ต่อจากข่าว Oracle ประกาศ เตรียมยก Java EE ให้มูลนิธิโอเพนซอร์สอื่นดูแลแทน วันนี้ Oracle ประกาศแล้วว่าจะยก Java EE ให้มูลนิธิ Eclipse Foundation โดยให้เหตุผลว่าเป็นหน่วยงานที่คุ้นเคยกับ Java EE มาโดยตลอด
Eclipse Foundation เริ่มจากการเป็นหน่วยงานอิสระที่พัฒนา Eclipse (ซึ่งในอดีตเป็นของ IBM) มาตั้งแต่ปี 2001 แต่ภายหลังก็รับดูแลโครงการโอเพนซอร์สอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วย
นอกจากประเด็นเรื่องระบบการออกรุ่นแบบใหม่ของ Java SE ทาง Mark Reinhold หัวหน้าฝ่ายสถาปัตยกรรม Java ของ Oracle ก็ยังประกาศแผนการโอเพนซอร์ส Oracle JDK ทั้งหมดในอนาคตด้วย
ปัจจุบันตัว JDK (Java Development Kit) แยกเป็น 2 เวอร์ชันคือ OpenJDK ที่เป็นโอเพนซอร์ส และ Oracle JDK ที่เพิ่มฟีเจอร์เชิงพาณิชย์บางส่วน (เช่น Java Flight Recorder, Mission Control) เข้ามา โดย Oracle มีรายได้จากค่าซัพพอร์ตองค์กรที่ใช้งาน Oracle JDK ด้วย
Mark Reinhold หัวหน้าฝ่ายสถาปัตยกรรม Java ของ Oracle ประกาศระบบการออกรุ่นและนับรุ่นแบบใหม่ของ Java SE ที่จะเปลี่ยนมาออกทุก 6 เดือน
Reinhold บอกว่าที่ผ่านมา Oracle พยายามใช้ระบบออกรุ่นใหม่ทุก 2 ปี แต่เอาเข้าจริงก็ไม่สามารถทำได้ตามแผน โดย Java 8 ล่าช้ากว่ากำหนด 8 เดือน และ Java 9 ที่จะออกปลายเดือนนี้ (เลื่อนจากกำหนดเดิมเดือน ก.ค.) ใช้เวลาพัฒนาถึง 3 ปีครึ่งนับจาก Java 8
ดังนั้นหลังจาก Java 9 ออกรุ่นจริงแล้ว Oracle จะเปลี่ยนมาใช้ระบบออกรุ่นตามระยะเวลา (time-based) ลักษณะเดียวกับโครงการโอเพนซอร์สอื่นๆ (เช่น Ubuntu หรือ GNOME) โดยรักษารอบการออกรุ่นอย่างเคร่งครัด
มีรายงานว่า Oracle ปลดพนักงานจำนวน "หลายร้อยคน" หรือ "หลายพันคน" โดยอดีตพนักงานของ Sun เดิม เช่น ฝ่าย Solaris หรือ SPARC ถูกปลดออกเป็นจำนวนมาก
Oracle ปฏิเสธไม่แสดงความเห็นในเรื่องนี้ แต่มีข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการว่าทีมงาน Solaris ถูกปลดออกทั้งหมดหรือเกือบหมด และทีมงานจำนวนหนึ่งถูกย้ายจากทีม Solaris ไปพัฒนา Oracle Linux มาก่อนแล้ว
ก่อนหน้านี้ Oracle เคยประกาศว่าเลิกพัฒนา Solaris 12, จะออก Solaris 11.next เป็นเวอร์ชันสุดท้าย ส่วนชะตากรรมของฮาร์ดแวร์ตระกูล SPARC นั้นยังไม่ชัดเจนว่าได้รับผลกระทบอย่างไรจากการปลดพนักงานรอบนี้
Oracle ประกาศผ่านบล็อกของบริษัทว่า เตรียมยก Java EE ให้หน่วยงานกลางที่เป็นมูลนิธิไม่หวังผลกำไร ดูแลกระบวนการพัฒนาแทน
