The Japan Times รายงานว่าหน่วยงานด้านวัฒนธรรม (Cultural Affairs Agency) กำลังพิจารณากฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ เพื่อยื่นให้รัฐสภาพิจารณา ซึ่งจะครอบคลุมการดาวน์โหลดผลงานลิขสิทธิ์ทุกรูปแบบไม่ว่าจะภาพยนตร์, เพลง, มังงะ, หนังสือ ฯลฯ ถือว่าผิดกฎหมายทั้งหมด จากที่ตอนนี้กฎหมายครอบคลุมเฉพาะวิดิโอและเพลงเท่านั้น
กฎหมายดังนั้นยังอยู่ในขั้นร่างและถกเถียงภายในหน่วยงานเท่านั้น รายละเอียดต่างๆ ยังไม่สิ้นสุด อย่างไรก็ตามในร่างกฎหมายมีวรรคหนึ่งระบุว่าให้ลงโทษเจ้าของเว็บที่ลงไฮเปอร์ลิงก์ไปยังเว็บที่ละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย โดยทางหน่วยงานด้านวัฒนธรรมจะยื่นร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้ภายในวาระการประชุมรัฐสภาที่กำลังมีขึ้นขณะนี้
หน่วยงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์หรือ Nukib ของสาธารณรัฐเชคยื่นเรื่องแจ้งเตือนรัฐบาลให้แบนการใช้งานอุปกรณ์ Huawei ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง ซึ่งที่น่าสนใจคือประเด็นนี้ได้กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานดังกล่าวกับประธานาธิบดี เพราะผู้นำประเทศเชคค่อนข้างสนิทกับ Huawei และรัฐบาลจีน
หัวหน้าหน่วยงาน Nukib ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะรัฐบาลจีนผ่านกฎหมายข่าวกรองแห่งชาติเมื่อปี 2017 ที่บังคับให้บริษัทจีนต้องให้ความร่วมมือในด้านหน่วยข่าวกรอง ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหนก็ตาม
รัฐสภาของออสเตรเลียออกมาเปิดเผยว่าพบความผิดปกติด้านความปลอดภัยในระบบเนิ็ตเวิร์ค โดยไม่ได้เจาะจงว่าเป็นปัญหาอะไรและยังอยู่ระหว่างการสอบสวนร่วมกับหน่วยงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์
แถลงการณ์ของรัฐสภาระบุว่าเบื้องต้นได้เปลี่ยนพาสเวิร์ดและบังคับใช้มาตรการต่างๆ เพื่อปกป้องข้อมูลเรียบร้อยแล้ว พร้อมยืนยันว่าไม่มีข้อมูลหลุดออกไป อีกทั้งยังไม่มีหลักฐานที่ชี้ชัดว่าเป็นความพยายามกำหนดทิศทางหรือการลงคะแนนเสียงต่างๆ ในสภา ด้านนายกรัฐมนตรีก็ยืนยันว่าไม่มีข้อมูลที่ชี้ว่า หน่วยงานรัฐหรือกระทรวงไหนตกเป็นเป้าหมายการโจมตีทางไซเบอร์
ที่มา - Strait Times
รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศสนับสนุนการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับภายในประเทศ พร้อมระบุว่ากำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงกฎหมาย (Code of Practice) ที่ว่าด้วยการทดสอบรถไร้คนขับบนถนน ให้รองรับการทดสอบและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำมากยิ่งขึ้น (advanced trials) อาทิ การทดสอบวิ่งโดยไม่ต้องมีคนนั่งหลังพวงมาลัย
