ข่าวนี้น่าจะเป็นตัวบ่งชี้ชั้นดีว่าทำไมบริษัทโฆษณาอย่างกูเกิล ถึงต้องทำระบบแผนที่และมีระบบปฏิบัติการมือถือของตัวเอง

ตามปกติของคนลงโฆษณายุคอินเทอร์เน็ต มักต้องการทราบว่าเม็ดเงินค่าโฆษณาที่ลงไปนั้นคืนกลับมาเป็นยอดขายสักเท่าไร (estimated total conversions) และลูกค้าที่เห็นโฆษณาใช้วิธีไหนในการเข้ามาซื้อสินค้าหรือบริการของเรา (ในวงการเรียก path of purchase) การเก็บสถิติว่าคนเห็นโฆษณาแล้วกดซื้อสินค้าออนไลน์อาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่ในกรณีของการมาซื้อสินค้าที่หน้าร้าน อาจประเมินได้ยากว่าคนซื้อมาจากการเห็นโฆษณาบนหน้าเว็บหรือไม่

ราว 2 สัปดาห์ก่อนเพิ่งมีการเปิดเผยว่า Twitter จะเก็บข้อมูลว่าผู้ใช้มีแอพอะไรในอุปกรณ์บ้าง ซึ่งอาจมีคนสงสัยว่า Twitter จะอยากรู้ไปทำไม (แต่บางคนอาจพอเดาทางได้ตั้งแต่ตอนนั้น) มาวันนี้ความจริงก็กระจ่างแล้วว่ามันเป็นส่วนหนึ่งที่มาเสริมระบบโฆษณาของ Twitter ที่จะทำให้นักโฆษณาสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ว่าต้องการให้ใครมองเห็นโฆษณาของตนเองบ้าง โดยใช้เกณฑ์การคัดกรองกลุ่มเป้าหมายจากข้อมูลแอพที่ใช้งานนั่นเอง

คนทำเว็บหลายคนคงคุ้นเคยกับระบบโฆษณาบนเว็บกันดี เจ้าของแพลตฟอร์มโฆษณาแบบนี้ที่ใหญ่ที่สุดก็เห็นจะหนีไม่พ้น Google ที่ทำรายได้จากธุรกิจโฆษณามหาศาลหลักพันล้านต่อไตรมาส ล่าสุดเจ้าพ่อโฆษณารายนี้ได้เผยผลการศึกษาเชิงสถิติที่น่าประหลาดใจว่า โฆษณามากกว่าครึ่งที่มีคนมาลงนั้นไม่เคยปรากฏสู่สายตานักท่องเว็บด้วยซ้ำ

จัตุรัส Times Square ในนิวยอร์กถือเป็นพื้นที่สำคัญในแง่การค้า-การประชาสัมพันธ์ของโลก ล่าสุดกูเกิลทุ่มเงินซื้อพื้นที่โฆษณาย่าน Times Square โดยมีทั้งป้ายบิลบอร์ด จอภาพขนาดใหญ่ และพื้นที่ตั้งแสดงหุ่น Androidify มาสค็อตที่กูเกิลใช้สำหรับสโลแกน Be Togehter. Not the Same.

กิจกรรมของกูเกิลในบริเวณนี้จะเชิญให้คนที่เดินผ่านไปมาสร้างคาแรกเตอร์ Androidify ของตัวเอง แล้วส่งขึ้นเล่นเกมบนจอใหญ่กลางจัตุรัส

ตามข่าวบอกว่าแคมเปญโฆษณานี้จะลากยาวไปจนถึงช่วงปีใหม่ โดยพื้นที่โฆษณาบริเวณนี้มีค่าใช้จ่ายราว 2.5 ล้านดอลลาร์ต่อการเช่า 4 สัปดาห์

Facebook ออกมาประกาศนโยบายใหม่ของการแสดงเนื้อหาใน News Feed โดย "โพสต์เนื้อหาเชิงโฆษณา" (promotion post หมายถึงเนื้อหาแนวโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่ไม่ได้ซื้อโฆษณา) จะถูกแสดงผลน้อยลง

