ในประเทศจีน ประเด็นเกี่ยวกับเรื่องทางเพศ ยังเป็นเรื่องที่คนจีนไม่กล้าพูดคุยกันแบบเปิดเผย แบรนด์ถุงยางอนามัย Durex จึงทำพิพิธภัณฑ์ "เสมือนจริง" ขึ้นมา เพื่อกระตุ้นให้คนจีนพูดถึงเรื่องทางเพศได้มากขึ้น และเป็นแคมเปญเพื่อขายเจลหล่อลื่นอีกด้วย
พิพิธภัณฑ์ของ Durex สร้างแบบโลกเสมือนจริง มีสีพื้นคือสีขาวดำ มีงานศิลปะจาก 12 ศิลปินที่เข้าร่วมจัดแสดง ผู้ชมสามารถคลิกดูรูปที่ใหญ่ขึ้น เพื่อรายละเอียดของงานชิ้นนั้นๆได้ (พร้อมสรรพคุณของเจลแต่ละชนิดของ Durex) แต่ภาษาที่ใช้อธิบายจะเป็นภาษาจีนทั้งหมด
Facebook เปิดตัวโฆษณารูปแบบใหม่ในชื่อ Canvas ออกแบบมาสำหรับลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องการสร้างแบรนด์โดยเฉพาะ ด้วยจุดเด่นที่เป็นโฆษณาแบบเต็มหน้าจอ พร้อมลูกเล่นหลากหลายบนอุปกรณ์พกพา
ตามที่ Facebook ขายของมา Canvas จุดเด่นอยู่ที่การเป็นโฆษณาแบบเต็มหน้าจอ แสดงผลได้โดยตรงจากทุกแพลตฟอร์มอุปกรณ์พกพาของ Facebook และโหลดได้รวดเร็ว เหมาะเป็นพื้นที่ให้ผู้ลงโฆษณาใส่เรื่องราวลงมาได้เต็มที่ และแสดงสินค้าได้อย่างงดงาม
Facebook ระบุว่าแบรนด์จะเริ่มลงโฆษณา Canvas ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พร้อมกับปล่อยรายละเอียดเพิ่มเติมของ Canvas ตอนนี้มีแบรนด์ใหญ่เข้ามาร่วมวงแล้วบางเจ้าได้แก่ Burberry, ASUS และ Coca Cola
เพิ่งมีคดีความซอฟต์แวร์โกงการวัดค่ามลพิษเมื่อปีก่อน Volkswagen เลยหันมาทำอะไรเกี่ยวกับหมาแทนด้วยแอพ Connect Dog
แอพนี้ช่วยให้เจ้าของน้องหมาสามารถปล่อยให้น้องหมาออกไปเดินเล่นนอกบ้านได้อย่างสบายใจ โดยมีอุปกรณ์สวมที่หัวหมา ซึ่งติดตั้งกล้องส่งสัญญาณภาพสดพร้อมลำโพง เพื่อให้เจ้าของสามารถดูภาพและออกคำสั่งน้องหมาได้แบบเรียลไทม์ผ่านสมาร์ทโฟน แถมยังมี GPS เพื่อระบุพิกัดว่าหมาอยู่ตรงไหนด้วยอีกต่างหาก
ต่อไป เราอาจเห็นน้องหมาไปหยุดยืนต่อแถวอยู่หน้าร้านขายไก่ทอด ซึ่งเจ้าของน้องหมาสามารถสั่งซื้อไก่ให้ได้ หรือจะเช่าชั่วโมงให้น้องหมาเล่นงับลูกเทนนิสตัวเดียวก็ทำได้
ข่าวนี้มาช้าไปเสียหน่อย แต่ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเมื่อ Facebook ได้รับการอนุมัติสิทธิบัตรว่าด้วยเรื่องของการระบุตัวตนผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ว่ารายไหนดังคนตามเยอะ รายไหนเป็นผู้เชี่ยวชาญ โดยเป้าหมายสำคัญก็เพื่อพัฒนาโครงข่ายโฆษณากับผู้ใช้กลุ่มดังกล่าว
ที่ผ่านมา โฆษณาในระบบ AdWords ของกูเกิลจะแสดงในหน้าผลการค้นหา (Search Result Page) สองตำแหน่งคือด้านบนเหนือผลการค้นหา และในแถบ sidebar ด้านขวามือ
