นอกจากตัวระบบปฏิบัติการ Android และเครื่องมืออื่นๆ สำหรับนักพัฒนาแล้ว กูเกิลยังเพิ่มความสามารถให้ Google Play Developer Console เพื่อสนับสนุนแอพของนักพัฒนาให้ทำรายได้-มีผู้ใช้งานมากขึ้น
ฟีเจอร์แรกคือกูเกิลผนวกเอาระบบโฆษณาของตัวเอง มาอยู่ใน Google Play Developer Console เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นนักพัฒนาสามารถซื้อโฆษณาแบบ install ads ได้จาก Google Play Developer Console เลย การใช้งานก็เพียงแค่ตั้งงบประมาณที่ต้องการจ่ายเท่านั้น ที่เหลือกูเกิลจะกระจายโฆษณาไปยัง AdWords, AdMob, YouTube รวมถึง search ads บนหน้า Google Play ที่จะเริ่มใช้ในเร็วๆ นี้ด้วย
เมื่อต้นปีที่แล้ว Mozilla ประกาศแผนการหารายได้เพิ่มเติมของ Firefox ว่าจะเริ่มมีโฆษณาในหน้า New Tab โดยเริ่มจากโฆษณาแบบ Directory Tiles พรีโหลด thumbnail ที่เป็นประโยชน์กับผู้ใช้
คราวนี้ Mozilla เปิดตัวโฆษณาแบบที่สอง Suggested Tiles ซึ่งมีลักษณะคล้ายแบนเนอร์เต็มรูปแบบ กระบวนการแสดงโฆษณาจะส่งผ่าน ad server ของ Mozilla เอง และปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมการเข้าเว็บและความสนใจของผู้ใช้งานแต่ละคน
YouTube เผยข้อมูลของโฆษณาแบบใหม่ที่เรียกว่า TrueView for Shopping หน้าที่ของมันคือแสดงรูปภาพและข้อมูลของสินค้าโดยตรง
เป้าหมายของ TrueView for Shopping คือวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ แล้วต้องการมีปุ่มให้ผู้ชมกดเพื่อเข้าไปดูข้อมูลสินค้า และสามารถสั่งซื้อสินค้าได้จากหน้าเว็บทันที กูเกิลอ้างสถิติของร้านเครื่องสำอาง Sephora และร้านขายอุปกรณ์ภายในบ้าน Wayfair ที่ทดสอบโฆษณาแบบนี้แล้วพบว่าอัตราการสนใจซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
TrueView for Shopping มีทั้งการแสดงข้อมูลขึ้นมาทับบนวิดีโอ และการแสดงข้อมูลในรูปแบบ card ด้านล่างของวิดีโอ (ตามภาพท้ายข่าว)
กูเกิลเปิดเผยข้อมูลของ "ทีมลับ" ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบขบวนการอาชญากรรม ที่สร้าง botnet เพื่อหารายได้จากการคลิกโฆษณาออนไลน์บนเว็บไซต์ต่างๆ (ad fraud)
ทีมลับ antifraud นี้มีพนักงานมากกว่า 100 คน นั่งทำงานอยู่ที่กรุงลอนดอน ทำหน้าที่ตรวจหาแพทเทิร์นของ botnet ที่มาคลิกโฆษณา
กระบวนการทำงานของกลุ่ม ad fraud คือเจาะระบบพีซีผ่านช่องโหว่ต่างๆ ติดตั้งซอฟต์แวร์ควบคุม ใช้เป็น botnet กระจายตัวอยู่ทั่วโลก ไม่ให้จับได้ง่ายๆ ว่าเป็นคนหรือเป็นบ็อต โดยเครื่องที่ถูกควบคุมจะรันเว็บเบราว์เซอร์ (ส่วนใหญ่เป็น IE) แบบซ่อนหน้าต่าง แล้วคลิกเมาส์แบบสุ่มเพื่อให้โดนโฆษณา
