Oracle ออกมายืนยันข่าวเรื่องการซื้อ TikTok ว่า ตกลงไม่ได้เป็นการซื้อกิจการทั้งหมด แต่ Oracle จะเข้าไปเป็น "trusted technology provider" ให้กับ TikTok (ที่ไม่มีใครรู้ว่าความหมายจริงๆ คืออะไร) โดย Oracle เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่ ByteDance เสนอไปยังกระทรวงการคลังสหรัฐ
ตอนนี้ยังไม่มีคนอื่นได้เห็นแผนที่ว่านี้ แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Steven Mnuchin ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะรีวิวแผน และหารือกับฝั่ง Oracle ภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
หลังจากไมโครซอฟท์ประกาศไม่ประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ TikTok ในอเมริกา ชั่วโมงถัดมา The Wall Street Journal ก็รายงานข่าวต่อเนื่อง โดยระบุว่าออราเคิลได้รับเลือกจาก TikTok ให้เป็นพาร์ทเนอร์ทางเทคโนโลยี ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็จะไม่ใช่การขายธุรกิจให้ แต่น่าจะเป็นการสนับสนุนโครงสร้างคลาวด์สำหรับลูกค้าในอเมริกา
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าออราเคิลก็ได้เข้าร่วมเจรจาซื้อกิจการ TikTok ด้วยเช่นกัน
ออราเคิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2021 สิ้นสุดเดือนสิงหาคม รายได้รวม 9,367 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,251 ล้านดอลลาร์
Safra Catz ซีอีโอออราเคิลกล่าวว่าออราเคิลมีลูกค้า Fusion ERP แล้ว 7,300 ราย และ NetSuite ERP 23,000 ราย บน Oracle Cloud นอกจากนี้ธุรกิจ Infrastructure ยังเติบโตอย่างรวดเร็วจาก Zoom
รายได้แบ่งตามกลุ่มธุรกิจ ค่าบริการบนคลาวด์และค่าสนับสนุนไลเซนส์ เพิ่มขึ้น 2% เป็น 6,947 ล้านดอลลาร์ รายได้จากการขายไลเซนส์คลาวด์และออนพรีมิส อยู่ที่ 886 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 9% ส่วนฮาร์ดแวร์และรายได้ค่าบริการเป็น 814 และ 720 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ
Financial Times รายงานว่า Oracle ได้เข้าร่วมการเจรจากับ ByteDance เพื่อเข้าซื้อ TikTok ในส่วนการดำเนินกิจการในสหรัฐ, นิวซีแลนด์, แคนาดา และออสเตรเลีย หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศแบนแอป และล่าสุดได้ยืดเวลา TikTok ขายกิจการจาก 45 เป็น 90 วัน
ออราเคิลเปิดบริการ Oracle Dedicated Region Cloud@Customer ขยายจากบริการ Cloud@Customer เดิมที่เป็นเซิร์ฟเวอร์ติดตั้งในศูนย์ข้อมูลลูกค้า มาเป็นพื้นที่ที่บริหารโดยออราเคิลเองทั้งหมด โดยออราเคิลมองเทียบเท่าบริการคลาวด์หนึ่งภูมิภาค (region) ของออราเคิลเอง
จุดเด่นของ Dedicated Region คือออราเคิลระบุว่าจะได้บริการคลาวด์ทั้งหมดไปใช้งานในศูนย์ข้อมูลตัวเอง เช่นบริการฐานข้อมูลก็จะครบเท่าที่ออราเคิลให้บริการบนคลาวด์ หรือบริการรายล้อมเช่น API Gateway, Container Registry ก็จะใช้งานได้ทั้งหมด และบริการนี้ไม่ต้องการการสั่งงานผ่านคอนโซลของคลาวด์แต่สามารถต่อตรงเพื่อใช้งานได้เลย ทำให้ไม่มีปัญหาหากเน็ตเวิร์คมีปัญหาแล้วเชื่อมต่อคลาวด์ภายนอกไม่ได้
