อินเดียกลายเป็นสมรภูมิการแข่งขันของบริษัทเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดมีรายงานว่า Bigbasket ซูเปอร์มาร์เก็ตของอินเดีย เตรียมประกาศรับเงินลงทุนเพิ่มเติม 280 ล้านดอลลาร์ โดยเงินลงทุนนี้นำโดย Alibaba ยักษ์อีคอมเมิร์ซจากจีน 200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ Alibaba มาเป็นผู้ถือหุ้น 25% ใน Bigbasket
การแข่งขันระหว่าง Alibaba และ Amazon ในอินเดียดูจะเพิ่มความรุนแรงขึ้น ก่อนหน้านี้ Amazon ลงทุนใน Flipkart อีคอมเมิร์ซใหญ่อินเดีย ส่วน Alibaba ก็ลงทุนใน One97
Bigbasket จัดจำหน่ายสินค้าของใช้ทั่วไป ปัจจุบันให้บริการมากกว่า 20 เมืองในอินเดีย มีสินค้ากว่า 18,000 รายการ ถือเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ที่สุดในอินเดีย
หลังการพยายามเจาะตลาดล่างนำมาด้วย Android Go และแอปต่างๆ อาทิ YouTube Go, Datally, Files Go และ Google Go ล่าสุด Google ลุยไปแม้กระทั่งตลาดฟีเจอร์โฟนด้วยการพัฒนา Google Assistant สำหรับฟีเจอร์โฟน เพื่อเจาะตลาดอินเดียโดยเฉพาะ
ด้วยความที่อินเดียยังคงมีผู้ใช้ฟีเจอร์โฟนเยอะมาก ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้รันแอนดรอยด์ แต่ด้วยความที่ยังมีความสามารถในการเชื่อมต่อ 4G ทาง Google เลยอาศัยประโยชน์ตรงนี้ในการใช้งาน Google Assistant โดยฟีเจอร์โฟนรุ่นแรกที่รองรับผู้ช่วยอัจฉริยะจาก Google คือ JioPhone 4G รันด้วย KaiOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาขึ้นจาก Firefox OS
กูเกิลประกาศความสำเร็จของ Tez แอพจ่ายเงินผ่านมือถือ ที่เปิดตัวครั้งแรกในอินเดียเมื่อเดือน ก.ย. ว่าใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือน ก็สร้างฐานผู้ใช้งานจริง (active users) ได้แล้วเกือบ 12 ล้านคน และมีจำนวนธุรกรรมเกิน 140 ล้านครั้ง
Tez ยังมีร้านค้าขึ้นไปอยู่บนแพลตฟอร์มแล้ว 525,000 ราย ครอบคลุมพื้นที่หลากหลายตั้งแต่เมืองใหญ่ไปจนถึงร้านค้าในหมู่บ้านเล็กๆ
เป้าหมายถัดไปของ Tez คือเพิ่มฟีเจอร์จ่ายบิล โดยจะรองรับบริษัทผู้ออกบิลกว่า 70 ราย ทั้งบริษัทไฟฟ้า ประปา และขนส่ง มีระบบแจ้งเตือนกำหนดชำระบิล และป้องกันการจ่ายบิลซ้ำด้วย
Sajida Begum ผู้ป่วยโรคเรื้อน ตาบอด และนิ้วกุด กลับมาได้รับเงินสวัสดิการรัฐเดือนละ 1,000 รูปี (ประมาณ 500 บาท) ตามเดิม หลังจากถูกตัดไปเพราะไม่สามารถยืนยันข้อมูลทางชีวภาพ ทั้งม่านตาและลายนิ้วมือได้
เรื่องราวของ Begum ตกเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและได้รับความสนใจเป็นวงกว้างเพราะอินเดียบังคับบัตรสวัสดิการ หรือบัตร Aadhaar ทั้งประเทศ
Unique Identity Authority of India (UIDAI) หน่วยงานออกบัตรของอินเดียต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปพบกับ Begum โดยตรงและออกบัตรให้เป็นกรณีพิเศษ
ผู้ใช้งานในอินเดียสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบน Google Maps โดยตรงส่วนที่ให้เลือกว่าจะเดินทางโดยวิธีใดนั้นมีสัญลักษณ์จักรยานยนต์เพิ่มเข้ามา ระบบจำคำนวณระยะทางจากการขับจักรยานยนต์ด้วยเช่นกันกับการเดินทางด้วยรถยนต์ รถโดยสาร และการเดินเท้า
