GPDP หน่วยงานคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของประเทศอิตาลี สั่งแบนการใช้งาน ChatGPT ในประเทศอิตาลีแล้ว ด้วยข้อหาเก็บข้อมูลผู้ใช้งานในอิตาลีเพื่อไปเทรนโมเดล โดยไม่เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนตัว GDPR ของยุโรป
GPDP จึงสั่งให้แบนการใช้งาน ChatGPT ก่อนชั่วคราว แล้วจะเข้าสอบสวนวิธีการเก็บข้อมูลของ OpenAI ต่อไปว่าถูกต้องแค่ไหน นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ GPDP ต้องการตรวจสอบด้วยว่า OpenAI มีวิธีตรวจสอบอายุของผู้ใช้งานว่าเกิน 13 ปีจริงๆ ได้อย่างไร
GPDP ยังยกกรณี ChatGPT มีบั๊กแสดงข้อมูลของบุคคลอื่น ซึ่งทาง OpenAI ชี้แจงว่าเป็นบั๊กของ Redis ฐานข้อมูลที่ใช้งาน
เว็บข่าว The Information รายงานข่าวไม่ยืนยัน โดยอ้างอิงข้อมูลจาก Jacob Devlin อดีตวิศวกร AI ของกูเกิล ที่เชื่อว่าทีมพัฒนา Bard เลือกใช้ข้อมูลจาก ChatGPT มาเทรน Bard เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาในลักษณะคล้ายๆ กัน
ข้อมูลของ Devlin บอกว่าในช่วงที่ ChatGPT เปิดตัวใหม่ๆ และยังจำกัดจำนวนผู้ใช้งาน ทีมพัฒนา Bard ใช้ข้อมูลจากเว็บ ShareGPT ที่มีคนนำผลลัพธ์จาก ChatGPT มาแชร์ต่อสาธารณะ โดยนำข้อมูลตรงนี้กลับไปเทรน Bard
ตัวของ Devlin ไม่พอใจเรื่องนี้และนำเรื่องไปคุยกับซีอีโอ Sundar Pichai จากนั้นเขาลาออกจากกูเกิล และปัจจุบันไปทำงานกับ OpenAI เรียบร้อยแล้ว
Josh Pigford ผู้ใช้รายหนึ่งใน Twitter ได้โพสต์เรื่องราวขั้นตอนการสร้างเกมจาก GPT-4 ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงมีการปล่อยเกมออกมาให้คนอื่นสามารถดาวน์โหลดมาเล่นได้ใน App Store จากที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน
โดย GPT-4 ล้วนมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนตั้งแต่ตั้งชื่อ, ใช้โค้ดในการสร้างระบบเกม, แอนิเมชัน, โทนสีไปจนถึงการตั้งค่าที่ให้ผู้เล่นสามารถปรับได้ตามต้องการ
OpenAI ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม จากปัญหา ChatGPT มีผู้ใช้งานพบการแสดงรายการแชตของคนอื่น ทำให้ OpenAI ปิดบริการชั่วคราว และกลับมาให้บริการต่อ โดยบอกว่าพบบั๊กในซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สตัวหนึ่งที่ใช้งาน
OpenAI บอกว่าผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้น อาจทำให้มีคนเห็นรายการแชตจากผู้ใช้งานที่เป็นสมาชิก ChatGPT Plus ที่จ่ายเงินรายเดือน ประมาณ 1.2% ของผู้ใช้งานทั้งหมดที่มีการใช้งาน ChatGPT ในช่วงเวลาที่มีปัญหา 9 ชั่วโมงนั้น และมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นข้อมูลทั้ง ชื่อ นามสกุล อีเมล ที่อยู่ เลขบัตรเครดิต 4 ตัวสุดท้าย วันหมดอายุบัตรเครดิตด้วย แต่จะไม่เห็นเลขบัตรเครดิตทั้งหมด
