ออราเคิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2019 (มีนาคม-พฤษภาคม) รายได้รวมเพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 11,136 ล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,740 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14%
รายได้กลุ่มใหญ่ที่สุดของออราเคิลมาจากค่าบริการทั้งคลาวด์และสนับสนุนไลเซนส์ รายได้ส่วนนี้อยู่ที่ 6,799 ล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับปีก่อน ส่วนรายได้จากการขายไลเซนส์คลาวด์และออนพรีมิส เพิ่มขึ้น 12% เป็น 2,520 ล้านดอลลาร์ ส่วนธุรกิจฮาร์ดแวร์ลดลงเป็น 994 ล้านดอลลาร์
Safra Catz ซีอีโอร่วมของออราเคิลกล่าวถึงผลิตภัณฑ์อย่าง Fusion และ NetSuite ว่ามีการเติบโตรวดเร็วมาก และถือเป็นโอกาสสำคัญของออราเคิล ที่จะสนับสนุนให้ลูกค้าใช้บริการบนคลาวด์มากขึ้น
ถ้าใครโตทันทศวรรษ 90s และ 2000s หนึ่งในคู่ไม้เบื่อไม้เมาของโลกไอทีคือ Microsoft และ Oracle ที่ต้องปะทะคารมกันอยู่แทบตลอดเวลา
แต่เมื่อสภาพตลาดเปลี่ยนไปจากเดิมมาก คู่แข่งรายใหญ่ของ Oracle กลับกลายเป็น AWS ในขณะที่ Microsoft Azure ก็ยังเป็นเบอร์สองในตลาดคลาวด์ ที่ส่วนแบ่งตลาดยังตามหลัง AWS อยู่มากพอสมควร
สถานการณ์นี้ทำให้เราเห็นดีลที่อาจไม่เคยนึกฝันถึง เมื่อ Microsoft Azure ผนึกกำลังเป็นพันธมิตรกับ Oracle Cloud โดยเชื่อมระบบคลาวด์ของแต่ละฝั่งเข้าหากัน และเปิดให้ลูกค้าสามารถย้ายงานจากคลาวด์ค่ายหนึ่งไปยังอีกค่ายได้ทันที
เส้นทางใหม่ของ Java EE เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2017 เมื่อ Oracle ตัดสินใจยก Java EE ให้ Eclipse Foundation ดูแล ภายใต้ชื่อแบรนด์ใหม่ว่า Jakarta EE เพราะ Oracle ยังถือเครื่องหมายการค้า Java อยู่ (Java SE ยังเป็นของ Oracle)
ตอนนี้โครงการ Jakarta EE มีโลโก้ใหม่และเว็บไซต์ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็เจออุปสรรคสำคัญที่จะทำให้แอพพลิเคชันที่เขียนบน Java EE ในอดีต ไม่สามารถรันบน Jakarta EE ในอนาคตได้
ทีม Talos ของซิสโก้แจ้งเตือนถึงการโจมตีช่องโหว่ CVE-2019-2725 ของ WebLogic ที่ออราเคิลเพิ่งออกแพตช์ให้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตอนนี้พบว่ามีกลุ่มแฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้เข้ารหัสข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์เพื่อเรียกค่าไถ่
ทีมงานพบว่าแฮกเกอร์กลุ่มนี้พยายามสแกนหาเซิร์ฟเวอร์ที่มีช่องโหว่ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ก่อนการปล่อยแพตช์หนึ่งวัน และหลังจากนั้นก็ส่งคำสั่งให้เครื่องเหยื่อดาวน์โหลดไฟล์ radm.exe มารัน
