สัปดาห์ที่แล้ว Jonathan Ive หัวหน้าฝ่ายออกแบบของแอปเปิล ประกาศลาออกหลังจากทำงานกับแอปเปิลมาเกือบ 30 ปี โดยเขาจะไปตั้งบริษัทออกแบบใหม่ชื่อ LoveFrom
WSJ และ Bloomberg รายงานจากแหล่งข่าวใกล้ชิดบอกว่า Ive รู้สึกท้อแท้ใจที่ Cook ขาดความสนใจในการออกแบบ ซึ่งเมื่อพิจารณากับการที่ Ive ได้เคยร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับ สตีฟ จ็อบส์ ในรายงานยังบอกด้วยว่าหลังๆ มานี้ Ive เข้าบริษัทน้อยกว่าแต่ก่อน และยังพลาดการประชุมสำคัญบ่อยๆ
Tim Cook ซีอีโอ Apple ให้สัมภาษณ์รายการ CBS News มีพูดคุยหลายประเด็น ทั้งความเป็นส่วนตัว การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ประเด็นผู้อพยพและการที่คนเราใช้เวลาไปกับหน้าจอ ซึ่งมีแตะๆ เรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่กำลังตึงเครียดอยู่ในขณะนี้ด้วย
โดยเฉพาะเมื่อจีนบอกจะเรียกเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้าสหรัฐฯเพื่อตอบโต้แผนการของทรัมป์ที่จะเพิ่มภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ไปถึงราคา iPhone ว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 14% ซึ่งมันแพงไม่ใช่น้อยเลย
Cook ยอมรับว่าการขึ้นภาษีจะกระทบยอดขายแน่และเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเขาบอกด้วยว่า ทางจีนยังไม่ได้เล็งเป้าหมายที่ Apple ตรงๆ
Tim Cook ให้สัมภาษณ์ CNBC ในงานประชุมผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway บริษัทของ Warren Buffett ระบุว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา Apple ได้เข้าซื้อบริษัทอื่นๆ ไปมากถึง 20-25 บริษัท หรือเฉลี่ยแล้วแทบจะมีการเข้าซื้อทุก 2-3 สัปดาห์เลยทีเดียว
Tim Cook บอกเพิ่มเติมว่าที่ Apple ไม่ได้ประกาศให้รู้ในทุกการเข้าซื้อ เพราะหลายบริษัทยังเล็กมาก จุดประสงค์ใหญ่ๆ ของการเข้าซื้อมากมายเป็นเพราะ Apple มองหาคนและบริษัทที่มีพรสวรรค์และความสามารถ และยังบอกด้วยว่า หลังจากที่บริษัทลงทุนในโครงการใหม่ๆ เช่น แคมปัสแห่งใหม่ที่ออสตินที่ลงทุนไป 1 พันล้านดอลลาร์ บริษัทก็ได้พยายามลงทุนเพื่อเป้าหมายใหม่มากขึ้น
ก่อนหน้านี้เราอ่านหนังสือชีวประวัติของ Steve Jobs ไปแล้ว วันนี้หนังสือเกี่ยวกับซีอีโอแอปเปิลกำลังจะออกมาอีกเล่มในชื่อ "Tim Cook: The Genius Who Took Apple to the Next Level” เขียนโดย Leander Kahney จากมุมมองของอดีตพนักงานแอปเปิล
เรื่องราวของหนังสือเล่มนี้อาจไม่เกี่ยวกับประวัติของซีอีโอแอปเปิลมากนัก แต่จะเล่าเรื่องการต่อยอดความสำเร็จของแอปเปิลจากยุคของ Steve Jobs ที่ทิ้งความท้าทายเอาไว้หลังการเสียชีวิตของเจ้าตัว โดยเล่มนี้พูดถึงช่วงที่ Tim Cook ต้องต่อสู้ทางกฎหมายกับ FBI, กระทรวงยุติธรรมและคำสั่งศาล ที่สั่งให้แอปเปิลทำรอมพิเศษ สำหรับข้ามระบบความปลอดภัยบนอุปกรณ์ iOS ด้วย
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ในระหว่างการประชุมที่ปรึกษานโยบายแรงงานอเมริกัน (American Workforce Policy Advisory Board) ซึ่งมีประธานาธิบดี Donald Trump และ Tim Cook ซีอีโอแอปเปิลเข้าร่วมประชุมด้วย โดย Trump เรียกชื่อ Tim Cook ว่า Tim Apple จนเป็นประเด็นเล็ก ๆ แต่ดูเหมือนซีอีโอ Tim Cook จะพอใจกับชื่อนี้ด้วย
โดยเขาได้เปลี่ยนชื่อในหน้าโปรไฟล์ของบัญชี Twitter @tim_cook มาเป็น Tim ตามแบบที่ Trump เรียก
ดูเหมือนประธานาธิบดี Trump จะสับสนชื่อของซีอีโอ Apple นิดหน่อย โดยระหว่างการประชุมที่ปรึกษานโยบายแรงงานอเมริกัน (American Workforce Policy Advisory Board) ที่มี Tim Cook เข้าประชุมด้วย ประธานาธิบดี Trump ได้กล่าวขอบคุณ Tim Cook ที่เขาได้ลงทุนอย่างมากในสหรัฐอเมริกา แต่กลับเรียกชื่อว่า Tim Apple
คำพูดเต็มๆ ที่ Trump กล่าวมีดังนี้ "I mean you've really put a big investment in our country, we appreciate it very much, Tim Apple."