Oracle บอกว่าการยก Java EE ให้หน่วยงานด้านโอเพนซอร์สดูแล จะทำให้กระบวนการพัฒนารวดเร็วและคล่องตัวกว่าโมเดลที่ Oracle ทำในปัจจุบัน แต่ยังไม่ระบุว่าจะเป็นมูลนิธิไหน บอกแค่ว่าตอนนี้กำลังคุยอยู่กับมูลนิธิหลายแห่ง (ตัวเต็งที่เป็นไปได้สูงคือ Apache Software Foundation และ Eclipse Foundation)
ที่ผ่านมา Oracle มีท่าทีละเลยการพัฒนา Java EE และถูกวิจารณ์อย่างหนัก แต่สุดท้ายก็ยังเดินหน้าทำ Java EE 8 ต่อไป แม้จะต้องเลื่อนกำหนดออกมาเป็นช่วงปลายปีนี้ก็ตาม
ออราเคิลออกแพตช์ตามรอบไตรมาสที่สามของปีนี้ รวมรอบนี้ 308 ช่องโหว่นับว่ามากที่สุดที่เคยมีมา แต่ช่องโหว่ส่วนมากไม่ได้ร้ายแรงระดับวิกฤติเหมือนรอบเดือนเมษายน
ตัวซอฟต์แวร์หลัก มีอัพรายการช่องโหว่สำคัญ เช่น
Oracle รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท (มีนาคม-พฤษภาคม) มีรายได้รวม 10,892 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,231 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15%
รายได้จากธุรกิจคลาวด์ (SaaS, PaaS และ IaaS) ยังรักษาระดับการเติบโตได้สูง รายได้ส่วนนี้ 1,361 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 64% และคาดว่าใน 1 ปีข้างหน้ารายได้ส่วนนี้จะทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งซีอีโอ Mark Hurd กล่าวว่าธุรกิจกลุ่ม Oracle Cloud ยังเติบโตได้อัตราที่สูง และถ้าดูเฉพาะ SaaS ก็เติบโตถึง 75% มีรายได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์แล้ว
Oracle ปิดไม่ให้คนทั่วไปดาวน์โหลด Java SE เวอร์ชัน 6 และ 7 ที่หมดระยะอัพเดตแล้ว
Java เวอร์ชันเก่ามีช่วงอายุที่เรียกว่า Public Updates หรือการอัพเดตแพตช์ความปลอดภัย-แก้บั๊กให้คนทั่วไป โดย Java 6 หมดอายุไปแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2013 และ Java 7 หมดอายุในเดือนเมษายน 2015
ที่ผ่านมา Java 6/7 หมดระยะ Public Updates ไปนานพอสมควร แต่ Oracle ยังเปิดให้ดาวน์โหลดไฟล์เวอร์ชันเก่าอยู่ ล่าสุดคือถอดลิงก์ออกจากหน้าเว็บแล้ว ส่งผลให้ตอนนี้คนทั่วไปสามารถดาวน์โหลดได้เฉพาะ Java 8 เท่านั้น
ผู้ที่ยังใช้ Java 6/7 และต้องการอัพเดตต่อ สามารถซื้อซัพพอร์ตได้จาก Oracle โดยตรง (Java 6 มีซัพพอร์ตแบบจ่ายเงินถึงปี 2018, Java 7 ปี 2022)
ออราเคิลปล่อยแพตช์ประจำไตรมาสที่สองของปี ตามนโยบายการออกแพตช์ปีละสี่รอบของบริษัท โดยรอบนี้มีช่องโหว่ได้รับการแก้ไขรวม 299 รายการ กระจายไปตามรายการซอฟต์แวร์ต่างๆ แต่รายการช่องโหว่ระดับวิกฤติ มักมาจากช่องโหว่ของ Struts 2 หลายสิบรายการ
สำหรับช่องโหว่จาวาที่ร้ายแรงที่สุดเป็น CVE-2017-3512 และ CVE-2017-3514 ในส่วน AWT, ส่วน Solaris มีช่องโหว่ระบบร้ายแรงสูงสุด 1 รายการในส่วน Kernel RPC