ตัวมัลแวร์เข้ารหัสพยายามยกเลิก shadow copy ของข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์เพื่อป้องกันการกู้ข้อมูล จากนั้นเข้ารหัสข้อมูล แล้ววางไฟล์แนะนำวิธีติดต่อคนร้ายบนเว็บ Tor โดยตัวอย่างหน้าจอของ Talos นั้นคนร้ายเรียกค่าไถ่ถึง 2,500 ดอลลาร์
ออราเคิลออกแพตช์แก้ช่องโหว่ CVE-2019-2725 ที่เป็นช่องโหว่รันโค้ดจากระยะไกลใน WebLogic เปิดทางให้แฮกเกอร์รันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องมีสิทธิ์เข้าถึงเซิร์ฟเวอร์
ช่องโหว่นี้รายงานครั้งแรกโดยบริษัท KnownSec 404 ที่รายงานถึงว่ามีการสแกนช่องโหว่นี้ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีรายงานว่ามีเหยื่อถูกยึดเครื่องจากช่องโหว่นี้จริงๆ
ระบบฐานข้อมูลเป็นหัวใจของธุรกิจแทบทุกประเภท ประสิทธิภาพของระบบฐานข้อมูลมักสะท้อนเป็นประสิทธิภาพในการตอบสนองลูกค้าและความสามารถในการทำกำไรในที่สุด หากระบบฐานข้อมูลมีปัญหาก็จะสร้างผลกระทบเป็นลูกโซ่ออกไปถึงผลประกอบการได้เช่นเดียวกัน
องค์กรจำนวนมากเลือกที่จะวางระบบฐานข้อมูลด้วยตัวเอง โดยแยกส่วนต่างๆ ออกจากกันทั้งเซิร์ฟเวอร์, ระบบปฎิบัติการ, เน็ตเวิร์ค, และสตอเรจ แต่ละส่วนอาจดูแลโดยทีมวิศวกรคนละทีมสร้างความซับซ้อนในการวางระบบ, เพิ่มระยะเวลาติดตั้ง, และเมื่อเกิดปัญหาก็ลำบากในการแก้ไข
Oracle Database Appliance หรือ ODA หลอมรวมความซับซ้อนทั้งหมดเข้ามาเป็นระบบเดียวกัน ทดสอบและปรับแต่งให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับซอฟต์แวร์ Oracle Database ทั้งรุ่น Standard และรุ่น Enterprise
Red Hat ประกาศรับช่วงดูแลโครงการ OpenJDK 8 และ OpenJDK 11 ซึ่งเป็นรุ่นซัพพอร์ตระยะยาว (LTS) ต่อจาก Oracle ที่เป็นบริษัทแกนหลักของโลก Java
เรื่องนี้ไม่น่าประหลาดใจนัก เพราะ Red Hat เคยทำแบบนี้มาก่อนแล้วกับ OpenJDK 6 และ OpenJDK 7 เพื่อการันตีว่าลูกค้าของตัวเองจะมีแพตช์ของ OpenJDK ต่อไป แม้ Oracle หยุดซัพพอร์ตไปแล้ว เนื่องจากโมเดลธุรกิจของ Red Hat ขายซัพพอร์ต Java (เวอร์ชัน OpenJDK) บน RHEL ด้วย และล่าสุดเพิ่งเพิ่มการขายซัพพอร์ต OpenJDK บนวินโดวส์อีกช่องทางหนึ่ง
หลายคนอาจลืมชื่อ JavaFX กันไปแล้ว ความคืบหน้าล่าสุดของ JavaFX ในปีที่แล้วคือ ถูก Oracle ถอดออกจากแพ็กเกจของ Java ตัวหลัก (มีผลใน Java 11) ใครอยากใช้ต้องไปดาวน์โหลดโมดูลแยกกันเอง
JavaFX ยังถูกพัฒนาต่อในฐานะโครงการโอเพนซอร์ส OpenJFX โดยที่ Oracle ก็ไม่สนใจให้ทรัพยากรมาทำมากนัก
Oracle ออก Java 12 ตามนโยบายการออกรุ่นใหม่ทุก 6 เดือน โดยรุ่นนี้จะเป็นรุ่นซัพพอร์ตระยะสั้น ต่างจาก Java 11 ที่เป็นรุ่น LTS มีระยะซัพพอร์ตนาน 8 ปี (LTS ตัวหน้าคือ Java 17 กำหนดออกปี 2021)
