ประเด็นลิขสิทธิ์ของ YouTube ที่มีข่าวมาก่อนหน้านี้ (1, 2) วันนี้ทางแกรมมี่โดยคุณกริช ทอมมัส ก็จัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการแล้ว โดยประเด็นที่ทาง GMM ชี้แจงมาคือในความเป็นจริงแล้วทั่วโลก เช่น สหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, เยอรมัน, หรืออังกฤษ ล้วนมีโมเดลธุรกิจระหว่าง YouTube กับค่ายเพลงในประเทศเหล่านั้นทั้งสิ้น แต่สำหรับประเทศไทยนั้นมีปัญหาทางกฎหมายทำให้ YouTube ไม่สามารถเข้ามาเปิด YouTube.co.th เพื่อทำธุรกิจในประเทศไทยได้
คดีระหว่างออราเคิล-กูเกิลเดินทางมาถึงข้อยุติ (ในศาลชั้นต้น) เมื่อผู้พิพากษา William Alsup ตัดสินประเด็นสุดท้ายว่ากูเกิลไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ Java API ของออราเคิลแต่อย่างใด
(ข่าวเก่าสำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามคดีนี้ สรุปความคืบหน้าคดี Oracle vs Google และ คณะลูกขุนตัดสิน กูเกิลไม่ละเมิดสิทธิบัตรออราเคิล)
คำตัดสินของผู้พิพากษา Alsup คือ "ตราบเท่าที่โค้ดที่ใช้สร้าง API นั้นต่างกัน ทุกคนมีเสรีภาพในการเขียนโค้ดที่ให้ได้ผลลัพธ์ออกมาเท่ากับฟังก์ชันหรือเมธอดที่ใช้ใน Java API"
คดีระหว่างออราเคิลและกูเกิลในเรื่องของจาวา กำลังดำเนินเข้ามาสู่ช่วงแรก คือ คดีลิขสิทธิ์ ที่ออราเคิลกล่าวหาว่ากูเกิลใช้โค้ดบางส่วนของออราเคิลในแอนดรอยด์โดยตรง ในคำฟ้องคือฟังก์ชั่น rangeCheck
ที่กูเกิลอ้างว่าเป็นโค้ดเพียง 9 บรรทัดใน 15 ล้านบรรทัดเท่านั้น อย่างไรก็ดี แม้คณะลูกขุนจะระบุว่าการใช้งานโค้ดของกูเกิลนั้นเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่กลับไม่สามารถตัดสินได้ว่ามันเป็น "การใช้งานอย่างเป็นธรรม" (fair use) ซึ่งกฏหมายทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ ให้การรับรองไว้หรือไม่
ในส่วนของ API ที่เป็นชื่อฟังก์ชั่นและอาร์กิวเมนต์ของจาวานั้น คณะลูกขุนตัดสินว่ากูเกิลไม่ได้ละเมิด API ทั้ง 37 ชุดของจาวาแต่อย่างใด รวมถึงไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ของคอมเมนต์โค้ดของจาวา
ศาลยุติธรรมยุโรป ได้ตัดสินคดีที่ SAS Institute ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ทางสถิติ SAS ได้ฟ้องร้องบริษัท World Programming โทษฐานละเมิดลิขสิทธิ์ โดยระบุว่าฟังก์ชันของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และภาษาโปรแกรม ไม่ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
จุดเริ่มต้นของคดีนี้เกิดจากว่า บริษัท World Programming (WPL) ได้ออกผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ในชื่อ World Programming System เพื่อใช้ทำงานร่วมกับสคริปต์ของ SAS โดยผู้ใช้งานสามารถสร้าง แก้ไข และรันสคริปต์รูปแบบที่ใช้ใน SAS ได้ WPL ได้ซื้อไลเซนส์ Learning Edition ของ SAS มาเพื่อทำการศึกษาการใช้งาน และไม่มีสิ่งใดบ่งชี้ว่า WPL ได้เข้าถึงหรือคัดลอกซอร์สโค้ดของ SAS
