GitHub ประกาศออก GitHub CLI เวอร์ชัน 1.0 โปรแกรมคำสั่งผ่านคอมมานด์ไลน์ที่เปิดตัวรุ่น Beta เมื่อตอนต้นปี
จุดเด่นของ GitHub CLI คือสั่งงานทุกอย่างได้จากเทอร์มินัล ตั้งแต่สร้างรายการบั๊ก issue ไปจนถึง release ซอฟต์แวร์ โดยไม่ต้องเปิดหน้าเว็บเลย รูปแบบการใช้งานจะขึ้นด้วยคำว่า gh ตามด้วยคำสั่งในระบบ GitHub เช่น gh issue list, gh pr create เป็นต้น
GitHub CLI เวอร์ชัน 1.0 ยังเพิ่มฟีเจอร์ alias สำหรับตั้งคำสั่งเอง (gh alias set), เชื่อมต่อกับ GitHub API (gh api) และเชื่อมกับเซิร์ฟเวอร์ที่เป็น GitHub Enterprise Server ที่นิยมใช้ในองค์กร
ไมโครซอฟท์มี Visual Studio Codespaces ซึ่งเป็นบริการ IDE (VS Code) ผ่านเว็บ + โฮสต์เซิร์ฟเวอร์สำหรับคอมไพล์ เปิดมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2020 (ก่อนหน้านี้ใช้ชื่อ Visual Studio Online)
ล่าสุดไมโครซอฟท์ประกาศยุบ Visual Studio Codespaces เข้าเป็นส่วนหนึ่งของบริการแบบเดียวกันแต่คนละแบรนด์คือ GitHub Codespaces
เหตุผลของการยุบคือบริการทั้งสองตัวซ้ำซ้อนกัน และสร้างความสับสน แถมความเห็นจากผู้ใช้งานมองว่าบริการ codespace ลักษณะนี้เหมาะกับการเชื่อมต่อผ่าน repository (GitHub) มากกว่า IDE (Visual Studio) ไมโครซอฟท์จึงตัดสินใจยุบเหลือตัวเดียว และโยกไปอยู่ใต้แบรนด์ GitHub แทน
GitHub รายงานถึงการอัพเกรด Ruby ที่ GitHub ใช้งานเป็นหลัก รวมโค้ดกว่า 400,000 บรรทัด โดยมีความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือการแจ้งเตือนการยกเลิกรองรับ Hash แทน keyword argument ใน Ruby 3 แม้ว่าจะยังใช้งานได้ใน Ruby 2.7 ก็ตาม แต่ GitHub ยืนยันว่าจะใช้โค้ดแบบไม่มีคำเตือน deprecated ทำให้ต้องแก้ไขโค้ดจำนวนมาก
GitHub เปิดบริการ GitHub Container Registry บริการริจิสตรีสำหรับเก็บอิมเมจคอนเทนเนอร์แบบไม่ต้องล็อกอิน ขยายมาจากบริการ GitHub Packages ที่เปิดตัวตั้งแต่ปีที่แล้วแต่เน้นใช้งานในองค์กรเท่านั้น
ทาง GitHub ประกาศบริการนี้เพียงสองสัปดาห์หลัง Docker ประกาศว่าจะเริ่มลบอิมเมจที่ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานๆ ออกจาก Docker Hub ทำให้น่าสนใจว่า Docker Hub ที่ทุกวันนี้เป็นรีจิสตรีมาตรฐานสำหรับโครงการจำนวนมากจะคงความนิยมในระยะยาวได้หรือไม่
จากที่ประกาศไว้ว่า GitHub จะดึงโค้ดทั้งหมดใส่แผ่นฟิล์ม ฝังไว้ใต้ดินที่ขั้วโลกเหนือ ภายใต้โครงการ GitHub Arctic Code Vault เพื่อเก็บรักษาซอฟต์แวร์ของมนุษยชาติ (ตามเป้าหมายคือ 1 พันปี)