MySQL นั้นตัวเซิร์ฟเวอร์มีช่องโหว่คะแนน CVSS สูงสุดที่ 7.7 แต่สำหรับคนใช้รุ่น Enterprise อาจจะต้องระวังกว่าเพราะตัว Monitoring ได้รับผลกระทบจาก Struts 2 ทำให้มีช่องโหว่คะแนน 10.0 อีกหนึ่งรายการ
งาน DockerCon ปีนี้ ออราเคิลประกาศนำซอฟต์แวร์หลักๆ เช่น Oracle Database, Oracle MySQL, Java 8 SE, WebLogic, Oracle Coherence, และ Oracle Instant Client ขึ้น Docker Store ทั้งหมด
อิมเมจเหล่านี้เปิดให้นักพัฒนาใช้งานได้ฟรีสำหรับนักพัฒนา สำหรับนักพัฒนาที่อยากทดสอบซอฟต์แวร์ร่วมกับระบบฐานข้อมูลของออราเคิลต่อจากนี้ก็แค่ pull อิมเมจเหล่านี้มาใช้งานกันได้เลย
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวลือว่า Oracle อาจซื้อกิจการ Accenture บริษัทที่ปรึกษาด้านไอทีชื่อดัง ซึ่งหากดีลนี้เกิดขึ้นจริง มูลค่าดีลน่าจะสูงมากเนื่องจากมูลค่ากิจการของ Accenture ปัจจุบันอยู่ที่ 77,500 ล้านดอลลาร์ โดย The Register เป็นผู้รายงานข่าวนี้เป็นคนแรก
อย่างไรก็ตาม Deborah Hellinger โฆษกของ Oracle ได้ปฏิเสธข่าวดังกล่าว โดยบอกว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และ Oracle ก็ไม่เคยพิจารณาเรื่องนี้ด้วย
ที่มา: Business Insider
Oracle รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) มีรายได้รวม 9,205 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,239 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5% ขณะที่รายได้จากเฉพาะกลุ่มคลาวด์ (SaaS, PaaS และ IaaS) เติบโตถึง 62% อยู่ที่ 1,189 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Mark Hurd กล่าวว่า แนวโน้มของธุรกิจคลาวด์โดยเฉพาะ SaaS กับ PaaS ยังเติบโตสูง และย้ำว่าการที่มียอดขายสูงกว่า Salesforce.com นั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้น นอกจากนี้เขายังเปรียบการลงทุนในธุรกิจคลาวด์ของ Oracle ว่าเหมือนการสร้างโรงแรม ที่ต้องลงทุนสูงในช่วงแรกแม้ยังไม่มีลูกค้า และจะค่อยๆ ดีขึ้น เมื่อมีคนมาเข้าพัก
ด้าน Larry Ellison ประธานบริษัทและซีทีโอ กล่าวว่าเขารู้สึกตื่นเต้นกับธุรกิจ IaaS มาก เนื่องจาก Gen 2 ของ IaaS ให้บริการ Oracle Cloud ได้เร็วกว่าและราคาถูกกว่า AWS เสียอีก
ที่มา: Oracle และ Tech Trader Daily
Oracle ประกาศวันออก Java SE 9 เป็น 27 กรกฎาคม 2017 ถือว่าห่างจาก Java 8 ประมาณสามปีกว่า และช้ากว่าแผนเดิมที่จะออกในปี 2016
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดของ Java 9 คือ Project Jigsaw หรือแยกส่วน Java ออกเป็นโมดูลเพื่อให้ขนาดเล็กลง การจับแยกโมดูลมีแผนจะทำตั้งแต่ Java 8 แต่เลื่อนออกมาเป็น Java 9 และส่งผลให้การพัฒนา Java 9 ช้ากว่ากำหนด
