Amazon Web Services
มีข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการว่า Amazon ประกาศแผนการเลิกใช้ซอฟต์แวร์ของ Oracle สำหรับงานภายในบริษัท มีกำหนดคือไตรมาสแรกของปี 2020
ความพยายามเลิกใช้งานซอฟต์แวร์จาก Oracle เริ่มต้นมาราว 4-5 ปีแล้ว แต่มาถึงตอนนี้ซอฟต์แวร์ส่วนที่รันงานอีคอมเมิร์ซของ Amazon ยังรันอยู่บนฐานข้อมูลของ Oracle อยู่ บริษัทจึงตั้งเป้าจะถอดฐานข้อมูลของ Oracle ให้สำเร็จภายใน 14-20 เดือนข้างหน้า ส่วนซอฟต์แวร์ตัวใหม่ๆ ของบริษัทไม่ได้สร้างขึ้นบน Oracle มาได้สักระยะแล้ว
เหตุผลที่ Amazon เตรียมเลิกใช้ฐานข้อมูล Oracle เป็นเพราะบริษัทมีความต้องการด้านประสิทธิภาพที่สูงมาก ในระดับที่ Oracle ไม่สามารถตอบสนองได้ แต่ก็ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า Amazon จะย้ายไปใช้อะไรแทน
Synergy Research Group เผยส่วนแบ่งตลาดผู้ให้บริการคลาวด์ทั่วโลกประจำไตรมาส 2/2018 พบว่าอันดับหนึ่งยังเป็น AWS นำห่างเช่นเดิมด้วยส่วนแบ่ง 34% แต่ส่วนแบ่งตลาดคงตัว
อันดับสอง Microsoft Azure มีส่วนแบ่งเพิ่ม 3 จุดเป็น 14% และอันดับสาม Google Cloud เพิ่ม 1 จุดเป็น 6% ส่วน Alibaba มีอัตราเติบโตรวดเร็วที่สุดแต่ส่วนแบ่งตลาดยังถือว่าน้อยอยู่
Synergy ประเมินว่ามูลค่าของตลาดคลาวด์ในไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ที่ 16 พันล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้น 50% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และตลาดถูกครอบครองโดยผู้ให้บริการรายใหญ่ Top 5 (AWS, Microsoft, Google, IBM, Alibaba) ที่ครองส่วนแบ่งตลาดรวมกันประมาณ 3/4 ของทั้งหมด
Amazon รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2018 มียอดขายรวม 52,886 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น % จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,534 ล้านดอลลาร์
ในครั้งนี้ซีอีโอ Jeff Bezos เลือกอัพเดตข้อมูลของ Alexa โดยบอกว่าเป้าหมาย Amazon คือทำให้ลูกค้าสามารถใช้ Alexa ได้ทุกที่ ๆ ลูกค้าต้องการ ปัจจุบันมีนักพัฒนาในกว่า 150 ประเทศ ร่วมพัฒนาอุปกรณ์รองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Alexa มีทั้งลำโพง, หูฟัง, แล็ปท็อป จนถึงอุปกรณ์ติดตั้งในรถยนต์
AWS ประกาศอัพเดต instance บน EC2 ใหม่ชื่อ Z1d ที่มี Turbo Boost สำหรับการประมวลผลเธรดเดี่ยวประสิทธิภาพสูง
Z1d instance ใช้ซีพียู Intel Xeon สัญญาณนาฬิกาสูงสุด 4GHz เมื่อใช้ Turbo Boost แต่เครื่องถูกออกแบบมาให้ใช้งาน Turbo Boost ได้อย่างต่อเนื่อง ตัวเครื่องมีทั้งหมด 6 กลุ่มขนาด ซีพียูเสมือนสูงสุด 48 ตัว แรมสูงสุด 384GB พร้อมสตอเรจ NVMe สูงสุด 1.8TB, แบนด์วิธเครือข่ายสูงสุด 25Gbps และแบนด์วิธเชื่อมต่อไป Elastic Block Store (EBS) สูงสุด 14Gbps