แต่ล่าสุดโฆษกของกูเกิลยืนยันกับเว็บไซต์ Search Engine Land ว่ากูเกิลเลิกแสดงผล AdWords ในแถบด้านขวามือในเกือบทุกกรณีแล้ว (ยกเว้นการโฆษณาผลิตภัณฑ์ หรือ Product Listing Ad) โฆษณาจะถูกแสดงเฉพาะด้านบนหรือด้านล่างของผลการค้นหาเท่านั้น
กูเกิลยังเพิ่มตำแหน่งแสดงผลโฆษณาด้านบนเป็น 4 ตำแหน่ง สำหรับคีย์เวิร์ดที่มีมูลค่าสูงมากๆ ด้วย (ผมลองกับคำว่า thailand hotel ได้ผลตามภาพ)
การถอดโฆษณาด้านขวามือออก ส่งผลให้หน้าผลการค้นหาบนเดสก์ท็อปและบนอุปกรณ์พกพา มีความคล้ายคลึงกันมากขึ้นด้วย
Ben Thompson นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมไอที เจ้าของเว็บ Stratechery เขียนวิเคราะห์แนวโน้มของวงการโฆษณาออนไลน์ ว่าสุดท้ายแล้วจะเหลือผู้เล่นรายใหญ่แค่ 2 รายคือ Google และ Facebook
เหตุผลของ Thompson คือทั้ง Google และ Facebook มีช่องทางการโฆษณาครอบคลุมกระบวนการขาย (sales funnel) ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ กรณีของ Facebook สามารถสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์ (awareness) ผ่าน Instagram, ชวนให้ผู้ใช้ไตร่ตรองว่าจะซื้อ (consideration) ผ่านการโฆษณาซ้ำ (retargeting) บนระบบ Facebook Exchange และกระตุ้นให้ผู้ใช้ตัดสินใจซื้อ (conversion) ผ่านโฆษณาผลิตภัณฑ์ (product ads) บน Facebook ปกติ
uTorrent อดีตโปรแกรมขวัญใจคนชอบดาวน์โหลดไฟล์ผ่าน BitTorrent ที่เคยมีปัญหาแถมของไม่พึงประสงค์ทำให้โดนกูเกิลแบน จนต้องมองหาโมเดลรายได้ใหม่ วันนี้บริษัทต้นสังกัด BitTorrent ออกมาเปิดตัวบริการใหม่ที่น่าจะเป็นหนึ่งในรูปแบบการหารายได้ของ uTorrent อย่างการจ่ายเงินเพื่อเอาโฆษณาออกจากโปรแกรม
uTorrent แบบไร้โฆษณาเป็นโมเดลใหม่ที่ทาง BitTorrent เพิ่งประกาศมาวันนี้ ด้วยการริบฟีเจอร์ของ uTorrent ออกหมดเหลือเพียงไม่มีโฆษณา แล้วลดราคารายปีลงจาก 19.95 เหรียญ ไปอยู่ที่ 4.95 เหรียญแทน
ความเดิมตอนที่แล้วมีรายงานข่าวว่าผู้ใช้ Twitter ระดับวีไอพีจะไม่เห็นโฆษณาใน Timeline ซึ่งผู้ใช้งานที่เข้าข่ายระดับวีไอพีในไทยหลายคนก็ยืนยันว่าไม่เคยเห็นโฆษณาจริงๆ อย่างไรก็ตาม Twitter ได้เห็นแก่ความเท่าเทียมกัน โดยมีรายงานว่าผู้ใช้งานระดับวีไอพีในต่างประเทศหลายคนเริ่มเห็นโฆษณาแทรกใน Timeline แล้ว จนถึงกับต้องแคปหน้าจอมาอวดกันเลยทีเดียว
ตัวแทนของ Twitter ไม่ได้ออกมายืนยันเรื่องดังกล่าว แต่บอกเพียงปัจจัยและเงื่อนไข ที่จะเลือกแสดงผลโฆษณานั้นมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอด
ที่ยืนของ Flash ในโลกโฆษณาออนไลน์น้อยลงไปเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้เราเห็นข่าว Chrome ไม่เล่นไฟล์ Flash แบบแบนเนอร์ และ Amazon เลิกรับโฆษณารูปแบบ Flash กันไปแล้ว
รอบนี้เครือข่ายโฆษณายักษ์ใหญ่ของโลก Google Display Network และ DoubleClick Digital Marketing ประกาศเลิกรับโฆษณาแบบ Flash แล้วเช่นกัน โดยเครือข่ายโฆษณาของกูเกิลจะอนุญาตให้อัพโหลดโฆษณาที่เป็น Flash ถึงแค่วันที่ 30 มิถุนายน 2016 และโฆษณาที่อัพโหลดไปแล้วจะสามารถแสดงต่อไปได้ถึง 2 มกราคม 2017 (ประกาศนี้ไม่รวมถึงโฆษณาแบบวิดีโอที่เป็น Flash)
Twitter เปิดตัวโฆษณาประเภท First View เป็นโฆษณาแบบวิดีโอที่อยู่บนสุดหรือหน้าแรกของ Timeline ตำแหน่งเตะตาที่สุด เพื่อให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้สูงสุด
โฆษณาประเภท First View เปิดให้ใช้ใน US หลังจากนั้นจะเปิดให้ใช้ทั่วโลกในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ที่มา - Twitter
เพิ่งประกาศรองรับปลั๊กอินสำหรับบล็อคโฆษณาบนเบราว์เซอร์ของสมาร์ทโฟน Galaxy ที่รัน Marshmallow ขึ้นไปได้เพียงไม่กี่วัน ตอนนี้หนึ่งในปลั๊กอินที่รองรับเบราว์เซอร์ของซัมซุงก็มีอันเป็นไปเสียแล้ว
โดยเจ้าทุกข์ในครั้งนี้ก็คือ Rocketship ผู้พัฒนา Adblock Fast ซึ่งปัจจุบันตัวแอพได้อันตรธานหายไปจาก Play Store เป็นที่เรียบร้อย ทางฝั่งนักพัฒนาเองก็ได้รับข้อความจากกูเกิลระบุว่า Adblock Fast ละเมิดกฎการใช้งานข้อ 4.4 ซึ่งเป็นข้อเดียวกับที่กูเกิลใช้ลบแอพบล็อคโฆษณามาตั้งแต่ปี 2013
Sprint ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือของสหรัฐอเมริกา เตรียมนำเอาระบบโฆษณาแบบใหม่ที่พัฒนาโดย Unlockd บริษัทสตาร์ทอัพจากออสเตรเลีย เข้ามาให้บริการกับลูกค้าของตนเองในสหรัฐอเมริกา ผ่านแบรนด์ลูก Boost Mobile ที่เป็นแบรนด์สำหรับลูกค้าประเภทเติมเงิน
Peter Kafka แห่ง Re/code รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวภายในว่า Twitter ได้กำหนดค่าเป็นพิเศษให้ไม่มีการแสดงโฆษณาแทรกใน Timeline ของผู้ใช้งานที่จัดเป็นระดับวีไอพี หรืออาจแสดงโฆษณาน้อยกว่าปกติ เพื่อจูงใจให้คนเหล่านั้นยังคงใช้ Twitter ต่อไป โดยความคิดนี้มาจากซีอีโอ Jack Dorsey เมื่อตอนเขาเข้ามารักษาการตำแหน่งซีอีโอ และเริ่มมีผลตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
