บริษัทวิจัยตลาด Jana ได้เผยข้อมูลส่วนแบ่งของบริการประเภทออนดีมานด์สตรีมมิ่งประจำไตรมาส 1 ปีนี้ในประเทศอินเดีย โดยที่น่าสนใจคือบริการจากคู่แข่งจากท้องถิ่นยังคงมาแรง
ในด้านวิดีโอสตรีมมิ่งนั้น Jana รายงานว่า ยอดการติดตั้งแอพคู่แข่งจากท้องถิ่นอย่าง Hotstar ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัท Star India นั้นกินส่วนแบ่งไปจนถึง 69.7% ตามมาด้วย SonyLIV ที่ 14%, Voot ที่ 10.7%, Amazon ที่ 5%, Netflix ที่ 1.4% และ YuppTV ที่ 0.5%
Hotstar บริการสตรีมมิ่งออนดีมานด์รายใหญ่ของอินเดีย เปิดเผยสถิติใหม่ ของการถ่ายทอดสดการแข่งขันคริกเกต IPL นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง Chennai Super Kings และ Sun Risers Hyderabad โดยมีคนดูการถ่ายทอดสดพร้อมกัน 10.3 ล้านคน
บริการ Hotstar ใช้ระบบหลังบ้านของ Akamai ผู้ให้บริการ CDN รายใหญ่ เพื่อรองรับจำนวนผู้ชมพร้อมกันในปริมาณที่สูงเช่นนี้ ซึ่งทาง Akamai เผยว่าจำนวนผู้ชมพร้อมกันระดับนี้ ถือเป็นครั้งแรกของโลกอินเทอร์เน็ต
การแข่งขันคริกเกต IPL ถือเป็นการแข่งขันกีฬารายการสำคัญของอินเดีย ที่มีผู้ชมในประเทศรอชมเป็นจำนวนมาก และอีกปัจจัยสำคัญคือ Hotstar คิดราคาในการชมคอนเทนต์ที่ไม่สูงมาก รวมทั้งเนื้อหาบางอย่างก็เปิดให้ชมฟรีด้วย
อินเดียประกาศให้ประชาชนระวังการแพร่ระบาดของไวรัสนิปาห์ (Nipah) หลังมีรายงานว่าเมืองโคษิโฆษ (Kozhikode) เมืองทางใต้ของอินเดียมีผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตแล้ว 10 ราย
ไวรัสนิปาห์ (Nipah henipavirus, Nipah virus, NiV) ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1998 ในประเทศมาเลเซีย แต่มีการรายงานว่าระบาดสู่มนุษย์ที่ประเทศบังกลาเทศในปี ค.ศ. 2004 และพบว่าระบาดจากคนสู่คนครั้งแรกในประเทศอินเดียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (22 พ.ค. 2018)
Walmart เครือข่ายร้านค้าปลีกรายใหญ่ของอเมริกา ประกาศเข้าซื้อหุ้น 77% ใน Flipkart อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของอินเดีย โดยดีลมีมูลค่าราว 16,000 ล้านดอลลาร์ (5.1 แสนล้านบาท) โดยหุ้นส่วนที่เหลือ มีผู้ถือหุ้นรายสำคัญ อาทิ Binny Bansal ผู้ก่อตั้ง, Tencent, Tiger Global Management และไมโครซอฟท์
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า Walmart และ Amazon ต่างสนใจเข้าซื้อหุ้นของ Flipkart
Doug McMillon ซีอีโอ Walmart กล่าวว่าอินเดียเป็นตลาดค้าปลีกที่น่าสนใจมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งขนาดและอัตราการเติบโต จึงเป็นโอกาสที่น่าลงทุนสำหรับ Walmart โดยจะร่วมมือกับ Flipkart ทั้งในด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี
รายงานจาก Morgan Stanley เผยมูลค่าตลาดสินค้าออนไลน์ในอินเดียจะพุ่งสูง 2 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2026 แต่สินค้าที่คนอินเดียได้ไปนั้นมีไม่น้อยเลยที่เป็นของปลอม
