เกมเมอร์ชาวไต้หวันอายุ 23 ปี ได้เสียชีวิตในร้านอินเทอร์เน็ตขณะที่เขากำลังเล่นเกม League of Legends อยู่ โดยในตอนที่เขาเสียชีวิตนั้น มีคนกว่า 30 คนใช้บริการร้านอินเทอร์เน็ตอยู่กับเขาด้วยแต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นการเสียชีวิตของเขา โดยร่างของเกมเมอร์คนนี้นั่งอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ตเป็นเวลานานกว่า 9 ชั่วโมงจนกว่าจะมีใครสังเกตเห็น ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเกมเมอร์คนนี้ใช้บริการอยู่ที่ร้านอินเทอร์เน็ตนี้นานเท่าใดจนกว่าเขาจะเสียชีวิต
หลังจากโนเกียปล่อย Lumia 800 และมีข่าวยอดขายถล่มทลายในหลายประเทศ บริษัทก็เดินหน้าต่อไปด้วย Windows Phone รุ่นที่สองคือ Lumia 710 "Sabre" ที่เปิดตัวพร้อมกัน
Lumia 710 จะเริ่มขายที่ไต้หวันเป็นประเทศแรกเมื่อวานนี้ (9 ธ.ค.) ตามด้วยรัสเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ในอีก 7 วันข้างหน้า และขยายต่อไปยังตลาดอื่นๆ ตามมา (ยังไม่มีข้อมูลของประเทศไทย)
Lumia 710 เป็นมือถือ Windows Phone ราคาถูกของโนเกีย (ราคาอย่างเป็นทางการโดยประมาณคือ 270 ยูโร หรือ 12,000 บาท) ถ้ายังทำตลาดได้ดีอย่างรุ่นพี่ Lumia 800 ก็น่าจะช่วยขยายฐานของ Windows Phone ในตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางได้อีกมาก
นักวิเคราะห์จาก Market Intelligence Center (MIC) ของไต้หวัน ประเมินแนวโน้มตลาดสมาร์ทโฟนโลกว่า HTC น่าจะแซง RIM ขึ้นเป็นเบอร์สี่ได้ในปีหน้า
ตามข่าวไม่มีข้อมูลว่า 3 อันดับแรกคือใครบ้าง แต่จากข้อมูลเก่าๆ คือ โนเกีย หรือ ซัมซุง เป็นเบอร์หนึ่ง และตามด้วยแอปเปิลเป็นอันดับสาม
ส่วนระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟนในปีนี้ Android เป็นแชมป์ 38%, Symbian 23%, iOS 18%
แต่ปีหน้าสถานการณ์จะเปลี่ยนไป Android เพิ่มเป็น 40%, iOS 19% และ Windows Phone 17%
ที่มา - China Post
เงื่อนไข "คืนเงินภายใน 15 นาที" ของ Android Market มีปัญหากับกฎหมายประเทศต่างๆ เข้าเสียแล้ว เมื่อเทศบาลเมืองไทเป (เมืองหลวงของไต้หวัน) สั่งปรับเงินกูเกิลเป็นจำนวน 1 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 1 ล้านบาท ค่าเงินใกล้เคียงกัน) โทษฐานทำผิดกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ที่กำหนดให้คืนเงินภายใน 7 วัน
กูเกิลออกแถลงการณ์ว่าระยะเวลา 15 นาทีนั้นเหมาะสมแล้ว แต่ก็หยุดขายแอพใน Android Market ชั่วคราว พร้อมทั้งส่งตัวแทนมาเจรจากับเทศบาลไต้หวัน ซึ่งทางฝ่ายเทศบาลก็ไม่ยอมอ่อนข้อ ยื่นเงื่อนไขให้กูเกิลต้องยืดระยะเวลาเป็น 7 วันตามกฎหมาย
เทศบาลไต้หวันได้ยื่นเงื่อนไขนี้ไปยังแอปเปิลด้วย ซึ่งแอปเปิลยอมทำตามแต่โดยดี
รัฐบาลเมืองไทเปได้ออกมาสั่งให้ทั้งแอปเปิลและกูเกิลเริ่มการรับประกันความพึงพอใจให้กับลูกค้า ด้วยการรับปากว่าจะคืนเงินให้หากลูกค้าไม่พอใจกับแอพที่ซื้อมาจาก App Store หรือ Android Market ภายในเจ็ดวันหลังจากการซื้อ