ดูท่าแอปเปิลยังคงมีปัญหากับจีนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเป็นกรณีของ App Store ที่ถูกกลุ่มนักเขียนชาวจีนร่วมกันฟ้องร้องเป็นมูลค่ากว่า 50 ล้านหยวน (ราว 240 ล้านบาท) หลังจากพบว่ามีหนังสือถูกขายแบบไร้ลิขสิทธิ์ใน App Store
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักเขียนชาวจีน 22 คนได้ร่วมกันก่อตั้งกลุ่มที่ชื่อว่าพันธมิตรเพื่อสิทธินักเขียนขึ้น และส่งจดหมายไปยังแอปเปิลเพื่อแจ้งว่าการจัดการหนังสือละเมิดลิขสิทธิ์ใน App Store มีการดำเนินการที่ช้าเกินไป โดยกลุ่มดังกล่าวอ้างว่ามีหนังสือกว่า 95 เล่มที่ถูกเขียนโดยนักเขียนชื่อดังอย่าง Han Han, He Ma และ Nanpai Senshu ขายอยู่ใน App Store
หลังจากที่ iTunes Match เปิดให้บริการไปเมื่อปีที่แล้ว ก็เริ่มมีบริษัทเพลงที่ได้รับค่าลิขสิทธ์จากบริการนี้กันบ้างแล้ว
ประธานบริษัท TuneCore ได้ออกมาเปิดเผยผ่านบล็อกของตนเองว่าได้รับค่าลิขสิทธ์จากแอปเปิลมากกว่า 1 หมื่นเหรียญสหรัฐฯ จาก iTunes Match ในช่วง 2 เดือนแรกของการให้บริการ ซึ่งเขาก็ได้อธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า แอปเปิลจะจ่ายเงินให้กับบริษัทเพลงเมื่อผู้ใช้ทำการดาวน์โหลดหรือสตรีมเพลงจาก iTunes Match แม้ว่าต้นฉบับที่ผู้ใช้มีจะละเมิดลิขสิทธ์มาก็ตาม
iTunes Match จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ผู้ผลิตเพลงสามารถหารายได้จากการถูกละเมิดลิขสิทธ์ และไม่น่าแปลกใจที่เงื่อนไขแบบนี้จะทำให้บริษัทเพลงต่างๆ ยอมตกลงกับแอปเปิลได้ไม่ยากเย็นนัก
ก่อนหน้านี้รัฐบาลประเทศเนเธอร์แลนด์ได้เสนอกฎหมายใหม่เพื่อป้องกันและปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิภายในประเทศ ด้วยการทำให้การดาวน์โหลดวีดีโอและเพลงผิดกฎหมาย แต่สภาเนเธอร์แลนด์กลับไม่เห็นด้วย และไม่ให้ผ่านกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวจะเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน และจะทำให้ความเป็นส่วนตัวของประชาชนเสียไป
ปัจจุบันนี้ การดาวน์โหลดหนังและเพลงมาใช้เป็นการส่วนตัวในประเทศเนเธอร์แลนด์ถือว่าอยู่ใน "Fair Use" และกฎหมายไม่สามารถลงโทษใครได้ แต่รัฐบาลดัตช์ชุดปัจจุบันกำลังพยายามหาทางจำกัดการละเมิดสิทธิที่กำลังขยายตัวเป็นวงกว้างอยู่
ศาลสหรัฐตัดสินคดีของบริษัท MP3tunes ที่ถูกค่ายเพลง EMI ฟ้องว่าส่งเสริมการละเมิดลิขสิทธิ์เพลง ผลคือ MP3tunes ผิดบางข้อหา แต่คำตัดสินของศาลกลับรับรองบริการฝากไฟล์เพลงไว้บนเน็ต (music locker) ว่าไม่ผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ของสหรัฐ
มีผู้ใช้ Android รายงานว่าไม่สามารถเล่นไฟล์ภาพยนตร์ที่เช่าจาก Google Movies บนมือถือ Android ที่ถูก root แล้วได้
ทางกูเกิลเองได้ยืนยันปัญหานี้บนเว็บไซต์ Android Market ว่าเป็นความตั้งใจของกูเกิลเองที่จะปิดกั้นไม่ให้มือถือที่ถูก root เล่นไฟล์ภาพยนตร์ได้ เพราะเป็นข้อตกลงระหว่างกูเกิลกับบริษัทภาพยนตร์ทั้งหลายในเรื่องลิขสิทธิ์
ที่มา - Android Central
Google เปิดโรงเรียนลิขสิทธิ์ ใน Youtube เพื่อให้ความรู้กับกฎหมายและการตระหนักถึงการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ซึ่งมีวิดีโออธิบายเกี่ยวกับข้อควรระวังเพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ในรูปแบบการ์ตูน ความยาวประมาณ 4 นาที โดยให้ผู้ที่เคยทำการละเมิดลิขสิทธิ์ดูและทำแบบทดสอบก่อนที่จะสามารถใช้บริการต่อไปได้