เหตุผลเกิดจาก Facebook สำรวจสถิติความพอใจของผู้ใช้ News Feed แล้วพบว่าผู้ใช้ไม่ชอบเนื้อหาเชิงโฆษณาเหล่านี้ ตามปกติแล้ว Facebook มีระบบการจำกัดจำนวนโฆษณา (ads) บน News Feed เพื่อรักษาประสบการณ์การใช้งาน แต่กลับกลายเป็นช่องว่างให้โพสต์แบบปกติ (organic) ที่มีเนื้อหาเชิงโฆษณาแทน

Facebook ระบุว่าโพสต์เชิงโฆษณาที่พบบ่อยคือ โพสต์ขายของแบบตรงๆ หรือชวนให้ติดตั้งแอพ, โพสต์ชวนผู้ใช้ร่วมสนุกหรือชิงรางวัล และโพสต์ที่นำเนื้อหาแบบเดียวกับโฆษณามาใช้งาน (ตัวอย่างตามภาพ)

Mozilla ประกาศมาตั้งแต่ต้นปีว่า Firefox จะมีโฆษณาในหน้า New Tab เพื่อหารายได้จากหลายๆ ทางมาหล่อเลี้ยงองค์กร หลังจากกลับไปทำการบ้านอยู่นาน วันนี้ Firefox เริ่มแสดงโฆษณาแล้ว (เริ่มต้น 25 ประเทศ ยังไม่มีไทย)

พาร์ทเนอร์ลงโฆษณา 2 รายแรกคือร้านขายยา CVS ของสหรัฐ และเว็บไซต์จองโรงแรม Booking.com โดยทาง Mozilla ยืนยันหนักแน่นว่าโฆษณาเหล่านี้จะไม่ตามรอยผู้ใช้ และจะไม่รบกวนประสบการณ์การใช้งาน เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของผู้ใช้ต่อความโปร่งใสขององค์กร Mozilla ในระยะยาว (นโยบายของ Mozilla)

ในวันนี้แอปเปิลได้ออกประกาศใหม่บน Apple Developer Console ว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปแอปเปิลได้ขยายประเทศที่พร้อมให้บริการ iAd เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 70 ประเทศ เป็น 95 ประเทศ ซึ่งคลอบคลุมพื้นที่ให้บริการทั่วทุกทวีปในโลกแล้ว (รายชื่อเต็ม)

ข่าวดีของการประกาศรอบนี้ก็คือ คนไทยสามารถใช้งานและลงโฆษณากับ iAd ได้แล้ว โดยสามารถลงโฆษณาได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ รวมถึงนักพัฒนาเองก็สามารถรับผลประโยชน์จาก iAd ได้อีกด้วย

ใครที่สนใจก็อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ iAd ได้โดยตรงครับ

เมื่อพูดถึง "เครือข่ายโฆษณา" (advertising network) เรามักนึกถึง Google AdSense หรือถ้าเป็นโลกของอุปกรณ์พกพาก็มี AdMob, TapJoy, Flurry, MoPub และค่ายอื่นๆ อีกมาก

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Facebook เคยประกาาศไว้ว่าจะบุกตลาดโฆษณาในแอพในชื่อ Facebook Audience Network วันนี้มันเปิดบริการอย่างเป็นทางการแล้ว

นักพัฒนาแอพสามารถนำโค้ดของ Facebook Audience Network ไปฝังในแอพ และเลือกรูปแบบของโฆษณาได้ตามต้องการ (มีแบบแบนเนอร์, เต็มหน้าจอ, แสดงเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหา)

ประเด็นเรื่อง "รับเงินเขียนรีวิว" เป็นเรื่องใหญ่สำหรับทุกวงการ ล่าสุดเว็บเกมรายใหญ่ Twitch ออกกฎชัดเจนว่าถ้าหากรับเงินมาทำวิดีโอรีวิวหรือได้สปอนเซอร์ในเรื่องใดก็ตาม จะต้องติดแท็ก "sponsored" ซึ่งจะแสดงที่มุมบนของวิดีโอด้วย