ฟีเจอร์อื่นได้แก่การคอมไพล์แบบ ahead-of-time (คอมไพล์เป็นเนทีฟรอไว้ก่อนเริ่มรัน JVM) และ jShell (Java Shell) ฟีเจอร์แบบภาษาสคริปต์ยุคใหม่ๆ ที่ให้ลองรันโค้ดได้จากเชลล์โดยตรง
ออราเคิลปรับเอกสารนโยบายการคิดค่าไลเซนส์บนคลาวด์เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา โดยเพิ่มความชัดเจนในการคิดค่าไลเซนส์จากผู้ให้บริการคลาวด์ที่ต่างกัน ทั้ง AWS และ Azure แต่กลับยกเลิกการปรับสัดส่วนคอร์ซีพียูสำหรับการใช้งานบนคลาวด์ไปด้วย ทำให้ผู้ที่ใช้งานออราเคิลบนคลาวด์ต้องจ่ายค่าไลเซนส์เพิ่มขึ้นสองเท่าตัวบน Azure
การเข้ารหัสแบบ MD5 ถือว่าไม่ปลอดภัยแล้วในยุคปัจจุบัน ล่าสุด Oracle แจ้งนโยบายใหม่ให้กับแพลตฟอร์ม Java ที่จะมองแพ็กเกจ JAR ที่เซ็นรับรอง (sign) ด้วยการเข้ารหัสแบบ MD5 ว่าไม่ปลอดภัย
แพลตฟอร์ม Java ใช้การเข้ารหัสแบบ MD5 เป็นดีฟอลต์สำหรับแพ็กเกจ JAR มาตั้งแต่ Java SE 6 ในปี 2006 แต่ตอนนี้ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว (ค่าดีฟอลต์ปัจจุบันคือ SHA-2 ที่มาแทน SHA-1 ที่ไม่ปลอดภัยแล้วเช่นกัน)
มีข่าวลือมาตั้งแต่ปลายปีว่า Oracle จะเลิกทำระบบปฏิบัติการ Solaris วันนี้ข่าวอย่างเป็นทางการมาแล้ว โดยต้นทางมาจากเอกสาร roadmap ของซีพียูสถาปัตยกรรม SPARC ที่เพิ่งประกาศออกมาในวันที่ 13 มกราคม 2017
ข่าวดีคือ Solaris จะยังไม่หยุดพัฒนาในตอนนี้ แต่ Oracle จะออกเวอร์ชันถัดไปที่ตอนนี้เรียกว่า Solaris 11.next ประมาณปี 2018 แต่ข่าวร้ายคือมันจะเป็น Solaris เวอร์ชันสุดท้ายที่จะใช้ไปจนถึงปี 2021 (เวอร์ชันล่าสุดปัจจุบันคือ 11.3 ที่ออกในปี 2015) และเราจะไม่ได้เห็น Solaris 12 เวอร์ชันใหญ่ตามที่เคยประกาศไว้
ออราเคิลออกแพตช์ความปลอดภัยประจำไตรมาสแรกปี 2017 รวมช่องโหว่ 270 จุดจากซอฟต์แวร์ 45 รายการ เฉพาะจาวาอย่างเดียวมีแพตช์ 17 รายการ ในจำนวนนี้มี 16 รายการที่จากระยะไกลได้
นับความสำคัญตามคะแนน CVSS จาวาจะมีแพตช์ร้ายแรง 4 รายการ (คะแนนเกิน 8) ขณะที่ซอฟต์แวร์จัดการโครงการ Primavera มีช่องโหว่ร้ายแรงสูงสุดคะแนน CVSS 10.0 มาหนึ่งรายการ
ที่มา - Oracle, The Register
Oracle ได้รายงานความก้าวหน้าในเรื่องคลาวด์ของบริษัทในงาน CloudWorld ซึ่งเป็นงานสัมมนาด้านคลาวด์แบบวันเดียวที่จัดขึ้นในนิวยอร์คซิตี้ โดยมีทั้งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และประกาศแผนเปิดตัวศูนย์ข้อมูลคลาวด์แห่งใหม่
Mark Hurd ซีอีโอของ Oracle กล่าวบนเวทีว่า คลาวด์นั้นถือเป็น “แรงที่ต้านทานไม่ได้” และการย้ายไปยังคลาวด์นั้นไม่ใช่เฉพาะเทคโนโลยี แต่รวมถึงโมเดลธุรกิจด้วย คือจะเป็นหนทางใหม่ของการคิดเกี่ยวกับอุตสาหกรรมของเรา