วันนี้ GitHub นำโค้ดไปฝังใต้ดินขั้วโลกเหนือเรียบร้อยแล้ว โดยดึงโค้ดจาก public repository ทั้งหมด ณ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2020 คิดเป็นข้อมูล 21TB แล้วบันทึกลงฟิล์มเฉพาะ piqlFilm ของบริษัท Piql ที่ใช้เก็บรักษาข้อมูลเป็นระยะเวลานานๆ จำนวน 186 ม้วน
GitHub มีปัญหาวันนี้ตั้งแต่ช่วง 11 โมงที่ผ่านมาโดยประสิทธิภาพการทำงานลดลงและอัตราการแจ้ง error สูงขึ้นเรื่อยๆ จนล่าสุดแทบไม่มีใครเข้าได้
ทาง GitHub แจ้งว่าพบต้นเหตุของปัญหาตั้งแต่ช่วงเที่ยงที่ผ่านมาและกำลังทำงานเพื่อกู้ระบบอยู่
ที่มา - GitHub
ไมโครซอฟท์ปล่อยโครงการ Git Credential Manager Core (GCM Core) ซอฟต์แวร์จัดการการล็อกอินสำหรับบริการโฮสต์ Git โดยตอนนี้รองรับ GitHub, Bitbucket, และ Azure Repos พร้อมกับเตรียมรองรับบริการโฮสต์อื่นๆ เช่น GitLab
GCM รุ่นแรกเป็นโปรแกรมที่ไมโครซอฟท์ปล่อยมาตั้งแต่ปี 2015 เพื่อแก้ปัญหา Azure Repos (ชื่อเดิม Visual Studio Online) ที่ตอนนั้นไม่รองรับการ push/pull ด้วยกุญแจ SSH แถมการล็อกอินบัญชีองค์กรหลายครั้งก็ถูกบังคับให้ใช้การล็อกอินแบบสองขั้นตอนทำให้การล็อกอินด้วย Git ทำได้ลำบาก
GitHub ปล่อย Super Linter อิมเมจคอนเทนเนอร์สำหรับตรวจสอบโค้ด สำหรับใช้เรียกจาก GitHub Action เพื่อตรวจสอบคุณภาพโค้ดก่อนที่จะ merge โค้ดเข้า mastermain
ตัวคอนเทนเนอร์นี้เป็นโครงการที่ GitHub ใช้งานเป็นการภายในแต่เดิม โค้ดหลักเป็น shell script สำหรับรัน linter ในภาษาต่างๆ เช่น Ruby, Python3, JavaScript, TypeScript, Go ไปจนถึงไฟล์คอนฟิกหรือสคริปต์ เช่น Dockerfile, Terraform, YAML
ค่าเริ่มต้นของ Super Linter จะใช้กฎตรวจสอบเริ่มต้นของ linter แต่ละภาษา แต่หากต้องการใช้กฎเฉพาะของทีมก็ตั้งเพิ่มเติมได้
ที่มา - GitHub
GitHub เป็นองค์กรล่าสุดที่ออกมาเปลี่ยนคำว่า master/slave ที่อาจกระทบความรู้สึกของคนผิวดำ โดย Nat Friedman ซีอีโอของ GitHub ออกมาตอบสนองคำเรียกร้องให้เปลี่ยนผ่านทวิตเตอร์
ข้อเสนอนี้มาจาก Una Kravets นักพัฒนา Chrome ซึ่งเป็นพนักงานของกูเกิล เสนอให้เปลี่ยนคำว่า master เป็น main ซึ่ง Nat Friedman ก็เข้ามาตอบว่าเป็นไอเดียที่ดี และทางทีม GitHub กำลังทำเรื่องนี้กันอยู่
คำว่า master ของ GitHub มีที่มาจากตัวซอฟต์แวร์ Git ซึ่งหมายถึงตัวกิ่งหลักของเวอร์ชันโค้ด (master branch ซึ่งเป็นชื่อดีฟอลต์, ในระบบ Git ไม่มีคำว่า slave เพราะกิ่งอื่นตั้งชื่อเองได้) ตัวโครงการ Git เองก็มีการหารือเรื่องนี้ แต่ยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะเปลี่ยนหรือไม่ และใช้คำว่าอะไร
เมื่อคืนนี้ GitHub มีของใหม่ชุดใหญ่ ฝั่งของบ้านใกล้เรือนเคียง Visual Studio Code ก็มีของใหม่สำหรับ GitHub เช่นกัน