สหราชอาณาจักรอนุญาตให้มีการทดสอบรถไร้คนขับบนถนนภายใต้ข้อบังคับความปลอดภัยต่างๆ มาตั้งแตปี 2015 โดยตั้งเป้าว่ารถไร้คนขับแบบสมบูรณ์แบบ จะสามารถวิ่งทดสอบบนถนนได้ราวปี 2021 ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ Industrial Strategy ที่ต้องการสนับสนุนภาคธุรกิจให้เกิดการสร้างงาน รวมถึงสนับสนุนประชากร ด้วยการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมและทักษะของคน
ญี่ปุ่นเพิ่งผ่านกฎหมายฉบับใหม่ ที่เปิดให้เจ้าหน้าที่ของสถาบันเทคโนโลยีด้านการสื่อสารและข้อมูลแห่งชาติ (NICT) ภายใต้กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสาร สามารถสุ่มพาสเวิร์ดหรือใช้พาสเวิร์ดดีฟอลต์เพื่อแฮกอุปกรณ์ IoT ของผู้ใช้ชาวญี่ปุ่นได้ ด้วยเหตุผลเพื่อแจ้งเตือนและสร้างการตระหนักรู้ถึงความปลอดภัย
กระบวนการดังกล่าวจะคล้ายกับการทำเซอร์เวย์ คือพนักงานของ NICT จะสุ่มแฮกอุปกรณ์และรวมรวบรายชื่ออุปกรณ์ที่ใช้พาสเวิร์ดดีฟอลต์หรือเดาง่าย ก่อนส่งต่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหรือ ISP ที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้งานต่อไป โดยกระบวนการนี้จะเริ่มในช่วงเดือนหน้า กับอุปกรณ์ IoT รวมถึงเราเตอร์กว่า 200 ล้านตัวทั้งที่ใช้ในบ้านและในองค์กร
รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมจะทบทวนไกด์ไลน์ด้านความปลอดภัยไซเบอร์สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน 14 ด้าน อาทิ ไฟฟ้า, ประปาและแก๊ส เพื่อรับมือการโจมตีที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น รวมถึงเตรียมตัวสำหรับโอลิมปิกปี 2020 ด้วย
รัฐบาลระบุว่าถึงแม้ภาครัฐจะไม่เคยตกเป็นเหยื่อการโจมตีจนไม่สามารถให้บริการโครงสร้างพื้นฐานได้ แต่เหตุการณ์คล้ายๆ กันก็เคยเกิดกับภาคเอกชน อย่างล่าสุดที่ SoftBank ให้บริการไม่ได้ก็เกิดจากปัญหาซอฟต์แวร์ จนส่งผลกระทบเป็นวงกว้างมาแล้ว
นอกจากนี้ช่วงเดือนเมษายนนี้ ภาครัฐ, ภาคเอกชนและมหาวิทยาลัยจะร่วมวงประชุมกันในประเด็นการโจมตีทางไซเบอร์, มาตรการตอบโต้และเทคนิคต่างๆ ที่แฮกเกอร์ใช้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ภาครัฐและเอกชนร่วมวงพูดคุยเรื่องนี้กัน
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสิงคโปร์ (Immigration and Checkpoints Authority - ICA) ประกาศแผนการยกเลิกบริการหน้าสำนักงานใน 15 บริการหลัก บังคับให้ผู้รับบริการต้องแจ้งผ่านออนไลน์หรือใช้งานผ่านตู้ kiosk ที่สำนักงานภายในปี 2020
บริการทั้ง 15 รายการ เช่น การขอหนังสือเดินทาง, ขอวีซ่าระยะยาว, ขอบัตรประชาชน, แจ้งย้ายที่อยู่, หรือการขอโอนย้ายสัญชาติมาเป็นสิงคโปร์ รวมทั้งหมดครอบคลุมบริการ 99% ของบริการทั้งหมด มีเพียงบริการเฉพาะอย่างเช่นการสละสัญชาติเท่านั้นที่ไม่สามารถให้บริการออนไลน์ได้
นับเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างสาหัสสำหรับ Huawei นับตั้งแต่ถูกหน่วยงานด้านความมั่นคงสหรัฐเตือนเรื่องความเสี่ยงด้านความปลอดภัย จนทำให้ภาครัฐและเอกชนในหลายๆ ประเทศทยอยถอนตัวจากการใช้งานอุปกรณ์โครงข่าย Huawei ไม่รวมเรื่องที่ผู้บริหารถูกจับที่แคนาดา