ของใหม่ในเวอร์ชันนี้เน้นไปที่การแก้บั๊กและปรับปรุงฟีเจอร์เล็กๆ จำนวนมาก (ตามแนวทางของการออกรุ่นทุก 6 เดือน) ส่วนฟีเจอร์ใหญ่ที่น่าสนใจคือ Project Shenandoah ซึ่งเป็นการทดลองสร้าง garbage collector ตัวใหม่ที่มีระยะเวลาหยุดทำงานสั้น (low-pause-time), ปรับปรุงการทำงานบนสถาปัตยกรรม ARM 64 บิท (AArch64) ที่เดิมทีมี 2 แบบให้เหลือแบบเดียว เป็นต้น
Berkshire Hathaway บริษัทด้านการลงทุนของมหาเศรษฐีชื่อดัง วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ออกรายงานประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2018 เปิดเผยว่าบริษัทได้ขายหุ้นของ Oracle ที่ถือครองอยู่ทั้งหมด 41.4 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 2,130 ล้านดอลลาร์ ออกไปในช่วงไตรมาสดังกล่าว
ประเด็นที่น่าสนใจคือ Berkshire ได้เริ่มเข้าซื้อหุ้น Oracle เมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เท่ากับว่าบริษัทลงทุนในหุ้น Oracle เป็นเวลาเพียงไม่ถึง 2 เดือน ก็ตัดสินใจขายหุ้นออกมาทั้งหมด ซึ่งถ้าใครติดตามรูปแบบการลงทุนของบัฟเฟตต์ คงพอทราบว่าเขามักลงทุนกับบริษัทแบบระยะยาวมากกว่า
Tesla ประกาศแต่งตั้งกรรมการอิสระเพิ่มอีก 2 รายคือ Larry Ellison ผู้ก่อตั้ง Oracle และ Kathleen Wilson-Thompson หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ของบริษัทร้านขายยา Walgreens Boots Alliance
การแต่งตั้งกรรมการครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ Tesla ยอมความกับ SEC (ก.ล.ต.สหรัฐ) หลังกรณี Elon Musk ทวีตข้อความเรื่องการเอาบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์
VirtualBox ออกเวอร์ชันใหญ่ 6.0 มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ที่สำคัญมีดังนี้
รายการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ สามารถอ่านได้จากที่มา
ออราเคิลรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2019 (กันยายน-พฤศจิกายน 2018) มีรายได้ใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนที่ 9,562 ล้านดอลลาร์ แต่หากตัดปัจจัยค่าเงินต่างประเทศ รายได้ก็เพิ่มขึ้น 2% และมีกำไรสุทธิ 2,333 ล้านดอลลาร์
กลุ่มธุรกิจหลักของออราเคิลคือบริการคลาวด์และสนับสนุนไลเซนส์ มีรายได้เพิ่มขึ้น 3% เป็น 6,637 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้จากไลเซนส์คลาวด์และไลเซนส์แบบ on-premiseลดลง 9% เป็น 1,217 ล้านดอลลาร์ ธุรกิจฮาร์ดแวร์ รายได้ลดลง 5% เป็น 891 ล้านดอลลาร์ และธุรกิจบริการรายได้ 817 ล้านดอลลาร์ ลดลง 5%