Twitch บอกว่ากฎข้อนี้จะสร้างความโปร่งใสให้กับทุกฝ่าย ผู้ชมจะแยกแยะได้ว่าเนื้อหาใดได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ อย่างไรก็ตาม Twitch ยืนยันว่าจะไม่เซ็นเซอร์เนื้อหาใดๆ สามารถเขียนชมหรือเขียนวิจารณ์ได้อย่างอิสระ ตราบเท่าที่แจ้งว่าได้รับสปอนเซอร์อย่างชัดเจน

ส่วนค่าย Steam ก็ออกกฎในส่วน Steam Curators ที่ให้สมาชิกจัดรายชื่อเกมน่าสนใจนำเสนอต่อคนอื่นๆ ว่าถ้ารับเงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ก็ต้องประกาศเรื่องนี้ให้ชัดเจนในโพสต์เช่นกัน

เฟซบุ๊กเปิดตัวบริการ Atlas ให้บริการโฆษณานอกเว็บเฟซบุ๊กเอง โดยชูธงแนวทางการโฆษณาแบบเจาะจงบุคคล (people-based marketing) แบบเดียวกับที่เราเห็นโฆษณาหนังสือที่เพิ่งเข้าเว็บไปตามมาโฆษณาในเฟซบุ๊กทุกวันนี้ โดยแนวทางของ Atlas คือขยายความสามารถแบบเดียวกันนี้มาอยู่บนโทรศัพท์มือถือ

บริการ Atlas เป็นธุรกิจที่เฟซบุ๊กซื้อมาจากไมโครซอฟท์เมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้จะเปิดตัวบริการอีกครั้งจากโค้ดที่พัฒนาขึ้นใหม่ มีลูกค้ารายใหญ่ทดสอบระบบ เช่น เป็ปซี่ และอินเทล ส่วนบริการทางฝั่ง publisher นั้นมีรายใหญ่คืออินตาแกรม ของเฟซบุ๊กเอง ที่เหลือเป็นบริษัทแบนเนอร์อื่นๆ

ซัมซุงปล่อยโฆษณา Galaxy Note 4 ตัวใหม่ เพื่อตอกย้ำคู่แข่งที่ทำ iPhone 6 Plus หน้าจอ 5.5 นิ้วออกมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ยกคำพูดสตีฟ จ็อบส์ จนถึงจัดโฆษณารัว 6 ชุด โดยโฆษณาล่าสุดใช้ชื่อว่า Then And Now ซึ่งหยิบยกคำพูดของสื่อต่างๆ ที่วิจารณ์ Galaxy Note ในอดีตตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2011 โดยเฉพาะประเด็นหน้าจอใหญ่เกินไป

จากนั้นโฆษณาก็พูดถึงปัจจุบันที่แอปเปิลเปิดตัว iPhone 6 Plus ว่าสุดท้ายแอปเปิลก็ต้องทำหน้าจอใหญ่ขึ้นตามซัมซุง แต่ถึงอย่างนั้น Galaxy Note ก็มีคุณสมบัติที่มากกว่า ทั้งปากกา, Multitasking และอื่นๆ ที่ไม่มีใน iPhone 6 Plus

ดูโฆษณาได้ท้ายข่าวครับ

ผู้ใช้ Facebook อาจเคยลองสั่งซ่อน (hide) โฆษณาบางตัวออกจากหน้า News Feed ซึ่ง Facebook จะถามเหตุผลว่าทำไมเราจึงเลือกซ่อนโฆษณานั้น (เช่น มีเนื้อหาไม่เหมาะสม สแปม หรือไม่สนใจ)

ล่าสุด Facebook ออกมาประกาศว่าจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปคำนวณในอัลกอริทึมการแสดงผลโฆษณาแล้ว ซึ่งน่าจะช่วยให้การแสดงผลโฆษณาแม่นยำและตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น จากผลการทดสอบของ Facebook พบว่าถ้าลดปริมาณการแสดงโฆษณาที่มีปัญหา (นับจากการรายงานของผู้ใช้ว่าเนื้อหาไม่เหมาะสม) ให้น้อยลง ผู้ใช้คนอื่นๆ ก็จะรายงานปัญหาเหล่านี้เข้ามาน้อยลง