ปีที่แล้ว Blognone ได้สัมภาษณ์คุณกษมาช นีรปัทมะ แห่งดิจิทัลเอเยนซี่ Phoinikas เกี่ยวกับภาพรวมของการตลาดดิจิทัลในบ้านเรา
เวลาผ่านมาหนึ่งปี เรากลับมาคุยกับคุณกษมาชอีกครั้ง เพื่อดูว่าแวดวงการตลาดดิจิทัลมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างในรอบปีที่ผ่านมา และแนวโน้มของการตลาดดิจิทัลในปี 2015 นี้เป็นอย่างไรบ้าง
กูเกิลออกรายงานฉบับใหม่เกี่ยวกับสถิติของโฆษณาในรูปแบบวิดีโอออนไลน์ โดยสนใจประเด็นว่าวิดีโอเหล่านี้มีอัตราการถูกเห็น (viewability) มากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของตัวโฆษณาในสายตาของเจ้าของโฆษณาด้วย
นิยามของคำว่า viewability ตามมาตรฐานของสมาคมโฆษณาดิจิทัลสหรัฐ (IAB) คือ 50% ของพิกเซลโฆษณาจะต้องปรากฏบนหน้าจออย่างน้อย 2 วินาที กูเกิลเก็บสถิติของวิดีโอบนอินเทอร์เน็ต และวิดีโอโฆษณาบน YouTube มาเปรียบเทียบกัน พบว่า YouTube มีอัตรา viewability เยอะกว่าอย่างชัดเจน
จากข่าว กูเกิลเปิดศึกกับโฆษณาฝังเว็บเพจ (Ad Injector) โดยแบนส่วนเสริมบางตัวของ Chrome วันนี้กูเกิลออกมาเผยผลการศึกษาเรื่องวงการ Ad Injector ที่ร่วมกับมหาวิทยาลัย University of California, Berkeley และ Santa Barbara
วิธีเก็บสถิติของกูเกิลคือฝังโค้ดตรวจจับว่าผู้ใช้โดน Ad Injector หรือไม่ลงในเว็บเพจของกูเกิลเอง และได้ข้อมูลของ Ad Injector เป็นหลักสิบล้านรายไปวิเคราะห์ ผลออกมาว่าผู้ใช้เน็ตกลุ่มตัวอย่าง 5.5% โดน Ad Injector เข้าแล้ว (ถ้าแยกตามระบบปฏิบัติการคือ 5.1% ของเพจวิวจากผู้ใช้ Windows และ 3.4% จากแมค โดนฝังโฆษณา)
ปีที่แล้วเราเห็นข่าว Facebook เปิดเครือข่ายโฆษณาของตัวเองในชื่อ Audience Network ช่วยขยายพื้นที่โฆษณาจากแอพของ Facebook เองไปยังแอพอื่นๆ ที่อยากหารายได้เพิ่มเติมด้วย
Facebook Audience Network มีโฆษณาให้เลือกหลายรูปแบบ ทั้งแบนเนอร์ปกติ, แบบเต็มหน้าจอ และที่กำลังมาแรงคือ native ads หรือโฆษณาที่ดูเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาแอพ
Facebook เองก็ส่งเสริมให้ลงโฆษณาแบบ native เพราะสถิติชี้ว่าประสิทธิภาพของโฆษณา (นับเป็น CPM) ดีกว่าแบนเนอร์ถึง 7 เท่า และปัจจุบันรายได้ครึ่งหนึ่งของ Audience Network ก็มาจากโฆษณาแบบ native แล้ว
Opera Mediaworks ออกรายงานประจำไตรมาสแรกของปี 2015 ถึงส่วนแบ่งของโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่างๆ จากปีที่แล้วที่รายได้ฝั่งแอนดรอยด์ยังตาม iOS อยู่ห่างๆ แม้จะมีทราฟิกโฆษณาสูงกว่ามาก แต่ตอนนี้รายได้ทางฝั่งแอนดรอยด์ก็แซงขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