แหล่งข่าวต้นทางระบุว่ามีเฉพาะผู้ใช่ในอินเดียที่สังเกตเห็นฟีเจอร์ใหม่ของ Google Maps นี้ จึงมีความเป็นไปได้ว่าฟีเจอร์ใหม่จะเปิดให้ใช้ในอินเดียเป็นที่แรก ที่ซึ่งคนนิยมใช้จักรยานยนต์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
Uber ได้จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ Mahindra ผู้ผลิตรถยนต์ท้องถิ่น เพื่อทำการทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าบนแพลตฟอร์มของ Uber ในประเทศอินเดีย โดยจะเริ่มปล่อยรถยนต์ลงทดสอบจริงนับร้อยคันในเดือนมีนาคมปีหน้าในเมือง Delhi และ Hyderabad ซึ่งในอนาคตอาจมีการพิจารณาการขยายการทดสอบต่อไป
ภายใต้ดีลนี้ Uber จะเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้กับผู้ขับรถบนแพลตฟอร์ม ส่วน Mahindra จะจัดหาประกันและบริการหลังการขายให้ และสองบริษัทนี้จะยังทำงานร่วมกับบริษัทอื่น ๆ เพื่อจัดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ใน Hyderabad อีกด้วย
Xiaomi นั้นไปได้ดีกับการบุกตลาดอินเดีย โดยไตรมาสที่ผ่านมามีส่วนแบ่งการตลาดเป็นที่ 1 เท่ากับซัมซุง ซึ่งจากนี้ Xiaomi ก็มีแผนจะยึดตลาดอินเดียให้อยู่หมัดมากยิ่งขึ้น
โดยซีอีโอ Lei Jun ให้สัมภาษณ์ว่าบริษัทมีแผนจะลงทุนถึง 1 พันล้านดอลลาร์ ภายใน 5 ปีข้างหน้า กับสตาร์ทอัพในอินเดีย 100 แห่ง เพื่อให้บริษัทเหล่านี้พัฒนาแอพ เสริมระบบนิเวศบนสมาร์ทโฟนของ Xiaomi ให้เข้ากับตลาดอินเดีย
หมวดแอพและธุรกิจที่ Xiaomi สนใจลงทุนมีทั้งกลุ่มผู้ผลิตเนื้อหา, เทคโนโลยีการเงิน, บริการแบบเจาะเฉพาะพื้นที่, บริการซ่อมบำรุงโทรศัพท์ ตลอดจนภาคการผลิตที่เกี่ยวข้องกับสมาร์ทโฟน
IDC เผยรายงานการส่งมอบสมาร์ทโฟนไตรมาส 3 ที่ผ่านมาในอินเดีย ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสถิติใหม่ที่ 39 ล้านเครื่อง สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า 40% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ปีที่แล้ว โดยสาเหตุหลักมาจากการฉลองลดราคาของร้านค้าออนไลน์ต่างๆ ในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน
ขณะที่ในกลุ่มท็อป 5 มีส่วนแบ่งรวมถึงสูงถึง 72% นำมาโดย Xiaomi ที่ขึ้นมามีส่วนแบ่งเท่ากับซัมซุงที่ 23.5% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเกือบ 3 เท่า โดย Redmi Note 4 เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด ขณะที่ซัมซุงก็เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 23% โดย Galaxy J2, J7 Nxt และ J7 Max เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด ส่วนเบอร์ 3 คือ Lenovo (รวมโมโตโรลา) ที่ตามมาห่างๆ ที่ 9% โดย 2/3 ของยอดขายเป็นของโมโตโรลา
รัฐบาลอินเดีย ประกาศส่งยานอวกาศไปยังดวงจันทร์อีกครั้งในช่วงต้นปี 2018 หลังจากเคยส่งมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2008