ซัมซุงเป็นเสือปืนไว ใช้เวลาเพียงหนึ่งวันกว่าๆ ออกโฆษณาตามกัดงานเปิดตัว iPhone 6 ของแอปเปิลอีกชุดใหญ่ โดยใช้ชื่อว่า It Doesn't Take a Genius มีตัวเอกเป็น "genius" สองคน (ล้อ Genius Bar ของร้าน Apple Store) ที่ติดตามการถ่ายทอดสดงานเปิดตัว iPhone 6 แต่พบปัญหาสตรีมมิ่งกระตุกจนดูไม่ได้ และตื่นเต้นกับจอใหญ่แล้วคิดได้ว่าค่ายอื่นมีกันหมดแล้ว

โฆษณาอื่นๆ ในชุดเป็นการโฆษณาฟีเจอร์ของ Galaxy Note 4 เช่น S Pen, Multi Window, Fast Charging รวมถึงนาฬิกา Gear S ด้วย

คลิปทั้งหมดที่ออกมา 6 คลิปอยู่ท้ายข่าว ดูเรียงตามลำดับนะครับ (ตามใน playlist)

ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวหลุดว่า Twitter เตรียมใส่ปุ่ม Buy เข้ามาสำหรับโฆษณาบน Timeline วันนี้ข่าวเป็นทางการมาแล้วครับ

ปุ่ม Buy จะคล้ายกับปุ่ม Install ที่ใช้กับแอพบนอุปกรณ์พกพา มันจะถูกแสดงบนข้อความทวีตของบัญชีอีคอมเมิร์ซบางราย เช่น Home Depot, Burberry, (RED) ก่อน และค่อยขยายไปยังบัญชีอื่นๆ ต่อไป เบื้องต้นมันจะแสดงเฉพาะบนแอพ Official Twitter สำหรับ Android และ iOS เท่านั้น

เมื่อผู้ใช้กดปุ่ม Buy บนหน้า Timeline แล้วก็จะเห็นรายละเอียดของสินค้า ราคา รายละเอียด พร้อมปุ่ม Buy Now เพื่อกรอกที่อยู่และข้อมูลการจ่ายเงินในลำดับถัดไป

หลังจากที่ IKEA ออกโฆษณา BookBook ที่ล้อวิธีการนำเสนอของแอปเปิลไปได้ไม่นาน ขาแซวอย่างไมโครซอฟท์ก็ไม่พลาดกระแส BookBook นี้ด้วยการจับมาใส่ Kickstand แบบเดียวกับ Surface เสียเลย

ภาพประกอบรับชมได้ท้ายข่าวครับ

ที่มา: @surface

แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ดัง IKEA ออกโฆษณาใหม่ให้กับแคตาล็อกเฟอร์นิเจอร์ประจำปี 2015 โดยจงใจล้อวิธีการนำเสนอสินค้าของแอปเปิลแบบเต็มๆ

โฆษณาชิ้นนี้ใช้ผู้บริหารของ IKEA ชื่อ Jörgen Eghammer โดยระบุตำแหน่งเป็น Chief Design Güru มานั่งอธิบายว่าแคตาล็อกของ IKEA หรือที่ตั้งชื่อในคลิปว่า BookBook นั้นมีความสามารถอย่างไรบ้าง

ที่เหลือชมคลิปกันเองง่ายกว่าครับ

Wall Street Journal รายงานข่าววงในว่า Amazon เตรียมบุกเข้ามายังตลาดโฆษณาออนไลน์ ลักษณะเดียวกับ Google AdWords โดยจะเริ่มเปลี่ยนโฆษณาบนเว็บไซต์ของตัวเอง (ที่ปัจจุบันมีโฆษณาทั้งของกูเกิลและบริษัทโฆษณาอื่นๆ) ให้ใช้ระบบโฆษณาของตัวเองให้หมด

โครงการโฆษณานี้มีชื่อว่า Amazon Sponsored Links และตามข่าวบอกว่า Amazon เริ่มแจ้งพันธมิตรด้านโฆษณาให้ทราบถึงการทดสอบโครงการนี้แล้ว และเริ่มทดสอบวางโฆษณาไว้บนเว็บไซต์อื่นๆ บ้างแล้ว