VS Code มีส่วนขยาย GitHub Pull Requests มาตั้งแต่ต้นปี 2019 หลังไมโครซอฟท์ซื้อกิจการไม่นาน เวลาผ่านมาอีกปีกว่า ส่วนขยายตัวนี้เปลี่ยนชื่อมาเป็น GitHub Pull Requests and Issues เพิ่มฟีเจอร์ตามชื่อคือ เชื่อมต่อกับระบบฐานข้อมูลบั๊ก GitHub Issues ด้วย
GitHub ออกรายงาน Octoverse ฉบับพิเศษวิเคราะห์การทำงานของโปรแกรมเมอร์จากการระบาดของโรค COVID-19 โดยสำรวจจากปริมาณ pull request, issue, push, และ merge พบผลกระทบของ COVID-19 กับนักพัฒนาในช่วงนี้ อย่างไรก็ตามผลสุดท้ายแสดงให้เห็นว่างานพัฒนาไม่ได้รับผลกระทบรุนแรง
GitHub เปิดฟีเจอร์ใหม่ในงาน Satellite 2020 โดยฟีเจอร์สำคัญ 3 รายการ ได้แก่ Codespaces, Discussions, Code scanning, และ GitHub Private Instances
ในช่วงหลังบริการ Git repository มีการแข่งขันสูงขึ้น โดยเฉพาะจาก GitLab ซึ่งนอกจากจะให้ใช้ repository ได้ฟรีทั้ง public และ private ได้แล้ว ยังมีการโยกฟีเจอร์เสียเงินมาเป็นฟีเจอร์ฟรีอยู่เรื่อยๆ
ล่าสุด GitHub ก็ไม่ทานกระแสนี้อีกต่อไป เปิดให้ใช้ private repository ฟรีแบบไม่มีข้อจำกัดเรื่องจำนวนสมาชิกในทีมแล้ว (เดิมจำกัดไม่เกิน 3 คน) พร้อมทั้งได้ใช้ฟีเจอร์ CI/CD, การรีวิวโค้ด, การจัดการโปรเจกต์ไปด้วย สำหรับทีมที่เสียเงินอยู่ในแพคเกจ Team จะได้ลดราคาจาก $9 เหลือ $4 ต่อคน โดยจะใช้งานฟีเจอร์มากขึ้น และได้โควต้าใช้งานส่วนต่างๆ มากขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางใกล้เคียงกับที่ GitLab ทำอยู่ในปัจจุบัน
GitHub Mobile เปิดตัวตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่เป็นรุ่นทดสอบที่ต้องสมัครเพื่อขอใช้งานในวงปิด วันนี้ทาง GitHub ก็ปล่อยตัวจริงให้ทุกคนใช้งานแล้วทั้ง iOS และ Android
ฟีเจอร์หลักของแอป คือ จัดการการแจ้งเตือนและ task ต่างๆ, ตอบคอมเมนต์, และการรีวิว pull request
ในช่วงทดสอบเบต้า กลุ่มผู้ทดสอบคอมเมนต์, รีวิว, และกดรับ pull request ผ่านแอปไปเกือบหนึ่งแสนรายการ แสดงให้เห็นว่าการใช้แอปน่าจะทำให้ GitHub เป็นชุมชนที่คึกคักขึ้น
ที่มา - GitHub
GitHub ประกาศว่าลงนามข้อตกลงเข้าซื้อกับ npm เรียบร้อยแล้ว โดยสัญญาว่าบริการ npm จะฟรีตลอดไป แต่จะมีการปรับปรุง 3 ด้านได้แก่
นอกจากทั้งสามด้านแล้ว GitHub ยังระบุว่าการรวม npm เข้ามาจะทำให้โครงสร้างความมั่นคงปลอดภัยของโลกซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สดีขึ้นจากการที่สามารถตรวจสอบได้ว่าแพ็กเกจเวอร์ชั่นใดมาจากโค้ดส่วนใด และยังใช้ความสามารถของ GitHub Security Lab ในการตรวจสอบความปลอดภัยได้