ส่วนแบ่งรายได้ของอุปกรณ์แอนดรอยด์ทั้งหมดอยู่ที่ 45.77% สูงกว่า iOS ที่อยู่ที่ 45.44% เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็นับเป็นครั้งแรกที่แซงหน้า iOS ได้ แต่ประสิทธิภาพของโฆษณา เช่น อัตราการดูวิดีโอโฆษณาจนจบ ทางฝั่ง iOS ก็ยังมีอัตราที่ดีกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
กูเกิลประกาศเดินหน้าผลักดันบริการของตัวเองเป็น HTTPS ทั้งหมด และล่าสุดเป็นคิวของผลิตภัณฑ์สายโฆษณาแล้ว
ที่มา - Inside AdWords
Foursquare เปิดตัว Pinpoint แพลตฟอร์มโฆษณาแบบอิงข้อมูลพิกัด เพื่อให้ผู้ลงโฆษณาทราบว่ากลุ่มเป้าหมายของตัวเองมีพฤติกรรมตามสถานที่ต่างๆ อย่างไร
ข้อมูลของ Pinpoint มาจากฐานข้อมูลของ Foursquare ที่มีทั้งข้อมูลสถานที่ การเช็คอิน และทิปจำนวนมหาศาล โดยผู้ลงโฆษณาสามารถดูการวิเคราะห์ความถี่ ระยะเวลา ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละสถานที่ได้ง่าย
ผลศึกษาจากบริษัทวิจัย Strategy Analytics เรื่องเม็ดเงินโฆษณาบนโซเชียลเน็ตเวิร์คตลอดทั้งปี 2014 ระบุว่า Facebook กวาดรายได้ไปถึง 11.4 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 75% ของรายได้โฆษณาทั้งหมดเลยทีเดียว (โซเชียลอื่นๆ ต้องแบ่ง 25% ที่เหลือกันเอง ในจำนวนนี้ Twitter ได้ไป 8%)
ขนาดตลาดรวมของโซเชียลปี 2014 อยู่ที่ 15.4 พันล้านดอลลาร์ และคาดว่าปี 2015 นี้ ตลาดจะโตขึ้นอีก 29% เป็น 19.8 พันล้านดอลลาร์
สถิติอื่นที่น่าสนใจคือ
จากกรณี Superfish ทำให้โลกไอทีตื่นตัวเรื่องการฝังโฆษณาแทรกเข้ามาจากหน้าเว็บปกติ หรือที่เรียกว่า ad injector กันมากขึ้น
กูเกิลออกมาแสดงท่าทีต่อปัญหานี้ โดยระบุว่าได้รับเสียงบ่นจากผู้ใช้ Chrome มากกว่า 1 แสนครั้งนับเฉพาะแค่ปี 2015 ปีเดียว กูเกิลยังบอกว่าโฆษณาในระบบ ad injector มักเป็นโฆษณาคุณภาพต่ำ และไม่ก่อเกิดประโยชน์ใดๆ ต่อเจ้าของเว็บไซต์ที่โดนฝังโฆษณา จากสถิติของกูเกิลพบว่าผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต 5% (นับเฉพาะที่เข้าเว็บในเครือกูเกิล) ถูกฝังโฆษณาลักษณะนี้ และหลายคนโดนฝังโฆษณาอย่างน้อย 4 ตัวขึ้นไป
เฟซบุ๊กพยายามบุกเป็นแพลตฟอร์มโฆษณาในแอพมาตั้งแต่ปีที่แล้วในชื่อบริการ Audience Network ปีนี้เฟซบุ๊กประกาศอัพเกรดบริการเป็น LiveRail ให้บริการการผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น
ผู้พัฒนาแอพจะสามารถควบคุมราคา, บล็อคโฆษณาบางประเภท, รายงานการแสดงโฆษณา, พร้อมแนะนำราคาที่เหมาะสมเพื่อการสร้างรายได้สูงสุด บริการนี้สามารถรวมเข้ากับแอพทั้งอยู่ในวิดีโอแบบเดียวกับ YouTube, ภาพข้างเนื้อหา, เต็มจอ, หรือแบนเนอร์แบบปกติ
สำหรับนักพัฒนาสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตน (anonymized) เพื่อกำหนดกลุ่มผู้ชมโฆษณาเพื่อให้ตรงกลุ่มเป้าหมายที่สุด
บริการยังไม่เปิดให้บริการทั่วไป ระหว่างนี้กรอกแบบฟอร์มขอใช้งานกันไปก่อนได้
สื่อชั้นนำของโลก 5 รายคือ CNN, Guardian, Reuters, Financial Times และ The Economist ประกาศจัดตั้งกลุ่มพันธมิตร Pangaea Alliance เพื่อทำระบบโฆษณาออนไลน์ใช้เองโดยไม่ต้องพึ่งกูเกิล ไมโครซอฟท์ หรือเฟซบุ๊ก
จุดเด่นของ Pangaea Alliance คือเป็นสื่อชื่อดังระดับโลก และมีฐานผู้อ่านรวมกัน 110 ล้านคนต่อเดือน (แถมเป็นกลุ่มผู้อ่านระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง) ช่วยให้ Pangaea มีอำนาจต่อรองกับแบรนด์ต่างๆ ที่จะมาลงโฆษณาได้มากขึ้น
ระบบโฆษณาของ Pangaea จะเริ่มทดสอบรุ่นเบต้าในเดือนเมษายน
คนที่ติดตามข่าววงการมือถือมาบ้าง น่าจะเคยเห็นแคมเปญโฆษณา Next Big Thing ของซัมซุงในสหรัฐ ที่แซวคนต่อคิวซื้อสินค้าของแอปเปิล โดยบอกว่ามีของที่เจ๋งกว่านั้นวางขายเรียบร้อยแล้วแบบไม่ต้องต่อคิวให้ลำบาก
แคมเปญนี้ถูกผลักดันโดย Todd Pendleton หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Samsung Mobile USA และถูกยกย่องว่าเป็นแคมเปญการตลาดที่ตรงเป้า สร้างการพูดถึงได้มาก อย่างไรก็ตาม Pendleton จะออกจากซัมซุงสิ้นเดือนเมษายนนี้แล้วโดยไม่เปิดเผยว่าจะไปทำอะไรต่อ ส่วนทางซัมซุงก็ยืนยันข่าวนี้แต่ไม่ได้บอกว่าจะตั้งใครแทน
ที่มา - CNET
ถ้าหากคุณคือนักพัฒนาแอพ Android ที่หนักอกหนักใจว่าทำอย่างไรคนที่เข้า Google Play จะหาแอพของคุณเจอเพราะดันมีแอพคล้ายๆ กันเป็นกระบุงอยู่ล่ะก็ Google กำลังเสนอทางออกให้คุณจ่ายเงินเพื่อโปรโมตแอพของคุณในหน้าค้นหา
ระบบนี้กำลังอยู่ในช่วงทดสอบเพื่อหยั่งผลตอบรับ โดยเริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ผู้ใช้ที่ค้นหาแอพใน Google Play จะเห็นโฆษณาแอพในหน้าแสดงผลการค้นหาด้วย โดยแอพที่ได้รับการโฆษณาเป็นกลุ่มแรกๆ นั้นก็คือแอพของผู้ที่ซื้อโฆษณาจาก Google Ads อยู่ก่อนแล้ว จากนั้นในเดือนถัดไป Google Play จะเริ่มขยายงานโฆษณาสำหรับนักพัฒนารายอื่นเพิ่มมากขึ้นพร้อมสำรวจความเห็นจากทั้งกลุ่มนักพัฒนาเองและจากผู้ใช้ที่ค้นหาแอพใน Google Play
นักพัฒนาแอพ Android ก็โปรดติดตามข่าวคราวกันให้ดี
กูเกิลประกาศว่าโฆษณาแบบ Flash ที่วิ่งอยู่บนระบบโฆษณาของกูเกิล (Google Display Network) สามารถแปลงเป็น HTML5 เพื่อขยายฐานผู้ชมโฆษณาบนอุปกรณ์พกพาได้ด้วย