ล่าสุด Huawei เปิดเผยว่าเตรียมจะลงทุนราว 2 พันล้านเหรียญเป็นระยะเวลา 5 ปีในด้านความปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อรับมือและแก้ปัญหาความเชื่อมั่นข้างต้น พร้อมกันนั้น Ken Hu ประธานบริษัทเผยว่าพยายามพูดคุยกับรัฐบาลทั่วโลก เพื่อยืนยันความเป็นอิสระในการทำงาน รัฐบาลจีนไม่ได้เข้ามาแทรกแซง และยืนยันว่ารัฐบาลฝรั่งเศสรวมถึงญี่ปุ่น ยังไม่ได้แบน Huawei อย่างเป็นทางการ
หลังรัฐบาล, กระทรวงกลาโหมสหรัฐ, กระทรวงกลาโหมออสเตรเลียและรัฐบาลนิวซีแลนด์สั่งแบนการใช้งานอุปกรณ์ของ Huawei และ ZTE ตามคำเตือนของหน่วยงานด้านความมั่นคงไปก่อนหน้านี้
ล่าสุดญี่ปุ่นกำลังจะเป็นอีกประเทศที่เดินตามรอยนี้ เมื่อ Reuters รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวไม่เปิดเผยว่ารัฐบาลญี่ปุ่นกำลังเล็งจะแบนการใช้งาน Huawei และ ZTE ในภาครัฐเพื่อป้องกันข่าวกรองรั่วไหลและการโจมตีทางไซเบอร์ พร้อมใช้มาตรการด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมด้วย อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวของ Reuters บอกว่ารัฐบาลญี่ปุ่นไม่ได้ระบุชื่อ Huawei หรือ ZTE เป็นการเจาะจง
Facebook แต่งตั้ง Nick Clegg อดีตรองนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ช่วงปี 2010-2015 เป็นผู้บริหารฝ่ายสัมพันธ์ภาครัฐและการสื่อสาร (VP, Global Affairs and Communications)
Clegg บอกว่าเขาได้รับคำชวนจาก Mark Zuckerberg และ Sheryl Sandberg ให้มาทำงานนี้ เขาคิดว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เปลี่ยนอาชีพจากสายงานการเมือง เพราะผลิตภัณฑ์ของ Facebook มีบทบาทต่อชีวิตของผู้คนมาก และสร้างปัญหาที่ท้าทายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นส่วนตัว เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ผลกระทบต่อสังคมและการเมือง ฯลฯ
รัฐบาลสิงคโปร์ให้นิติบุคคลใช้บัญชี CorpPass เป็นบริการล็อกอินกลางอันเดียวสำหรับบริการออนไลน์ภาครัฐทั้งหมด 140 บริการ จากเดิมแต่ละบริการมีระบบล็อกอินแยกจากกัน
ก่อนหน้านี้บริการสำหรับนิติบุคคลในสิงคโปร์จำนวนหนึ่งก็ใช้ CorpPass อยู่แล้ว แต่บางบริการกลับใช้บัญชีบุคคลธรรมดา SingPass ส่วนบางบริการก็ใช้ระบบแยก เช่น E-Services Authorisation System ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสิงคโปร์รวมบริการทั้งหมดเข้าเป็นระบบเดียวกัน
รัฐบาลสิงคโปร์ระบุว่า CorpPass จะช่วยสร้าง "สุขอนามัยทางไซเบอร์" (cyber hygiene) ที่ดี เพราะโดยระบบ CorpPass รองรับการจัดการระดับองค์กรเช่นการให้สิทธิ์พนักงานจัดการเฉพาะเรื่อง แทนที่จะใช้บัญชีบุคคลธรรมดาแล้วแชร์รหัสผ่านกันไปมา
ถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวจากฝั่งภาครัฐต่อประเด็น eSports ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย เมื่อการประชุมคณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 1/2561 ได้มีวาระประเด็นหารือเรื่องเกี่ยวกับ eSports เพิ่มเติมจากการหารือเรื่องกีฬาทั่วไป