AWS ประกาศออกฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Snowball Edge สตอเรจที่รองรับการขนส่ง ด้วยการเพิ่มเซิร์ฟเวอร์เสมือน (instance) ของ EC2 เข้าไปให้ สำหรับการประมวลผลนอกสถานที่ โดยไม่เกี่ยงว่าจะมีอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อหรือไม่ เสริมทัพ Greengrassและ Lambda ที่มีบน Snowball Edge มาก่อนหน้า
Snowball Edge ทุกเครื่องจะมาพร้อมกับซีพียู Intel Xeon สัญญาณนาฬิกา 1.8GHz และรองรับซีพียูเสมือนสูงสุด 24 ตัวและแรมสูงสุด 32GB ส่วนค่าใช้จ่ายยังคิดตามค่าการใช้งาน Snowball Edge เหมือนเดิม
AWS เผยจะเริ่มโปรโมท AWS Educate หรือเกตเวย์เพื่อการศึกษาในไทยมากขึ้น เปิดให้นักเรียนสมัครเข้ามาลองใช้แพลตฟอร์มคลาวด์ของจริง รวมทั้งยังสามารถเข้าถึงเนื้อหาการศึกษาในหลักสูตรไอทีที่เป็นที่ต้องการของตลาดงาน นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มรับสมัครงานหรือ AWS Educate Jobs Board นักศึกษาเข้าไปโพสต์สมัครงาน เพื่อให้ AWS และบริษัทอื่นได้เจอบุคลากรที่มีทักษะตามต้องการได้
Amazon ออกมาปฏิเสธข่าวลือเมื่อต้นสัปดาห์อย่างเป็นทางการ ที่ระบุว่าบริษัทอาจทำสวิตซ์เครือข่ายเอง เพื่อไว้ขายให้กับลูกค้าของ AWS
โฆษกของ Cisco ยืนยันว่า Chuck Robbins ซีอีโอของ Cisco และ Andy Jassy ซีอีโอของ AWS ได้มีการพูดคุยแล้ว โดยยืนยันว่า AWS ไม่สนใจผลิตสวิตซ์เครือข่ายขาย โดยทั้ง Cisco และ AWS นั้นเป็นทั้งลูกค้าและพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจมายาวนาน ด้านโฆษกของ AWS ก็ยืนยันว่ามีการพูดคุยดังกล่าวเช่นกัน
ทั้งนี้บริษัทด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่นกูเกิล, Facebook ต่างมีการผลิตอุปกรณ์เครือข่ายเพื่อใช้กันเองภายในศูนย์ข้อมูลอยู่แล้ว แต่ไม่ได้นำออกมาจำหน่ายให้กับบุคคลทั่วไป เนื่องจากมีการปรับแต่งให้เข้ากับการใช้งานของตนโดยเฉพาะ
The Information รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า Amazon กำลังพิจารณาผลิตอุปกรณ์สวิตซ์เครือข่ายเพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าเอง เนื่องจากบริษัทมีความเข้าใจในธุรกิจอุปกรณ์ดังกล่าวมากขึ้น จากการเติบโตของคลาวด์ อีกทั้งการขายอุปกรณ์เครือข่ายเองเพื่อสนับสนุนผู้ใช้คลาวด์ AWS ก็ดูสอดคล้องดี
ถึงแม้แนวทางดังกล่าวอาจฟังดูเป็นไปได้ แต่นักวิเคราะห์จาก Nomura ก็มองว่าการที่ Amazon จะบุกตลาดอุปกรณ์เครือข่ายนั้นไม่ง่ายเสียทีเดียว โดยมีข้อมูลว่าบริษัทขนาดใหญ่ระดับ Fortune 500 นั้น มักไม่เลือกใช้บริการคลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) จากผู้ให้บริการเพียงรายเดียว ทำให้ Amazon ไม่ได้มีแต้มต่อเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับผู้จำหน่ายอุปกรณ์รายอื่นอย่างเช่น Cisco
