เป็นมหากาพย์อีกตอนที่ไม่ดังในหมู่ผู้บริโภคทั่วไปมากนัก แต่หนังสือพิมพ์เชิงธุรกิจของอเมริกาสนใจกับข่าวนี้กันมาก (ดูข่าวเก่า eBay พิจารณาขาย Skype, สองผู้ก่อตั้ง Skype เตรียมซื้อคืนกิจการจาก eBay, Skype เป็นอิสระจาก eBay แล้ว)
ความเป็นมาแบบสั้นๆ มี 2 ข้อครับ
Blognone เคยเสนอข่าว WeFollow สร้างรายชื่อผู้ใช้ Twitter ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นกิจการทำสนุกของ Kevin Rose ผู้ก่อตั้งเว็บ Digg ตอนนี้มันรวมเข้ากับกิจการของ Digg แล้ว
WeFollow ตอนนี้มีฐานข้อมูลผู้ใช้ Twitter ประมาณ 654,000 บัญชี การรวมกิจการครั้งนี้ไม่เสียเงินซื้อเพราะเจ้าของเป็นคนเดียวกัน Kevin Rose เพียงแค่เปลี่ยนเอกสารความเป็นเจ้าของจากชื่อของตัวเองมาเป็นชื่อบริษัท Digg เท่านั้น
เดิมที WeFollow เรียงลำดับผู้ใช้ตามจำนวน follower แต่อีกไม่นานจะเปลี่ยนอัลกอริธึมในการเรียงลำดับใหม่ให้สนใจความเหมาะสมของ tag มากขึ้น ส่วน Digg ซึ่งเตรียมปรับเว็บให้รองรับประเด็นร้อนแบบเรียลไทม์ก็จะใช้ข้อมูลจาก WeFollow เข้าช่วยเช่นกัน
Fujitsu และ Toshiba ได้ออกมาประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า Fujitsu จะส่งมอบธุรกิจฮาร์ดดิสก์ให้กับ Toshiba หลังจากตอนปลายเดือนมกราคมมีข่าว Fujitsu ขายธุรกิจฮาร์ดดิสก์ให้กับบริษัทลูกของ Toshiba ( Toshiba Storage Device Corp., หรือ TSDC.)
โดย Toshiba จะถือหุ้นบริษัท TSDC อยู่ 80% และอีก 20% เป็นของ Fujitsu ไปจนถึงธันวาคมปีหน้า หลังจากนั้น Toshiba จะถือครองหุ้น TSDC ทั้งหมด
Toshiba หวังว่าจะเข้าครองส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น โดยตั้งเป้าไว้ที่ 600 พันล้านเยน (6.7 พันล้านดอลลาร์) ภายในเดือนมีนาคม 2012 และจะได้ส่วนแบ่งตลาดที่ 20% ภายในเดือนมีนาคม 2016
ที่มา C|Net
แม้ว่าสำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะไม่ค่อยน่าสนใจนัก แต่ข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่ของตลาดไอทีในองค์กรของสหรัฐเลยครับ
บริษัท Xerox (คงไม่ต้องอธิบายว่าบริษัทนี้ทำอะไร) เข้าซื้อกิจการบริษัท Affiliated Computer Services หรือ ACS ซึ่งเป็นบริษัทที่ขายโซลูชันไอทีในองค์กรขนาดใหญ่ (เน้นทาง business process outsourcing หรือ BPO) ACS อาจจะไม่ใช่บริษัทดังมากนักแต่ติดอันดับ 401 ของ Fortune 500 มีพนักงานรวมกว่า 74,000 คน และมีสาขาใน 100 ประเทศทั่วโลก
คนแถวนี้น่าจะรู้จักบริการตรวจว่าเป็นคนหรือเป็นคอม หรือที่เราเรียกกันเป็นภาษาเทคนิคว่า CAPTCHA เมื่อปี 2007 เราเคยลงเรื่อง reCAPTCHA ซึ่งนำบริการ CAPTCHA มาผนวกกับ OCR