โดยปัญหาหลักของสินค้าประเภทแอพคือการไม่มีกล่องบรรจุหรือสื่อที่สามารถนำไปคืนกับร้านค้าได้เหมือนกับสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป แต่การที่แอปเปิลและกูเกิลไม่มีการรับประกันความพึงพอใจ ก็ถือว่าเป็นการละเมิดกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคของเมือง
อยากรู้เหมือนกันว่าหากสองบริษัทนี้เลือกที่จะไม่ทำตาม จะเกิดอะไรขึ้น
Gianfranco Lanci อดีตซีอีโอชาวอิตาเลียนของ Acer ที่เพิ่งโดนปลดเมื่อเดือนมีนาคม ด้วยเหตุผลว่าไม่สามารถตอบสนองการเปลี่ยนแปลงต่อตลาดฮาร์ดแวร์ได้ทัน ออกมาให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ AllThingsD วิจารณ์บริษัทเก่าของเขาเอง
Lanci ระบุว่าเขาพยายามผลักดัน Acer ในสองทิศทาง คือ เน้นตลาดอุปกรณ์พกพามากขึ้น และพยายามพัฒนา Acer ให้เป็นบริษัทระดับโลกมากขึ้น
เขาบอกว่า Acer ต้องกล้าลงทุนเรื่องซอฟต์แวร์ มือถือ แท็บเล็ต และอุปกรณ์ที่ใช้จอสัมผัส ต้องขยายทีมวิศวกรจากหลัก 300-400 คนมาเป็น 1,000 คน ซึ่งก็มีปัญหาว่า "ไต้หวัน" มีทรัพยากรบุคคลด้านนี้ไม่พอ และบริษัทต้องก้าวข้ามเขตแดนของไต้หวันไปยังจีน อินเดีย ยุโรป และสหรัฐ
หลังจากที่มีข่าวว่า iOS 4 แอบเก็บข้อมูลพิกัดของผู้ใช้งาน ทำให้ถูกมองว่าแอปเปิลกำลังละเมิดความเป็นส่วนตัวซึ่ง ส.ส. ในอเมริกาก็ได้ยื่นหนังสือขอคำชี้แจงไปแล้วนั้น ล่าสุดหลายประเทศเริ่มออกมาแสดงความสงสัยเช่นกัน
รายงานข่าวระบุว่าขณะนี้หลายประเทศทั้ง อิตาลี เยอรมัน ฝรั่งเศส เกาหลีใต้ และไต้หวันได้เริ่มดำเนินการสอบสวนการเก็บข้อมูลพิกัดของผู้ใช้งานของแอปเปิลแล้ว ซึ่งจนถึงขณะนี้แอปเปิลยังไม่มีการออกมาให้ข้อมูลใดๆ ในประเด็นดังกล่าว
คงไม่ต้องหวังว่าจะได้ยินข่าวแบบนี้ในบางประเทศสินะ
บริษัท Proview Electronics ซึ่งเป็นผู้ผลิตจอภาพจากไต้หวัน เคยขายแท็บเล็ตชื่อ "I-Pad" เมื่อหลายปีก่อนแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ล่าสุดบริษัทประกาศว่าจะฟ้องแอปเปิลฐาน "ละเมิดเครื่องหมายการค้า" ของตัวเอง
ตามข่าวบอกว่า Proview จดทะเบียนชื่อ "IPAD" ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย อย่างไรก็ตาม Proview เคยขายชื่อ "IPAD" ในสหรัฐให้กับบริษัท IP Application Development ซึ่งว่ากันว่าเป็นนอมินีของแอปเปิล (โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นนอมินี)
Proview ประกาศว่าตัวเองยังเป็นเจ้าของชื่อ IPAD ในประเทศจีน ส่วนเหตุผลที่ฟ้องก็เพราะ Proview กำลังประสบปัญหาการเงิน และต้องการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ของตัวเองให้มากที่สุด
เทคโนโลยีมือถือยุค 3.9G-4G เป็นการแข่งขันระหว่าง LTE ที่พัฒนาโดยบริษัทโทรคมนาคมดั้งเดิมทั้งหลาย และ WiMAX ที่มีอินเทลเป็นผู้หนุนหลังสำคัญ ระยะหลังมานี้ LTE เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในอีกทาง เราเริ่มเห็นข่าวค่ายที่เคยหนุน WiMAX เริ่มกลับข้างไปใช้ LTE แทน