Velocity MR บริษัทวิจัยการตลาดในมุมไบของอินเดียเผย 1 ใน 3 ของคนอินเดียที่ซื้อของออนไลน์ซื้อของปลอมไปใช้ โดยมีผู้ตอบแบบสอบถาม 3,000 คนจากเมืองต่างๆ ในอินเดิย ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา และพบว่าสินค้าปลอมที่ลูกค้าได้ไปส่วนใหญ่คือ โทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์ รองลงมาเป็นสินค้าแฟชั่น
ส่วนเว็บไซต์ที่ผู้ตอบแบบสอมถามระบุว่าเจอของปลอมมีหลายเว็บ ไม่ว่าจะเป็น Amazon, Flipkart, Paytm, Myntra, และ Shopclues
Facebook ประกาศเริ่มโปรแกรมตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวในอินเดียแล้ว โดยจับมือกับองค์กรตรวจสอบข่าวในอินเดีย โดยอินเดียถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Facebook
จากข้อวิจารณ์เรื่องเลือกตั้งสหรัฐฯ ในปี 2016 ที่ Facebook ไม่พยายามหยุดการระบาดของข่าวปลอม Facebook ก็พยายามแก้ไขตัวเองเรื่อยมา และครั้งนี้จะเป้นการพิสูจน์ว่าเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ที่พัฒนามาเพื่อหยุดข่าวปลอมโดยเฉพาะระหว่างการเลือกตั้งจะใช้ได้ผลหรือไม่
ด้านองค์กรที่ Facebook จะเข้าไปจับมือคือ Boom หน่วยงานตรวจสอบข่าวซึ่งได้รับการรับรองจาก International Fact-Checking Network ทำการทดลองระบบในเมือง Karnataka ของอินเดียที่จะมีการเลือกตั้งของรัฐเกิดขึ้นใน 12 พฤษภาคม โดย Boom จะตรวจสอบเนื้อหาข่าวภาษาอังกฤษที่แชร์บนแพลตฟอร์ม
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า Walmart เครือข่ายร้านค้าปลีกรายใหญ่ของอเมริกา กำลังใกล้ปิดดีลเพื่อถือหุ้นใหญ่ใน Flipkart อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของอินเดีย ซึ่งขนาดของดีลอาจเป็นดีลซื้อธุรกิจออนไลน์ใหญ่ที่สุดของ Walmart โดยจะเข้าถือหุ้น 51% ที่มูลค่าราว 10,000-12,000 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตามดีลดังกล่าวอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจาก Amazon ซึ่งตอนนี้เป็นอีคอมเมิร์ซใหญ่ในอินเดียเช่นกัน ก็พยายามยื่นข้อเสนอซื้อกิจการ Flipkart แข่งด้วย
Flipkart เป็นหนึ่งในผู้เล่นอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของอินเดีย ซึ่งมีผู้ถือหุ้นปัจจุบันรายสำคัญ อาทิ SoftBank, eBay, Tencent และไมโครซอฟท์
อินเดียเป็นตลาดที่แอปเปิลพยายามเจาะให้สำเร็จมานาน แม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถครองส่วนแบ่งได้ ที่ผ่านมา iPhone SE ได้ผลิตที่อินเดียบางส่วนเพื่อลดภาษีนำเข้า ทำให้ราคาถูกลง แต่ล่าสุดแอปเปิลเตรียมเพิ่มไลน์สินค้าที่ Assembled in India อีกหนึ่งอย่าง
มีรายงานว่า Wistron โรงงานประกอบ iPhone SE ที่อินเดีย เตรียมเพิ่มสินค้าใหม่ iPhone 6s เพิ่มอีกหนึ่งอย่าง ซึ่งจะช่วยให้ราคา iPhone 6s ที่นั่นถูกลงราว 5-7% อย่างไรก็ตามราคาคงไม่สะท้อนทันทีเนื่องจากกำลังผลิตที่ยังจำกัดอยู่