Oracle และ AWS กลายเป็นคู่แข่งโดยตรงกันมาหลายปี หลัง AWS มีบริการ RDS โดย AWS มักโจมตีที่ออราเคิลขึ้นราคาค่าไลเซนส์ (โดยเทียบว่าบริการคลาวด์นั้นลดราคาลงเรื่อยๆ) ขณะที่งาน Oracle OpenWorld ที่ผ่านมา Larry Ellison ก็ชี้ว่าที่จริงแล้ว Amazon ยังต้องใช้ฐานข้อมูลของ Oracle อยู่และเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดรายหนึ่ง วันนี้ Andy Jessy ก็ออกมาทวีตเรื่องนี้ว่าเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Amazon ย้ายระบบ data warehouse ไปยังบริการ Redshift ของ AWS เองเรียบร้อยแล้ว
ในทวีตเดียวกัน Jessy ยังระบุว่าภายในสิ้นปีนี้ ระบบฐานข้อมูล 88% จะย้ายจาก Oracle Database ไปยัง Aurora หรือ DynamoDB โดยคิดเป็น 97% ของระบบสำคัญทั้งหมด
ออราเคิลประกาศเครื่องตระกูล E ที่ใช้ชิป AMD EPYC โดยสามารถซื้อได้มากที่สุดคือทั้งเครื่อง (bare metal) รวม 64 คอร์ แรม 512GB โดยเริ่มใช้งานได้แล้วตอนนี้
เครื่องแบบ VM เริ่มให้บริการแบบ 1, 2, 4, 8 คอร์โดยต้องขอใช้งานล่วงหน้า ขณะที่เครื่องแบบ 16 และ 24 คอร์จะเริ่มให้บริการในอนาคต
ออราเคิลระบุว่าเครื่อง EPYC มีคอร์สูงสุดถึง 64 คอร์มากที่สุดในคลาวด์สาธารณะ และแบนวิดท์หน่วยความจำ 269 กิกะบิตต่อวินาที สูงที่สุดอีกเช่นกัน
ราคา 0.03 ดอลลาร์ต่อคอร์ต่อชั่วโมงหรือ 1.92 ดอลลาร์ต่อเครื่องต่อชั่วโมง (ไม่รวมสตอเรจ) ถูกกว่าเครื่อง bare meteal เดิมของออราเคิลเช่น Standard2 กว่าครึ่ง
ปีนี้งาน JavaOne ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 1996 กลายเป็นงาน Oracle Code One และรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของงาน Oracle OpenWorld โดยมีการสัมมนาหัวข้อที่เกี่ยวกับนักพัฒนาภาษาอื่นๆ เช่น Go, Rust, ไพธอน, จาวาสคริปต์, R หรือแม้แต่การพัฒนาบล็อคเชนเพิ่มเข้ามา อย่างไรก็ดี ช่วง keynote เปิดงาน Georges Saab รองประธานฝ่ายพัฒนาแพลตฟอร์มจาวายังยืนยันว่าแพลตฟอร์มยังคงพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง และ Java 11 เป็นเวอร์ชั่นที่จาวาพัฒนาโดยชุมชนภายนอกออราเคิลมากที่สุด
Saab ยืนยันว่าแนวทางการออกเวอร์ชั่นใหม่ทุก 6 เดือนเป็นแนวทางที่ดี เพราะจาวาเองต้องพัฒนาตัวแข่งกับแพลตฟอร์มอื่นๆ โดยตอนนี้มี 4 โครงการย่อยที่มีความก้าวหน้าต่อเนื่อง ได้แก่
ที่งาน Oracle OpenWorld ปีนี้ออราเคิลเปิดตัวบริการ Oracle Digital Assistant (ODA) บริการแชตบอตแบบเดียวกับ DialogFlow ของกูเกิล
ODA เปิดให้นักพัฒนาสามารถสร้าง intent สำหรับเรียกฟังก์ชั่นงานต่างๆ และมีโหมดพิเศษสำหรับการตอบคำถามที่พบบ่อย หรือตัวบอตไม่สามารถตอบแชตเองได้ก็สามารถส่งข้อความให้เจ้าหน้าด้วยฟีเจอร์ Live Agent handover นอกจากนี้ในกรณีต้องการข้อมูลที่มีโครงสร้าง สามารถสร้างแอพขนาดเล็กในแชตเพื่อให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเป็นฟอร์มได้