คราวก่อน หน่วยงานอวกาศอินเดีย (Indian Space Research Organisation หรือ ISRO) ส่งยาน Chandrayaan-1 ไปโคจรรอบดวงจันทร์ และมียานลูก Moon Impact Probe แยกออกจากยานแม่เพื่อวิ่งชนดวงจันทร์ ให้เกิดการปะทะเพื่อดูผล
รอบนี้ ยาน Chandrayaan-2 ไปไกลกว่าเดิม โดยจะมียานลงจอด (lander) และมีรถสำรวจ (rover) ไปวิ่งบนผิวดวงจันทร์ด้วย
เดิมที Chandrayaan-2 วางแผนจะให้หน่วยงานอวกาศของรัสเซียมาช่วยออกแบบ แต่ภายหลังก็เปลี่ยนแปลง เป็นการทำด้วยฝีมือคนอินเดียทั้งหมด 100%
บริษัทวิจัยตลาด Canalys รายงานว่าอินเดียตอนนี้ได้ขึ้นมาเป็นตลาดสมาร์ทโฟนรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกแทนที่อเมริกาแล้ว (อันดับ 1 คือจีน) โดยยอดขายสมาร์ทโฟนช่วงที่ผ่านมาถึง 40 ล้านเครื่อง เติบโตถึง 23% จากปีก่อน
ส่วนแบ่งการตลาดของแบรนด์ยอดนิยมในอินเดียนั้นนำโดย ซัมซุง และ Xiaomi โดยสองแบรนด์นี้รวมกันมีส่วนแบ่งมากกว่า 50% ตามด้วย Vivo, Oppo และ Lenovo
Ishan Dutt นักวิเคราะห์ Canalys บอกว่าตัวเลขนี้ช่วยยืนยันว่าตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดียนั้นยังมีโอกาสให้โตได้อีกมาก ถึงแม้ช่องทางการขายมือถือจะมีความซับซ้อนยุ่งยากกว่าประเทศอื่น แต่ก็เปิดกว้างให้แบรนด์ใหม่สามารถบุกตลาดได้เสมอ โดยกลุ่มสมาร์ทโฟนราคาถูกจะขายดีมากที่สุด (ทั้งซัมซุงและ Xiaomi ที่ขายดีเป็นกลุ่มสินค้าระดับล่าง)
ประเด็นคุกคามและความรุนแรงบนทวิตเตอร์มีมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ในอินเดีย ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งชื่อ Dhanya Rajendran เป็น บก.เว็บไซต์อินเดียที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงคือ The News Minute โพสต์ว่าเธอไปดูหนังที่ Vijay ดาราชื่อดังในอินเดียแสดง และเดินออกจากโรงกลางคัน (ประมาณว่าวิจารณ์หนังไม่สนุก)
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีผู้ใช้รายอื่นต่างด่าทอเธอด้วยคำหยาบคาย และข่มขู่เธอผ่านเมนชั่นในทวิตเตอร์ และแฮชแทก #PublicityBeepDhanya ก็ขึ้นเทรนด์ 5 อันดับแรกอย่างรวดเร็ว และขึ้นเทรนด์อยู่หลายชั่วโมงกว่าทวิตเตอร์จะลบออก
Rajendran ระบุว่ามีการแจ้งเตือนมากกว่า 31,000 รายการในทวิตเตอร์ บางคนด่าทอเธอด้วยคำหยาบ ขู่จะข่มขืนเธอ การคุกคามนี้เป็นข่าวดังในสื่ออินเดีย หลายคนออกมาประณามการกระทำดังกล่าว
Ola บริการแชร์รถในอินเดียเผยระดมทุนเพิ่มจาก SoftBank และ Tencent อีก 1.1 พันล้านดอลลาร์ Ola ระบุว่ากำลังเจรจากับนักลงทุนรายอื่น หวังว่าจะทำให้มีเงินทุนเพิ่มอีก 1 พันล้านดอลลาร์
"เราตื่นเต้นมากที่ได้ Tencent Holdings เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรใหม่ เพื่อสร้างความคล่องตัวให้กับชาวอินเดียนับพันล้านคน" Bhavish Aggarwal ผู้ร่วมก่อตั้ง Ola และซีอีโอกล่าว
Aggarwal บอกเพิ่มเติมว่า เงินระดมทุนรอบนี้จะลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ต่อไป เน้น AI และ machine learning เพื่อขับเคลื่อนระบบของบริษัท รวมถึงขยายการตลาดเพื่อดึงดูดคนขับใหม่ๆ ให้เข้ามาขับมากขึ้น