โฆษณา Flash ที่เข้าข่ายจะถูกแปลงเป็น HTML5 อัตโนมัติเมื่ออัพโหลดเข้าสู่ระบบ โดยเครื่องมือที่กูเกิลใช้แปลงคือ Swiffy ของกูเกิลเอง ผู้ที่อยากรู้ว่าโฆษณาของตัวเองแปลงเป็น HTML5 ได้หรือไม่ สามารถอัพโหลดไฟล์ .swf เพื่อทดสอบได้บนหน้าเว็บ Swiffy
เป้าหมายของกูเกิลในการแปลง Flash เป็น HTML5 คือกระจายโฆษณาไปยังผู้ชมให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งก็เป็นสัญญาณส่งไปถึงวงการโฆษณาว่าโฆษณาแบบ Flash อาจเริ่มล้าสมัยแล้ว
Facebook ประกาศว่าตอนนี้มีธุรกิจกว่า 2 ล้านแห่งใช้บริการโฆษณาบน Facebook พร้อมเปิดตัวแอพ Ads Manager เพื่อให้เจ้าของธุรกิจหรือนักการตลาดจัดการโฆษณาบนอุปกรณ์พกพาได้โดยไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์
สิ่งที่แอพ Ads Manager สามารถทำได้ เช่น
ตอนนี้แอพ Facebook Ads Manager ยังมีเฉพาะบน iOS และใช้งานได้ในอเมริกาเท่านั้น โดย Facebook กำลังทำให้ใช้ได้ทั่วโลกในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ดาวน์โหลดแอพได้ทาง App Store
YouTube เริ่มออกกฎเหล็กบังคับผู้สร้างวิดีโอที่เข้าร่วมโครงการ YouTube Creator โดยปรับแก้เงื่อนไขการโฆษณาว่า ห้ามไม่ให้แสดงโฆษณาเป็นภาพโลโก้หรือผลิตภัณฑ์แบบ overlay ลอยทับบนวิดีโอ เว้นแต่เป็นการหาสปอนเซอร์โดยผ่านกูเกิล (และกูเกิลได้ส่วนแบ่งค่าโฆษณา) หรือแสดงเฉพาะข้อความลิงก์แบบไม่มีกราฟิก (ส่วนโฆษณาที่เป็นส่วนหนึ่งของวิดีโอ เช่น ฉากหลังทำเป็นภาพสินค้า ยังทำได้อยู่)
โฆษกของ YouTube อธิบายเรื่องนี้ว่าเป็นการปรับเงื่อนไขให้ชัดเจนมากขึ้น และช่วยกรองไม่ให้ผู้ชมถูกถล่มด้วยโฆษณาที่ลอยทับบนวิดีโอ ในขณะที่กลุ่มผู้สร้างวิดีโอก็มองว่านี่เป็นการบีบดาราบน YouTube ไม่ให้หาโฆษณาเอง และบังคับให้โฆษณาต้องเข้าระบบของกูเกิลเสมอ
ทุกวันนี้การโฆษณาบน Facebook ครอบคลุมธุรกิจหลายรูปแบบ เช่น ขายสินค้า ร้านอาหาร โรงแรม แอพ ฯลฯ ล่าสุด Facebook ออกโฆษณารูปแบบใหม่ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพให้คนขายสินค้าเป็นชิ้นๆ ขายดียิ่งขึ้น
โฆษณาแบบนี้มีชื่อตรงตัวว่า Product Ads จุดเด่นของมันคือภาพสไลด์สำหรับแสดงสินค้าหลายๆ ชิ้นในโฆษณาชิ้นเดียว Facebook เปรียบมันว่าเป็น "แคตาล็อกสินค้า" บนหน้า News Feed โดยสามารถเลือกแสดงสินค้าบางชิ้นให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะได้ และถ้าขี้เกียจเลือกกลุ่มเป้าหมาย Facebook ก็มีระบบที่จะช่วยเลือกสินค้าไปแสดงให้อัตโนมัติ
ตอนนี้ Facebook เปิดให้สมาชิกระดับ Marketing Partners ใช้ Product Ads แล้ว และเตรียมจะเปิดขายผ่านเครื่องมือลงโฆษณา Power Editor ในเร็วๆ นี้