ออราเคิลรายงานผลประกอบการ ประจำไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2020 สิ้นสุดเดือนพฤษภาคม รายได้รวม 10,440 ล้านดอลลาร์ ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,116 ล้านดอลลาร์
รายได้จากค่าบริการบนคลาวด์และค่าสนับสนุนไลเซนส์ เพิ่มขึ้น 1% เป็น 6,845 ล้านดอลลาร์ รายได้จากการขายไลเซนส์คลาวด์และออนพรีมิส อยู่ที่ 1,959 ล้านดอลลาร์
Safra Catz ซีอีโอออราเคิล กล่าวว่ากำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น 5% เป็นผลจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคลาวด์ นำโดย Fusion Cloud ERP Suite ที่เติบโตถึง 35% ส่วน Fusion Cloud HCM Suite ก็เติบโต 29% ซึ่งตัวเลขจะดีกว่านี้ หากไม่ได้รับผลกระทบจากลูกค้ากลุ่มโรงแรม, ค้าปลีก และขนส่ง ที่ชะลอการลงทุนลงจากผลกระทบของการระบาดของไวรัส
Oracle ประกาศฉลอง Java อายุครบ 25 ปี (เปิดตัวครั้งแรกปี 1995) ด้วยสโลแกน “Our World. Moved by Java.” และประกาศยืดอายุซัพพอร์ตของ Java SE 8
Zoom ผู้ให้บริการประชุมทางไกลประกาศเลือก Oracle Cloud Infrastructure เป็นผู้ให้บริการคลาวด์หลักที่จะรองรับการสเกลรองรับการใช้งานในอนาคต
Zoom ได้เซ็นสัญญากับ Oracle และดีพลอยระบบคอร์มีตติ้งบน Oracle Cloud มาแล้วกว่า 6 สัปดาห์ ซึ่งทาง Oracle ระบุว่าตอนนี้ Zoom มีการรับส่งข้อมูลมากกว่า 7 เพตะไบต์ต่อวันผ่าน Oracle Cloud Infrastructure
Brent Leary ผู้ก่อตั้งบริษัท CRM Essentials บริษัทด้านการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าให้ความเห็นว่า Zoom ตั้งใจจะเน้นกลุ่มตลาดลูกค้าองค์กร จึงต้องให้ทั้งความมั่นใจทั้งในด้านการสเกลและความปลอดภัยของข้อมูล และค่อนข้างมั่นใจว่า Oracle น่าจะให้ข้อเสนอ Zoom ดีพอที่ทำให้ Zoom ตัดสินใจไม่เลือกรายใหญ่อย่าง AWS หรือ Azure
Mark Reinhold หัวหน้าฝ่ายสถาปัตยกรรม Java ของ Oracle เสนอไอเดีย Project Leyden ที่ต้องการแก้ปัญหา Java เริ่มทำงานช้า, ต้องรอนานกว่าจะแตะระดับประสิทธิภาพเต็มที่ (time to peak performance) และใช้แรมมาก
แนวทางของ Project Leyden คือเสนอแนวคิดการคอมไพล์แอพพลิเคชันเป็น static image หรือ "อิมเมจปิด" ที่ไม่สามารถโหลดคลาสหรือไบต์โค้ดใดๆ เพิ่มได้อีกในตอนรัน เพื่อให้ตอนคอมไพล์สามารถรีดประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ ลดคลาสที่ (รู้ล่วงหน้าว่า) ไม่ต้องใช้งานตอนรัน รวมถึงปรับแต่งประสิทธิภาพแบบ ahead-of-time (AOT) ได้อย่างจริงจัง
ผลคือขนาดของอิมเมจเล็กลง ระยะเวลาตอนเรียกโปรแกรมลดลง ระยะเวลาที่รันถึงระดับเต็มประสิทธิภาพสั้นลง
ช่วงโรค COVID-19 ระบาดทำให้หลายหน่วยงานตัดสินใจแจกหนังสือ และวิชาเรียนออนไลน์ต่างๆ สัปดาห์ให้ฝั่งผู้ให้บริการคลาวด์และซอฟต์แวร์ระดับองค์กรก็เริ่มออกมาเปิดให้บทเรียนฟรีกันแล้ว