เว็บไซต์ Billboard.biz อ้างว่า Amazon ได้ส่งจดหมายถึงค่ายเพลงต่างๆ ในสหรัฐ ชี้แจงเพิ่มเติมว่าหลังเปิดตัว Cloud Drive/Cloud Player มาได้สองสัปดาห์ ยอดขายเพลงผ่าน Amazon MP3 Store ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (อย่างไรก็ตาม Amazon ไม่ได้เปิดเผยยอดขายเป็นตัวเลข)
หลังจากที่ Amazon เปิดตัวบริการ Cloud Drive และ Cloud Player และฝ่ายค่ายเพลงได้ออกมาเรียกร้องให้ Amazon ตกลงเงื่อนไขด้านสัญญาอนุญาตกับค่ายเพลง ทาง Amazon ก็ได้กล่าวออกมาว่าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นแต่อย่างใด
Cat Griffin โฆษกของ Amazon ได้ตอบคำถามเรื่องนี้ว่า "Cloud Player เป็นแอพลิเคชันที่ให้ผู้ใช้จัดการและเล่นเพลงของตัวเอง เป็นเหมือนกับแอพลิเคชันจัดการมีเดียที่มีอยู่อย่างดาษดื่น เราไม่ต้องใช้ไลเซนส์ในการให้บริการ Cloud Player" และ "รูปแบบการใช้งานเก็บไฟล์ MP3 ไว้บน Cloud Drive ก็เหมือนกับที่ผู้ใช้เก็บเพลงไว้ใน external hard drive หรือแม้แต่ iTunes"
จากที่ Amazon เปิดตัวบริการ Cloud Drive และ Cloud Player ก็มีปฏิกริยาตามมาทันทีจากค่ายเพลงทั้งหลาย เพราะค่ายเพลงมองว่าการ "เก็บเพลงอะไรก็ได้" ไว้บน Cloud Player จะมีปัญหาเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์แน่นอน
ตามข่าวบอกว่าค่ายเพลงรู้เรื่องนี้ก่อนเปิดตัวเพียง 1 สัปดาห์ และ Amazon เพิ่งเริ่มเจรจาเงื่อนไขด้านกฎหมายหลังจากนั้น ตัวแทนจาก Sony Music ให้สัมภาษณ์ว่า "หวังว่า Amazon ได้เจรจาเงื่อนไขการเก็บเพลงออนไลน์กับเราสำเร็จโดยเร็ว" เมื่อปี 2007 ค่ายเพลง EMI เคยฟ้องบริษัท MP3tunes ซึ่งเปิดบริการลักษณะเดียวกันมาแล้ว ถ้าการเจรจาของ Amazon ไม่สำเร็จลุล่วง เราก็คงจะได้เห็นข่าวค่ายเพลงฟ้อง Amazon เช่นกัน
ผลิตภัณฑ์อีกตัวหนึ่งของกูเกิลที่สร้างความขัดแย้งอย่างมากคือ Google Books (เดิมชื่อ Google Book Search และ Google Print) แม้จะได้รับแรงสนับสนุนอย่างดีจากมหาวิทยาลัยทั่วโลก แต่กลับมีปัญหากับเจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์จนเกิดคดีฟ้องร้องโดยสมาคมนักเขียนของสหรัฐ แนวทางแก้ไขของกูเกิลคือ จ่ายเงินให้สำนักพิมพ์เพื่อยุติคดีในสหรัฐ
แต่ความเคลื่อนไหวล่าสุดของคดีนี้คือศาลเขตนิวยอร์กได้สั่งระงับข้อตกลงยอมความของกูเกิลกับสมาคมนักเขียน โดยศาลให้เหตุผลว่าเงื่อนไขในข้อตกลงเอื้อประโยชน์แก่กูเกิลมากเกินไป เพราะเมื่อกระบวนการยอมความเสร็จสิ้น กูเกิลจะกลายเป็นผู้ผูกขาดตลาดอีบุ๊กทันที กีดขวางไม่ให้คู่แข่งสแกนหนังสือแบบเดียวกันได้
เป็นอีกข่าวที่แสดงถึงการเอาจริงของกลุ่มผู้ถูกละเมิดลิขสิทธิ์บนอินเทอร์เน็ตอย่างโจ่งแจ้งครับ
