรียกว่า Digital Crown) ในขณะนี้แอปเปิลกำลังพยายามปรับแต่งน้ำหนักและแรงต้านของตัวปุ่ม เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกว่ากำลังใช้สินค้าหรูมีระดับ ส่วนการกดเม็ดมะยมค้างไว้จะเป็นการเข้าสู่ Siri นอกจากนี้ในรายงานได้ระบุว่าระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มของ Apple Watch อยู่ที่สองชั่วโมง

รายงานล่าสุดเผยว่า Apple Watch จะสามารถใช้งานได้อย่างหนักติดต่อกันนาน 5 ชั่วโมง แต่สำหรับการใช้งานปรกติแบตเตอรี่จะมีเพียงพอที่สามารถงานได้ทั้งวัน แต่ผู้ใช้งานยังจำเป็นที่จะต้องชาร์จแบตเตอรี่ทุก ๆ คืน

อย่างไรก็ตาม Apple Watch ยังจะมีโหมด Power Reserve ซึ่งผู้ใช้สามารถเปิดใช้ได้เมื่อใดก็ได้หรือเมื่อแบตเตอรี่ใกล้จะหมด เพื่อระงับคุณสมบัติอื่น ๆ ที่อาจจะกินแบตเตอรี่ แต่จะเปิดโหมดนาฬิกาไว้อยู่ ซึ่งถือว่าเป็นคุณสมบัติหลักที่สำคัญที่สุดของนาฬิกาข้อมือ

รายงานล่าสุดเผยว่า Uber บริการแท็กซี่ที่ปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 6 พันล้านดอลลาร์ได้ทำการเข้าซื้อกิจการของบริษัทอื่นเป็นครั้งแรกแล้ว โดยบริษัทที่ถูกซื้อไปคือ deCarta บริษัทที่ให้บริการแพลทฟอร์มเกี่ยวกับข้อมูลสถานที่ตั้งและแผนที่ โดยบริษัท deCarta ยังคงจะให้บริการลูกค้าเช่นเดิม แต่จะมีสถานะเป็นบริษัทลูกของ Uber

โซนี่เผยว่ายอดจำหน่าย PlayStation 4 รอบโลกอยู่ที่ 20.2 ล้านเครื่อง และหากนำยอดขายกับระยะเวลาขายไปเปรียบเทียบกับ PlayStation รุ่นก่อน ๆ จะพบว่า PlayStation 4 เป็นเครื่องเล่นเกมประเภทคอนโซลที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของโซนี่

ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนมกราคม โซนี่ได้ออกมาประกาศว่า PlayStation 4 มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 18.5 ล้านเครื่อง ส่วนฝั่งไมโครซอฟท์เองตัวเลขล่าสุดที่ได้ประกาศออกมาคือยอดขายสิ้นปี 2014 ที่สามารถทำได้มากกว่า 10 ล้านเครื่องแล้ว

ที่มา - IGN

ผู้โดยสารสายการบิน JetBlue ในสหรัฐอเมริกาจะสามารถซื้ออาหารและเครื่องดื่ม และอัพเกรดไปยังเก้าอี้พรีเมี่ยมที่ว่างบนเครื่องบินผ่าน Apple Pay ได้แล้ว

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน จะรับชำระค่าสินค้าและบริการบนเครื่องด้วย iPad mini ที่ใส่เคสพิเศษที่สามารถอ่านบัตรเครดิตธรรมดา และรองรับ NFC อีกทั้งยังมีซอฟต์แวร์พิเศษที่ทำให้พนักงานต้อนรับสามารถระบุผู้โดยสารที่เป็นสมาชิกสะสมแต้มของสายการบิน และสามารถระบุผู้โดยสารที่กำลังฉลองวันคล้ายวันเกิดอีกด้วย ทั้งนี้ iPad mini กว่า 3,500 เครื่องจะถูกนำมาใช้แทนระบบ Payment Terminal ปัจจุบันของสายการบิน

รายงานจาก Bloomberg Busines เผยว่าขณะนี้มีสงครามเย็นระหว่างแอปเปิลกับ Tesla บริษัทผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยทั้งสองบริษัทกำลังพยายามแย่งตัวพนักงานระดับสูงของกันและกันอยู่ และตอนนี้ Tesla ก็ได้จ้างอดีตพนักงานแอปเปิลไปแล้วกว่า 150 คน

ที่น่าสนใจคือ Tesla ไม่เคยซื้อตัวพนักงานจากบริษัทอื่นใดมากกว่าแอปเปิลเลย ทั้งที่แอปเปิลไม่ใช่บริษัทผลิตรถยนต์แต่อย่างไร โดยพนักงานที่ถูกดึงตัวไปอยู่กับ Tesla มีตั้งแต่พนักงานแอปเปิลที่อยู่ฝั่งวิศวกรรม จนไปถึงพนักงานฝ่ายกฎหมาย

ตัวเลขล่าสุดจากสถาบันวิเคราะห์ข้อมูลให้แก่นักลงทุน Canaccord Genuity เผยว่าแอปเปิลมีส่วนแบ่งกำไรของตลาดมือถือทั้งหมดที่ 93% และได้บอกอีกว่ามีความเป็นไปได้ที่ตัวเลขผู้ใช้ไอโฟนจะสูงขึ้นถึง 650 ล้านคนภายในปี 2018

ข้อมูลที่มาได้ระบุว่าแอปเปิลมีส่วนแบ่งกำไรของตลาดมือถือในไตรมาสที่แล้ว 93% ส่วนซัมซุงมีส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 9% ในส่วนของผู้ผลิตรายอื่นที่อยู่ในกลุ่มสำรวจ ได้แก่ BlackBerry, Lenovo, โซนี่, LG และ HTC มีส่วนแบ่งกำไร 0% (คือไม่ได้ทำกำไรและไม่ได้ขาดทุน) ส่วนไมโครซอฟท์มีส่วนแบ่งกำไรติดลบ 2% (เพราะขาดทุน)