หลังมีประเด็นออกมาตั้งแต่ต้นปี ที่ FBI, CIA และ NSA ประสานเสียงกันเตือนชาวอเมริกันว่าอย่าใช้สินค้า ZTE และ Huawei ก่อนจะลามไปยังออสเตรเลียและกองทัพสหรัฐ ล่าสุดมาตรการนี้ออกมาเป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการแล้ว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เพิ่งจะลงนามในกฎหมาย Defense Authorization Act ซึ่งมีการพูดถึงการสั่งให้หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่ทำงานร่วมกับภาครัฐ ไม่ให้ใช้งานอุปกรณ์และบริการของ Huawei/ZTE ที่จำเป็นและสำคัญ (essential and critical) กับระบบที่หน่วยงานใช้งานอยู่ อย่างไรก็ตามอุปกรณ์บางชิ้นของสองแบรนด์นี้ยังคงอนุญาตให้ใช้งานตราบเท่าที่ตัวอุปกรณ์ ไม่สามารถเข้าถึงหรือดูข้อมูลได้
Flash เป็นเทคโนโลยีที่ล้าสมัยถึงขนาด Adobe เองประกาศหยุดซัพพอร์ตในปี 2020 แต่ก็ยังมีเว็บไซต์จำนวนมากใช้งาน Flash กันอยู่ และสภาพการณ์ "เว็บหน่วยงานรัฐใช้ Flash" ดูจะไม่ใช่ปัญหาเฉพาะของเมืองไทยที่เดียว
วุฒิสมาชิก Ron Wyden ของสหรัฐอเมริกา ส่งจดหมายเปิดผนึกไปยังหน่วยงานด้านความมั่นคงไซเบอร์หลายแห่ง เช่น NIST, NSA, ศูนย์บัญชาการกองทัพไซเบอร์, กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ สอบถามว่าทำไมเว็บไซต์หน่วยงานภาครัฐในสหรัฐอเมริกา ยังใช้งาน Flash กันอยู่
สืบเนื่องจากกรณีที่กระทรวงกลาโหมออสเตรเลียเตรียมเลิกใช้ Huawei และ ZTE ตามคำเตือนสหรัฐ ผลกระทบที่เกิดกับ Huawei ดูท่าจะยังไม่หมดแค่นี้ เมื่อแหล่งข่าวจากรัฐบาลเผยว่า Huawei กำลังจะถูกแบนจากการเป็นซัพพลายเออร์อุปกรณ์โครงข่าย 5G
การตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากหน่วยงานข่าวกรองของออสเตรเลียแสดงความกังวลว่ารัฐบาลจีนอาจบีบให้ Huawei ส่งมอบข้อมูลที่อ่อนไหวก็เป็นได้ เพราะมองว่าจีนเป็นคอมมิวนิสต์และมีกฎหมายที่บังคับให้บริษัทเอกชนส่งมอบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในแง่ข่าวกรองหากถูกร้องขอ
สวนทางกับประเทศตะวันตกหลายประเทศอย่างแคนาดา, เยอรมนีหรือแม้แต่นิวซีแลนด์ มั่นใจว่าอุปกรณ์ Huawei ไม่สามารถแอบเข้าถึงข้อมูลหรือแอบเก็บข้อมูลได้แน่นอน
รัฐบาลสิงคโปร์เปิดตัวแอป Moments of Life (Google Play, App Store) ให้บริการครอบครัวตั้งแต่การแจ้งเกิด, แจ้งรับผลประโยชน์การมีบุตร ไปจนถึงการติดตามประวัติสุขภาพบุตรเช่นการฉีดวัคซีน ทำให้กระบวนการแจ้งเกิดของสิงคโปร์กลายเป็นบริการไร้กระดาษเป็นครั้งแรก
ตอนนี้การใช้บริการแอปนี้แบบครบวงจรจะรองรับเฉพาะเด็กที่เกิดในสามโรงพยาบาล ได้แก่ KK Women's and Children's Hospital, Singapore General Hospital, และ National University Hospital เท่านั้น โรงพยาบาลอื่นๆ ยังต้องรอการขยายโครงการต่อไป