หนังสือพิมพ์ Financial Times (FT) รายงานข่าววงในว่าบริษัทไอทีชื่อดังหลายราย ยอมจ่ายเงินให้บริษัท Eyeo เจ้าของส่วนขยายยอดฮิต AdBlock Plus เพื่อทะลุฟิลเตอร์กรองโฆษณาแล้ว
บริษัทที่ FT ระบุชื่อได้แก่ Microsoft Bing, Taboola, Amazon และก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่ากูเกิลก็ยอมจ่ายมานานแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีบริษัทไหนออกมายอมรับว่าจ่ายเงินให้ Eyeo จริง
Eyeo เริ่มมีระบบ whitelist ยอมปล่อยผ่านโฆษณาบางตัว โดยมีเงื่อนไขว่าเป็นโฆษณาที่ไม่สร้างความรำคาญแก่ผู้ใช้ และต้องให้บริษัทเป็นคนกรองก่อนหนึ่งชั้น ซึ่ง Eyeo เคยเปิดเผยสถิติการคัดเลือก whitelist ในปี 2013 แต่ไม่เคยบอกชื่อว่ามีบริษัทใดบ้าง
อุปกรณ์แอนดรอยด์มากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลังจนกระทั่งแซง iOS ในแง่ของปริมาณเครื่องไปได้ไกลแต่ในแง่ของรายได้แอพพลิเคชั่นก็นับว่ายังห่าง เช่น รายงานจาก App Annie ในปี 2013 ตอนนี้ Opera Mediaworks ก็ออกรายงานแสดงรายได้โฆษณาออกมา
AdsOptimal เป็นเครือข่ายโฆษณาออนไลน์ (ads network) แบบเดียวกับ AdSense ของกูเกิล แต่เน้นไปที่เว็บสำหรับอุปกรณ์พกพา (mobile web) ซึ่งทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในรอบสองสามปีมานี้
ปัจจุบัน AdsOptimal มีผู้ใช้งานประมาณ 50,000 เว็บ ความน่าสนใจอีกประการของ AdsOptimal คือเป็นบริษัทคนไทยในซิลิคอนวัลเลย์ แถมยังผ่านโครงการบ่มเพาะสตาร์ตอัพชื่อดัง Y Combinator และได้รับเงินลงทุนจาก Andreesen Horowitz อีกด้วย
บทสัมภาษณ์ผู้ก่อตั้ง เดี๋ยวแยกเป็นอีกตอนนะครับ ตอนนี้เป็นรีวิวตัวผลิตภัณฑ์อย่างเดียว
William Shatner นักแสดงชายสัญชาติแคนาเดียนอเมริกัน ทวีตสกรีนช็อตจาก iPhone ของเขาไปยัง Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์, ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Square เพื่อรายงานเกี่ยวกับโฆษณาบัญชี MasterCard ในรายชื่อบุคคลที่เขากำลังติดตามอยู่ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้กดติดตามแต่อย่างไร (ซึ่งไม่ควรจะมี)
โฆษณาบัญชี MasterCard ยังคงตามมาหลอกหลอนในหน้าผู้ที่กำลังติดตามอยู่ของ Dwayne Johnson (หรือที่เรารู้จักกันดีในฉายา The Rock) ซึ่งโดยปกติแล้ว "The Rock" จะติดตามแค่คนเดียว (นั่นก็คือ มูฮัมหมัด อาลี นักมวยชื่อดัง) ทว่ากลับมีโฆษณาบัญชี MasterCard โผล่มาด้วย แต่เมื่อตรวจสอบแล้ว จะพบว่า "The Rock" ติดตามแค่คนเดียวจริง ๆ และไม่มี MasterCard อยู่ในลิสต์นี้เลย