ในตอนนี้ทั่วโลกต่างให้ความสนใจต่อแชตบอตอัจฉริยะที่เกิดจาก AI กันจำนวนมาก บริษัทหลายแห่งต่างพยายามคิดค้นแชตบอตที่มีประสิทธิภาพออกมาหลายตัว อย่าง Ernie Bot ที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท Baidu จากจีนและ ChatGPT ที่ถูกพัฒนาโดย Open AI สหรัฐอเมริกา
นักข่าวจีนคนหนึ่งได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพแอปฯ Ernie Bot และ Chat GPT โดยถามคำถามตั้งแต่เรื่องคณิตศาสตร์ไปจนถึงประวัติศาสตร์รวมไปถึงคำถามที่ละเอียดอ่อนอย่างเรื่องการเมืองด้วย
ผลการทดสอบปรากฏว่าด้านการตอบคำถาม เมื่อนักข่าวถามเกี่ยวกับการเมืองหรือเกี่ยวกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง Ernie Bot ตอบว่า “I cannot answer that question." ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าถูกจำกัดเนื้อหาของคำตอบด้านการเมืองในประเทศจีน เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัท
OpenAI เปิดบริการ ChatGPT plugins เปิดทางให้ ChatGPT สามารถอ่านข้อมูลและส่งคำสั่งไปยังโลกภายนอกได้ เช่น Instacart เปิดให้สั่งสินค้าจากในแชตได้ทันที หรือ Zapier ที่เชื่อมข้อมูลจำนวนมาก ทั้ง Google Sheet, Trello, Gmail เข้ามายัง ChatGPT ได้
ผู้ใช้สามารถใช้ปลั๊กอินหลายตัวเชื่อมต่อข้อมูลเข้าด้วยกัน เช่น ขอสูตรอาหารจากปลั๊กอินตัวหนึ่ง คำนวณค่าพลังงานด้วย Wolfram แล้วสั่งวัตถุดิบผ่านทาง Instacart
แม้ในหลายอุตสาหกรรมจะแบนผลงานจาก AI แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่สำหรับการเขียนบทภาพยนตร์ เมื่อสมาคมนักเขียนบทแห่งอเมริกา (WGA - Writers Guild of America) มีข้อเสนอที่อนุญาตให้ใช้ AI ในการเขียนบทภาพยนตร์ได้ โดยข้อเสนอของ WGA ระบุว่านักเขียนบทสามารถใช้ ChatGPT ในการเขียนสคริปต์ได้ รวมไปถึงทางสตูดิโอก็สามารถส่งสคริปต์ที่สร้างโดย AI และส่งต่อให้มนุษย์แก้ไขและเขียนซ้ำได้เช่นกัน
WGA ยังระบุอีกว่าข้อความที่สร้างขึ้นโดย AI ไม่ควรถูกพิจารณาว่าเป็นเนื้อหาวรรณกรรมหรือเนื้อหาต้นฉบับ เพราะถ้ามีการถูกสร้างจากแหล่งอ้างอิงข้อมูลอื่นที่เคยมีมา จะไม่ถือว่าเป็นเนื้อหาต้นฉบับ รวมไปถึง WGA ยังบอกอีกว่าให้ลดบทบาทของ AI ในการสร้างสิ่งใหม่ๆ น้อยลง แต่ให้เพิ่มการใช้ AI เพื่อเป็นเครื่องมือการทำงานมากขึ้น
GitHub Copilot นับเป็นบริการตัวแรกที่ไมโครซอฟท์ร่วมมือกับ OpenAI อย่างจริงจังตั้งแต่สมัย GPT-2 ตอนนี้ทาง GitHub ก็เปิดตัว Copilot X บริการรุ่นอัพเกรดเพิ่มมาหลายฟีเจอร์ และบางฟีเจอร์ก็ใช้ GPT-4 ที่เพิ่งเปิดตัวมาแล้ว รายการฟีเจอร์ที่เพิ่มมาได้แก่