AWS ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ Application Auto Scaling สำหรับปรับแต่งการใช้งานทรัพยากรบนคลาวด์ให้กับบริการอื่นๆ ของ AWS นอกจากเหนือ EC2 และ DynamoDB โดยบริการที่รองรับก็มี ECS, RDS Aurora replicas, Appstream 2.0, SageMaker, EC2 Spot Fleet และ Amazon EMR
ฟีเจอร์ใหม่นี้ถูกพัฒนาออกมาจากความต้องการและการพูดคุยกับ Netflix ลูกค้ารายใหญ่ของ AWS ที่นำ Applicatipn Auto Scaling มาใช้งานกับ Titus แพตฟอร์มพัฒนา container
ที่มา - AWS Blog
AWS มีบริการ virtual desktop (VDI) มาตั้งแต่ปี 2013 โดยใช้ชื่อว่า Amazon WorkSpaces แต่ยังจำกัดเฉพาะระบบปฏิบัติการ Windows 7 หรือ 10 เท่านั้น
สัปดาห์แล้ว Amazon เปิดตัวบริการ virtual desktop ที่เป็นระบบปฏิบัติการลินุกซ์ด้วย โดยใช้ Amazon Linux 2 ซึ่งเป็นดิสโทรที่พัฒนาขึ้นเองภายในบริษัท
ผู้ที่เคยเช่าเครื่องเซิร์ฟเวอร์บน AWS อาจคุ้นเคยกับ Amazon Linux อยู่บ้าง ในฐานะดิสโทรที่ให้ใช้งานฟรีไม่มีค่าไลเซนส์ ส่วนการใช้งานบนเดสก์ท็อปนั้น Amazon Linux เลือกใช้เดสก์ท็อป MATE เป็นฐาน ด้วยเหตุผลว่าใช้ทรัพยากรน้อย และมีแอพดังๆ มาให้ครบครันไม่ว่าจะเป็น Firefox, LibreOffice, Pidgin
Jonathan Bouman นักวิจัยความปลอดภัยไซเบอร์รายงานถึงการทดลองสแกนหา S3 bucket ที่คอนฟิกผิดพลาดโดยเจาะจงโดเมนของแอปเปิลโดยเฉพาะ และพบว่าโดเมน live-promotions.apple.com นั้นเป็น AWS S3 ที่เปิดสิทธิให้ใครเขียนไฟล์ก็ได้ นับเป็นความผิดพลาดร้ายแรง
กระบวนการหาช่องโหว่นี้ Bouman โดยสแกนหาโดนเมนย่อยของ apple.com จากนั้นตรวจสอบ หาโดเมนย่อยของแอปเปิลทั้งหมด แล้วกรองเฉพาะเว็บที่มี header X-Amz-Bucket-Region
ซึ่งแสดงว่าจริงๆ ภายในเป็น S3 จากนั้นตรวจดูว่าการเข้าเว็บจะเกิดอะไรขึ้น
สัปดาห์ที่ผ่านมา SAP มีงานใหญ่ประจำปี SAPPHIRE 2018 ประกาศสำคัญในงานคือ SAP Cloud Platform จะเปิดให้บริการบนคลาวด์เจ้าใหญ่ครบทั้ง 4 รายคือ AWS, Azure, Google Cloud Platform, IBM แล้ว
SAP Cloud Platform เป็นบริการ PaaS ของ SAP ที่มีแกนหลักคือฐานข้อมูล HANA และบริการอื่นๆ ของ SAP ที่มาต่อเชื่อมกันเพื่อเป็นฐานสำหรับพัฒนาแอพพลิเคชันเชิงธุรกิจ ที่ผ่านมา SAP Cloud Platform เปิดให้บริการบน AWS อยู่ก่อนแล้ว ในปีนี้ขยายมายัง Azure และ Google Cloud Platform รวมถึงประกาศว่าจะรองรับ IBM Cloud ในอนาคตด้วย
การที่ SAP Cloud Platform ทำงานได้บนคลาวด์ทุกเจ้า แปลว่าลูกค้าของ SAP สามารถเลือกผสมบริการคลาวด์ข้ามค่ายได้ (เช่น พัฒนาบน Azure แล้วไปรันบน AWS)