ในตลาดขนาดใหญ่อย่างอินเดีย คงไม่น่าใช่เรื่องแปลกหากบริษัทสมาร์ทโฟนต่างหาวิธีกินส่วนแบ่งตลาดที่นี่ให้ได้ อย่างล่าสุดกรณีของ LG ที่เปิดตัว K7i สมาร์ทโฟนราคาถูกที่มาพร้อมความสามารถในการปล่อยคลื่นเสียงอัลตร้าโซนิคสำหรับไล่ยุ่งได้
ผู้บริหาร LG ยืนยันว่าคลืนดังกล่าวปลอดภัยสำหรับมนุษย์เพราะเป็นคลื่นความถี่ที่มนุษย์ไม่ได้ยิน ขณะที่การตัดสินใจออกฟีเจอร์นี้ก็เพราะกว่า 95% ของประชากรอินเดีย อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงของโรคมาลาเลียและฟีเจอร์ปล่อยคลื่นเสียงไล่ยุงในอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
Facebook เผยว่าที่อินเดีย ในแต่ละสัปดาห์ มีคนหลายพันคนร้องขอการรับบริจาคเลือดผ่าน Facebook และจากการวิจัยพบว่าคนอินเดียสามารถเพิ่มการบริจาคเลือดได้ ถ้ามีเครื่องมือและข้อมูลที่ดีพอ ทาง Facebook จึงทำงานร่วมกับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ผู้บริจาคที่มีศักยภาพมากพอที่จะบริจาคเลือดได้ และผู้ที่ใช้ Facebook เพื่อหาผู้บริจาคโลหิต เปิดช่องทางให้ลงทะเบียนเพื่อบริจาคเลือดผ่าน Facebook
ผู้ใช้จะเห็นข้อความแสดงบน News Feed ให้เข้าไปลงทะเบียนเป็นหนึ่งในผู้บริจาคเลือด ระบุกรุ๊ปเลือดของตน และแบ่งปันให้ผู้อื่นรู้หรือจะตั้งค่าเป็น Only Me ก็ได้ ฟีเจอร์นี้เริ่มเปิดใช้วันที่ 1 คุลาคมที่จะถึงนี้ เนื่องจากเป็นวันบริจาคเลือดสากล ฟีเจอร์นี้มีเฉพาะแอนดรอยด์เพราะเป็นอุปกรณ์ที่คนอินเดียใช้กันอย่างแพร่หลาย
Google เปิดตัวแอป Tez แพลตฟอร์มโมบายเพย์เมนท์ในอินเดีย ซึ่งรองรับทั้งการโอนเงินและจ่ายค่าสินค้าและบริการผ่าน Unified Payments Interface ระบบชำระและส่งเงินของรัฐบาลอินเดีย
การทำงานของ Tez ไม่แตกต่างจาก Android Pay มากนักกล่าวคือเป็นการผูกแอคเคาท์ในสมาร์ทโฟนเข้ากับบัญชีธนาคาร ซึ่งการใช้งานแพลตฟอร์มท UFI ของรัฐบาลทำให้ Tez รองรับการโอนเงินและจ่ายสินค้าผ่านธนาคาร, ร้านค้าหรือแม้แต่บริการขนส่งสาธารณะต่างๆ ที่เชื่อมกับแพลตฟอร์ม โดย Google ยังจดเครื่องหมายการค้าของ Tez ในประเทศอื่นในเอเชียด้วยอย่างอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ซึ่งก็ไม่แน่ว่าทั้งสองประเทศจะเป็นเป้าหมายต่อไปของบริการนี้จาก Google
อินเดียกำลังเป็นอีกประเทศที่ผลักดันรถยนต์ไฟฟ้า โดย Reuters รายงานว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาร่างกฎหมายและโร้ดแม็พ คาดว่าจะแล้วเสร็จและประกาศใช้ภายในสิ้นปีนี้ คร่าวๆ คือรถยนต์ทุกคันในอินเดียจะต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2030
ถึงแม้นโยบายจะยังไม่ประกาศใช้ แต่รัฐบาลก็เริ่มแจ้งเตือนบริษัทในอุตสาหกรรมรถยนต์ของอินเดียให้เริ่มเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนผ่านด้านนโยบาย ขณะที่หลากบริษัทก็เริ่มแผนการไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยตอนนี้มีเพียง Mahindra & Mahindra เป็นบริษัทเดียวในอินเดียที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