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ Business Insider ตั้งข้อสังเกตว่าจริงๆ Trump อาจจะต้องการพูดว่า "Tim and Apple" ก็เป็นได้ กล่าวคือเป็นการพูดชมทั้งตัว Tim Cook และบริษัท Apple
ถึงแม้ยอดขาย iPhone ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของแอปเปิลในรอบปีที่ผ่านมาจะไม่ดีอย่างที่บริษัทคาด รวมถึงหลายๆ คนต่างมองว่าแอปเปิลหมดนวัตกรรมไปแล้ว ทว่า Tim Cook ซีอีโอของแอปเปิลมองต่าง เขาบอกว่าบริษัทกำลังลงทุนและเดิมพัน (planting seeds and rolling the dice) กับผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่จะต้องทำให้คุณต้องอึ้ง (blow you away)
ถึงแม้จะไม่ได้ลงในรายละเอียด แต่ซีอีโอแอปเปิลบอกในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีว่า ตัวเขาไม่เคยรู้สึกคิดถูกขนาดนี้มาก่อน (never been more optimistic) กับทิศทางที่บริษัทเป็นอยู่ในปัจจุบันและกำลังเดินไปข้างหน้า พร้อมยืนยันว่าแผนการณ์เพิ่มรายได้จากหมวดหมู่บริการกำลังเป็นไปตามที่บริษัทวางแผนไว้ ว่ารายได้ส่วนนี้ในปี 2020 จะต้องเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากในปี 2016
ทิม คุก ซีอีโอแอปเปิล เขียนบทความแสดงความเห็นลงนิตยสาร TIME เรียกร้องให้สหรัฐฯ ออกกฎหมายควบคุมการขายต่อข้อมูลเพื่อการโฆษณา ที่เว็บต่างๆ ส่งข้อมูลเข้าไปยัง "โบรกเกอร์" เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลเข้าด้วยกัน
กระบวนการส่งต่อช้อมูลผ่านโบรกเกอร์เช่นนี้ ทำให้ผู้ลงโฆษณาสามารถยิงโฆษณาได้อย่างแม่นยำ ตัวอย่างเช่น หากเราเลือกรองเท้าบนเว็บหนึ่ง โบรกเกอร์จะจับคู่เรากับการค้นหารองเท้า และเมื่อเราเข้าเว็บอื่นเช่นเว็บข่าว ก็จะเห็นโฆษณารองเท้าไประยะหนึ่ง
แอปเปิลได้ยื่นเอกสารรายละเอียดทางการเงินเกี่ยวกับผลตอบแทนของผู้บริหารในปี 2018 ที่ผ่านมากับ กลต. สหรัฐ โดยซีอีโอ Tim Cook ได้ผลตอบแทนรวมกว่า 15 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นเงินเดือน 3 ล้านดอลลาร์ โบนัส 12 ล้านดอลลาร์ และผลประโยชน์อื่นรวม 682,000 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปี 2017 ถึง 3 ล้านดอลลาร์
ผลตอบแทนของ Tim Cook นี้ ไม่รวมหุ้นจัดสรรแบบมีเงื่อนไข ซึ่งจะสามารถขายได้เมื่อครบกำหนดเวลา โดยจำนวนหุ้นของปีนี้ที่ได้รับคิดเป็นมูลค่าราว 121 ล้านดอลลาร์
ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังจากรองประธานหัวเหว่ยถูกจับกุมในแคนาดา ยังคงดูรุนแรงขึ้นเรื่อง หลังจากเมื่อวานนี้แอปเปิลออกรายงานว่ายอดขายไม่ถึงเป้า ตัว Tim Cook ก็ไปให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC อธิบายถึงสาเหตุของผลประกอบการ พร้อมกับตอบคำถามว่าเขากำลังจะเดินทางไปยังประเทศจีนภายในไตรมาสนี้อีกครั้ง
Cook เพิ่งเดินทางไปเยือนจีนเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และยืนยันว่าจะเดินทางไปอีกครั้งภายในไตรมาสแรกของปีนี้
ต่อเนื่องจากที่ทิม คุกออกรายงานต่อนักลงทุน ว่าด้วยยอดขาย iPhone ที่ไม่ถึงเป้า โดยในรายงานทิม คุกพูดถึงสาเหตุว่ามาจากช่วงเวลาการออก iPhone รุ่นใหม่, ปัญหาซัพพลายเออร์, สงครามการค้า