Oracle ออก Java 14 ตามรอบการออกรุ่นใหญ่ทุก 6 เดือน ฟีเจอร์ใหม่ในรุ่นนี้เน้นที่เรื่องหน่วยความจำและ garbage collector (GC) หลายอย่าง เช่น การรองรับ NUMA-aware memory allocation บน G1 ที่เป็น GC ดีฟอลต์ในปัจจุบัน และการพอร์ต ZGC ซึ่งเป็น GC ตัวใหม่มายังวินโดวส์และแมค
ของใหม่อีกอย่างที่น่าสนใจคือ records เป็นฟีเจอร์ใหม่ของตัวภาษา Java ที่ให้เขียนซินแทกซ์ประกาศคลาสได้กระชับและปลอดภัยขึ้น (รายละเอียด), switch expression ที่เคยทดสอบใน Java 12/13 กลายเป็นฟีเจอร์มาตรฐานแล้ว
นอกจากนี้ยังเริ่มประกาศให้ Java บน Solaris/SPARC มีสถานะล้าสมัย (deprecated) เพื่อเตรียมถอดออกในอนาคต
ออราเคิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2020 (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) มีรายได้รวม 9,796 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,571 ล้านดอลลาร์
รายได้จากค่าบริการบนคลาวด์และค่าสนับสนุนไลเซนส์ เพิ่มขึ้น 4% เป็น 6,930 ล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้จากการขายไลเซนส์คลาวด์และออนพรีมิส ลดลง 2% เป็น 1,231 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ธุรกิจฮาร์ดแวร์รายได้ลดลง 6% เป็น 857 ล้านดอลลาร์
ในรายงานผลประกอบการไตรมาสนี้ Larry Ellison ผู้ก่อตั้งและซีโอของออราเคิล พูดถึง Autonomous Database ว่ามีลูกค้าหลายพันรายที่เลือกใช้งาน เนื่องจากความสามารถในการสเกลได้ทันที รวมทั้งปรับการใช้งานซีพียูและไอโอได้ ทำให้ลูกค้าควบคุมการใช้จ่าย ได้ตามการใช้งานจริง
Oracle ประกาศย้ายสถานที่จัดงานประจำปี Oracle OpenWorld (ที่ตอนหลังพ่วงด้วยงาน JavaOne) จากซานฟรานซิสโกมายังลาสเวกัส ด้วยเหตุผลว่าค่าโรงแรมในซานฟรานซิสโกแพงเกินไป
Oracle จัดงาน OpenWorld ครั้งแรกในปี 1996 และจัดที่ซานฟรานซิสโกมาโดยตลอด (สำนักงานใหญ่ของบริษัทอยู่ที่เมือง Santa Clara ทางตอนใต้ของซานฟรานซิสโก) แต่งาน OpenWorld จะย้ายไปจัดที่ลาสเวกัสตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป โดย Oracle เซ็นสัญญากับโรงแรม Caesars Forum นาน 3 ปี (2020-2022)
Mark Hurd ซีอีโอร่วมออราเคิล ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา อายุ 62 ปี จากที่เมื่อเดือนกันยายน ออราเคิลแถลงว่าเขาได้ขอลาหยุดงานชั่วคราวด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ
Larry Ellison ซีทีโอและผู้ก่อตั้งออราเคิลกล่าวว่าบริษัทได้สูญเสียผู้นำองค์กรที่ดีมากไป ทุกคนจะจดจำความสามารถในการวิเคราะห์แก้ปัญหาที่รวดเร็ว เรียบง่าย รวมทั้งความใจดีและมีอารมณ์ขันของเขาตลอดไป
Amazon กับ Oracle กลายเป็นคู่กัดคู่ใหม่ของวงการไอที เหตุเพราะบริการด้านคลาวด์กลายเป็นคู่แข่งกัน ฝั่งของ Amazon ก็พยายาม เลิกใช้ฐานข้อมูล Oracle สำหรับงานในบริษัท