Safra Catz หนึ่งในซีอีโอ Oracle ประกาศเข้าร่วม transition team หรือคณะถ่ายโอนอำนาจของโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้พนักงานอาวุโสคนหนึ่ง George A. Polisner ยื่นจดหมายลาออกทันที
ส่วนหนึ่งของการประกาศ Safra Catz เคยพูดว่า เธอวางแผนที่จะบอกประธานาธิบดีว่าเราจะช่วยในทางที่เราจะทำได้ ถ้าเขาสามารถปฏิรูปภาษี ลดการควบคุมและการเจรจาต่อรองข้อตกลงการค้าที่ดีกว่าเดิมได้ ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ แข็งแรงกว่าเดิม
ส่วนเนื้อหาในจดหมายลาออกของ George A. Polisner ระบุว่า ผมไม่สามารถร่วมมือกับประธานาธิบดีได้ไม่ว่าจะทางใด เพราะนโยบายของเขานั้นแทบจะผิดกฎหมาย ผิดรัฐธรรมนูญ แนวคิดของเขา ศีลธรรมของเขาก็ไม่เป็นธรรม ผมจะต่อต้านเขาในทางที่ผมทำได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
Oracle รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท (กันยายน-พฤศจิกายน) มีรายได้รวม 9.1 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1% แม้ภาพรวมจะเติบโตไม่มาก แต่หากพิจารณาเฉพาะรายได้จากบริการคลาวด์ทั้ง Saas, PaaS และ IaaS จะอยู่ที่ 1.1 พันล้านดอลลาร์ โดยเติบโตถึง 62%
Safra Catz ซีอีโอ Oracle กล่าวว่ารายได้จากบริการคลาวด์นั้นเติบโตติดต่อกันถึง 4 ไตรมาสแล้ว โดยในไตรมาสนี้รายได้รวมก็ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ ทั้งยังระบุว่าในตลาด SaaS บนคลาวด์ Oracle มีจำนวนลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ (พนักงานมากกว่า 1 พันคน) แซงหน้า Salesforce.com เป็นที่เรียบร้อย และจากการซื้อกิจการ NetSuite จะทำให้ Oracle สามารถครองส่วนแบ่งในกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดเล็กต่อไปได้อีกด้วย
ที่มา: Oracle, ที่มาภาพ: Instagram Oracle
มีข่าวลือว่า Oracle เตรียมเลิกพัฒนาระบบปฏิบัติการ Solaris ที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัย Sun Microsystems แล้ว
เว็บข่าวลือการปลดพนักงาน TheLayoff.com รายงานว่า Solaris จะพัฒนาจนถึงเวอร์ชัน 11.4 เป็นเวอร์ชันสุดท้าย (เวอร์ชันปัจจุบันคือ 11.3) และจะไม่ออกเวอร์ชัน 12 อีกแล้ว และพนักงานอย่างน้อยครึ่งหนึ่งจะถูกปลดออก
ในอดีต Sun มีโครงการโอเพนซอร์ส OpenSolaris แต่ถูก Oracle สั่งยกเลิก จนชุมชนนักพัฒนาต้องแยกไปทำโครงการใหม่ชื่อ Illuminos
Oracle เปิดตัวบริการคลาวด์ตัวใหม่ Identity Cloud Service (IDCS) ซึ่งเป็นการนำระบบจัดการตัวตน Identity and Access Management ขึ้นไปรันบนคลาวด์ทั้งหมด 100%