ล่าสุดกูเกิลซื้อกิจการ reCAPTCHA ไปเรียบร้อยโดยไม่เปิดเผยวงเงิน คาดว่าเทคโนโลยีของ CAPTCHA ด้านการทำ OCR โดยใช้พลังมวลชน จะช่วยงานของกูเกิลในบริการ Google Books และ Google News Archive Search ได้มาก ถ้าคิดไม่ออกลองนึกดูว่าถ้าคนที่ค้นหาข้อมูลบนกูเกิลจะต้องป้อน reCAPTCHA ทุกคน หนังสือที่สแกนเข้ามาเก็บใน Google Books คงถูกแปลงเป็นตัวหนังสือในเวลาไม่นาน
ปิดท้ายข่าวนี้ด้วยภาพความร่วมมือระหว่างกูเกิลกับ reCAPTCHA
ที่มา - Official Google Blog
Research in Motion เจ้าของมือถือตระกูล BlackBerry เข้าซื้อกิจการของ Torch Mobile ผู้สร้างเว็บเบราว์เซอร์ Iris
Iris เป็นเว็บเบราว์เซอร์บนมือถือที่ใช้ WebKit ทำงานบน Windows Mobile และ Qtopia การซื้อกิจการครั้งนี้ชัดเจนว่า RIM ต้องการเว็บเบราว์เซอร์บน BlackBerry ที่สมน้ำสมเนื้อกับคู่แข่งอย่าง Mobile Safari อีกไม่นานเราคงเห็น Iris บน BlackBerry สมรภูมิเริ่มระอุอีกแล้ว
ที่มา - Boy Genius Report
บริษัท VMWare ประกาศวันนี้ (10 สิงหาคม) ว่าจะซื้อบริษัท SpringSource ด้วยเงินสด 362 ล้านเหรียญ พร้อมหุ้นอีก 58 ล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยราว หมื่นสองพันล้านบาทและหนึ่งพันเก้าร้อยล้านบาทตามลำดับ
สำหรับท่านที่ไม่ทราบ VMWare มีผลิตภัณฑ์ดังคือซอฟต์แวร์จำลองการทำงานของเครื่องพีซีและเซิร์ฟเวอร์ที่มีชื่อเดียวกับบริษัทว่า VMWare ส่วน SpringSource เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์แอพพลิเคชันเฟรมเวิร์ก Spring, Grails มีจาวาแอพพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์ tc Server และ dm Server รวมถึงขายการอบรมการใช้แอพพลิเคชันเฟรมเวิร์ก
ตอนนี้ ในตลาดด้านซอฟต์แวร์เหลือตัวใหญ่ๆ ตอนนี้ก็ IBM, Oracle, Microsoft จะมีเพิ่มอีกหนึ่งก็ VMWare นี่แหล่ะครับ
Techcrunch รายงานว่า Facebook ได้ทำการเข้าซื้อ Friendfeed แล้ว ทั้งสองบริษัทได้ประกาศว่าทั้งสองบริษัทมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน และในขณะนี้ Friendfeed จะยังให้บริการเหมือนเดิมจนกว่าทั้งสองบริษัทจะวางแผนในระยะยาวเสร็จ
ข่าวการซื้อครั้งที่เงียบมากแต่มูลค่าถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์ กลายเป็นเรื่องช็อกโลกในวันนี้เมื่อทาง IBM ได้ประกาศความสำเร็จในการเจรจาเข้าซื้อบริษัท SPSS ซึ่งเป็นบริษัทขายซอฟต์แวร์สถิติระดับโลก
การเข้าซื้อนี้ไอบีเอ็มจะจ่ายค่าหุ้นในราคา 50 ดอลลาร์ต่อหุ้น ขณะที่ราคาปิดเมื่อวานนั้นอยู่ที่ 35 ดอลลาร์ ใครที่ซื้อหุ้น SPSS เมื่อวานนี้ก็กำไรกันไปร้อยละ 30 ในคืนเดียว ส่วนราคาหุ้นของไอบีเอ็มนั้นตกลงเล็กน้อย
ซอฟต์แวร์ SPSS จะเข้าไปอยู่เป็นสินค้าตัวหนึ่งในตระกูล Information On Demand ของ IBM ต่อไป