แต่ข่าวนี้อาจทำให้คนที่ยังหนุนหลัง WiMAX เริ่มเครียดกว่าเดิม เพราะมีข่าววงในมาว่าอินเทลได้ยุบแผนก WiMAX Program Office แล้ว (ในข่าวไม่ได้ระบุชัด แต่ผมเข้าใจว่าแผนกนี้อยู่ในไต้หวัน) พนักงานในแผนกนี้จะถูกย้ายไปทำงานอื่นๆ ในแผนกอื่นๆ ของอินเทลแทน
รายงานข่าวจากเว็บไซต์ DigiTimes ได้ระบุว่า HTC นั้นได้ตกลงทำตลาด HTC Legend ร่วมกับผู้ให้บริการของไต้หวันที่ชื่อ Taiwan Mobile แล้วโดยเปิดตัวราคาที่ 16,900 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 17,000 บาท) ครับ
HTC Legend นั้นเคยได้รับคำชมจากเว็บไซต์ Gizmodo ถึงขั้นว่าเป็นโทรศัพท์ที่ดีที่สุดเลยทีเดียว นอกจากนี้ตัวถังของมันก็ทำด้วยอะลูมิเนียมแบบ unibody ซึ่งทำให้ดูสวยด้วยครับ (ลองอ่าน รีวิว HTC Legend (ข่าวเก่า) ดูได้) ถ้าเปิดตัวราคาใกล้เคียงกันนี้ในเมืองไทยคาดว่าน่าจะขายดีทีเดียวครับ
ที่มา: DigiTimes
ตลาดบริการ cloud computing ในไต้หวันกำลังเติบโตเป็นอย่างมาก โดยทาง Market Intelligence & Consulting Institute หรือ MIC ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยตลาดที่มีชื่อเสียงได้วิเคราะห์ว่า ปีนี้ตลาด cloud computing ในไต้หวันจะโตขึ้น 12.8 เปอร์เซ็นหรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 5.56 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน โดยแบ่งเป็นรายได้จากบริการประเภท Infrastructure-as-a-Service (IaaS) จำนวน 5.07 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน และรายได้จากบริการประเภท Software-as-a-Service (SaaS) จำนวน 487 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน
บริษัทไมโครซอฟท์ในไต้หวันฉลองครบรอบ 20 ปีด้วยการเซ็นสัญญากับรัฐบาลไต้หวัน เพื่อก่อตั้งศูนย์ cloud computing ในปีหน้าภายใต้ชื่อ "ศูนย์ความเป็นเลิศด้านซอฟต์แวร์และบริการ" ซึ่งจะเป็นศูนย์ cloud computing แห่งแรกในเอเชียของไมโครซอฟท์ โดยศูนย์ดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายให้บริษัทผู้พัฒนาคอมพิวเตอร์ของไต้หวัน สามารถทดสอบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของตนกับผลิตภัณฑ์และบริการ cloud computing ของไมโครซอฟท์ได้ ทั้งนี้ คุณสตีฟ บัลเมอร์ซีอีโอของไมโครซอฟท์ยังได้กล่าวว่า ศูนย์แห่งนี้จะสานความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างบริษัทในไต้หวันกับไมโครซอฟท์ที่มีมายาวนานกว่า 20 ปี
หลังจากที่ชดใช้กรณีการตั้งราคาจอ 19 นิ้วผิดพลาดด้วยการให้คูปองลดราคา 1,000 ดอลลาร์ไต้หวันแก่ผู้ซื้อไปแล้ว เดลล์จึงจัดการปิดบริการสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์เดลล์ไต้หวันไปด้วย จนกว่าจะจัดการเรื่องนี้เรียบร้อย
โดยก่อนหน้านี้เดลล์เคยลงราคาผิดที่ไต้หวันมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งก็คือโน้ตบุ๊ค E4300 และเดลล์ได้ทำการแก้ไขโดยการจัดส่งคูปองส่วนลดราคา 20,000 ดอลลาร์ไต้หวันให้กับผู้ที่สั่งสินค้าที่ลงราคาผิด
งานนี้ไม่รู้ว่าคนที่ลงราคาผิดยังลอยนวลอยู่ไหม แต่การแก้ไขปัญหาของเดลล์ถือว่าสมเหตุสมผลดีแล้ว (ว่าไหม?)