แหล่งข่าวยังบอกว่าเกณฑ์การเลือกผู้ใช้ระดับวีไอพีนั้นมีหลายปัจจัยผสมกัน ไม่ใช่จำนวนทวีตหรือจำนวนผู้ติดตาม โดย Peter Kafka เองบอกว่าปัจจุบันเขาก็ไม่เห็นโฆษณาใน Twitter แล้ว โดยตัวเขามีผู้ติดตามประมาณ 7 หมื่นคน เช่นเดียวกับ Kara Swisher ผู้ก่อตั้ง Re/code ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน ก็ไม่เห็นโฆษณา
กูเกิลเผยสถิติการบล็อคโฆษณาแย่ๆ (bad ads ครอบคลุมโฆษณาที่แฝงมัลแวร์ เนื้อหาที่เราไม่ต้องการ รวมถึงสินค้าปลอม) ในปี 2015 ว่าบล็อคโฆษณาไปถึง 750 ล้านชิ้น สถิติอื่นๆ มีดังนี้
ใครที่ติดตามวงการไอทีมายาวนาน น่าจะคุ้นเคยกับโฆษณาของ Intel ที่มาพร้อมกับสโลแกน Intel Inside (และเสียงประกอบ ตึ๊ง ตึ่งตึงตึ่งตึ๊ง) ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนโฆษณาที่ทำให้แบรนด์ Intel เป็นที่รู้จักเกินคาดในวงกว้าง ล่าสุด Intel ออกแคมเปญโฆษณาตัวใหม่ที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในอนาคตของบริษัทออกมาแล้ว
ในโฆษณาชุดใหม่ แม้จะยังใช้คำว่า Intel Inside เป็นสโลแกนดังเดิม แต่บริบทของ Intel เปลี่ยนไปจากเดิมที่เน้นเพียงแค่พีซี ได้กลายไปสู่ศูนย์กลางการประมวลผลของแทบทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ซึ่งตรงกับทิศทางการทำตลาดของ Intel ที่ขยายออกจากพีซีไปเน้นฝั่งองค์กร อุปกรณ์พกพา โดรน หรือแม้แต่เทคโนโลยีเพื่ออนาคตอย่างเซ็นเซอร์ต่างๆ และหุ่นยนต์ก็รวมอยู่ด้วย
เว็บไซต์ BuzzFeed รายงานข่าววงในว่า iAd แพลตฟอร์มโฆษณาที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จนักของแอปเปิล (หลายคนอาจลืมไปแล้วว่ามีอยู่) อาจถูกลดความสำคัญลง โดยแอปเปิลจะยุบแผนกการขายโฆษณาด้วยเซลส์ และเปลี่ยนมาเป็นการขายผ่านระบบอัตโนมัติ (ลักษณะเดียวกับ AdWords) แทน
ภายใต้ระบบใหม่ เจ้าของสื่อ (publisher) สามารถเข้ามาขายพื้นที่โฆษณาผ่านซอฟต์แวร์ได้โดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องผ่านตัวแทนของแอปเปิลอีกต่อไป ซึ่งในแง่หนึ่งอาจเป็นผลดีต่อ iAd ที่เปิดกว้างต่อเจ้าของสื่อมากขึ้น
แอปเปิลไม่แสดงความเห็นต่อข่าวลือนี้
ที่มา - BuzzFeed
Twitter ออกโฆษณาแบบใหม่ที่ตัวข้อความสามารถตอบโต้กับผู้ใช้งานได้ (conversational ads)
รูปแบบของโฆษณาตัวนี้จะคล้ายกับการทำโพลบน Twitter แต่แบรนด์จะส่งข้อความพร้อมตัวเลือกให้ผู้ใช้งานกด (call to action buttons) เช่น ให้เลือกโพสต์ข้อความที่มีแท็กอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อผู้ใช้กดแล้วจะแสดงข้อความพร้อมแท็กที่เลือกบนไทม์ไลน์ พร้อมเชิญชวนให้เพื่อนคนอื่นๆ มาร่วมตอบได้ด้วย