เมื่อต้นปี บริษัท Nortel ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมของแคนาดาประสบปัญหาการเงินจนต้องประกาศล้มละลาย จากนั้นเดือนมิถุนายน Nokia Siemens Networks เสนอซื้อฝ่ายไร้สายของ Nortel เป็นมูลค่า 650 ล้านดอลลาร์ เรื่องก็เหมือนจะจบแค่นั้น
id Software ผู้สร้างเกม FPS ชื่อดังอย่าง Doom, Quake และ Wolfenstein ถูกบริษัท ZeniMax Media เข้าซื้อกิจการเรียบร้อยแล้ว
ZeniMax Media ยังเป็นเจ้าของสตูดิโอ Bethesda Softworks ผู้ผลิตเกม RPG ฝรั่งชื่อดัง เช่น Elder Scrolls และล่าสุด Fallout 3 ที่ซื้อสิทธิ์มาทำต่อและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี
บริษัทผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคม Nortel ประกาศการขายกิจการส่วนการสื่อสารไร้สายให้กับคู่แข่ง Nokia Siemens Networks คิดเป็นมูลค่า 650 ล้านดอลลาร์ เนื่องจาก Nortel มีปัญหาทางการเงินจนต้องประกาศล้มละลาย เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ส่วน Nokia Siemens Networks เป็นกิจการร่วมระหว่าง Nokia และ Siemens เพื่อผลิตอุปกรณ์ด้านโทรคมนาคม ปัจจุบันตลาดนี้มีผู้เล่นจำนวนน้อยรายลงเรื่อยๆ รายใหญ่ได้แก่ Ericsson ซึ่งเป็นเจ้าตลาด, Huawei และ Alcatel-Lucent เป็นต้น
Nortel เป็นบริษัทอเมริกาที่เอาดีทาง CDMA และ LTE (ซึ่งไม่ค่อยมีใครใช้มากนัก) การซื้อกิจการบางส่วนของ Nortel ในครั้งนี้จะช่วยให้ Nokia Siemens เจาะตลาดอเมริกาได้มากขึ้น
อินเทลเข้าซื้อกิจการของบริษัท Wind River ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับ Embedded Linux ด้วยมูลค่ารวม 884 ล้านดอลลาร์
อินเทลแจ้งว่าซื้อ Wind River เข้ามาเสริมทัพสาย embedded ของตัวเอง เนื่องจากอินเทลต้องการขยายตลาดจากฐานที่มั่นพีซีและเซิร์ฟเวอร์ไปยังตลาดอื่นๆ ด้วย Wind River จะกลายเป็นบริษัทลูกของอินเทลเต็มตัว และยังดำเนินธุรกิจตามแนวทางเดิมของตัวเองต่อไป
ผลิตภัณฑ์ของ Wind River ที่คนรู้จักกันเยอะหน่อยคือ VxWorks ระบบปฏิบัติการแบบเรียลไทม์
ที่มา - อินเทล
วันนี้ (2009-04-20) ออราเคิลเอาบ้าง หลังจากให้ไอบีเอ็มพยายามเสนอซื้อไปก่อน ขณะออราเคิลประกาศเสนอซื้อซันในราคาหุ้นละ 9.50 เหรียญ ซึ่งขึ้นหน้าหนึ่งทั้งเว็บไซต์ของออราเคิลและซัน แต่ดูของออราเคิลจะใช้คำน่ากลัวไปนิด ชวนให้คิดว่าซื้อไปแล้ว
แต่แท้ที่จริงขณะนี้อยู่ในช่วงกำลังพิจารณาอยู่ ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ ทั้งสำเร็จและไม่สำเร็จ
แล้วจะไงล่ะนี่ ออราเคิลเริ่มขายฮาร์ดแวร์แล้วด้วยเครื่อง Exadata แล้วรอบนี้จะมีไลน์ฮาร์ดแวร์ทั้งแผงรึเนี่ย?!?