AWS เปิดบริการตัวใหม่ Elastic Container Service for Kubernetes หรือตัวย่อ EKS มันคือการนำ Kubernetes มารันบนคลาวด์ AWS และเชื่อมกับบริการตัวอื่นๆ ในเครือ
Amazon บอกว่าจุดขายของ EKS คือการรัน Kubernetes ข้าม AWS Availability Zones เพื่อป้องกันโซนใดโซนหนึ่งล่ม และมีระบบจัดการให้อัตโนมัติ ผู้ใช้ไม่ต้องลงมายุ่งกับเรื่องนี้เอง, เข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดเป็นค่าดีฟอลต์, รัน Kubernetes รุ่นมาตรฐานและได้รับการรับรองด้วย มั่นใจได้ว่าแอพสามารถรันบน EKS ได้อย่างไม่มีปัญหา
ช่วงหลังเราเห็นการเก็บข้อมูลประเภทกราฟที่แสดง "ความเชื่อมโยง" ของสิ่งต่างๆ กันมากขึ้น ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Facebook Graph API ที่เก็บข้อมูลความสัมพันธ์ในโลกโซเชียล หรือ Microsoft Graph ที่ไมโครซอฟท์เริ่มนำมาใช้กับ Office และ Windows
ความนิยมในฐานข้อมูลประเภทกราฟ ทำให้ AWS เปิดตัวบริการใหม่ชื่อว่า Amazon Neptune มันคือฐานข้อมูลกราฟที่รันอยู่บนคลาวด์ของ AWS เช่นเดียวกับฐานข้อมูลประเภทอื่นๆ อย่าง RDS, DynamoDB, Aurora
Amazon Neptune รองรับข้อมูลกราฟในฟอร์แมตยอดนิยม 2 แบบคือ
ACLU (American Civil Liberties Union) of Northern California ได้เปิดเผยเอกสารว่า ตอนนี้ ตำรวจใน Orlando และ Oregon ที่ Washington County ได้เริ่มใช้งาน Rekognition ระบบฟีเจอร์ตรวจจับใบหน้าของ Amazon แล้ว
Rekognition ของ Amazon นั้นเป็นระบบตรวจจับใบหน้าแบบเรียลไทม์ เปิดใช้งานกับ AWS มาตั้งแต่ปี 2016 ปัจจุบันมีผู้ใช้งานอย่างเช่น Pinterest และ C-SPAN ส่วนตำรวจจะใช้ระบบนี้กับกล้องติดตัวและกล้องวงจรปิดในเมือง เพื่อทำการสแกนใบหน้าคนที่เดินตามถนนว่ามีใครตรงกับคนร้ายที่ตำรวจกำลังตามจับอยู่หรือไม่
AT&T เปิดตัว LTE-M Button ปุ่มกดลักษณะเดียวกับ Amazon Dash แต่เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อกลุ่มธุรกิจแทนที่จะเป็นตัวผู้บริโภคโดยตรง
LTE-M Button ทำงานบน AWS สามารถตั้งค่าและตั้งโปรแกรมให้เหมาะกับธุรกิจนั้นๆได้ เช่น กดเพื่อสั่งซื้อสินค้า กดแจ้งเตือนความปลอดภัย เรียกใช้บริการในโรงแรม เป็นต้น ตัวอุปกรณ์ทำงานได้เองไม่ต้องใช้ Wi-Fi กับ Bluetooth ทาง AT&T ระบุว่า LTE-M Button สามารถกดได้ 1,500 ครั้งในสามปี
LTE-M Button ราคาเริ่มต้น 29.99 เหรียญ
Amazon Elastic Compute Cloud (EC2) เพิ่มเครื่องแบบ "เหล็กล้วน" (bare metal) สำหรับแอพพลิเคชันที่ต้องการเข้าถึงฮาร์ดแวร์โดยตรง (เช่น จำเป็นต้องเรียกชุดคำสั่ง Intel VT-x หรือไม่ต้องการรันในสภาพแวดล้อมแบบ virtualization)