ที่มา : Engadget
เมื่อวันที่ 25 ที่ผ่านมาทางเว็บเดลล์ได้ประกาศราคาจอ LCD ขนาด 19 นิ้วผิดพลาด ทำให้ราคาที่ควรจะอยู่ที่ 4800 ดอลลาร์ไต้หวันนั้นเหลือเพียง 500 ดอลลาร์ไต้หวันเท่านั้น
ข่าวที่แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วทำให้มีผู้สั่งจอในราคาดังกล่าวไปแล้วกว่า 26,000 คน รวมเป็นกว่า 140,000 จอภายในเวลาเพียง 8 ชั่วโมง โดยไม่มีความชัดเจนว่าเดลล์มีความตั้งใจขายสินค้าตามราคาที่แจ้งผิดพลาดไว้หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามมีการร้องเรียนไปยังคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคถึงกว่า 400 รายการจนต้องมีการออกมาเตือนให้เดลล์เคารพสิทธิของลูกค้าเช่นนี้
ทางคณะกรรมการแนะนำให้เดลล์ขายจอภาพให้กับลูกค้าทุกคนอย่างน้อยคนละหนึ่งจอในราคาที่ประกาศไว้ ส่วนคนที่ซื้อมากกว่าหนึ่งจอนั้นให้มีการชดเชยอย่างสมเหตุสมผล
หลังจากผละจากสถาปัตยกรรม ARM มาหลายปีแล้ว ชิป Atom ของอินเทลนั้นได้รับการพัฒนาอย่างเร็วมากในช่วงหลังๆ มานี้ โดยมีเป้าหมายที่ค่อนข้างชัดว่าอินเทลหวังว่าบุกตลาดโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ขนาดเล็กทั้งหลาย
แต่ปัญหาคือชิปในตระกูล Atom นั้นต้องการชิปเซ็ตภายนอก ขณะที่ชิปในอุปกรณ์ขนาดเล็กนั้นมักเป็น SoC (System on Chip) ที่รวมเอาวงจรที่จำเป็นต่อการทำงานไว้เกือบทั้งหมดแล้ว เพื่อแก้ปัญหานี้อินเทลจึงร่วมกับทาง TSMC (Taiwan Semiconductor) เพื่อพัฒนาชิปตัวใหม่แบบ SoC ที่ใช้คอร์ภายในเป็น Atom
ซีพียูที่ผลิตขึ้นใหม่นี้จะใช้แกนเป็นตัว Atom ของอินเทลเหมือนเช่นใน Netbook ที่เราใช้งานกันรวมเข้ากับวงจรรอบๆ ของทาง TSMC
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อินเทลได้ร่วมมือกับรัฐบาลไต้หวันเปิดศูนย์สำหรับพัฒนา Moblin ระบบปฏิบัติการสำหรับ Netbook และ MID ของอินเทลที่พึ่งเปิดตัวไปในงาน IDF 2008 Taipei (ข่าวเก่า) เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
สาเหตุของการร่วมมือครั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันในไต้หวันมีบริษัทที่กำลังพัฒนา และพัฒนา Netbook ออกมาแล้วกว่า 12 บริษัท ซึ่งอินเทลคาดว่าการเปิดให้บริษัทเหล่านี้เข้ามาช่วยทดสอบ และพัฒนาแอพพลิเคชันสำหรับ Moblin จะทำให้ระบบปฏิบัติการตัวนี้เข้ากันได้กับ Netbook ของบริษัทต่างๆ มากขึ้น ส่วนทางรัฐบาลไต้หวันเองก็หวังว่าการเปิดศูนย์นี้ จะทำให้ไต้หวันได้เป็นศูนย์กลางของโลกในการพัฒนาคอมพิวเตอร์พกพา
บริษัท จงหวา เทเลคอม ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหย่ของไต้หวันเปิดเผยว่า จนถึงปัจจุบันจำนวนผู้ใช้บริการมัลติมีเดีย ออน ดีมานด์ (MOD) ของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 1 ล้านยรายแล้ว ภายหลังจากที่บริษัทได้เร่งธุรกิจ FTTx (fibre-to-the-home/building/curb)