ChatGPT ได้ปิดให้บริการไปช่วงขณะหนึ่งในเช้าวันนี้ หลังจากมีผู้ใช้รายงานปัญหา พบประวัติการแชตของคนอื่นในแถบด้านซ้ายมือ
ตัวแทนของ OpenAI ระบุว่าได้ติดสินใจปิดบริการ ChatGPT ชั่วคราวทันที เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งต่อมาพบว่ามาจากบั๊กในซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สตัวหนึ่ง แต่ไม่ได้ระบุชื่อ
ChatGPT กลับมาให้บริการเต็มรูปแบบอีกครั้ง ตั้งแต่เวลาประมาณ 10 นาฬิกา ตามเวลาในประเทศไทย โดยข้อมูลประวัติการแชตจะยังไม่สามารถแสดงได้ ซึ่งกำลังแก้ไขอยู่
เมื่อวานนี้ผู้ใช้ Reddit ชื่อบัญชี Competitive-Hair-311 รายงานว่า ChatGPT แสดงรายการแชตเดิมเป็นคำถามเกี่ยวกับรัฐบาลจีนจำนวนมาก แม้ตัวเขาเองจะไม่เคยคุยกับ ChatGPT ด้วยเรื่องดังกล่าวเลยก็ตาม และหลังนั้นก็มีผู้ใช้อีกจำนวนหนึ่งรายงานปัญหาเดียวกัน โดยแต่ละคนมองเห็นรายการแชตต่างกันไป
ผู้ใช้บางรายระบุว่าเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนแล้วในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ส่วนที่มีรายงานนั้นเป็นเพียงรายการหัวข้อแชตเท่านั้น ไม่ได้มองเห็นประวัติการสนทนาจริงๆ ผู้ใช้อีกส่วนหนึ่งระบุว่าหน้าอัพเกรดไปเป็นแพ็กเกจ Plus ก็มีปัญหาแบบเดียวกัน โดยแสดงอีเมลของคนอื่นขึ้นมา
ไมโครซอฟท์เล่าเบื้องหลังการสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่บน Azure เพื่อให้บริการ OpenAI เทรนโมเดล AI ขนาดใหญ่จนกลายมาเป็น ChatGPT แบบที่เราเห็นกันทุกวันนี้
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มาจากข้อตกลงระหว่างไมโครซอฟท์กับ OpenAI ในปี 2019 ตอนนั้นไมโครซอฟท์มีระบบเซิร์ฟเวอร์สำหรับเทรนโมเดล AI ของตัวเองอยู่แล้ว (เช่น โมเดลที่ใช้ใน Microsoft Translator หรือตัวตรวจสะกดใน Word) แต่ขีดความสามารถนั้นไม่พอกับที่โมเดลขนาดใหญ่มากๆ ของ OpenAI ต้องการใช้งาน ทำให้ไมโครซอฟท์ต้องหาวิธีออกแบบระบบใหม่
Microsoft เริ่มให้บริการ ChatGPT ผ่าน Azure OpenAI Service ตามที่เคยประกาศไว้เมื่อเดือนมกราคม 2023
ก่อนหน้านี้ Azure OpenAI Service ยังรองรับเฉพาะโมเดลบางตัวของค่าย OpenAI เช่น GPT-3.5, Codex, DALL-E 2 แต่ยังขาดโมเดลยอดฮิตอย่าง ChatGPT ซึ่งไมโครซอฟท์สัญญาไว้ว่าจะตามมา และตอนนี้เปิดบริการแล้วแบบพรีวิว
ราคาใช้งานอยู่ที่ 0.002 ดอลลาร์ต่อ 1,000 tokens
ที่มา - Microsoft
Salesforce ประกาศเพิ่มเครื่องมือสำหรับช่วยสร้างสรรค์เนื้อหาแบบ Generative AI ในชื่อ Einstein GPT ซึ่งรองรับการเทรนเพื่อสร้างโมเดลจากข้อมูลสาธารณะและข้อมูลส่วนตัวสำหรับลูกค้าองค์กร
Einstein GPT ทำงานโดยมีโมเดลของ OpenAI สนับสนุน มีความสามารถทำงานร่วมกับโมดูลต่าง ๆ ของ Salesforce ในแต่ละงาน เช่น ช่วยฝ่ายขายร่างอีเมล, บอตตอบลูกค้าอัตโนมัติ, สร้างสรรค์เนื้อหา-เว็บไซต์ สำหรับลูกค้า, ทำสรุปเนื้อหาเพื่อการนำเสนอ ไปจนถึงช่วยเขียนโค้ดได้ด้วย
ส่วน Slack ก็ประกาศรองรับแอปย่อย ChatGPT สำหรับ Slack โดยเฉพาะ เป็นตัวช่วยสำหรับงานต่าง ๆ เช่น เขียนสรุปเนื้อหาจากในห้องแชต, ช่วยค้นหาคำตอบจากคำถามในการสนทนา และร่างจดหมายหรือข้อความที่จะใช้ตอบ
OpenAI เพิ่มบริการระดับองค์กรที่ต้องการใช้ API ของ ChatGPT โดยเพิ่มโมเดลใหม่ gpt-3.5-turbo
ที่เป็นตัวเดียวกับที่ใช้งานใน ChatGPT โดยคิดค่าบริการ 0.002 ดอลลาร์ต่อ 1,000 โทเค็น (ประมาณ 750 คำ) ถูกกว่าโมเดล text-davinci-003
ที่เป็น GPT-3 เดิมเหลือเพียง 1 ใน 10 เท่านั้น
โมเดลใหม่นี้ยังเปลี่ยนฟอร์แมตในการถามตอบ โดยใช้ฟอร์แมต ChatML และอีกจุดคือโมเดลใหม่นี้ยังไม่นิ่ง โมเดลปัจจุบันจะซัพพอร์ตถึงกลางปีทีนี้เท่านั้น คาดว่าโมเดลรุ่นเสถียรจะออกเดือนเมษายนนี้
Snapchat เปิดตัว My AI แชตบอทที่ทำงานด้วยเทคโนโลยี ChatGPT ของ OpenAI ซึ่งมีการปรับแต่งให้เข้ากับ Snapchat โดยเฉพาะ ทั้งนี้ My AI จะเปิดให้ทดสอบใช้งานเฉพาะลูกค้าที่สมัครบริการ Snapchat+ ก่อน โดยเริ่มทยอยเปิดให้ใช้งานในสัปดาห์นี้
Evan Spiegel บอกว่าเขาเดิมพันว่าแชตบอท AI จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน ในระดับที่นอกจากคนเราจะคุยกับเพื่อนฝูง หรือคนในครอบครัวแล้ว AI ก็จะเป็นคนที่เราต้องพูดคุยด้วยทุกวัน เพื่อปรึกษา หาข้อมูล หรือหาไอเดียต่าง ๆ แนวคิดดังกล่าวจึงลงตัวมากกับแอปแบบ Snapchat
Nebuly AI ผู้พัฒนาระบบฝึกปัญญาประดิษฐ์แบบโอเพนซอร์ส เปิดตัวฝึกปัญญาประดิษฐ์แบบใช้มนุษย์ฝึกเพิ่มเติม (Reinforcement Learning from Human Feedback - RLHF) แบบเดียวกับที่ OpenAI ใช้สร้าง ChatGPT โดยเรียกว่า ChatLLaMA
ChatGPT นั้นใช้ปัญญาประดิษฐ์สร้างข้อความ คือ GPT-3 แต่ทาง Nebuly AI เลือกใช้ LLaMA ของ Meta ที่มีขนาดเล็กกว่า และในบางกรณีประสิทธิภาพดีกว่า GPT-3 แม้ขนาดโมเดลจะเล็กกว่ามาก แถม Meta ยังเปิดโมเดลให้นักพัฒนาภายนอกใช้งาน
ข้อดีสำคัญของ ChatLLaMA คือมันมีขนาดเล็กมาก และสามารถฝึกได้ด้วยชิปกราฟิกชุดเดียว นอกจากนี้ทาง Meta ยังเปิดโมเดลให้นักวิจัยไปใช้งานได้ แม้จะห้ามใช้งานเชิงการค้าก็ตามที
Jordi Ribas ผู้บริหารฝ่าย Search & AI ของไมโครซอฟท์ เขียนบล็อกบน LinkedIn เล่ารายละเอียดของโมเดล Prometheus ที่ใช้ใน Bing เวอร์ชันใหม่เพิ่มอีกหน่อย