หลังจากที่สภาของสหภาพยุโรป (The European Parliament) ได้ทำการตรวจสอบพฤติกรรมกีดกันการแข่งขันมาเป็นเวลาสี่ปีแล้ว วันนี้ทางสภาฯ ได้ลงมติเห็นชอบสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกทุกประเทศเดินหน้าแยกส่วนธุรกิจประเภทค้นหาหรือ Search Engine ของกูเกิลออกจากบริการอื่น ๆ ของกูเกิล

ก่อนหน้านี้ในปี 2010 คู่แข่งของกูเกิลได้ออกมาเรียกร้องว่ากูเกิลได้พยายามผลักดันสินค้าและบริการอื่น ๆ ของบริษัทตัวเองให้กับลูกค้าที่ใช้บริการ Search Engine ทำให้บริษัทอื่นไม่สามารถแข่งกับกูเกิลได้ และหากนับส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจ Search Engine ของกูเกิลที่สูงถึง 90% ในสหภาพยุโรป สภายุโรปจึงได้ตัดสินใจเริ่มการสืบสวนกรณีดังกล่าว

วันที่ 2 มีนาคมปีหน้า กูเกิลจะปิด Digital Goods API ซึ่งเป็น API ให้ร้านค้าออนไลน์สามารถรับการชำระค่าสินค้าและบริการผ่านทาง Google Wallet ได้ โดยร้านค้าที่กำลังใช้งาน Digital Goods API ต้องรีบหาบริการอื่นมาทดแทน (เช่น PayPal)

สำหรับเหตุผล กูเกิลบอกว่า “อุตสาหกรรมนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก และปัจจุบันก็มีบริการทางเลือกอื่นอีกมากมาย” แม้ว่าตัวกูเกิลเองยังไม่มีบริการทางเลือกให้แก่ร้านค้าที่เคยใช้ Digital Goods API

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ใช้ Google Wallet เพื่อซื้อแอพพลิเคชั่นหรือบริการบน Play Store หรือ In-App Purchase หรือปุ่ม Buy with Google จะไม่ได้รับผลกระทบจากการปิด API ครั้งนี้แต่อย่างใด

ข้อมูลล่าสุดจาก Consumer Intelligence Research Partners (CIRP) เผยว่าผู้ที่ซื้อ iPhone 6 และ 6 Plus ในสหรัฐส่วนใหญ่แล้วมาจากผู้ที่ใช้ไอโฟนอยู่แล้วและได้ตัดสินใจอัพเกรดมาใช้เครื่องใหม่ มากกว่าผู้ที่เปลี่ยนมาจาก Android หลายเท่า

หากให้นับเฉพาะกลุ่มผู้ที่เปลี่ยนมาจาก Android มาใช้ไอโฟนในปีนี้ (รวมทุกรุ่นทั้ง iPhone 6/6+/5s/5c) จะอยู่ที่ 12% เพื่อเป็นการเปรียบเทียบ ปีที่แล้วตัวเลขที่ผู้ที่เปลี่ยนมาจาก Android มาใช้ไอโฟนอยู่ที่ 23% ของผู้ซื้อทั้งหมด

ส่วนอื่น ๆ ที่น่าสนใจจากรายงานนี้ได้แก่

ผู้ใช้ที่เคยใช้ไอโฟนแต่เปลี่ยนไปใช้มือถือยี่ห้ออื่น ๆ อาจจะไม่สามารถรับข้อความจากเพื่อนที่ส่งข้อความมาจากอุปกรณ์ iOS ได้ เนื่องจากอุปกรณ์ iOS ของเพื่อนจะเห็นเบอร์โทรของผู้ใช้เป็นเบอร์ที่ผูกไว้กับ iMessage อยู่ และวิธีเดียวที่ผู้ใช้แก้ปัญหานี้ได้ คือการเข้าไปในหน้า Settings -> Messages และกดปิด iMessage ทิ้ง ก่อนนำซิมการ์ดไปใส่มือถือเครื่องใหม่

ล่าสุด แอปเปิลได้เปิดหน้าเว็บให้ผู้ใช้สามารถถอดหมายเลขโทรศัพท์ตัวเองออกจากระบบ iMessage ได้แล้ว โดยแอปเปิลจะใช้วิธีส่ง SMS พร้อมกับหมายเลข OTP ให้กับผู้ใช้เพื่อยืนยันว่าสามารถเข้าถึงเบอร์โทรศัพท์นั้นได้จริง ก่อนที่จะปิดการเชื่อมต่อหมายเลขเข้ากับระบบ iMessage

ในตอนแรก ศิลปินหลายรายมีท่าทีที่ไม่แน่ใจกับบริการสตรีมมิ่งเพลงอย่าง Spotify ซึ่งสร้างรายได้ให้ศิลปินเพียงน้อยนิดต่อการฟังเพลงหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ยังมีความไม่มั่นใจว่าบริการดังกล่าวจะทำให้เสี่ยงต่อการนำไปละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ ศิลปินบางรายก็ได้ตัดสินใจถอดอัลบั้มตัวเองออกจาก Spotify ด้วยเหตุผลดังกล่าว

แต่ล่าสุด Cobalt Music Publishing บริษัทที่เป็นตัวแทนให้แก่ศิลปินอย่าง Paul McCartney บอกว่าศิลปินจากค่ายตัวเองได้รับรายได้ค่าส่วยจาก Spotify ในยุโรปมากกว่าจาก iTunes ถึง 13 เปอร์เซ็นต์