อินเดียตั้งอัตราภาษีนำเข้าสมาร์ทโฟนจากต่างประเทศ เดิมอยู่ที่ 10% และปรับเพิ่มเป็น 15% ในเดือนธันวาคม และ 20% ล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ผู้ผลิตหลายรายต้องมาตั้งโรงงานที่นี่
Xiaomi ประกาศเปิดโรงงานผลิตสมาร์ทโฟนในอินเดียเพิ่มอีก 3 แห่ง ทำให้ตอนนี้ Xiaomi มีโรงงานในอินเดียแล้วทั้งหมด 6 แห่ง ขณะที่สมาร์ทโฟน Xiaomi ที่ขายในอินเดียกว่า 95% ก็ผลิตในอินเดียอยู่แล้วด้วย ตอกย้ำกลยุทธความเป็นเบอร์ 1 ในอินเดีย
โรงงานที่เปิดใหม่ 3 แห่งนี้มีหนึ่งแห่งที่ Xiaomi ร่วมมือกับ Foxconn เพื่อผลิต Printed Circuit Board โดยเฉพาะ ขณะที่พาวเวอร์แบงค์ของ Xiaomi ก็ถูกผลิตจาก 1 ใน 6 โรงงานในอินเดียนี้ด้วย
ที่มา - Xiaomi
อินเดียดูจะเป็นลูกรักของ Google อยู่ไม่น้อย เมื่อในระยะหลัง Google พยายามออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเน้นตลาดอย่างอินเดียเป็นหลัก ไม่ว่าจะ Android Go สำหรับสมาร์ทโฟนราคาถูกหรือ Tez แอปโมบายเพย์เมนท์ เป็นต้น
ล่าสุดมีรายงานวงในว่า Google กำลังพัฒนา Pixel รุ่นระดับกลาง (mid-range) เพื่อเจาะตลาดอินเดีย หลังจาก Nexus เคยได้รับความนิยมในอินเดียไม่ใช่น้อย คาดว่า Pixel รุ่นนี้จะเปิดตัวราวเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคมนี้ ขณะที่ Pixel ตัวเรือธงจะตามมาช่วงปลายปี
นอกจาก Pixel แล้ว Google ยังเตรียมจะเปิดตัว Google Home และ Home Mini ในอินเดียด้วย โดยทวิตเตอร์ Google India ทวิตระบุว่า Coming Soon
จากการที่ Uber ตัดสินใจขายกิจการเพื่อถอนตัวออกจากหลายพื้นที่ตั้งแต่ จีน รัสเซีย และล่าสุดคือภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยขายให้ Grab ก็เกิดคำถามว่า Uber จะถอนตัวจากที่ไหนอีกหรือไม่ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าตลาดที่มีโอกาสสูงก็คือ อินเดีย ซึ่งที่นั่นมีแอพอย่าง Ola เป็นคู่แข่งหลัก
ในอินเดีย Uber ให้บริการแล้วใน 30 เมือง มีส่วนแบ่งการตลาดราว 35% ขณะที่ Ola แอพคู่แข่ง ให้บริการใน 110 เมือง และมีส่วนแบ่ง 45% นอกจากนี้ Ola ยังมีบริการเงินดิจิทัลชื่อ Ola Money ซึ่งทำให้มีจุดแข็งเหนือว่า Uber (อันนี้ฟังดูคุ้นๆ)
อินเดีย เป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองก็เพียงแต่จีนเท่านั้น ด้วยจำนวนประชากรราว 1.32 พันล้านคน (ข้อมูลจากปี 2016) มากกว่า 2 เท่าของจำนวนประชากรในทุกประเทศเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมกันด้วยซ้ำ นั่นทำให้ฐานข้อมูลเกี่ยวกับประชากรของประเทศนี้คือข้อมูลขนาดมหึมา การรวบรวมและดูแลจึงเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย ซึ่งล่าสุดรัฐบาลอินเดียก็พลาดเรื่องนี้จนได้
เพื่อจัดการกับข้อมูลประชากรมหาศาล รัฐบาลอินเดียได้จัดตั้ง Aadhaar ฐานข้อมูลกลางแห่งชาติที่รวบรวมข้อมูลประจำตัวบุคคลซึ่งรวมถึงข้อมูลอัตลักษณ์ทางชีวภาพอย่างลายนิ้วมือ และภาพสแกนม่านตา โดยมีประชากรอินเดียราว 1.1 พันล้านคนลงทะเบียนข้อมูลแสดงตัวตนในฐานข้อมูล Aadhaar นี้