Twitter ระบุว่าโฆษณาแบบนี้จะช่วยแชร์ข้อความของแบรนด์ให้กระจายไปในวงกว้างขึ้น และถือเป็นการพูดคุยถึงแบรนด์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ (organic conversation)
ที่มา - Twitter Blog
Twitter มีโฆษณาแบบ Promoted Tweet มาตั้งแต่ปี 2010 รูปแบบการใช้งานคือแสดงทวีตจากสปอนเซอร์ให้ผู้ใช้ที่ล็อกอินเห็น
ล่าสุดบริษัทขยายพื้นที่โฆษณานี้ไปยังผู้ที่เยี่ยมชมเว็บไซต์ Twitter.com แบบไม่ล็อกอิน (เช่น ค้นเจอจาก Google Search) เพื่อขยายฐานลูกค้าสำหรับการลงโฆษณาด้วย ถึงแม้ผู้ใช้ที่ไม่ได้ล็อกอินจะไม่มีหน้า Timeline ของตัวเอง แต่ข้อความโฆษณาเหล่านี้ยังสามารถแสดงผลในหน้า Profile ของคนอื่นที่เข้าไปดูได้
ที่มา - Twitter Blog
Mozilla ปรับนโยบายการแสดงโฆษณาในหน้า New Tab ของ Firefox หลังใช้งานมาได้ราวครึ่งปี และพบว่าไม่ได้ผลมากนัก
การเปลี่ยนแปลงจะค่อยเป็นค่อยไป (คาดว่าเป็นเพราะสัญญาที่ทำไว้กับบริษัทที่มาลงโฆษณา) และ Firefox จะหยุดแสดงโฆษณาทั้งหมดในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งมีข่าว Google Search เพิ่มฟีเจอร์ App Streaming โชว์หน้าจอภายในแอพโดยไม่ต้องติดตั้ง ล่าสุดกูเกิลขยายฟีเจอร์ลักษณะเดียวกันมายังโฆษณาบนมือถือแล้วครับ
โฆษณาแบบใหม่ของกูเกิลเรียกว่า Trial Run Ads ผู้ใช้สามารถลองเล่นแอพที่โฆษณาในระบบของ AdMob ได้โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งแอพก่อน วิธีการทำงานคือแอพจะรันบนเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิล แล้วสตรีมหน้าจอมายังเครื่องของเราได้นานไม่เกิน 60 วินาที (เป็นแอพจริงที่กดได้จริง ไม่ใช่การบันทึกวิดีโอ)
เมื่อเดือนตุลาคมเพิ่งมีรายงานว่าผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายสัญชาติจาไมกา Digicel ออกมาขู่เครือข่ายโฆษณาออนไลน์รายใหญ่อย่าง กูเกิล เฟซบุ๊ก และยาฮูว่าจะบล็อคโฆษณาถ้าหากว่าไม่จ่ายค่าธรรมเนียม ล่าสุด EE ผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายรายใหญ่ของอังกฤษออกมาประกาศเกี่ยวกับการบล็อคโฆษณาบ้างแล้ว
ความขัดแย้งระหว่างเว็บไซต์รายใหญ่ที่หารายได้จากโฆษณา กับผู้ใช้ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ Ad Blocker บล็อคโฆษณายังดำเนินต่อไป ก่อนหน้านี้เราเคยเห็นข่าว YouTube แสดงโฆษณาแบบกดข้ามไม่ได้ ถ้าหากผู้ชมติดตั้ง Ad Blocker ล่าสุดเป็นคิวของยาฮูบ้าง
มีผู้ใช้ Yahoo Mail หลายรายที่เข้าเว็บผ่าน Chrome และติดตั้ง Adblock Plus รายงานว่าไม่สามารถใช้งานได้ โดยยาฮูแสดงข้อความว่าไม่สามารถแสดงผล Yahoo Mail ได้ และขอให้ปิดการทำงานของ Ad Blocker ก่อนใช้งาน