ในช่วงที่มีการระบาดของโรค COVID-19 รัฐบาลกรุงโตเกียวได้เปิดเว็บ COVID-19 Task Force ขึ้นมาพร้อมปล่อยซอร์สโค้ดลง GitHub เพื่อเป็นเว็บสำหรับรายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในแง่มุมต่างๆ
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มีนาคม Audrey Tang รัฐมนตรีดิจิทัลของไต้หวันได้ช่วยแก้โค้ดของเว็บไซต์ดังกล่าวในส่วนของเมนูเปลี่ยนภาษาจีนกลางสำเนียงไต้หวัน (zh-TW) โดยเปลี่ยนจากตัวอักษร 体 เป็นอักษร 體 ที่เหมาะสมกว่า จากนั้นเธอได้สร้าง pull request เพื่อให้ผู้ดูแลโปรเจ็คได้เข้ามารีวิว ซึ่งผู้รีวิวโค้ดสองคนได้ยอมรับการแก้ไขนี้พร้อมคอมเมนต์ขอบคุณ และ merge เข้าโค้ดหลักแล้ว
GitHub ประกาศมาตรการรับมือโรค COVID-19 โดยส่วนที่กระทบคนภายนอกที่สุดคืองาน GitHub Satellite ที่เดิมมีกำหนดจัดเดือนพฤษภาคมที่กรุงปารีส จะกลายเป็นงานดิจิทัลแทน
นอกจากตัวงานแล้ว ทาง GitHub ยังประกาศมาตรการสำหรับพนักงานออกมาอีกชุด ได้แก่
ปกติแล้วเราสามารถใช้งานโปรแกรม Unity ที่มีฟีดเจอร์ครบครันได้ฟรี ยกเว้นเครื่องมือเสริมที่ต้องเสียเงินซื้อเพิ่ม(บางเครื่องมือใช้ได้ฟรีแต่มีข้อจำกัด) ซึ่งส่วนมากจะต้องซื้อในแพลน Plus หรือ Pro ที่มีราคาสูงทำให้นักเรียนนักศึกษาไม่สามารถเข้าถึงเครื่องมือพวกนี้ได้
ล่าสุดทาง Unity ได้ประกาศเพิ่ม Student Plan ที่มีสิทธิเหมือนแพลน Pro เพื่อช่วยให้นักศึกษาสามารถเข้าถึงเครื่องมือไปเรียนรู้และเข้าใจกระบวนการทำงานในอุตสาหกรรมเกมมากขึ้น
โดยสิทธิ์พิเศษที่จะได้รับมีดังนี้
GitHub ประกาศตั้งบริษัทลูกในประเทศอินเดีย โดยให้เหตุผลว่าเป็นตลาดนักพัฒนาโปรแกรมขนาดใหญ่อันดับสามของโลก (ไม่ได้บอก 2 อันดับแรกว่าประเทศไหนบ้าง)
บริษัทลูกของ GitHub จะใช้ชื่อว่า GitHub India Private Limited โดยเป็นสำนักงานเต็มรูปแบบ มีทั้งวิศวกร เซลส์ ซัพพอร์ต การตลาด ฯลฯ รวมถึงนำโครงการเฉพาะทางอย่าง GitHub Education, GitHub Hackathon Grant เข้ามาทำตลาดอินเดียอย่างจริงจังด้วย
GitHub บอกว่าอินเดียคือ "อนาคตของโลกซอฟต์แวร์" โดยให้ข้อมูลว่าจำนวนผู้ใช้ GitHub ในอินเดียเติบโต 22% ต่อปี, จำนวน public repository เติบโต 75% ต่อปี
GitHub ปรับสถานะ GitHub CLI เป็นระดับเบต้าใกล้พร้อมใช้งานจริง โดยมันเป็นไคลเอนต์แบบ command line สำหรับใช้งานในเทอร์มินัลเพิ่มเติมจากการใช้งาน git ตามปกติ โดยมีฟีเจอร์สองอย่างคือการจัดการ Issue และ Pull Request
การดู Issue สามารถตรวจสอบการแจ้งปัญหาหรือรายงานบั๊กได้จากในเทอร์มินัล โดยสามารถฟิลเตอร์ตามหมวดหมู่ได้ด้วย แต่ยังไม่สามารถแสดงเนื้อหาใน Issue ได้ ราบงานได้เฉพาะหัวข้อเท่านั้น