นักท่องอินเทอร์เน็ตไม่ว่าจะขาประจำหรือขาจร เมื่อเข้าไปใน YouTube ก็มักจะหนีไม่พ้นซับนรกสุดฮาอย่างฮิตเลอร์ที่เข็นกันออกมาไม่หยุดหย่อน แม้กระทั่งผู้กำกับเองมาเห็นก็ยังหัวร่องอหาย แต่คราวนี้ผู้ผลิตหนัง Downfall ซึ่งเป็นต้นฉบับของความฮาก็ออกมาโวยซะแล้ว เนื่องจากผู้ใช้อัพโหลดขึ้นไปจนไม่หวาดไม่ไหว สุดท้ายแล้วก็ได้หาหนทางเพื่อชดเชยด้วยระบบ Content ID ได้แก่การเก็บรายได้ที่มาจากโฆษณาของคลิปแทน หรือสามารถใช้ช่องทางกฎหมายคุ้มครองทางลิขสิทธิ์ (DMCA) เพื่อนำคลิปเจ้าปัญหาออกได้ แน่นอนว่าค่ายอื่นก็รู้สึกเหมือนกันที่ไม่พอใจกับการอัพโหลดภาพยนตร์ของตนขึ้นไปโดยสูญเสียรายได้ไม่น้อย
การประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ (6 ต.ค.) มีความคืบหน้าของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเราๆ ท่านๆ ในโลกไอทีและอินเทอร์เน็ตสองฉบับครับ
อย่างแรกคือ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ... ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัว (privacy) ของทุกคน ใจความหลักๆ ของกฎหมายฉบับนี้คือจะมีคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาดูแลเรื่องนี้ (คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) และกำหนดหลักเกณฑ์ว่าอะไรเป็นข้อมูลส่วนบุคคลบ้าง เปิดเผยข้อมูลอะไรได้บ้าง ถ้าละเมิดจะมีความผิดอย่างไร ฯลฯ (ผมอ่านดูแล้วโครงสร้างจะคล้ายๆ กับ พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550) หลังจากผ่าน ครม. แล้วต้องรอเข้าไปโหวตในสภาต่อไป
มีรายงานว่าแอปเปิลกับ Eigth Mile Style บริษัทของนักแรพชื่อดัง Eminem ได้ไปที่ศาลวันนี้เนื่องจากการที่ Eight Mile Style ได้แจ้งข้อหาให้กับแอปเปิลว่าแอปเปิลได้ทำการขายของ Eminem บนอินเทอร์เน็ตผ่านทาง iTunes ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสิทธิที่จะทำเช่นนั้น เนื่องจาก Aftermath Records ค่ายเพลงที่จัดจำหน่ายเพลงให้กับ Eminem นั้นได้สำสัญญากับ Eminem ไว้ไม่เหมือนกับวงดนตรีอื่น ๆ
จากคำอ้างของ Eight Mile Style นั้น สัญญาของบริษัท Eight Mile Style นั้นระบุไว้ว่าค่ายเพลงจะต้องทำการซื้อสิทธิในการจัดจำหน่ายแยกอีกต่างหาก หากต้องการที่จะขายเพลงของ Eminem ผ่านทางอินเทอร์เน็ต และค่ายเพลงนั้นก็รู้ ๆ อยู่แก่ใจว่าไม่มีสิทธิที่จะให้แอปเปิลนำเพลงเหล่านี้ไปขายบน iTunes
"พรรคโจรสลัด" หรือ Pirate Party ที่เริ่มโด่งดังจนได้เก้าอี้ในรัฐสภายุโรป กำลังเริ่มดำเนินการนโยบายหนึ่งที่เคยหาเสียงไว้ นั่นคือการปฏิรูประบบทรัพย์สินทางปัญญา และข้อเสนอจากพรรคโจรสลัดคือลดระยะเวลาคุ้มครองความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของผู้สร้างลง จากเดิมที่ขั้นต่ำ 25-50 ปี (ขึ้นกับประเภทของงานและประเทศ) ลงมาเหลือ 5 ปี
ในมุมมองของผู้นิยมเสรีภาพของข้อมูลข่าวสาร ข้อเสนอของพรรคโจรสลัดก็น่าจะดี อย่างไรก็ตามพรรคโจรสลัดกลับโดนคัดค้านโดย Richard Stallman หรือ RMS แห่ง Free Software Foundation ผู้เสนอแนวคิดซอฟต์แวร์เสรีและ GPL
ดูเหมือนว่าชาวยุโรปอาจจะต้องยอมรับว่าจะมีโจรสลัดเข้ามาอยู่ในรัฐสภาของตนแล้ว หลังจากที่ผลการเลือกตั้งบ่งบอกว่าพรรค Pirate สามารถที่จะส่งสมาชิกเข้าไปอยู่ในสภา EU ได้