แนวคิดของ Oracle คือตลาดไอทีองค์กรกำลังขยับไปสู่คลาวด์ เดิมทีตลาดระบบจัดการตัวตนแบบ on premise มีผู้เล่นเจ้าตลาดอยู่เยอะแล้ว แต่พอเข้าสู่ยุคคลาวด์ แนวคิดเรื่องความปลอดภัยเปลี่ยนไปจากยุคเก่ามาก เพราะบริการคลาวด์ส่วนใหญ่อยู่นอกไฟร์วอลล์ขององค์กร แนวคิดการใช้ไฟร์วอลล์ป้องกันทุกอย่างเริ่มใช้ไม่ได้อีกแล้ว ต้องหันมาเข้มงวดเรื่องการจำกัดสิทธิการเข้าถึงเป็นรายบุคคลแทน
Oracle ประกาศซื้อกิจการ Dyn ผู้ให้บริการ DNS รายใหญ่ ที่เพิ่งเป็นข่าวถูกยิงถล่มด้วย DDoS ครั้งใหญ่เมื่อเร็วๆ นี้
Dyn มีลูกค้าฝั่งองค์กรกว่า 3,500 ราย และให้บริการทราฟฟิก DNS วันละ 4 หมื่นล้านครั้ง เหตุผลในการซื้อกิจการครั้งนี้ Oracle อธิบายว่าซื้อไปเพื่อเสริมธุรกิจด้านคลาวด์ของบริษัท โดยระบบของ Dyn จะช่วยเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพของทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตให้ดีขึ้น เพจโหลดเร็วขึ้น เปลืองค่า CDN น้อยลง กระจายทราฟฟิกให้ผู้เข้าชมเว็บทั่วโลกได้อย่างเสถียรกว่าเดิม
ตัวอย่างลูกค้าของ Dyn ได้แก่ Twitter, Netflix, Pfizer
ความพยายามซื้อ NetSuite ของ Oracle ประสบความสำเร็จจนได้ หลังจากที่ตอนแรก ผู้ถือหุ้นเสียงส่วนใหญ่ไม่ต้องการขาย แต่ในที่สุด Oracle ก็สามารถรวมเสียงโหวตจากผู้ถือหุ้นรายอื่นได้ 53.21% (รวมเสียงโหวตทั้งหมด 76.39%) และปิดดีลกันเรียบร้อย
มูลค่าการซื้อกิจการครั้งนี้ 9 พันล้านดอลลาร์ จากนี้ไป Oracle จะเข้ากระบวนการทางเอกสารของการซื้อขายกิจการตามปกติ การซื้อ NetSuite จะทำให้ Oracle มีซอฟต์แวร์ด้าน ERP แข็งแกร่งขึ้น สามารถต่อกรกับคู่แข่งอย่าง Salesforce และ Microsoft ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ซอฟต์แวร์องค์กรกำลังปรับตัวสู่คลาวด์ และ Oracle ยังปรับตัวได้ไม่ดีนัก
ออราเคิลปล่อยแพตช์ประจำไตรมาสที่สามของปี มีการแก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยทั้งหมด 253 จุดในซอฟต์แวร์ 76 รายการ ในจำนวนนี้มีแพตช์ช่องโหว่ร้ายแรง (คะแนน CVSS เกิน 9.0) ทั้งหมด 15 รายการ
สำหรับแพตช์ที่กระทบคนทั่วไปมากที่สุดคงเป็น Java SE ที่มีแพตช์ทั้งหมด 7 รายการ เป็นช่องโหว่ร้ายแรง 3 รายการ ส่วนซอฟต์แวร์อื่นที่มีช่องโหว่ร้ายแรงได้แก่ Oracle Database Server (OJVM), Oracle Big Data Discovery, Oracle Web Services, Oracle WebLogic Server, Oracle Advanced Supply Chain Planning, Oracle Commerce Platform, Oracle Retail Customer Insights, Oracle Retail Merchandising Insights, Secure Global Desktop, Oracle VM VirtualBox