บริษัทกล่าวว่า หากการเติบโตเป็นเช่นนี้ทุกๆ เดือนแล้ว คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปี 2552 จำนวนผู้ใช้บริการ MOD ควรจะเพิ่มขึ้นถึง 1.7 - 1.8 ล้านรายอย่างแน่นอน ทั้งนี้ลูกค้าใหม่ที่ขอใช้บริการเป็นผู้ใช้ที่อัพเกรดมาจากการเป็นลูกค้า ADSL ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าจำนวนผู้ใช้ FTTx จะแซงหน้าจำนวนผู้ใช้ ADSL ได้ซึ่งบางทีอาจเป็นในปี 2553 ก็เป็นได้
ที่มา - Telegeography
เมื่อเร็วๆ นี้มีข่าวว่าบริษัท คาร์ฟูร์ คอร์ป ไต้หวัน (Carrefour Corp Taiwan) ผู้ประกอบการห้างไฮเปอร์มาเก็ตใหญ่ที่สุดในไต้หวัน ซึ่งเป็นบริษัทหนึ่งในกลุ่มคาร์ฟูร์ ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกจากฝรั่งเศส กำลังเตรียมขยายธุรกิจสู่การเปิดให้บริการสื่อสารไร้สายในไต้หวัน ในรูปแบบเทคโนโลยี MVNO (Mobile Virtual Network Operator) เพื่อเพิ่มรายได้
จากข่าวเก่า BenQ เปิดตัว Netbook BenQ Joybook Lite U101 ถึงแม้จะช้ากว่าเจ้าอื่นไปบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าไม่มา ตอนนี้ตัวเครื่องวางขายแล้วในไต้หวันครับ สิ่งที่ทุกคนสนใจคือราคา ซึ่งตกลงว่าอยู่ที่ 398 ยูโร หรือประมาณ 18,000 บาท
ทวนสเปกเล็กน้อย
มีแรงกดดันเกิดขึ้นกับบริการไวแมกซ์ในไต้หวันพอสมควร เมื่อปรากฏว่าบริษัท จงหวา เทเลคอม (Chunghwa Telecom) ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายเดิมและรายใหญ่ของไต้หวัน ซึ่งเคยพลาดจากการได้รับใบอนุญาตให้บริการไวแมกซ์จำนวน 6 รายเมื่อปี 2550 นั้น สามารถหวนกลับสู่วงการไวแมกซ์ในไต้หวันอีกครั้งเมื่อบริษัทได้รับไฟเขียวให้ลงทุนในบริษัท โกลบอล โมบายล์ (Global Mobile) ซึ่งเป็นบริษัทหนึ่งที่ได้รับใบอนุญาตไวแมกซ์
คณะกรรมการกิจการสื่อสารแห่งชาติ (NCC) ของประเทศได้เคยห้ามมิให้จงหวา ลงทุนในบริษัท โกลบอล โมบายล์ เนื่องจากจงหวามิได้กล่าวถึงเรื่องนี้ในครั้งที่บริษัท โกลบอล โมบายล์ ยื่นขอใบอนุญาตไวแมกซ์ ต่อมาคณะกรรมการฯจึงกลับมติใหม่ในครั้งนี้
TSMC บริษัทรับผลิตชิปให้กับบริษัทออกแบบจำนวนมากที่ไม่มีโรงงานผลิตเป็นของตัวเองได้ประกาศเปิดสายการผลิตล่าสุดในเทคโนโลยี 28 นาโนเมตร และคาดว่าจะเริ่มส่งมอบชิปชุดแรกได้ในไตรมาสแรกปี 2010
สายการผลิตนี้เปิดตัวทั้งแบบ high-k metal gate (HKMG) และ siligon oxynitride (SiON) โดยเมื่อมีการออกแบบด้วยความละเอียดใหม่นี้แล้ว ชิปที่ได้จะมีความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์เพิ่มขึ้นเท่าตัว, ความเร็วเพิ่มขึ้นร้อยละ 50, และประหยัดพลังงานลงร้อยละ 30-50
เราคงไม่ได้เห็นชิปแปะตราของ TSMC เองเท่าใหร่นัก แต่ลูกค้าของ TSMC นั้นมีตั้งแต่ NVIDIA, ATI, และบริษัทออกแบบไอซีชื่อดังๆ อีกจำนวนมาก