ปัจจุบัน Amazon เรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้ที่ค้นหาสินค้าบนเว็บไซต์ของตัวเอง ดังนั้นการต่อยอดโดยขยายเป็นธุรกิจโฆษณาตามคีย์เวิร์ด จึงถือเป็นการเสริมธุรกิจเดิมของ Amazon ได้เป็นอย่างดี

ซัมซุงเตรียมความพร้อมสำหรับงานเปิดตัว Galaxy Note 4 ในวันที่ 3 กันยายนนี้ โดยออกโฆษณาชุดใหม่ชื่อ Your Note for Handwriting ชูจุดขายของผลิตภัณฑ์ตระกูล Galaxy Note ที่รองรับการเขียนด้วยลายมือ ซึ่งเป็นธรรมชาติสำหรับมนุษย์อยู่แล้ว

ส่วนโฆษณานี้จะบอกใบ้ฟีเจอร์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับลายมือใน Note 4 หรือไม่ คงต้องดูแล้วแกะรอยกันเองครับ

ที่มา - +Android Authority

กูเกิลประกาศนโยบายใหม่ของโฆษณา AdWords โดยของเดิมผู้ลงโฆษณาสามารถเจาะจงคำค้น/คีย์เวิร์ดที่อยากลงโฆษณาได้แบบเป๊ะๆ (exact match) แต่ภายหลังกูเกิลมองว่าพฤติกรรมของผู้ใช้งานมักสะกดคีย์เวิร์ดผิด (เช่น kid scooters, kid's scooter, kids scooters ที่มีความหมายเดียวกัน) จึงได้ปรับวิธีการแสดงโฆษณาให้ครอบคลุมคีย์เวิร์ดใกล้เคียง (close variant keyword matching)

นโยบายนี้จะมีผลตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนเป็นต้นไป และผู้ลงโฆษณาจะไม่สามารถเลือกกลับไปใช้แบบ exact match ได้อีกแล้ว

กูเกิลอธิบายว่าปรับนโยบายนี้เพื่อให้โฆษณาเข้าถึงลูกค้ามากที่สุด (ครอบคลุมลูกค้าที่สะกดผิดด้วย) และช่วยให้ผู้ลงโฆษณาทำงานง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องลงรายละเอียดคีย์เวิร์ดที่ "น่าจะสะกดผิด" ด้วยตัวเอง

กูเกิลเริ่มปล่อยวิดีโอโฆษณานาฬิกา Android Wear โดยชูความสามารถด้านการดูข้อมูลได้ง่ายแค่ชำเลืองมองที่ข้อมือ การสั่งค้นหาข้อมูลด้วยเสียง การส่งข้อความด้วยเสียง

วิดีโอมีทั้งหมด 4 ตอน ใช้นาฬิกา LG G Watch, Samsung Gear Live และ Moto 360 เป็นอุปกรณ์สาธิต

ที่มา - Android Community

Mike McCue ซีอีโอของ Flipboard ได้กล่าวแถลงในงานที่ชื่อ ReadWriteMix (เป็นงานอีเวนท์ที่จัดขึ้นเป็นประจำของเว็บบล็อกด้านเทคโนโลยีที่ชื่อ ReadWrite) ว่าจะมีการเพิ่มบริการโฆษณาด้วยคลิปวิดีโอใน Flipboard ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป โดยผู้ที่จะมาประเดิมเป็นลูกค้ารายแรกที่จะใช้บริการโฆษณาของ Flipboard ก็คือ Chanel แบรนด์แฟชั่นสุดหรูที่เป็นที่รู้จักกันดี

ก่อนหน้านี้เครือข่ายสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่หลายรายก็หันมาให้เปิดบริการโฆษณาด้วยคลิปวิดีโอกันมากขึ้น โดยรายล่าสุดที่เพิ่งเป็นข่าวก็คือ Twitter นั่นเอง