อีกหนึ่งปัจจัยที่ซีอีโอแอปเปิลพูดถึงว่าส่งผลกระทบต่อยอดขาย iPhone คือโปรแกรมลดราคาค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่เหลือ 1,000 บาท จากกว่า 3,800 บาทให้กับ iPhone รุ่นเก่าที่หมดระยะประกันจนส่งผลให้ผู้ใช้ iPhone ตัดสินใจไม่ซื้อเครื่องใหม่ ซึ่งถึงแม้แอปเปิลจะไม่เปิดเผยจำนวนเครื่องที่ถูกเปลี่ยนออกมา แต่ก็น่าจะเยอะอยู่ไม่ใช่น้อย
Tim Cook ซีอีโอแอปเปิล ออกรายงานต่อนักลงทุนวันนี้ โดยปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลการดำเนินงานประจำไตรมาสเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2018 จากที่ประเมินว่าจะมียอดราว 89,000-93,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 84,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนรายการอื่นเช่น อัตรากำไร และค่าใช้จ่าย ตัวเลขยังคงใกล้เคียงกับข้อมูลเดิม
แอปเปิลระบุว่ามีหลายปัจจัยที่กระทบต่อรายได้ซึ่งทำให้น้อยกว่าที่เคยคาดไว้ เช่น จังหวะเวลาการออกสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ต่างจากปีก่อน (XS เริ่มขายกันยายน ขณะที่ปีก่อน iPhone X เริ่มขายธันวาคม), เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น, ปัญหาซัพพลายในการผลิตทำให้ Apple Watch Series 4 และ iPad Pro มีจำหน่ายไม่ทันความต้องการ
Tim Cook ซีอีโอแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับ BuzzFeed News โดยพูดถึงประเด็นที่สำนักข่าว Bloomberg ระบุว่าแอปเปิลได้รายงานในทางลับ เรื่องการพบชิปที่ฝังบนเมนบอร์ดดักจับและแอบส่งข้อมูลออก ซึ่งก่อนหน้านี้แอปเปิลก็ได้ออกมาปฏิเสธไปแล้ว โดยย้ำว่า Bloomberg ควรทำสิ่งที่ถูกต้อง และถอนเนื้อหาข่าวนี้เสีย
Cook บอกว่าเขาได้คุยกับ Bloomberg ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ และได้อธิบายไปชัดเจนแล้วว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ตอบไปทุกคำถามที่ Bloomberg ถามมา สอบสวนภายในก็ไม่พบเรื่องราวดังที่มีการรายงานออกมา
Tim Cook ซีอีโอแอปเปิล ให้สัมภาษณ์พิเศษกับรายการ Good Morning America โดยเนื้อหาหลักพูดถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ของแอปเปิลที่เพิ่งเปิดตัวทั้ง iPhone XS, iPhone XS Max, Apple Watch Series 4 ตลอดจนประเด็นสงครามการค้า มีประเด็นน่าสนใจหลายอย่าง
Tim Cook ซีอีโอแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายสำนักหลังการเปิดตัว iPhone Xs, Xs Max และ XR ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจจากมุมมองของซีอีโอ ทั้งการยอมทำ iPhone สองซิม และคำถามถึงราคา iPhone Xs Max ที่แพงขึ้นได้อีกจาก iPhone X
ประเด็นแรกคือราคาของ iPhone Xs ที่แพงขึ้นอีก Tim Cook บอกว่าถ้าเราขายสินค้าที่มีนวัตกรรมและมีคุณค่าสูงมาก ก็จะมีลูกค้าที่ยินดีจ่ายเงินเพิ่มเพื่อสิ่งนั้น ซึ่งแอปเปิลพบว่าคนกลุ่มนี้ก็มีจำนวนมากพอที่จะทำสินค้าขายให้