ที่มา - Tech-On
ผู้ใช้ทั่วๆ ไปอาจจะไม่รู้กันว่าผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เราใช้กันอยู่ไม่ว่าจะเป็นนั้นมาจากผู้ผลิตรายเดียวกันที่ชื่อว่า TSMC โดยมีลูกค้าสำคัญๆ เช่น ATI, NVIDIA, Broadcom, หรือ VIA
การประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ TSMC นั้นค่อนข้างน่าประทับใจมาก ด้วยรายได้รวม 2.86 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณหนึ่งแสนล้านบาทไทย เป็นกำไรสุทธิไป 930 ล้านดอลลาร์
รายได้ร้อยละ 63 ของ TSMC ยังมาจากการผลิตชิปที่เทคโนโลยี 130 นาโนเมตรหรือต่ำกว่านั้น ร้อยละ 28 มาจากเทคโนโลยี 90 นาโนเมตร และร้อยละ 18 มาจากเทคโนโลยี 65 นาโนเมตร
ที่มา - ArsTechnica
Gigabyte นั้นเปิดตัว Netbook ของตัวเองไปตั้งแต่เมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว มาวันนี้เว็บไซต์ในไต้หวันก็มีข่าวออกมาถึงราคาของ Netbook แบบ Tablet ตัวนี้ (อ่านเสปคได้ที่ข่าวเก่า)
ที่น่าสนใจคือราคาที่ไต้หวันเองนั้นอยู่ที่ประมาณ 22,000 บาท (19,900 ดอลลาร์ไต้หวัน) ส่วนที่ยุโรปนั้นราคาพุ่งขึ้นไปถึง 32,000 บาท (612 ยูโร) คาดว่าสินค้ากำลังส่งไปฮ่องกง และน่าจะมีราคาใกล้เคียงกับที่ไต้หวันเอง
ใครเตรียมไปหิ้วกันมามั่ง?
ในงาน WiMax Expo ที่กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน ทางบริษัท Quanta ผู้รับจ้างผลิตโน้ตบุ๊กรายใหญ่ของโลกได้ออกมาแสดง VIA OpenBook รุ่นต้นแบบของทางบริษัท ที่น่าสนใจคือในรายชื่อของผู้ผลิตนั้นมีทั้ง เดลล์, เอชพี, และโซนี่ ตามกันมา สำหรับสองบริษัทแรกนั้นชัดเจนอยู่แล้วว่ากำลังทำโน้ตบุ๊กขนาดเล็กราคาถูก แต่สำหรับโซนี่นั้นยังไม่เคยมีข่าวแบบเดียวกันมาก่อน
ทาง Quanta ปฎิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้
ถ้าออกมาจริงๆ ขอช่องอ่าน SD ด้วยนะครับ เดี๋ยวจะมีแต่ MemoryStick
ที่มา - X-bit labs
ตามความรู้เดิมที่มีอยู่คือ เชื้อ dengue virus ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดไข้เลือดออกนั้นมี 4 สายพันธุ์ด้วยกัน และไข้เลือดออกนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อเข้าไปเป็นครั้งที่ 2 (secondary infection) ซึ่งเป็นที่เชื่อกันว่าเกิดจากการกระตุ้นสาร cytokines ที่อยู่ในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมากเกินไป
ทีมนักวิจัยจากไต้หวัน จาก National Yang-Ming University ค้นพบกลไกที่เชื่อว่ามีส่วนทำให้เชื้อ dengue virus ทำให้ผู้ติดเชื้อเกิดอาการของไข้เลือดออก (dengue hemorrhagic fever) และช็อค (dengue shock syndrome) ขึ้นผ่านทางปฏิกิริยาระหว่างตัวเชื้อไวรัสเอง กับโมเลกุลที่มีชื่อว่า CLEC5A ที่อยู่บนเซลล์เม็ดเลือดขาว