ส่วนการจัดการ Pull Request (PR) สามารถทำได้ทั้งสร้าง PR ใหม่ ตรวจสอบสถานะของ PR และ checkout PR ของคนอื่นมาดูได้
ที่มา - GitHub
ปลายปีที่แล้ว GitHub ประกาศโครงการ GitHub Arctic Code Vault ที่จะนำโค้ดไปพิมพ์ใส่แผ่นฟิล์มฝังขั้นโลกเหนือเพื่อรักษาโค้ดของมนุษยชาติ ตอนนี้เหลืออีกเพียง 2 วันจะถึงกำหนดการล็อกโค้ด ณ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2020 หากใครอยากมีโค้ดอะไรอยากให้รักษาเป็นสมบัติมนุษยชาติ หรืออยากเก็บโค้ดเป็นความลับก็ถึงเวลาตัดสินใจ
หากต้องการถอนตัวออกจากโครงการนี้ก็เพียงแค่ล็อก repository ให้เป็น private ก่อนวันที่ 2 นี้เท่านั้น
ปีที่แล้ว GitHub เปิดตัวแอปบนโทรศัพท์มือถือโดยระบุว่าจะมีทั้งแอนดรอยด์และไอโอเอส แต่เปิดทดสอบเฉพาะบนไอโอเอสมาก่อน ตอนนี้รุ่นแอนดรอยด์ก็เปิดทดสอบแล้ว
ตัวแอปต้องการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 5.1 ขึ้นไป ตัวแอปเป็นเนทีฟทั้งหมด รองรับ dark mode เช่นเดียวกับไอโอเอส
สามารถสมัครเป็นผู้ทดสอบเบต้าได้บน Google Play
ที่มา - GitHub
จากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ที่ทำให้นักพัฒนาจีนไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของตะวันตก รวมถึงกรณีที่รัฐบาลจีนเองสั่งให้หน่วยงานรัฐเลิกใช้ฮาร์ดแวร์ซอฟต์แวร์ตะวันตก ก็ไม่น่าแปลกใจที่ทางเลือกของนักพัฒนาจีนจะเหลือแค่โอเพนซอร์สเป็นหลักเท่านั้น
Erica Brescia ซีอีโอของ GitHub ก็ออกมายืนยันด้วยตัวเองว่า รัฐบาลจีนเองก็พยายามผลักดันให้นักพัฒนาชาวจีนใช้งานโอเพนซอร์สเป็นหลัก และ GitHub เองก็มีแผนจะเข้าไปเปิดบริษัทลูกในจีนผ่านการร่วมทุน เพื่อให้นักพัฒนาจีนเข้าถึงโค้ดและ repo ทั้งหมดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศ
GitHub เปิดตัวโครงการ GitHub Security Lab เพื่อยกระดับความปลอดภัยของซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สบน GitHub โดยโครงการนี้ประกอบด้วย
เราอาจเคยเห็นโครงการอนุรักษ์ความรู้หรือข้อมูลของมนุษยชาติเพื่ออนาคตระยะไกลมากๆ กันมาบ้าง โครงการที่ดังหน่อยคือ Svalbard Global Seed Vault ที่นำเมล็ดพันธุ์พืชจากทั่วโลกไปเก็บไว้ในคลังใต้ภูเขา บนหมู่เกาะ Svalbard ของนอร์เวย์ที่ใกล้กับขั้วโลกเหนือ เพื่อใช้ความเย็นเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ให้ยาวนาน และเก็บรักษาในที่ห่างไกล ปลอดภัยจากภัยพิบัติต่างๆ
สัปดาห์ที่ผ่านมา GitHub เปิดตัวโครงการ GitHub Arctic Code Vault ที่มีไอเดียคล้ายกัน แต่เป็นการเก็บ "โค้ด" ของซอฟต์แวร์ที่มนุษยชาติเขียนขึ้น