AWS เปิดตัวเครื่องแบบ bare metal ในงานสัมมนาประจำปี re:Invent 2017 และตอนนี้เครื่องแบบ bare metal ก็ให้บริการเป็นการทั่วไป (General Availability) โดยเริ่มจาก instance ประเภท i3 (ใช้ชื่อว่า i3.metal) และยังเริ่มให้บริการเฉพาะในภูมิภาคสหรัฐกับยุโรปก่อน
เครื่องที่ให้บริการเป็น Xeon 2.3GHz (36 คอร์ 72 เธร็ด), แรม 512GiB, สตอเรจ NVMe SSD 15.2TB
Amazon เปิดตัวเครื่องแบบใหม่บน EC2 คือ C5d ซึ่งเป็นเครื่อง C5 พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูลแบบ local NVMe ที่ให้ประสิทธิภาพดีกว่า SSD ธรรมดา
เครื่อง C5 นั้นจะเน้นที่การประมวลผลประสิทธิภาพสูง เช่น การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์, เกมแบบผู้เล่นหลายคน, การ encode วิดีโอ ซึ่ง C5d จะตอบโจทย์ผู้ใช้กลุ่มนี้ที่ยังต้องการประสิทธิภาพด้านสตอเรจที่สูงขึ้น โดยส่วนอื่น ๆ ของ C5 และ C5d นอกจากพื้นที่เก็บข้อมูลแล้วก็เหมือนกันทุกประการ
AWS เปิดตัว Amazon Sumerian เครื่องมือสร้างโมเดล 3D สำหรับงาน VR/AR เมื่อปลายปีที่แล้ว ล่าสุดมันเข้าสถานะ GA (generally available) เปิดบริการแก่ผู้ใช้ทั่วไป
จุดเด่นของ Amazon Sumerian คือมันทำงานผ่านเบราว์เซอร์ได้ทั้งหมด ไม่ต้องลงโปรแกรมใดๆ แถมยังสามารถเชื่อมต่อกับบริการอื่นๆ ของ AWS ไม่ว่าจะเป็น Amazon Lex, Polly, AWS Lambda, AWS IoT, Amazon DynamoDB ช่วยให้การสร้างโปรแกรม VR/AR ยุคใหม่บนคลาวด์ทำได้รวดเร็วขึ้นด้วย
ผลงานที่ได้จาก Sumerian สามารถแปลงได้ทั้งเป็นเว็บ (ผ่าน WebGL/WebVR) หรือจะเป็นแอพ VR ใช้บนแว่นยี่ห้อดังๆ ทั้ง Oculus/HTC Vive รวมถึงเป็นแอพ AR บน Android/iOS ได้ด้วย
AWS เปิดตัว FreeRTOS มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วโดยรองรับบอร์ด 4 แบรนด์ที่ราคาเริ่มต้น 35 ดอลลาร์ขึ้นไป และในไทยอาจจะหาซื้อได้ไม่ง่ายนัก ตอนนี้ทาง AWS ก็ประกาศรองรับบอร์ดเพิ่มเติมคือ ESP32 ที่มีราคาถูกกว่า
บอร์ดที่รองรับเป็นทางการ คือ ESP32-DevKitC ราคาเริ่มต้น 16 ดอลลาร์ และ ESP-WROVER-KIT ที่มีจอภาพในตัวและราคาแพงกว่า ประมาณ 50 ดอลลาร์
ตัว Amazon FreeRTOS เป็นโครงการโอเพนซอร์สที่โหลดมาใช้งานได้ฟรี แต่หากใช้เชื่อมต่อกับ AWS IoT จะมีค่าบริการเชื่อมต่อและค่าบริการประมวลผลข้อความ MQTT
ที่มา - AWS
เดือนที่แล้วมีประเด็นอื้อฉาวในวงการโทรคมนาคมและความปลอดภัยไซเบอร์ในบ้านเรา กรณีที่โอเปอเรเตอร์ทำข้อมูลบัตรประชาชนลูกค้าหลุด จากการเปิด bucket บน S3 เป็นพับลิกแล้วอ้างว่าถูกแฮก
วันนี้ Blognone ได้มีโอกาสพูดคุยกับ Santanu Dutt ตำแหน่ง Senior Manager ฝั่ง Solution Architecture ของ AWS ในอาเซียน ซึ่งคุณ Santanu ยืนยันว่ากรณีดังกล่าว AWS ไม่ได้ถูกแฮกและระบบก็มีโซลูชันความปลอดภัยที่แน่นหนา หลายชั้น รวมถึงมีการแจ้งเตือนความผิดพลาดหรือความเสี่ยงต่างๆ อยู่ตลอดเวลา