อินเดียถือเป็นประเทศที่บริษัทเทคโนโลยีต่างให้ความสนใจทำตลาด ทั้งโอกาสเติบโต และจำนวนประชากรที่มีอยู่มาก จนน่าจะเป็นตลาดที่ร้อนแรงเหมือนจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในตลาดสมาร์ทโฟนนั้น ซัมซุงครองส่วนแบ่งเป็นเบอร์หนึ่งมายาวนานถึง 6 ปี และเพิ่งเสียแชมป์ให้กับ Xiaomi เมื่อไตรมาส 4 ปีที่แล้ว
เรื่องน่าสนใจมากกว่านั้นคือ Xiaomi เพิ่งเริ่มบุกตลาดในอินเดียเมื่อ 3 ปีที่แล้วเท่านั้น และบริษัทก็ไม่ได้เริ่มต้นสวยนัก โดยเฉพาะปี 2016 ที่ต้องแข่งขันรุนแรงกับคู่แข่งจากจีนด้วยกันอย่าง OPPO และ Vivo ซึ่ง Harish Jonnalagadda แห่ง Android Central มีบทวิเคราะห์ว่า Xiaomi ทำอย่างไรจึงมาถึงจุดนี้ได้
Google ประกาศเพิ่มฟีเจอร์แชทเข้าไปใน Tez แอปโมบายเพย์เมนท์ที่เปิดตัวในอินเดีย ตั้งใจจะชนกับ WhatsApp ที่กำลังจะเปิดบริการด้านเพย์เมนท์ในอินเดียเช่นกัน
Tez ได้รับความนิยมและมีผู้ใช้งานในอินเดียมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ราว 13.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปลายปีที่แล้วที่อยู่ที่เกือบ 12 ล้านคน โดยฟีเจอร์แชทบน Tez ทำได้เพียงรับและส่งข้อความเปล่าๆ เท่านั้นเพื่อยืนยันการทำธุรกรรมเป็นหลัก
เมื่อรวม Tez เข้าไปแล้ว ตอนนี้แอปสำหรับแชทของ Google มีทั้งหมด 5 ตัวได้แก่ Hangouts, Allo, Android Messages, Hangouts Chat และ Tez
ตลาดเพลงสตรีมมิ่งในอินเดียกำลังคึกคัก Amazon เปิดบริการ Prime Music ในอินเดียแล้วอย่างเป็นทางการ หลังจากก่อนหน้านี้ สตรีมมิ่งสัญชาติอินเดียอย่าง Gaana เพิ่งจะระดมทุนจาก Tencent ได้ถึง 110 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,598 ล้านบาท
Amazon Prime Music ให้บริการทั้งบนเดสก์ท็อป, อุปกรณ์ iOS และ แอนดรอยด์ โดยคิดค่าบริการเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิก Prime ค่าสมาชิก 15 ดอลลาร์ต่อปี หรือ 999 รูปี ด้านสตรีมมิ่งเจ้าอื่นอย่าง Apple Music, Google Play, Saavn, Gaana ค่าบริการอยู่ระหว่าง 15-22 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,200-1,440 รูปี
Virgin Hyperloop One ประกาศข้อตกลงกับทางการอินเดียและรัฐมหารัชฏะ ในการสร้างเส้นทาง Hyperloop ระหว่างเมืองปูเณ่ (Pune) ไปยังมุมไบ โดยผ่านสนามบินนานาชาติ Navi Mumbai เป็นระยะทางราว 160 กิโลเมตร (อ้างอิงจาก Google Maps)
การเดินทางด้วย Hyperloop จะใช้เวลาราว 25 นาทีเท่านั้น จากปกติที่ต้องใช้เวลาราว 2.5 ถึง 3 ชั่วโมงบนรถยนต์และรถไฟ และจากการศึกษาเบื้องต้นพบว่า Hyperloop จะช่วยเหลือชาวอินเดียที่เดินทางระหว่างสองเมืองนี้เป็นประจำราว 150 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ทางเศรษฐกิจราว 5.5 พันล้านเหรียญตลอดระยะเวลา 30 ปี
Google ถูกสั่งปรับจากอินเดียเป็นเงิน 1.36 พันล้านรูปี คิดเป็น 21.1 ล้านดอลลาร์ในข้อหาแสดงผลการค้นหาลำเอียง โดยการมีการร้องเรียนจากเว็บไซต์ท้องถิ่นในอินเดีย Matrimony.com Limited และ Consumer Unity & Trust Society ซึ่งแจ้งกับหน่วยงานรัฐไว้ตั้งแต่ปี 2012