หลังจากที่ The Pirate Bay แพ้คดีครั้งที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าพรรค Pirate ของประเทศสวีเดนได้กลับมาโด่งดังอีกครั้ง แม้ว่าพรรคนี้กับ The Pirate Bay จะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยกันมากนักก็ตามที
โดยพรรค Pirate นี้เป็นพรรคการเมืองที่โด่งดังอันดับสองในประเทศสวีเดน หากนับกันที่ประชากรที่มีสิทธิเลือกตั้งระหว่างอายุ 18-30 ปี โดยหนังสือพิมพ์ DN.se รายงานว่าพรรคนี้จะได้รับโหวตสูงถึง 5.1% ซึ่งนั่นหมายความว่าจะได้รับเก้าอี้ในสภา ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เสียงเดียวในสภาก็ตามที แต่นี่ก็เป็นก้าวสำคัญก้าวแรกของพรรค Pirate นี้
สองบริษัทผู้ "เสียผลประโยชน์" จากการล็อกโทรศัพท์ของแอปเปิล นั่นคือ Skype และ Mozilla ผู้ดูแลโครงการ Firefox ได้ออกมาประกาศตัวสนับสนุน EFF ที่ต่อสู้กับทางแอปเปิลเพื่อสิทธิในการปลดล็อกการลงซอฟต์แวร์หรือที่เรียกกันว่า jailbreak แล้ว
ทั้งสองบริษัทนี้ไม่สามารถส่งซอฟต์แวร์ของตนเองไปติดตั้งในไอโฟนด้วยวิธีปรกติได้ เนื่องจากแอปเปิลนั้นไม่รับซอฟต์แวร์ VoIP ทุกชนิดเมื่อโทรศัพท์เชื่อมต่อกับเครือข่าย cellular และไม่รองรับซอฟต์แวร์ที่ใช้รันสคริปต์อื่นๆ ได้ ซึ่งรวมไปถึงเบราว์เซอร์ด้วย
ทาง EFF ระบุว่าการปลดล็อกโทรศัพท์ไอโฟนนั้นเป็นสิทธิอันชอบธรรมของผู้ใช้เนื่องจากเป็นการกระทำเพื่อให้ทำงานร่วมกับระบบอื่นๆ (interoperability) ได้ดีขึ้น
Paul Aiken ผู้อำนวยการบริหารของสมาคมนักเขียนให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Journal ว่าการใช้คุณสมบัติการอ่านออกเสียงโดยซอฟท์แวร์ (Text-to-Speech) เป็นเรื่องผิดกฏหมาย ทั้งในแง่ลอกเลียนแบบจากหนังสือที่ืมีลิขสิทธิ์ ในแบบ Audio Book และการเผยแพร่เนื้อหาสู่สาธารณชน
"พวกมัน(Text-to-Speech)ไม่มีสิทธิ์อ่านออกเสียง" Paul Aiken กล่าว
"มันเป็นเสียงที่ลอกแบบมาจากหนังสือที่มีลิขสิทธิ์คุ้มครอง"
โดยเฉพาะ Kindle 2 ที่จะออกในเร็ววันนี้
ทางโฆษกของ Amazon ก็ออกมาตอบโต้ว่าคุณลักษณะการอ่านขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีของ Text-to-Speech และผู้อ่านจะไม่สับสนกับการฟังจาก Audio Book
ก็ว่ากันไปครับ ต่างคนต่างมุม
BSA (Business Software Alliance) ออกมาสนับสนุนให้บริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายกับผู้บริโภคที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ จากกรณีคดีบริษัทไทยละเมิดลิขสิทธิ์ "Autodesk"
จากเอกสารสนับสนุนการใช้งานจากแอปเปิล ผู้ที่ซื้อชุดโปรแกรม iWork '09 จากกล่องที่วางขายตามร้านไม่จำเป็นที่จะต้องป้อนเลขซีเรียลนัมเบอร์หลังจากติดตั้งโปรแกรมเสร็จแล้ว ซึ่งจะแตกต่างจากเมื่อก่อนที่ผู้ใช้งานจำเป็นที่จะต้องใส่หมายเลขซีเรียลนัมเบอร์เมื่อเริ่มใช้งานครั้งแรก
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ของแอปเปิล เพราะชุดโปรแกรม iLife และ Mac OS X เองก็ไม่ได้ต้องการให้ผู้ใช้ใส่ซีเรียลนัมเบอร์มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะซอฟต์แวร์ทั้งสองนี้มักจะมาพร้อมกับเครื่องแมคที่ขายช่วงเวลาเดียวกับรุ่นซอฟต์แวร์นั้น ๆ อยู่แล้ว