ตัวแทนของยาฮูชี้แจงประเด็นนี้สั้นๆ เพียงว่ายาฮูทดสอบฟีเจอร์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา และการทดสอบครั้งนี้เกิดขึ้นกับผู้ใช้ในสหรัฐจำนวนหนึ่งเท่านั้น
กูเกิลเริ่มส่งอีเมลแจ้งนักพัฒนาใน Google Play Store ขอให้ระบุว่าแอพของตัวเองมีโฆษณาหรือไม่ เพราะในปีหน้า Google Play Store จะเริ่มแสดงป้ายกำกับว่าแอพนั้นมีโฆษณา เพื่อให้ผู้ใช้ทราบข้อมูลก่อนดาวน์โหลด
ถ้าหลังวันที่ 11 มกราคม 2016 นักพัฒนายังไม่ระบุข้อมูลนี้ แอพนั้นจะไม่สามารถอัพเดตเวอร์ชันใหม่ผ่าน Google Play Developer Console ได้
เมื่อต้นปี กูเกิลเปิดตัวโครงการ Designed for Families กำหนดให้นักพัฒนาที่อยากเข้าร่วมโครงการแอพปลอดภัยสำหรับเด็กและครอบครัว ต้องมีระบบเรตติ้งเนื้อหาภายในแอพและโฆษณา รอบนี้กูเกิลบอกว่าต้องการขยายแนวทางนี้ให้ครอบคลุมแอพทุกตัวบน Play Store ด้วย
เป็นที่ทราบกันว่า Facebook มาเปิดสำนักงานใหญ่ที่ประเทศไทยได้ระยะหนึ่งแล้ว (ข่าวเยี่ยมชมสำนักงาน) ล่าสุดเริ่มเดินเครื่องกระตุ้นธุรกิจในไทยด้วยการส่งเจน แชทเทิล ประธานฝ่ายเทคโนโลยีและกลยุทธ์การสื่อสารผ่านมือถือ มาโชว์ผลการศึกษาที่ว่าทำไมการลงโฆษณากับ Facebook ถึงดีกว่าที่ไหนๆ
ผลการศึกษาที่ Facebook นำมาโชว์ให้กับสื่อมวลชนเป็นข้อมูลที่เก็บมาจากพฤติกรรมการใช้งานในปัจจุบัน ซึ่งเทรนด์ในตอนนี้จะเห็นว่าผู้คนหันมาบริโภคสื่อแบบมัลติสกรีนมากขึ้น เช่นดูทีวีไปพลาง เลื่อนอ่านข่าวในมือถือในพลาง ตัวเลขนี้สูงถึง 42% โดยส่วนสัดส่วนของคอนเทนต์ที่เกี่ยวโยงกันระหว่างมือถือ และสิ่งที่ดูในทีวีนั้นอยู่ที่ 49% (เกี่ยว) และ 51% (ไม่เกี่ยว)
PewDiePie หรือ Felix Kjellberg ดาราชื่อดังบน YouTube (ข่าวเก่า) ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับ YouTube Red ของกูเกิล ว่าในมุมมองของเขาแล้ว กูเกิลออกบริการ YouTube Red แบบเก็บเงินขึ้นมา เพราะรายได้จากค่าโฆษณาลดลง หลังซอฟต์แวร์พวก ad blocker ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
เขาสอบถามแฟนๆ ผ่าน Twitter ว่าใช้ ad blocker กับ YouTube หรือไม่ ซึ่งคำตอบที่ได้คือประมาณ 40% ใช้บล็อคโฆษณา เพิ่มจากในอดีตที่ใช้งานกันราว 15-20% เท่านั้น
เขาบอกว่าไม่มีปัญหาที่วิดีโอของเขาจะถูกบล็อคโฆษณา แต่ก็ขอให้เข้าใจว่าผู้สร้างวิดีโอรายเล็กๆ จะอยู่ยากเพราะรายได้จากค่าโฆษณาลดลง และการใช้ ad block ไม่ได้แปลว่าคุณฉลาดกว่าระบบแต่อย่างใด