ทั้งนี้สิ่งที่บริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่กังวลคือจำนวนสถานีชาร์จไฟในอินเดีย ซึ่งก็ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะมีแผนผลักดันเรื่องสถานีชาร์จนี้ด้วย
Facebook นั้นผลักดันแพลตฟอร์มวิดีโอมาโดยตลอด ล่าสุด Facebook ก็พยายามซื้อลิขสิทธิ์กีฬามาถ่ายทอดสดให้ชมบน Facebook เช่นกัน แต่ยังไม่สำเร็จ
โดย Recode พบว่าในการประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดคริกเกต IPL ของอินเดียล่าสุดสัญญา 5 ปีนั้น Facebook ได้เข้าร่วมการประมูลด้วย โดยเสนอราคาที่ 600 ล้านดอลลาร์ แต่ก็แพ้ประมูล ซึ่งผู้ชนะคือช่อง Star India ของกลุ่ม Fox ที่เสนอราคา 2,600 ล้านดอลลาร์
อูเบอร์ ร่วมมือกับบริษัท ICICI Lombard General Insurance บริษัทประกันภัยใหญ่ในเอเชียใต้ ทำประกันอุบัติเหตุให้คนขับอูเบอร์ในอินเดียกว่า 450,000 ราย โดยประกันจะครอบคลุมเวลาเกิดอุบัติเหตุระหว่างที่คนขับกำลังใช้แอพอูเบอร์ หรือกำลังให้บริการผู้ใช้อูเบอร์อยู่ ในอีกทางหนึ่ง อูเบอร์เองก็ต้องการแข่งขันกับผู้เล่นในตลาดอินเดียอย่าง Ola ด้วย
Nitin Gadkari รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของอินเดีย ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับรถยนต์อัตโนมัติ ที่ตอนนี้หลายประเทศเริ่มมีการทดสอบแล้ว โดยเขาบอกว่าจะไม่อนุญาตให้มีรถยนต์ไร้คนขับในอินเดีย เนื่องจากไม่ต้องการเทคโนโลยีเข้ามาแย่งงานของประชาชน โดยเฉพาะกับในอินเดียที่อัตราการว่างงานยังมีอยู่สูง
เขายังแสดงตัวเลขว่าความต้องการคนขับรถยนต์สาธารณะในอินเดียยังมีอยู่สูง และรัฐบาลก็เตรียมเปิดศูนย์ฝึกอบรมเพื่อเพิ่มจำนวนคนขับรถโดยสารอีก
สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้ง 2 บริษัทเผยข้อมูลด้านรายได้แบบไตรมาสต่อไตรมาส ผลปรากฏว่า TCS (Tata Consultancy Serices) เติบโตขึ้นเพียง 2% และ Infosys ห่างกันนิดหน่อยคือ 2.7% ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนวิกฤตการลงทุนในอุตสาหกรรมด้านไอทีของอินเดียได้ดี อย่างไรก็ดี Nomura ได้ทำชาร์ตวิเคราะห์สถานการณ์นี้ไว้ว่า
ประเทศอินเดียมีระบบยืนยันตัวตนประชาชนในชื่อเรียกว่า Aadhaar เป็นการยืนยันตัวตนผ่านส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น ม่านตา ลายนิ้วมือ เป็นต้น แม้ระบบดังกล่าวจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความเป็นส่วนตัวมาก แต่มีแหล่งข่าววงในระบุว่าสตาร์ทอัพที่ทำธุรกิจในอินเดียเจ้าใหญ่ เช่น Airbnb, Uber และ Ola ก็เตรียมนำระบบนี้มายืนยันตัวผู้ให้บริการบนแพลตฟอร์มด้วย
Uber และ Ola บริการแชร์รถ กำลังพิจารณาใช้ Aadhaar มาตรวจสอบและยืนยันตัวตนของคนขับรถ ในขณะที่ Airbnb ก็กำลังมองหาระบบยืนยันตัวตนมาใช้กับเจ้าของห้องเช่า แหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลเป็นบุคคลในสามบริษัทดังกล่าว พวกเขาไม่เปิดเผยตัวตนเพราะยังไม่มีข้อมูลที่เป็นทางการออกมาจากบริษัท