ที่งาน Oracle OpenWorld 2018 ปีนี้ Larry Ellison ประธานและ CTO ของออราเคิลขึ้นสาธิตความสามารถของ Oracle Autonomous Database หลังจากเปิดตัวไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยระบุฟีเจอร์สำคัญคือทำงานเป็นแบบ serverless เต็มรูปแบบ ไม่คิดค่าเซิร์ฟเวอร์เมื่อไม่ได้ใช้งาน และไม่มีการดาวน์ระบบแม้จะกำลังอัพเดตแพตช์
ออราเคิลประกาศให้บริการคลาวด์สาธารณะ ที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ที่สร้างจากแพลตฟอร์ม HGX-2 ของ NVIDIA นับเป็นคลาวด์สาธารณะรายแรกที่ใช้แพลตฟอร์มนี้
นอกจากการใช้เซิร์ฟเวอร์ HGX-2 แล้ว ออราเคิลยังประกาศรองรับไลบรารี RAPIDS ที่เพิ่งเปิดตัว ทำให้สามารถทำโค้ดที่พัฒนาด้วยชุดไลบรารี RAPIDS ไปรันบนคลาวด์ได้โดยสะดวก
เซิร์ฟเวอร์ในตระกูล HGX-2 จะเป็นเครื่องแบบ GPU4 โดยมีขนาดใหญ่สุดคือ BM.GPU4.8 ซีพียู 48 คอร์ แรม 768GB และชิปกราฟิก Tesla V100 แรม 32GB อีก 8 ชุด
ราคาต่อชั่วโมงยังไม่แจ้ง
Thomas Kurian ผู้บริหารระดับสูงของ Oracle เจ้าของตำแหน่ง President, Product Development ลาออกจากบริษัทแล้ว ท่ามกลางข่าวว่าเขาทะเลาะกับผู้ก่อตั้งและประธานบอร์ด Larry Ellison อย่างรุนแรงในเรื่องทิศทางของบริษัท
Kurian ทำงานกับ Oracle มาตั้งแต่ปี 1996 และดำรงตำแหน่งมาแล้วหลายอย่าง เขาเคยเป็นผู้ปั้นธุรกิจ Oracle Fusion Middleware และล่าสุดมารับหน้าที่ดูแล Oracle Cloud
Bloomberg รายงานปมความขัดแย้งว่า Kurian ต้องการให้ซอฟต์แวร์ของ Oracle ไปรันบนคลาวด์ยี่ห้ออื่น (เช่น AWS หรือ Azure) ได้ด้วย ในขณะที่ Ellison ต้องการเก็บซอฟต์แวร์เหล่านี้ให้รันบน Oracle Cloud ได้เพียงอย่างเดียว เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า Kurian จะไปทำงานอะไรต่อ
สัปดาห์ที่ผ่านมา Oracle ออก Java 11 รุ่นจริง ตามนโยบายใหม่ที่ออก Java รุ่นใหม่ทุก 6 เดือน เหมือนกับซอฟต์แวร์หลายตัวในยุคหลัง
ความพิเศษของ Java 11 คือเป็นรุ่น LTS ที่ซัพพอร์ตยาวนานถึงปี 2026 หรือนาน 8 ปี โดยรุ่น LTS ตัวก่อนหน้านี้คือ Java 8 ที่ยังเป็นรอบการออกแบบเดิม ดังนั้นใครที่สนใจย้ายจาก Java 8 มาเป็นเวอร์ชันใหม่กว่านั้น ก็มองมาที่ Java 11 ได้เลย (LTS ตัวหน้าคือ Java 17 กำหนดออกปี 2021)
ออราเคิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2019 (มิถุนายน-สิงหาคม 2018) รายได้รวม 9,193 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,265 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6%