เสริม: (2009-04-20) ที่มีการเช็คข้อมูลข้างใน ค่อนข้างแน่นอนแล้วครับ รู้สึกว่าทั้งคู่จะตกลงกันแล้ว เหลือแต่เรื่องทางด้านข้อกำหนดและกฎระเบียบเท่านั้น
ที่มา
หลังจากข่าวการยกเลิกแผนควบรวมกิจการของ IBM กับ Sun ด้วยมูลค่ากว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทาง Business Week เลยทำการย้อนอดีตกลับไปดู 21 อันดับการควบรวมกิจการที่ไม่ประสบความสำเร็จ เลยขอคัดมาเฉพาะบริษัทไอทีเรียงตามลำดับปีดังนี้
ทำท่าจะเป็นหนังม้วนยาวอีกเรื่องสำหรับการเข้าซื้อซันของไอบีเอ็ม ล่าสุดข่าวระบุว่าข้อเสนอซื้อถูกล้มไปเรียบร้อยแล้ว
แม้สองบริษัทจะปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้คุยกัน แต่แหล่งข่าวกล่าวว่าทั้งสองบริษัทได้พูดคุยกันมาหลายเดือนแล้ว และล่าสุดซันไม่พอใจกับราคาที่เสนอซื้อล่าสุดซึ่งอยู่ที่ $9.40 ต่อหุ้น ต่างจากราคาเสนอซื้อรอบแรกที่อยู่ราว $10-$11 (ขณะที่เขียนข่าวนี้ราคาหุ้นของซันอยู่ที่ $8.49 ซึ่งพุ่งขึ้นกว่า 50% ในระยะเวลาสองสัปดาห์)
ComputerWorld มีบทวิเคราะห์ว่า 5 เทคโนโลยีสำคัญของซันจะอยู่หรือจะไป หลังจากโดน IBM ซื้อกิจการ
จากข่าว กูเกิลจะซื้อ Twitter? ทาง Twitter ได้ออกมาปฏิเสธข่าวนี้แล้วผ่านทางบล็อกของบริษัทว่า ในบางครั้งเราก็คุยกับบริษัทอื่นๆ ในแง่ความร่วมมือกันบ้าง แต่เรายังไม่คิดจะขายบริษัทออกไป
Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวของตัวเองว่า ทั้งสองบริษัทคุยกันจริง แต่คุยกันเรื่องกูเกิลอยากนำข้อความ tweet มาสร้างระบบค้นหาแบบเรียลไทม์เท่านั้น ไม่มีเรื่องซื้อกิจการแต่อย่างใด
ทั้งหมดนี่เป็นการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ล้วนๆ
นักวิเคราะห์จาก Forrester Research มองว่าถ้า IBM ซื้อกิจการสำเร็จ อาจจะต้องปลดพนักงานของซันออกถึง 1 ใน 3 หรือมากกว่า 10,000 คน เนื่องจากสายผลิตภัณฑ์ที่ทับซ้อนกันมาก และการซื้อกิจการครั้งนี้ IBM อาจต้องการฐานลูกค้าของซันมากกว่าตัวเทคโนโลยี
นักวิเคราะห์อีกรายมองว่าสองแผนกแรกที่โดนแน่ๆ คือฝ่ายขายและฝ่ายการตลาด ซึ่งคนของ IBM ทำได้อยู่แล้วโดยไม่ต้องพึ่งคนของซัน ส่วนฝั่งเทคโนโลยีที่มีความเสี่ยงคือฮาร์ดแวร์ (โดยเฉพาะ SPARC อาจจะสิ้นชื่อเพราะ Power), แผนก storage (Sun Thumper คงต้องหลีกทางให้ IBM Shark), Glassfish ยอมหลบให้ Geronimo เป็นต้น แผนกที่น่าจะอยู่รอดคือ MySQL และ Solaris
TechCrunch รายงานข่าวจากแหล่งข่าววงใน 2 รายว่ากูเกิลกำลังเจรจาขอซื้อ Twitter โดยแหล่งข่าวรายที่สามบอกว่ายังเป็นการเจรจาในขั้นต้นเท่านั้น
ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่า Facebook สนใจซื้อ Twitter แต่สุดท้ายก็เจรจาล้มเหลว หลังจากนั้น Facebook ก็ปรับหน้าเว็บของตัวเองใหม่ ให้เน้น minifeed มากขึ้น โดยมีคนมองว่านี่คือการแข่งกับ Twitter โดยตรงนี่นา
ส่วนกูเกิลนั้นเคยมีข่าวเข้าซื้อ Digg แต่ถอนตัวในภายหลัง เช่นกัน ผมหวังแค่ว่าถ้าซื้อได้จริงคงไม่ซ้ำรอย Jaiku นะ
New York Times รายงานข่าวจากวงในว่า IBM ตกลงซื้อกิจการกับ Sun เกือบสำเร็จแล้ว โดยราคาหุ้นที่ตกลงกันคือ 9.50 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคา 10 ดอลลาร์ต่อหุ้นตามที่ออกข่าวมาตอนแรกเล็กน้อย มูลค่ารวมทั้งบริษัทของ Sun จะตกประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์
ข่าวการควบกิจการสำเร็จอาจจะประกาศภายในวันศุกร์นี้ (วันนี้ตามเวลาสหรัฐ) ส่วนโฆษกของ IBM และ Sun ยังไม่ยืนยันข่าวนี้แต่อย่างใด แหล่งข่าวบอกด้วยว่า IBM สนใจเทคโนโลยี Java และ Solaris มากเป็นพิเศษ
การซื้อกิจการครั้งใหญ่ของ IBM คือปี 2008 ซื้อบริษัท Cognos (Business Intelligence) ในราคา 5 พันล้านดอลลาร์
ที่มา - New York Times
การรุกเข้าตลาดมือถือของผู้ผลิตพีซีนั้นเป็นแนวโน้มที่ชัดเจน ก่อนหน้านี้ Acer ประกาศตัวไปแล้ว และเราก็เห็นมือถือของ Lenovo กันแล้วเช่นกัน ส่วน Dell ถึงแม้จะไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ แต่สักประมาณสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวว่า Dell ได้นำมือถือของตัวเองไปให้บรรดาโอเปอเรเตอร์มือถือดู ผลตอบรับกลับแย่มากเพราะแหล่งข่าวบอกว่า มือถือของ Dell ไม่สามารถสร้างจุดขายจากมือถือรุ่นอื่นๆ ในท้องตลาดได้ เรียกว่าต้องกลับไปเริ่มนับหนึ่งกันใหม่เลยทีเดียว
Cisco ยังเดินหน้าปฏิบัติการซื้อแหลกต่อไป ล่าสุดประกาศว่าต้องการซื้อกิจการ Pure Digital Technologies ผู้คิดค้นกล้องวิดีโอ Flip Video
Flip เป็นกล้องแฮนดี้แคมสำหรับถ่ายวิดีโอที่มีเพียงปุ่มเดียวคือปุ่มอัด ออกมาจับตลาดคนที่ต้องการถ่ายวิดีโอแบบง่ายๆ ไม่ต้องการฟีเจอร์ที่ซับซ้อน เมื่อรวมกับรูปทรงของกล้องที่แบนเหมือนโทรศัพท์มือถือ ขนาดเล็กพกพาสะดวก ราคาไม่แพงมากนัก สีสันสดใส และความสามารถในการแชร์วิดีโอบน YouTube/MySpace ได้ง่าย ทำให้ Flip กลายเป็นปรากฎการณ์ในหมู่วัยรุ่นของฝรั่งอย่างรวดเร็ว (ขายไปได้แล้ว 2 ล้านตัว) ตอนนี้ Flip มี 4 รุ่น รุ่นต่ำสุดราคา 129 ดอลลาร์
มีรายงานข่าวออกมาในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ว่าไอบีเอ็มมีแผนเตรียมเข้าซื้อกิจการซัน ไมโครซิสเต็มส์
รายงานข่าวบอกว่าข้อเสนอของไอบีเอ็มนั้น คือการเสนอซื้อหุ้นซันด้วยมูลค่าสูงกว่าปัจจุบันมากกว่าเท่าตัวด้วยเงินสดรวมเป็นมูลค่าเกือบ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นข้อเสนอในการควบรวมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของไอบีเอ็ม
หากการควบรวมนี้สำเร็จจริง จะส่งผลให้สองบริษัทนี้มีส่วนแบ่งตลาดเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ UNIX เป็นระบบปฏิบัติการสูงถึง 65 เปอร์เซ็นต์ และ 42 เปอร์เซ็นต์สำหรับเซิร์ฟเวอร์ในภาพรวม
ก็ต้องปิดท้ายด้วยประโยคบังคับของบรรดาข่าวควบรวมทั้งหลายว่า ทั้งสองบริษัทก็ยังไม่ออกมาให้ความเห็นใดๆ ในขณะนี้
ยักษ์ใหญ่จอมซื้อกิจการในโลกไอทีนั้นมีไม่กี่เจ้า หลักๆ ได้แก่ไมโครซอฟท์ กูเกิล ออราเคิล และ Cisco
คราวนี้เป็นคิวของ Cisco แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการเช่นเคย เป็นแค่การอ้างแหล่งข่าววงในจากนักวิเคราะห์การเงินในวอลล์สตรีทเท่านั้น มีเสียงร่ำลือว่า Cisco อาจจะซื้อ VMware ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่หุ้นส่วนใหญ่นั้นถือโดยบริษัท EMC โดย Cisco อาจจะเจรจาซื้อจาก EMC แล้วค่อยรับซื้อจากนักลงทุนอื่นๆ ต่อไป
ถ้าข่าวนี้เป็นจริงก็ค่อนข้างมีน้ำหนัก เพราะ VMware นั้นต่อยอดไปกันได้กับผลิตภัณฑ์ด้านเครือข่ายและโซลูชันองค์กรที่ Cisco มีอยู่