กลุ่มพันธมิตร Enterprise Ethereum Alliance (EEA) เพิ่งก่อตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2017 โดยมีไมโครซอฟท์และอินเทลเป็นแกนนำ และมีธนาคารรายใหญ่ของโลกอย่าง JP Morgan และ Santander เข้าร่วมเป็นสมาชิกก่อตั้ง
เวลาผ่านมาอีกไม่กี่เดือน กลุ่ม Enterprise Ethereum Alliance ประกาศรายชื่อสมาชิกใหม่เพิ่มอีกชุดใหญ่ จนตอนนี้ EEA มีสมาชิกเกิน 150 องค์กรแล้ว ถือเป็นกลุ่มผลักดันเทคโนโลยี blockchain รายใหญ่ที่สุดของโลกในทันที
สมาชิกชุดใหม่มีทั้งบริษัทไอที (Cisco) ธนาคาร (Scotiabank) บริษัทบัตรเครดิต (Mastercard) มหาวิทยาลัย และสตาร์ตอัพด้าน blockchain อีกจำนวนมาก (รายชื่อสมาชิกทั้งหมด)
วัฒนธรรมในประเทศอินเดียดูเหมือนจะยังไม่เปิดรับการอยู่ก่อนแต่งอย่างเต็มที่ ผู้ให้เช่าห้องพัก Airbnb จำนวนหนึ่งในอินเดียจึงตั้งกฎให้ลูกค้าที่เข้าพักเป็นคู่รักว่าต้องเป็นคู่แต่งงานแล้ว หรือเป็นญาติสนิทกันเท่านั้น ไม่รับคู่รักที่ยังไม่ได้แต่งงานเด็ดขาด ในทางหนึ่งคือหลีกเลี่ยงการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมและเจ้าหน้าที่รัฐด้วย
ผู้ให้เช่ารายหนึ่ง ระบุว่าที่ต้องตั้งกฎขึ้นมาเพราะไม่อยากถูกดำเนินคดีโดยไม่ได้เจตนา เพราะหากอนุญาตให้คู่รักที่ยังไม่แต่งงานเข้าพัก ก็เท่ากับอนุญาตให้มีการค้าประเวณีซึ่งผิดกฎหมายได้ ผู้จัดการโรงแรม Hotel Flora รายหนึ่งบอกกับนักข่าวว่า สาเหตุที่เราไม่อนุญาตให้คู่รักยังไม่แต่งงานเข้าพัก เพราะไม่อยากถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
ทางการรถไฟอินเดียได้เริ่มติดตั้งแผงโซลาเซลล์ 16 แผงบนหลังคาของตู้โดยสารรถไฟ โดยเริ่มทดสอบกับรถไฟ 3 ขบวนที่วิ่งย่านชานเมืองของกรุง New Delhi ก่อนจะติดตั้งเพิ่มอีกราว 24 ขบวนต่อไป
หัวจักรรถไฟจะยังคงขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลต่อไป ขณะที่แผงโซลาเซลล์ร่วมกับอินเวอร์เตอร์และแบตเตอรี่ จะเข้ามาดูแลเรื่องพลังงานไฟฟ้าในแต่ละตู้โดยสารแทนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังดีเซล ซึ่งทุกๆ ตู้โดยสาร 6 ตู้ที่ติดตั้งแผงโซลาเซลล์ช่วยให้การรถไฟอินเดียประหยัดน้ำมันได้ราว 21,000 ลิตรต่อปี
ทางการอินเดียยังมีแผนจะผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้ได้ราวๆ 1 GW ภายในปี 2020 และ 5 GW ภายใน 2025
จากที่ทาง GSMA Intelligence เผยข้อมูลว่าปัจจุบันมีผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือแล้วไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านราย ล่าสุดรายงานของ GSMA หัวข้อ Mobile Economy: Asia Pacific คาดว่าภายในปี 2020 จะมีผู้ใช้สมาร์ทโฟน (new mobile subscribers) เพิ่มขึ้นราว 753 ล้านคน
ในจำนวนนั้นจะมีผู้ใช้ชาวอินเดียอยู่ราว 206 ล้านคนคิดเป็น 27% และจีนราว 155 ล้านคน คิดเป็นราว 21% ขณะที่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จากที่มีอยู่ราว 2.7 พันล้านคนเมื่อสิ้นปีที่แล้ว ก็น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.1 พันล้านคนภายใน 2020 ด้วย คิดเป็นสัดส่วนราว 2 ใน 3 ของจำนวนที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก