Facebook กำลังไล่ปลดโฆษณาออกจากหน้าเพจที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเพศ หรือเกี่ยวกับความรุนแรง ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาภาพลักษณ์แบรนด์ของลูกค้าผู้ซื้อโฆษณา
ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ เริ่มจาก 2 บริษัท Marks and Spencer และ BSkyB ได้แจ้งต่อ Facebook ว่าจะระงับการซื้อพื้นที่โฆษณา เนื่องจากไม่พอใจที่ Facebook แสดงโฆษณาผลิตภัณฑ์และบริการของพวกเขาเคียงข้างไปกับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งส่งผลให้ภาพลักษณ์ของสินค้าและบริการเสียหาย ดังที่ได้รับความเห็นตอบกลับจากกลุ่มผู้นิยมแบรนด์ดังกล่าว
ไมโครซอฟท์ยังเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มแอพแบบ Metro/Modern ต่อไป โดยสายธุรกิจโฆษณา Microsoft Advertising เริ่มจับมือกับเอเยนซี่โฆษณาหลายๆ ราย พัฒนาไอเดียว่าโฆษณาในแอพ Metro แบบไหนจึงน่าสนใจบ้าง
Microsoft Advertising ปล่อยวิดีโอตัวอย่างโฆษณากับแบรนด์จริงมาให้ดูหลายคลิป รูปแบบโฆษณาจะคล้ายๆ กันคือภายในแอพใดๆ จะมี tile สำหรับโฆษณาแนวตั้งอยู่หนึ่งอัน ซึ่งเมื่อเราเลื่อนหน้าจอแอพไปเรื่อยๆ ภาพใน tile โฆษณานี้จะเปลี่ยนตามเพื่อเรียกความสนใจจากผู้ใช้ และถ้าแตะที่ tile ก็จะแสดงหน้าจอโฆษณาเต็มรูปแบบ เช่น วิดีโอ หรือ โฆษณาแบบอินเทอร์แอคทีฟที่ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์ด้วยได้
กูเกิลยังเข้มแข็งในตลาดโฆษณาออนไลน์ และในยุคอุปกรณ์พกพาเฟื่องฟูก็ไม่เว้น ล่าสุดกูเกิลครองส่วนแบ่งมูลค่าโฆษณาบนอุปกรณ์พกพาทั่วโลกเกิน 55% แล้ว
ข้อมูลนี้มาจากบริษัท eMarketer ที่ประเมินส่วนแบ่งของตลาดโฆษณาบนอุปกรณ์พกพาเป็นประจำทุกปี โดยรอบปี 2013 ทาง eMarketer ประเมินว่ากูเกิลจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 55.97% (ตีเป็นตัวเลขคือ 8.8 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งขยับขึ้นมาจาก 38.11% ในปี 2011
ส่วนอันดับสองตามมาห่างๆ คือเฟซบุ๊ก ครองตลาด 12.90% ตามมาด้วย Pandora 2.5%
ถ้านับตลาดโฆษณาดิจิทัลทั้งหมด กูเกิลทำรายได้รวม 38.83 พันล้านดอลลาร์ในปี 2013 (คิดเป็น 1/3 ของเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลของโลก) อันดับสองเฟซบุ๊ก 5.89 พันล้านดอลลาร์ และอันดับสามยาฮู 3.63 พันล้านดอลลาร์
กูเกิลเริ่มทดสอบฟีเจอร์ใหม่ของแพลตฟอร์มโฆษณา AdWords โดยผู้ลงโฆษณาสามารถใส่ภาพประกอบข้อความ-ลิงก์โฆษณาได้ด้วย
เงื่อนไขในการใส่ภาพค่อนข้างเข้มงวดพอตัว เช่น ภาพต้องมีความละเอียดสูงและใช้สัดส่วน 16:9, ขนาดที่เหมาะสมคือ 640x360, ภาพนั้นต้องแสดงบนเว็บไซต์ปลายทางเมื่อคลิกลิงก์โฆษณาด้วย, ไม่อนุญาตให้มีแอนิเมชัน, ต้องส่งภาพให้ทีมงานของกูเกิลตรวจก่อน
ตอนนี้กูเกิลยังทดสอบฟีเจอร์นี้ในวงปิด และมีกลุ่มตัวอย่างน้อยมากที่จะเห็นโฆษณาพร้อมภาพด้วย แต่จากเสียงตอบรับของบริษัทโฆษณาที่ได้ลองใช้แล้วก็ออกมาค่อนข้างดี และเหมาะกับการโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่ควรต้องแสดงภาพของผลิตภัณฑ์ในโฆษณาเลย
อนาคตทางธุรกิจของ Twitter สดใสขึ้นมาก เมื่อได้กลุ่มบริษัทด้านโฆษณารายใหญ่ของโลก WPP มาเป็นลูกค้าแล้ว
WPP จะจับมือกับ Twitter ในการพัฒนาข้อมูล-การวิเคราะห์ให้โฆษณาออนไลน์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้อตกลงครั้งนี้มีผลกับบริษัทลูกของ WPP หลายแห่ง เช่น บริษัทโฆษณา GroupM, บริษัทวิเคราะห์ Kantar, เอเยนซี่ Wunderman เป็นต้น ตัวอย่างความร่วมมือได้แก่ WPP จะดึงข้อมูลจากระบบ Twitter ไปยังระบบวิเคราะห์ของ WPP และบริษัทลูกของ WPP จะลงโฆษณาใน Twitter มากขึ้น
ที่มา - WPP
Lucas Watson รองประธานฝ่ายขายของ YouTube ออกมาเปิดเผยข้อมูลรายได้จากการโฆษณาบนอุปกรณ์พกพา (mobile video-ad sales) ว่าอยู่ที่ประมาณ 350 ล้านดอลลาร์ หรือโตขึ้น 3 เท่าในรอบ 6 เดือนล่าสุด
Watson บอกว่าตลาดโฆษณากำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยผู้ใช้ประมาณ 250 ล้านคนหรือ 1/4 ของผู้ใช้ YouTube ระดับพันล้านคนนั้นดูวิดีโอจากอุปกรณ์พกพา ทำให้แบรนด์ต่างๆ เริ่มมาลงโฆษณาเพื่อจับตลาดคนเหล่านี้
ที่ผ่านมากูเกิลไม่ค่อยยอมเปิดเผยข้อมูลรายได้และกำไรของ YouTube มากนัก ซึ่งนักวิเคราะห์จาก Wedge Partners ประเมินว่ารายได้ของ YouTube น่าจะคิดเป็นสัดส่วน 10% ของรายได้กูเกิลทั้งบริษัท
ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน การดูภาพยนตร์โดยใช้ DVD จะเริ่มถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างการสตรีมมิง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า DVD จะหมดไปจากโลกซะทีเดียว เรื่องนี้เป็นจริงในประเทศบราซิลที่ความเร็วของอินเทอร์เน็ตยังไม่เร็วมากนักและบริการ "ดูหนังออนไลน์" ยังคงเป็นเรื่องใหม่ จึงปรากฏบริษัทโฆษณาชื่อ ArtPlan ที่ปิ๊งและเสนอไอเดียโฆษณานี้ให้กับ Domino's Pizza Brazil
Twitter เริ่มทดสอบระบบโฆษณาแบบใหม่ โดยผู้ใช้กดขยายข้อความทวีตของแบรนด์ต่างๆ แล้วจะเห็นรายละเอียดเรื่องโปรโมชัน-ส่วนลด และสามารถกดปุ่ม Join เพื่อขอรับบริการนั้นๆ ได้ทันที (ดูภาพประกอบ)
โฆษณาแบบนี้เป็นส่วนต่อขยายของอินเทอร์เฟซแบบ card ที่ Twitter เริ่มใช้มาสักระยะหนึ่งแล้ว (คลิกที่ข้อความบนหน้าเว็บหรือแอพเพื่อดูรายละเอียดเป็น card) โดยชื่ออย่างเป็นทางการของมันคือ Lead Generation Card
Twitter ได้ทดสอบฟีเจอร์นี้กับ New Relic (@newrelic), Full Sail (@fullsail), Priceline (@priceline) และกำลังจะขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้นี้
ที่มา - Twitter Advertising
กลุ่ม FairSearch.org ซึ่งประกอบด้วยบริษัทไอที 17 ราย (เป็นคู่แข่งของกูเกิลในเรื่องบริการท่องเที่ยวหรือโฆษณาออนไลน์ เช่น ไมโครซอฟท์ โนเกีย ออราเคิล Expedia Kayak TripAdvisor) ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการยุโรป (European Commission) อย่างเป็นทางการ โดยกล่าวหากูเกิลว่าใช้ยุทธศาสตร์ผูกขาดตลาดโฆษณาออนไลน์ และมีพฤติกรรมกีดกันคู่แข่ง
ประเด็นหลักที่ FairSearch.org โจมตีคือยุทธศาสตร์การแจก Android ให้ใช้ฟรี แต่พ่วงเงื่อนไขว่าผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ต้องพ่วงแอพของกูเกิลอย่าง Maps, Play, YouTube มาด้วย ซึ่งช่วยให้กูเกิลครอบครองตลาดโฆษณาบนมือถือในสัดส่วนที่มาก และคู่แข่งของกูเกิลเองก็บุกเข้ามายังแพลตฟอร์ม Android ได้ยาก
Marissa Mayer ของ Yahoo Inc. จะได้ผู้ช่วยคนใหม่ Henrique de Castro มาเข้าดำรงตำแหน่ง
COO (Chief Operating Officer) จะได้รับเงินเดือนประมาณ $600,000 ต่อปี รวมถึงโอการที่รับโบนัสก้อนโต $540,000 ด้วย โดย Henrique จะเข้ามาช่วยดูแลงานด้านการโฆษณาทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นจุดอ่อนของทาง Yahoo Inc. ในตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
ผลงาน Henrique นั้นสามารถสร้างรายได้ให้กับ Google ถึง 21 ล้านเหรียญในปี 2011 ในขณะที่ Yahoo Inc. ทำได้เพียง $2 ล้านเหรียญเท่านั้น
ที่มา BBC, News.com.au
ต่อเนื่องจากข่าว [Facebook มีผู้ใช้ครบ 1,000 ล้านรายแล้ว](http://www.blognone.com/node/36768) Mark Zuckerberg ยังเผยโฆษณาตัวแรกของ Facebook ในชื่อ "The Things That Connect Us"
โฆษณาความยาว 90 วินาทีของ Facebook ตัวนี้เปรียบโซเชียลเน็ตเวิร์ครายใหญ่นี้เหมือนกับสิ่งที่เชื่อมโยงผู้คนต่างๆ เข้าหากัน ใช้สำหรับทำอะไรร่วมกันอย่างเก้าอี้ ออด เครื่องบิน สะพาน ฯลฯ
โฆษณาชุดนี้สร้างโดยบริษัทอเจนซี่โฆษณา Wieden & Kennedy ผู้อยู่เบื้องหลังโฆษณาของแบรนด์ใหญ่ๆ เสมอมา (เอาที่หลายคนรู้จักก็อย่าง Just Do It ของ Nike) โดยผู้กำกับชาวเม็กซิกัน Alejandro Gonzalez Inarritu
ดูโฆษณาได้ท้ายข่าวครับ
คู่แข่งที่รอซ้ำยามแอปเปิลพลาดไม่ได้มีแค่โนเกีย เพราะโมโตโรลาก็ออกแคมเปญโฆษณาแซวพอเจ็บๆ โดยเปรียบเทียบระบบแผนที่บน Droid RAZR M กับอุปกรณ์ที่ถูกเรียกตามแท็กว่า #iLost ซึ่งไม่ต้องบอกก็คงรู้กันดีว่าหมายถึงอะไร
ข่าวนี้คงจบสั้นๆ แค่นี้ เพราะจุดสำคัญอยู่ที่ภาพ ไม่ใช่ข้อความ
ที่มา - +Motorola Mobility via Android Central
จากความเดิมตอนที่แล้ว Facebook ได้บอกว่าจะนำเอาโฆษณาขึ้น News Feed และแล้ววันนี้ก็ถึงเวลานำไปใช้จริงแล้ว โดย Facebook จะดึงข้อมูลของ Open Graph ไปใช้ โดยไม่ว่าเราจะกดปุ่ม Listen, Read หรือ Watch ก็ล้วนขึ้นบน News Feed ที่เป็นโฆษณาของผู้ให้บริการปุ่มต่าง ๆ อย่างแน่นอน เช่น Spotify, MySpace เป็นต้น