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังจะยกระดับไปอีกขั้น เมื่อกระทรวงการคลังเตรียมจะออกมาตรการใหม่ ที่ห้ามบริษัทที่มีคนจีน (ไม่ว่าจะรัฐบาลหรือเอกชน) ถือหุ้นเกิน 25% เข้าซื้อบริษัทไอทีของสหรัฐ ที่ครอบครองเทคโนโลยีที่มีความสำคัญในเชิงอุตสาหกรรม (industrially significant technology)
อย่างไรก็ตามกระทรวงการคลังระบุว่า เมื่อกฎหมายออกมา ตัวเลขสัดส่วนที่คนจีนถือหุ้นอาจต่ำกว่า 25% รวมถึงว่าถึงแม้นักลงทุนจีนจะถือหุ้นน้อยกว่าที่กำหนด แต่หากหน่วยงานภาครัฐมองว่า นักลงทุนจีนที่เข้าซื้อบริษัทสหรัฐ มีสิทธิเข้าถึงเทคโนโลยีที่ซื้อไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มาตรการนี้ก็จะครอบคลุมด้วย
ตั้งแต่วันนี้ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เปลี่ยนเป็น สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (ใช้ชื่อย่อ "สพร.") และเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษเป็น "Digital Government Development Agency (Public Organization)" (ย่อว่า "DGA") ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสํานักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2561
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศให้หน่วยงานต่างๆ ยกเลิกการใช้สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน ภายในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล โดยหลังจากนั้นจะมีแอพพลิเคชันออกมาให้หน่วยงานใช้งานแทน
ธนาคารกลางของอิหร่าน (ประมาณธนาคารแห่งประเทศไทย) ประกาศแบนไม่ให้ธนาคาร สถาบันการเงินและร้านรับแลกเปลี่ยนเงิน ยุ่งเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตทุกชนิด เพราะห่วงเรื่องการฟอกเงิน
IRNA (Islamic Republic News Agency) สำนักข่าวของรัฐบาลอิหร่านระบุว่า ธนาคารกลางสั่งห้ามไม่เพียงการซื้อขายเท่านั้น แต่ยังห้ามยุ่งเกี่ยวหรือโปรโมทสกุลเงินคริปโตใดๆ ทั้งสิ้นด้วย โดยกฎหมายนี้ออกมาเสริมกับกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินที่ผ่านเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
ที่มา - Reuters
หลังจากการพิจารณาคดีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ มีการพูดถึงว่าควรมีการออกกฎหมายที่ร่วมสมัยกว่ากฎหมายเดิมที่ใช้ตั้งแต่ปี 1986 ว่าจะเป็นวิธีการยุติข้อพิพาทได้
ต่อมาเมื่อวันที่ 22 มีนาคม สภาคองเกรสลงมติให้ผ่านร่างรัฐบัญญัติสร้างความชัดเจนทางกฏหมายของการใช้งานข้อมูล (Clarifying Lawful Overseas Use of Data Act หรือ CLOUD Act) เป็นกฎหมายต่อไป
สัปดาห์ต่อมา ทั้งไมโครซอฟท์และกระทรวงยุติธรรมแถลงขอให้ศาลจำหน่ายคดี เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวระบุไว้อย่างชัดแจ้งแล้วว่าทางศาลสหรัฐฯ มีอำนาจออกหมายค้นข้อมูลดังกล่าวได้ และบริษัทมีสิทธิคัดค้านได้ว่าหมายดังกล่าวขัดกับกฎหมายของต่างประเทศ