วันนี้ Amazon ประกาศว่าย้ายฐานข้อมูลของตัวเองออกจาก Oracle อย่างสมบูรณ์แล้ว (ยกเว้นซอฟต์แวร์ 3rd party บางตัวที่บังคับใช้ Oracle เท่านั้น)
หลายคนอาจสงสัยว่า Amazon ย้ายไปใช้ฐานข้อมูลอะไรแทน คำตอบคือย้ายไปใช้ฐานข้อมูลในเครือ AWS ทั้งหมด ขึ้นกับรูปแบบงาน ตั้งแต่ DynamoDB (NoSQL), Aurora (Relational เวอร์ชันทำเอง), Amazon RDS (MySQL/PostgreSQL เวอร์ชันคลาวด์) และ Amazon Redshift (data warehouse)
เราเห็นข่าว VMware ไล่จับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ๆ เพื่อนำแพลตฟอร์ม VMware Cloud Foundation ของตัวเองไปรันบนเครื่องของผู้ให้บริการเหล่านี้ เริ่มตั้งแต่ AWS, Azure และรายล่าสุดก่อนหน้านี้คือ Google Cloud Platform
ในงาน Oracle OpenWorld เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว VMware ก็ประกาศความร่วมมือแบบเดียวกันกับ Oracle Cloud Infrastructure ช่วยให้ลูกค้าสามารถย้ายงานจาก VMware vSphere ที่รันแบบ on-premise ไปรันบนคลาวด์ของ Oracle ได้ทันที
เมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว เราเห็นอดีตคู่กัดตลอดกาล Oracle/Microsoft ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรด้านคลาวด์ ล่าสุดทั้งสองบริษัทขยายความร่วมมือกันไปอีกขั้น โดยบริการแชทองค์กร Microsoft Teams จะเชื่อมต่อกับผู้ช่วยส่วนตัว Oracle Digital Assistants
Oracle Digital Assistants เป็นบริการสำหรับสร้างผู้ช่วยส่วนตัว/แช็ทบ็อตสำหรับองค์กร โดยองค์กรสามารถเชื่อมระบบ ERP/CRM ของตัวเองเข้ากับ Digital Assistants เพื่อให้บริการลูกค้าผ่านแอพแชทยอดนิยมอย่าง Facebook Messenger, WeChat, Slack รวมถึงลำโพงอัจฉริยะอย่าง Amazon Echo, Google Home, Apple HomePod
ออราเคิลเพิ่มแพ็กเกจคลาวด์ฟรีดึงดูดนักพัฒนา เพิ่มจากการแจกเครดิตฟรีในช่วงแรก โดยบริการ Oracle Cloud Free Tier จะให้บริการไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนด
แพ็กเกจที่ให้มาค่อนข้างครบถ้วน ทำแอปพลิเคชั่นพื้นๆ ได้ทั้งระบบ ได้แก่
Oracle ประกาศออก Java 13 ตามรอบการออกรุ่นทุก 6 เดือน ของใหม่มีด้วยกัน 5 อย่างได้แก่
ออราเคิลประกาศอัพเดตบริการเซิร์ฟเวอร์บนคลาวด์เมื่อใช้ระบบปฎิบัติการเป็น Oracle Linux จะมีบริการเสริม Oracle Autonomous Linux ที่อัพเดตระบบปฎิบัติการให้เอง จากเดิมที่ผู้ใช้ต้องเข้าไปสั่งการอัพเดตเป็นระยะ
Oracle Autonomous Linux จะอัพเดตแพตช์รายวันให้ลูกค้าอัตโนมัติ โดยไม่มี downtime แม้จะอัพเดตเคอร์เนล ด้วยการใช้เทคโนโลยี ksplice มาอัพเดต
นอกจากตัวลินุกซ์ ออราเคิลยังเปิดตัว Oracle OS Management Service หน้าจอบนคอนโซล Oracle Cloud ที่แสดงสถานะของเซิร์ฟเวอร์ว่าแพตช์ครบถ้วนดีหรือไม่ และสั่งอัพเดตได้จากคอนโซลคลาวด์ พร้อม API สำหรับการพัฒนาเพิ่มเติม เช่น การทำ auto-scaling
ออราเคิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2020 (เดือนมิถุนายน-สิงหาคม) รายได้รวมเพิ่มขึ้น 9,218 ล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,137 ล้านดอลลาร์
รายได้หลักของออราเคิลคือส่วนของค่าบริการ ซึ่งรวมทั้งบนคลาวด์และการสนับสนุนไลเซนส์ เพิ่มขึ้น 3% เป็น 6,805 ล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้จากการขายไลเซนส์คลาวด์และออนพรีมิส เพิ่มขึ้น 12% เป็น 2,520 ล้านดอลลาร์ ส่วนธุรกิจฮาร์ดแวร์ลดลงเป็น 994 ล้านดอลลาร์
การใช้งานคลาวด์ในองค์กรทุกวันนี้ นอกจากความสะดวกในการเพิ่ม-ลดทรัพยากรต่างๆ เช่น ซีพียู ขนาดหน่วยความจำ หรือ ขนาดสตอเรจ อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้องค์กรสนใจใช้งานคลาวด์คือความสะดวกในการบำรุงรักษา ที่ผู้ให้บริการคลาวด์ มักมีโครงสร้างชั้นดีสามารถให้บริการได้ต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดให้บริการ (zero downtime) โดยที่บริการต่างๆ ยังได้รับการซ่อมบำรุงต่อเนื่อง โดยเฉพาะแพตช์ความปลอดภัยต่างๆ
หลายคนอาจลืมกันไปแล้วว่า Oracle ก็ทำดิสโทรลินุกซ์ด้วย โดยใช้ชื่อว่า Oracle Linux ซึ่งแท้จริงแล้วมันคือการนำเอาซอร์สโค้ดของ Red Hat Enterprise Linux (RHEL) มาดัดแปลงเป็นเวอร์ชันของตัวเอง (ลักษณะเดียวกับ CentOS) โดยรักษาความเข้ากันได้ของไบนารี แต่เกทับด้วยการออกอัพเดตให้ฟรี (RHEL ต้องเสียค่า subscription)
หลังจาก RHEL 8 ออกตัวจริงในเดือนพฤษภาคม ฝั่งของ Oracle Linux ก็ออกเวอร์ชัน 8 ตามมาด้วย ฟีเจอร์ใหม่ส่วนใหญ่คล้ายกัน เช่น Application Streams หรือการอนุญาตให้ติดตั้งแพ็กเกจซอฟต์แวร์หลายเวอร์ชันได้พร้อมกัน (แยกจากแพ็กเกจหลักของระบบ), Yum และ RPM เวอร์ชันใหม่, เปิดใช้ TLS 1.3 เป็นดีฟอลต์
Oracle ประกาศและแจ้งเตือนลูกค้า Oracle WebLogic ให้อัพเดตแพตช์อุดช่องโหว่ CVE-2019-2729 ซึ่งเป็นช่องโหว่ Zero-Day ที่มีคะแนน CVSS ถึง 9.8 จาก 10 ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดทางไกลและเข้ายึดเครื่องได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนใดๆ
Oracle WebLogic เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบคือ 10.3.6.0.0, 12.1.3.0.0, และ 12.2.1.3.0 โดยนักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก KnownSec 404 ระบุว่ามีความพยายามโจมตีผ่านช่องโหว่นี้แล้วด้วย
Larry Ellison ประธานของ Oracle ตอบคำถามหลังการแถลงข่าวผลประกอบการไตรมาสล่าสุด โดยยอมรับว่าบางธุรกิจของ Oracle กำลังจะหายไป แต่เขาก็ไม่แคร์ เพราะสนใจแต่ธุรกิจที่ได้รับความนิยมสูง (star products) และดูว่าธุรกิจเหล่านี้จะทำรายได้เพิ่มขึ้นได้อย่างไร
ธุรกิจของ Oracle ที่อยู่ในช่วงขาลงได้แก่ ธุรกิจซอฟต์แวร์แบบติดตั้งในองค์กร (on premise) แบบดั้งเดิมที่ไม่อยู่บนคลาวด์, ธุรกิจฮาร์ดแวร์ (ซึ่งส่วนใหญ่ซื้อมาจาก Sun Microsystems ตั้งแต่ปี 2010), ธุรกิจ Data Cloud ซึ่งมาจากการควบรวมบริษัทลูกด้านข้อมูลโฆษณาออนไลน์หลายบริษัทเข้าด้วยกัน