ที่มา - The Next Web

ก่อนหน้านี้ Facebook ได้มีการใส่โฆษณาที่เป็นคลิปวิดีโอที่จะเริ่มเล่นเองโดยอัตโนมัติเข้ามาใน News Feed ของผู้ใช้ทั่วไปแล้ว ตอนนี้ Twitter ก็มีแผนที่จะเริ่มทำโฆษณาในแบบเดียวกันบน Timeline ของผู้ใช้ โดยจะเรียกโฆษณาลักษณะนี้ว่า Promoted Video

แต่ข่าวดีของผู้ใช้ที่กังวลว่าจะเปลืองดาต้า: วิดีโอเหล่านี้จะไม่เริ่มเล่นเองโดยอัตโนมัติ

Twitter ได้เลือกใช้ Twitter Video Card ที่ถูก embed เข้าไปในตัวทวีตในการใส่โฆษณาที่เป็นวิดีโอ ทำให้ระบบถือว่าวิดีโอโฆษณาเหล่านี้ไม่ต่างกับคลิปอื่น ๆ ทั่วไปที่รองรับการแสดงผลในรูปแบบของ Video Card อยู่แล้ว

เชื่อว่าเราจะได้เห็นโฆษณา Promoted Video ของ Twitter เร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน

Facebook ปรับกฎ Platform Policy ใหม่ใน 2 ประเด็นสำคัญ

• เกมที่มีระบบ in-app purchase ต้องแจ้งข้อมูลให้ชัดในส่วนของคำบรรยายเกม
• ห้ามจ่ายเงินหรือให้ผลประโยชน์ (incentivize) กับผู้ใช้เพื่อกดไลค์เพจ โดยกรณีนี้รวมถึงแจกรางวัล หรือแจกแอพ/เนื้อหาในแอพ อย่างไรก็ตาม Facebook ยังอนุญาตให้จ่ายเงินหรือให้ประโยชน์ต่อการล็อกอินเข้าแอพ การเช็คอิน หรือการร่วมกิจกรรมในแอพของเพจ

สำหรับกรณีหลัง Facebook ระบุว่าต้องการให้คนไลค์เพจเพื่อติดตามข่าวสารของแบรนด์หรือสินค้านั้นๆ มากกว่าไลค์เพราะต้องการผลประโยชน์ชั่วครั้งคราว

นโยบายนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2014

ข้อมูลจากผลประกอบการ Twitter ประจำไตรมาส 2/2014 บริษัทเผยสถิติว่าในบรรดาผู้ใช้ 271 ล้านคน (นับ active users) มีสัดส่วนผู้ที่ไม่ได้ใช้งาน official client อยู่ประมาณ 14% (หรือประมาณ 37.9 ล้านคน)

ปัญหาของ Twitter คือตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อนที่สัดส่วนผู้ใช้ client อื่นๆ อยู่ที่ 7% ในแง่ธุรกิจแล้วไม่เป็นผลดีมากนัก เพราะผู้ใช้เหล่านี้จะไม่เห็น "โฆษณา" ที่ Twitter ยิงผ่าน official client ของตัวเอง ทั้งบนหน้าเว็บและแอพบนแพลตฟอร์มต่างๆ

ทาง Twitter ไม่ได้อธิบายสาเหตุว่าทำไมผู้ใช้กลุ่มนี้ถึงเพิ่มขึ้น และไม่เปิดเผยจำนวนแอพภายนอกที่เชื่อมต่อกับระบบของ Twitter ว่ามีจำนวนเท่าไร

ศิลปินสาวชื่อดัง Katy Perry ออกมิวสิกวิดีโอใหม่ This Is How We Do โดยมีอุปกรณ์ประกอบฉากเป็นสมาร์ทโฟน Lumia 930 สีเขียว และฉากการสนทนาวิดีโอผ่าน Skype อย่างชัดเจน (ประมาณนาทีที่ 1:50)

ในอดีต Katy Perry เคยร่วมมือกับไมโครซอฟท์/โนเกีย เพื่อโปรโมท Lumia 1020 ในมิวสิกวิดีโอเพลง Roar มาก่อนแล้ว

คลิปของทั้งสองเพลงอยู่ท้ายข่าวครับ

ที่มา - Windows Phone Central

This Is How We Do

เบื้องหลังเพลง Roar