Competition Commission of India หรือ CCI ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สั่งปรับ Google กล่าวว่า จากการสอบสวนทางหน่วยงานพบว่า Google ได้นำทางผู้ใช้ที่จะค้นหาเที่ยวบินไปยังหน้าค้นหาเที่ยวบินของ Google เอง คือทั้งทำการแสดงให้ Google Flight ดูโดดเด่นสะดุดตาบนหน้าผลการค้นหา และวางเว็บไซต์ของผู้ให้บริการรายอื่นไว้ล่าง ๆ
Arun Jaitley รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอินเดีย กล่าวในการนำเสนอแผนงบประมาณแผ่นดินปี 2018 ต่อสภา ว่ารัฐบาลมองเงิน cryptocurrency ว่าผิดกฎหมาย และจะ "ทำทุกวิถีทาง" เพื่อไม่ให้คนอินเดียใช้งานเงินดิจิทัลเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม Jaitley บอกว่ารัฐบาลอินเดียจะสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี blockchain ในการจ่ายเงินแทน แต่ก็ยังไม่ให้รายละเอียดว่ามีแผนการอย่างไร
ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียและธนาคารกลางอินเดีย แสดงความกังวลต่อเงินดิจิทัลหลายครั้ง และตัวรัฐมนตรีคลังเองก็เคยบอกว่ามันเป็นแชร์ลูกโซ่ (ponzi scheme) แบบหนึ่งด้วย
หลังไตรมาส 3 ปีที่แล้ว Xiaomi ขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 เท่าซัมซุง ในตลาดอินเดียตามรายงานของ IDC ล่าสุดข้อมูลจาก Calanys ชี้ว่าไตรมาสสุดท้าย Xiaomi แซงซัมซุงขึ้นเป็นเบอร์ 1 แต่เพียงผู้เดียวได้แล้ว ด้วยยอดส่งมอบทั้งหมด 8.4 ล้านเครื่อง ครองส่วนแบ่งที่ 27%
ส่วนซัมซุงถึงแม้จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 17% แต่ส่งมอบน้อยลงจากไตรมาสก่อนหน้าเหลือ 7.3 ล้านเครื่อง ครองส่วนแบ่ง 25% ซึ่งเท่ากับ Xiaomi และซัมซุงรวมกันครองตลาดเกิน 50% ของอินเดีย ขณะที่ตลาดสมาร์ทโฟนอินเดียโดยรวมยังคงเติบโตที่ 6% ส่งมอบไปทั้งหมดราวๆ 30 ล้านเครื่อง โดยมี Vivo, Oppo และ Lenovo ตามมาในท็อป 5
ทิศทางของ Grab ตอนนี้คือการเข้าสู่ธุรกิจ Mobile Payment มากขึ้น โดยล่าสุดบริษัทประกาศเข้าซื้อกิจการ iKaaz สตาร์ทอัพบริการจ่ายเงินผ่านมือถือของอินเดียด้วยมูลค่าที่ไม่เปิดเผย ซึ่งปัจจุบัน Grab มีสำนักงานอยู่ที่บังกะลอร์ ประเทศอินเดีย โดยทีมงานของ iKaaz จะย้ายเข้าไปร่วมทีมกับ Grab ที่นี่ด้วย
iKaaz ก่อตั้งในปี 2012 โดย Soma Sundaram อดีตวิศวกรของโนเกีย ซึ่งผลิตภัณฑ์มีทั้งแพลตฟอร์มจ่ายเงินออนไลน์ ตลอดจนฮาร์ดแวร์ POS สำหรับร้านค้า และแอพกระเป๋าเงินบนมือถือ MOWA
สมาคมสตรีในรัฐคุชราตทางตะวันตกของอินเดีย หรือ Self Employed Women’s Association (SEWA) ที่มีสมาชิกว่า 2 ล้านคน ร่วมมือกับ Airbnb จัดอบรมการเป็นโฮสต์ ส่งผลให้ Airbnb เป็นอีกหนึ่งช่องทางเพิ่มรายได้ให้ผู้หญิงเหล่านี้