ก่อนหน้านี้ AWS มีฟีเจอร์ EC2 Spot Fleet สำหรับบริหารจัดการ instance จำนวนมากๆ ได้อย่างสะดวกภายใต้การเรียก API เพียงครั้งเดียว แต่ข้อจำกัดคือมันใช้ได้เฉพาะ instance แบบ Spot (เครื่องที่ว่างจากการใช้งานและนำมาขายในราคาถูกๆ แลกกับการถูกปิดได้เสมอ) เท่านั้น
ล่าสุด AWS ปรับปรุง API ตัวนี้ใหม่เป็น EC2 Fleet สามารถใช้ได้กับ instance ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น On-Demand (รุ่นปกติ), Reserved (จองล่วงหน้า) และ Spot (ราคาถูกพิเศษ) สามารถใช้ได้กับทุก Availability Zones เรียกว่ากลายเป็น API ตัวเดียวสำหรับจัดการเครื่องได้ทุกแบบทุกโซน
การใช้บริการคลาวด์สตอเรจนั้นนับเป็นความสะดวกอย่างมาก เพราะผู้ใช้สามารถใช้งานได้ทั้งสำหรับงานภายในที่ผู้เข้าถึงไฟล์ต้องมีสิทธิ์เฉพาะ หรือใช้เผยแพร่ไฟล์ต่อสาธารณะก็ทำได้ง่ายเพียงไม่กี่คำสั่ง แต่ความผิดพลาดเช่นนี้คงเกิดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทาง AWS เผยแพร่บล็อกการมอนิเตอร์ S3 เพื่อมอนิเตอร์สถานะการตั้งค่าของ bucket ว่ามีการเปิดต่อสาธารณะหรือไม่
สถาปัตยกรรมที่ AWS เสนอ ใช้ฟีเจอร์ AWS Config Event ที่แจ้งเตือนเมื่อมีการคอนฟิกค่าใหม่ จากนั้นมอนิเตอร์ความเปลี่ยนแปลงด้วย CloudWatch และส่งค่าเข้าไปยัง Lambda เพื่อตั้งค่ากลับเป็น bucket ปิดโดยอัตโนมัติหากพบว่า bucket ที่เปิดขึ้นมาไม่ได้รับอนุญาต พร้อมกับแจ้งเตือนผู้ดูแลระบบผ่านบริการ SNS
Google และ Amazon สั่งปิดฟีเจอร์ domain fronting ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยหลบเลี่ยงการเซนเซอร์อินเทอร์เน็ตแล้ว โดย Google เริ่มทำเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และ AWS ก็เริ่มแล้วตอนนี้
Amazon รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปี 2018 มียอดขายรวมเพิ่มขึ้น 43% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 51,042 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 1,629 ล้านดอลลาร์
ครั้งนี้ ซีอีโอ Jeff Bezos เลือกกล่าวถึง AWS โดยบอกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการพัฒนาล้ำหน้ามาโดยตลอด 7 ปี และทีมงานก็ไม่เคยหยุดนิ่ง มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในทุกวัน ทำให้ AWS ยังมีการเติบโตในอัตราที่สูงต่อเนื่องกันทุกไตรมาส ซึ่งต้องขอบคุณลูกค้า AWS ทุกคนที่ให้การสนับสนุน
AWS มีการเติบโตถึง 49% ในไตรมาสที่ผ่านมา เฉพาะธุรกิจนี้ทำเงินถึง 5,442 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรเฉพาะส่วนถึง 1,400 ล้านดอลลาร์
ราคาหุ้น Amazon พุ่งขึ้นสูงหลังรายงานผลประกอบการ ทำให้ราคาหุ้นทำสถิติใหม่สูงสุดอีกครั้ง