รายได้หลักของออราเคิลตอนนี้มีจากกลุ่มธุรกิจบริการคลาวด์และสนับสนุนไลเซนส์ โต 3% เป็น 6,609 ล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้จากไลเซนส์คลาวด์และไลเซนส์แบบ on-premise ลดลง 3% เป็น 867 ล้านดอลลาร์ และธุรกิจฮาร์ดแวร์ลดลง 4% เป็น 904 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Mark Hurd กล่าวว่าออราเคิลยังเพิ่มส่วนแบ่งในตลาด ERP บนคลาวด์ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ มีลูกค้าเปลี่ยนมาใช้ Oracle Fusion ERP มากขึ้น เป็นกว่า 5,500 รายแล้ว ขณะที่ NetSuite ERP มีลูกค้ากว่า 15,000 ราย
Oracle ประกาศโอเพ่นซอร์ส Graphpipe เครื่องมือที่พัฒนาขึ้นมามีจุดประสงค์เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการดีพลอยโมเดลของ machine learning โดยเฉพาะ
หัวหน้าโครงการของ Graphpipe คือ Vish Abrams กล่าวว่าถึงที่มาของโครงการ Graphpipe ว่าเนื่องจากทีมของเขาพัฒนา machine learning workflow อย่างหนัก แต่ก็ต้องพบกับความยากในการดีพลอยโมเดล จึงทำให้เกิดโครงการนี้ขึ้นมา ซึ่ง Abrams เห็นว่าทุกวันนี้กระบวนการพัฒนามีการปรับปรุงอยู่เรื่อย ๆ ในขณะที่การดีพลอยนั้นไม่ค่อยมีคนคำนึงถึงมากนัก
ออราเคิลออกแพตช์สำหรับ Oracle Database Server ช่องโหว่ CVE-2018-3110 ที่เปิดทางให้ผู้ใช้ที่ล็อกอินด้วยสิทธิ์ระดับต่ำสามารถเจาะทะลุการป้องกันและรันสคริปต์บนเซิร์ฟเวอร์ได้ โดยเป็นช่องโหว่ความร้ายแรงระดับวิกฤติ ค่าคะแนน CVSSv3 อยู่ที่ 9.9
ช่องโหว่กระทบเซิร์ฟเวอร์ที่รันบนวินโดวส์และใช้ตัวเซิร์ฟเวอร์เวอร์ชั่น 11.2.0.4 และ 12.2.0.1 โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาออราเคิลเคยออกแพตช์ให้ช่องโหว่นี้สำหรับเวอร์ชั่น 12.1.0.2 บนวินโดวส์และรุ่นอื่นๆ บนลินุกซ์มาก่อนแล้ว
หากใครยังไม่ได้ลงแพตช์เมื่อกลางปีที่ผ่านมาควรเร่งลงโดยเร็ว สำหรับเวอร์ชั่นที่เพิ่งออกแพตช์ตอนนี้สามารถเข้าไปดาวน์โหลดแพตช์ได้แล้ว
มีข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการว่า Amazon ประกาศแผนการเลิกใช้ซอฟต์แวร์ของ Oracle สำหรับงานภายในบริษัท มีกำหนดคือไตรมาสแรกของปี 2020
ความพยายามเลิกใช้งานซอฟต์แวร์จาก Oracle เริ่มต้นมาราว 4-5 ปีแล้ว แต่มาถึงตอนนี้ซอฟต์แวร์ส่วนที่รันงานอีคอมเมิร์ซของ Amazon ยังรันอยู่บนฐานข้อมูลของ Oracle อยู่ บริษัทจึงตั้งเป้าจะถอดฐานข้อมูลของ Oracle ให้สำเร็จภายใน 14-20 เดือนข้างหน้า ส่วนซอฟต์แวร์ตัวใหม่ๆ ของบริษัทไม่ได้สร้างขึ้นบน Oracle มาได้สักระยะแล้ว
เหตุผลที่ Amazon เตรียมเลิกใช้ฐานข้อมูล Oracle เป็นเพราะบริษัทมีความต้องการด้านประสิทธิภาพที่สูงมาก ในระดับที่ Oracle ไม่สามารถตอบสนองได้ แต่ก็ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า Amazon จะย้ายไปใช้อะไรแทน