สำนักโฆษก สำนักเลขานายกรัฐมนตรี สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีเตรียมเปิดตัว LINE Official แอคเคาท์พร้อมด้วยสติ๊กเกอร์ LINE เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารรัฐบาลเชิงรุก โดยกำหนดราคากลางไว้ที่ 7.02 ล้านบาท (กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจริงอาจแตกต่างจากตัวเลขนี้)
รายละเอียดของโครงการนี้คือการจัดทำ LINE Official Account พร้อม LINE Official Home เพื่อใช้งานเป็นระยะเวลา 12 เดือน วงเงิน 4.32 ล้านบาทและ LINE Sticker ทั้งหมด 8 ตัวที่สำนักโฆษกจะออกแบบเอง ดาวน์โหลดได้ฟรี 30 วัน ใช้งานได้ 90 วัน เป็นเงิน 2.24 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% อีก 459,900 บาท
สภานิติบัญญัติมาเลเซียผ่านกฎหมายใหม่เรื่องการกระจายข่าวปลอมแล้ว โดยมีโทษคือปรับ 5 แสนริงกิตหรือประมาณ 4 ล้านบาท และจำคุกสูงสุด 6 ปี ซึ่งโทษจำคุกสูงสุดนั้นลดลงจาก 10 ปีในตอนเสนอกฎหมาย
กฎหมายของมาเลเซียนี้ กำหนดว่าข่าวปลอมคือ “ข่าว, สารสนเทศ, ข้อมูล และรายงานที่ทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งเป็นความเท็จ” ซึ่งข่าวนี้จะรวมถึงเรื่องราว, วิดีโอ และเสียง โดยการตัดสินคดีเป็นอำนาจของศาลที่เป็นอิสระในการจัดการ ส่วนผู้กระทำผิดนั้นจะอยู่ในหรือนอกมาเลเซียก็ได้หากมีการเขียนถึงประชาชนหรือประเทศในแบบที่เข้าข่ายข่าวปลอม
รัฐบาลมาเลเซียเตรียมกฎหมายแบนข่าวหรือข้อมูลที่ไม่มีมูลความจริง ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบข้อความ เสียง รุปภาพหรืออื่นๆ ผู้ที่ละเมิดมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปีและโทษปรับไม่ต่ำกว่า 100,000 เหรียญสหรัฐ โดยกฎหมายนี้ครอบคลุมชาวต่างชาติด้วย หากข้อมูลหรือข่าวดังกล่าวเกี่ยวข้องหรือส่งผลกับประเทศมาเลเซียหรือคนมาเลเซีย
หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ากฎหมายนี้ถูกผลักดันออกมา เพื่อเป็นเครื่องมือในการจัดการสื่อและข้อมูลเรื่องการคอร์รัปชันของรัฐบาล อย่างกรณีกองทุน 1MDB ของนายกรัฐมนตรี Najib Razak ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปที่จะจัดขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้ โดยตัวแทนรัฐบาลเผยว่า ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ 1MDB ที่ไม่ได้ถูกรับรองโดยภาครัฐ จะถือว่าเป็นข่าวปลอม
Microsoft เปิดตัวบริการเพิ่มเติมบน Azure Government บริการคลาวด์ที่เน้นจับกลุ่มหน่วยงานภาครัฐที่ต้องการใช้บริการคลาวด์โดยเฉพาะในงาน Microsoft Government Tech Summit ที่จัดขึ้นใน Washington D.C.
สำหรับบริการแรกที่จะเพิ่มเข้ามาใน Azure Government คือ Azure Stack บริการชุดซอฟต์แวร์ให้บริการ IaaS และ PaaS แบบเดียวกับ Azure ในศูนย์ข้อมูลขององค์กรเอง โดยบริการนี้ออกแบบให้หน่วยงานที่ต้องการใช้งานเซิร์ฟเวอร์แบบ on-premise อย่างเช่นในหน่วยงานด้านการทหาร และสามารถแชร์ข้อมูลข้ามแพลตฟอร์มได้ดี