Reema Nanavaty ผู้อำนวยการ SEWA บอกว่า ในช่วงแรกไม่แน่ใจว่าจะมีคนอยากมาเข้าพักโฮมสเตย์ในพื้นที่นี้หรือไม่ จนกระทั่งมีแขกมาเข้าพัก สมาชิกในกลุ่มก็ลงทุนลงแรงปรับโฉมที่อยู่อาศัยของตนเพื่อรองรับแขก ใช้ Google Translate ในการสื่อสารกับนักท่องเที่ยว จนกลายเป็นอีกช่องทางรายได้ให้พวกเธอ นักท่องเที่ยวที่มาพักจะได้กินอาหารท้องถิ่นเช่น Gujarati และได้ทำกิจกรรมเต้นรำกับคนพื้นเมืองและใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกับคนที่นี่ เป็นต้น
Nanavaty บอกด้วยว่า มีที่พักในชนบทของอินเดียประมาณ 50 แห่งที่มีชื่ออยู่ใน Airbnb ที่กำลังดึงดูดนักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯและยุโรปให้เข้ามาพัก บางหมู่บ้านไม่มีแม้แต่ชื่อใน Google Maps ด้วยซ้ำ
กูเกิลเปิดตัวโครงการ Android Go สำหรับเครื่องทรัพยากรน้อย ในงาน I/O 2017 และประกาศออกโค้ดตัวจริงของ Android Go ที่อยู่บน Android Oreo 8.1 เมื่อเดือนธันวาคม
ที่ผ่านมาเรารู้เพียงว่า Nokia 2 จะได้อัพเกรดเป็น Android Go 8.1 แต่ก็ยังไม่มีข่าวของมือถือยี่ห้ออื่นๆ
ล่าสุดมีข้อมูลลือมาจากทางอินเดียว่า Micromax ผู้ขายสมาร์ทโฟนชื่อดังในอินเดีย เตรียมเปิดตัวมือถือ Android Go ในราคาเพียง 2,000 รูปี (1,000 บาท) ในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้
Wall Street Journal มีบทความกล่าวถึง UC Browser เว็บเบราว์เซอร์ที่กำลังมาแรงในประเทศกำลังพัฒนาที่มีประชากรมหาศาลอย่างอินเดียและอินโดนีเซีย
UC Browser เจ้าของโลโก้รูปกระรอก เป็นผลงานของบริษัท UC Web ที่เริ่มพัฒนาเบราว์เซอร์บนมือถือ Java ME มาตั้งแต่ปี 2004 และขายกิจการให้ Alibaba ในปี 2014 ปัจจุบัน UC Browser มีให้ใช้งานบนหลายแพลตฟอร์ม (Windows, iOS, Windows Phone, Java) แต่เวอร์ชันที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ Android
ในประเทศอินเดีย WhatsApp เป็นแอพที่ได้รับความนิยมสูงมาก ประเมินว่ามีผู้ใช้มากกว่า 200 ล้านคน ซึ่งมีจำนวนสูงเกือบเท่ากับจำนวนผู้ใช้ Facebook ที่นั่น ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ WhatsApp มีผู้ใช้ในอินเดียสูงมากนั้น อาจจะมีคำตอบที่คุ้นๆ หน่อยคือ ผู้สูงอายุที่อินเดียชอบ WhatsApp มาก
Pranav Dixit ผู้สื่อข่าวของ BuzzFeed ได้พยายามหาคำตอบว่าทำไม ซึ่งพบว่าคนแก่นั้นพบว่า WhatsApp ช่วยให้พวกเขาพบเพื่อนที่ไม่เจอกันนาน ได้พูดคุยกับคนในครอบครัว ได้เข้าร่วมกลุ่มต่างๆ ส่วนกิจกรรมหลักที่นิยมกันก็คือส่งต่อข้อความ ไม่ว่าจะเป็นภาพมีม, วิดีโอ, GIF ขำขัน, ภาพสวัสดีตอนเช้า ตลอดจนข้อความข่าวลือข่าวลวงทั้งหลาย
X ส่วนงานวิจัยของ Alphabet เผยว่า รัฐอานธรประเทศของอินเดียเตรียมจะเข้าซื้อเทคโนโลยีไร้สายใหม่ที่กำลังพัฒนา เพื่อใช้ในการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงกับประชาชนนับล้านภายในรัฐโดยไม่ต้องลากสายเคเบิล
ภายใต้สัญญานี้ จะมีการติดตั้งกล่องส่งสัญญาณจำนวนกว่า 2,000 กล่องห่างกันทุก 20 กิโลเมตร ตามเสาหรือหลังคาเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับพื้นที่ที่มีประชากรพำนักอยู่ โดยไอเดียของโครงการนี้คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือและ Wi-Fi