Ribas บอกว่าเมื่อกลางปี 2022 ทีม OpenAI โชว์โมเดล GPT เวอร์ชันใหม่ (ที่ยังไม่บอกว่า 4 แต่ใหม่กว่า 3.5) ให้ทีมไมโครซอฟท์ดู ทีมไมโครซอฟท์เห็นศักยภาพจึงเริ่มลงมือพัฒนาเพื่อใช้งานใน Bing แต่ข้อจำกัดของโมเดล LLM แนว GPT คือข้อมูลที่ใช้เทรนจะเก่าในระดับหนึ่ง ไม่มีวันเป็นข้อมูลเรียลไทม์ ไมโครซอฟท์จึงต้องแก้ปัญหาด้วยการนำข้อมูลเรียลไทม์จาก Bing เข้ามาเชื่อมกับ GPT และนี่คือ Prometheus
Bloomberg รายงานข่าวว่าธนาคารยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาหลายแห่ง เช่น Bank of America, Citigroup, Deutsche Bank, Goldman Sachs, Wells Fargo เริ่มแบนการใช้งาน ChatGPT และเครื่องมือของ OpenAI ในคอมพิวเตอร์ขององค์กรแล้ว ด้วยเหตุผลว่ากลัวความลับขององค์กรรั่วไหล จึงขอเวลาตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน
ระบบของธนาคารเหล่านี้มักแบนการใช้งานแอพหรือบริการที่ไม่ได้รับอนุญาตอยู่แล้ว (เช่น ใช้ WhatsApp คุยงาน) ล่าสุดคือ ChatGPT เข้าไปอยู่ในรายการบล็อคของธนาคารกลุ่มนี้แล้ว
โฆษกของธนาคาร Wells Fargo เป็นรายเดียวที่ออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้ โดยบอกว่าบล็อคเพื่อขอเวลาศึกษาและประเมินความเหมาะสมในการใช้งานก่อน
Clarkesworld Magazine สำนักพิมพ์นิยายวิทยาศาสตร์ต้องหยุดรับงานเรื่องสั้นจากนักเขียนชั่วคราวพร้อมแบนนักเขียนกว่า 500 คน เพราะใช้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยเขียน
Neil Clarke บรรณาธิการสำนักพิมพ์ระบุว่าได้แบนหนังสือมากขึ้น 38% ในเดือนนี้หลังมีสำนักข่าวหลายแห่งตีพิมพ์บทความที่แสดงความสงสัยว่ามีเรื่องสั้นจำนวนมากที่เขียนจากปัญญาประดิษฐ์โดยไม่ได้รับการเปิดเผยจากผู้ที่ส่งงานเข้ามาซึ่งผิดจากนโยบายสำนักพิมพ์ที่ห้ามไม่ให้ส่งเรื่องที่ใช้ AI ร่วมเขียนหรือใช้ AI ช่วยเขียน
Nikkei รายงานว่าหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐได้ส่งคำสั่งเตือนไปยัง Tencent และ Ant Group ห้ามนำ ChatGPT มาปลั๊กอินกับบริการบนแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะทางตรงผ่าน API หรือผ่าน third-party ก็ตาม ขณะเดียวกันหากจะให้บริการลักษณะเดียวกับ ChatGPT ก็ต้องส่งให้ทางการตรวจสอบก่อนด้วย
ก่อนหน้าคำสั่งห้ามนี้ หน่วยงานกำกับดูแลของภาครัฐหลายหน่วยงานโพสต์ลง Weibo โจมตี ChatGPT ว่าเป็นเครื่องมือรัฐบาลสหรัฐ ในการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและควบคุมข้อมูลข่าวสาร เพื่อจุดประสงค์ทางด้านภูมิศาสตร์การเมือง
ขณะที่ผู้บริหารของบริษัทเทครายหนึ่งระบุกับ Nikkei ว่า ต่อให้ไม่มีคำสั่งจากรัฐ บริษัทตนเองก็ไม่กล้าจะใช้งาน ChatGPT อยู่แล้ว
กลุ่มวิจัยหุ่นยนต์ของไมโครซอฟท์รายงานถึงการใช้ ChatGPT เขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์ โดยพบว่า ChatGPT สามารถแปลงคำสั่งภาษามนุษย์กลายเป็นโค้ดตามข้อจำกัดที่กำหนดไว้ล่วงหน้าได้หลายประเภท
การทดสอบเริ่มด้วยการอธิบายการทำงานของหุ่นยนต์และฟังก์ชั่นต่างๆ ที่เรียกใช้ได้ให้ ChatGPT จากนั้นขอโค้ดตามคำสั่งแบบภาษามนุษย์ เช่น สำรวจชั้นเก็บของทุกชั้น ตัว ChatGPT สามารถเขียนโค้ดควบคุมโดรนให้บินกวาดชั้นเก็บของทุกชั้นได้ตามคำสั่ง
ไมโครซอฟท์ปล่อยโปรแกรม AirSim สำหรับจำลองการทำงานของโดรน พร้อมกับรวบรวมคำสั่งที่เคยสั่ง ChatGPT ในงานวิจัยครั้งนี้ให้คนภายนอกแนะนำเพิ่มเติม
Nikkei Asia รายงานว่า รัฐบาลจีนสั่งห้ามไม่ให้บริษัทเทคโนโลยีจีน เช่น Tencent, Alibaba ให้บริการแชทกับ ChatGPT ผ่านบริการในเครือของตัวเอง ไม่ว่าจะทำเองหรือผ่านพาร์ทเนอร์ก็ตาม
ปัจจุบัน ChatGPT ยังไม่เปิดบริการอย่างเป็นทางการในจีน แต่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน VPN หรือผ่าน mini app ในแอพแชทอย่าง WeChat ของ Tencent ที่มีคนไปสร้างเอาไว้ ส่งผลให้ Tencent ต้องแบน mini app เหล่านี้ทั้งหมด
คาดว่าเหตุผลของนโยบายนี้เป็นเพราะรัฐบาลจีนต้องการบล็อคการเข้าถึงเว็บต่างชาติ แบบเดียวกับที่ Google, Facebook, YouTube, Twitter โดนบล็อคมาก่อนนานแล้ว จึงมองว่า ChatGPT เป็นบริการของสหรัฐในการแพร่กระจายข่าวปลอมเกี่ยวกับจีนด้วยเช่นกัน
บริษัทเกมจีน NetEase เป็นบริษัทล่าสุดที่เข้าสู่วงการ ChatGPT กับเขาด้วย โดยประกาศว่าเกมออนไลน์เกมใหม่ Justice Online Mobile (ชื่อจีนคือ Ni Shui Han อิงจากนิยายเรื่อง "สี่ยอดมือปราบ" ของอุนสุยอัน) จะใช้ ChatGPT มาสร้างบทสนทนาของตัวละคร NPC ในเกม
ตามข่าวบอกว่า NetEase จะใช้ ChatGPT สร้างบทสนทนาทั้งแบบข้อความและเสียง โดยใช้พลัง AI สร้างเสียงของตัวละครออกมาด้วย (แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่าโมเดลที่ใช้สร้างเสียงคืออะไร) นอกจากนี้ แผนการของ NetEase ยังมองถึงการใช้ AI สร้างเนื้อหาในเกมขึ้นมาแบบอัตโนมัติด้วย
ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดว่าเกม Justice Online Mobile จะเปิดบริการเมื่อไร (เวอร์ชันพีซีเปิดให้เล่นในจีนมาสักระยะแล้ว)
Dmitri Brereton นักวิจัยด้าน Search Engine ตรวจสอบข้อมูลที่แชตบอท Bing ที่ไมโครซอฟท์เปิดตัวสัปดาห์ที่ผ่านมา พบมีข้อเท็จจริงผิดหลายจุดแต่แทบไม่มีใครสนใจ ต่างจาก Bard ของกูเกิลที่ให้ข้อมูลผิดพลาดในโฆษณาก็ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นอย่างหนัก