Tim Cook ซีอีโอแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับ Fast Company เกี่ยวกับบริการเพลงสตรีมมิ่ง Apple Music และอุตสาหกรรมเพลงในภาพรวม โดยเขาให้มุมมองน่าสนใจว่า การให้อัลกอริทึมของคอมพิวเตอร์เป็นตัวคัดเลือกเพลงล้วน ๆ นั้น เป็นการทำลายจิตวิญญาณของวงการดนตรี
ประโยคดังกล่าวถือเป็นการพุ่งไปที่คู่แข่งอย่าง Spotify ซึ่งที่ผ่านมาใช้อัลกอริทึมในการจัดเพลย์ลิสต์มาตลอด (เพิ่งเริ่มใช้คนคัดเลือกไม่นานมานี้) ขณะที่ Apple Music พยายามเน้นเพลย์ลิสต์ที่มีคนคัดเลือกมาตั้งแต่แรก
Sheryl Sandberg ซีโอโอ Facebook ขึ้นเวทีให้สัมภาษณ์ในงาน Code Conference โดยมีช่วงหนึ่งเป็นคำถามเรื่องที่ Tim Cook ซีอีโอแอปเปิล เคยบอกว่าข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ และแอปเปิลจะไม่ทำธุรกิจโดยนำลูกค้าเป็นสินค้าแบบนี้ ซึ่งเป็นการโจมตี Facebook โดยตรง
Sandberg บอกว่าทั้งเธอเองและ Mark Zuckerberg ซีอีโอ Facebook ไม่แปลกใจที่ Tim Cook จะพูดแบบนั้น เพราะแอปเปิลขายสินค้า และทำธุรกิจในแบบของแอปเปิล มันก็ทำให้แอปเปิลเชื่อในแนวทางเช่นนั้น แต่ Facebook เป็นธุรกิจที่พึ่งพาโฆษณา เพราะต้องการให้สินค้า (Facebook) เข้าถึงคนได้ทั่วโลก เชื่อมต่อคนได้ทั้งโลก รูปแบบธุรกิจจึงต้องเป็นเช่นนี้ เธอจึงไม่เห็นด้วยกับ Tim Cook
Tim Cook ซีอีโอแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับ The Sydney Morning Herald ถึงประเด็นที่มีข่าวลือว่า macOS จะรวมเข้ากับ iOS บน iPad โดยเขามองว่าการทำแบบนี้ เป็นการลดทอนคุณค่าของสิ่งหนึ่งเพื่ออีกสิ่งหนึ่ง เพราะทั้ง Mac และ iPad ต่างเป็นอุปกรณ์ที่น่าทึ่งทั้งคู่ เนื่องจากแอปเปิลผลักดันทั้งสองผลิตภัณฑ์ไปในทิศทางที่ควรจะเป็น การรวมสองสิ่งนี้ทำให้เราต้องเสียข้อดีบางอย่างไป
เขายังเสริมว่า ในมุมของแอปเปิลการทำแบบนี้มีข้อดีคือทำให้บริษัทบริหารจัดการง่ายขึ้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่แอปเปิลจะเลือกทำ เราควรให้ประสิทธิภาพสูงสุดกับเครื่องมือ เพื่อให้คนใช้งานมันได้เต็มที่มากกว่า
สุดท้ายเมื่อถามว่าปัจจุบันเขาใช้ Mac หรือ iPad เป็นหลัก คำตอบคือใช้ Mac เวลาทำงาน ส่วน iPad ใช้เวลาอยู่บ้านและเดินทาง
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อหลายวันก่อน หลังจากเหตุการณ์ข้อมูลผู้ใช้ Facebook หลุด 50 ล้านบัญชี นำมาสู่การขุดประเด็นต่างๆ เรื่องการใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน Facebook มากมายตามมา ก็มีการถามถึงประเด็นนี้กับ Tim Cook ซีอีโอแอปเปิลในรายการโทรทัศน์หนึ่ง ซึ่ง Tim Cook บอกว่า เขาอยากให้บริษัทที่มีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลทำธุรกิจ ตรวจสอบควบคุมกันภายในให้มากขึ้น ซึ่งดีกว่าการรอให้หน่วยงานรัฐมาตรวจสอบ
แอปเปิลได้จัดการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีไปเมื่อวานนี้ ซึ่งการประชุมผู้ถือหุ้นนี้ไม่มีการถ่ายทอดสด แต่มีสื่อที่เข้าร่วมประชุมและบันทึกประเด็นที่น่าสนใจหลายอย่างออกมา
โดยวาระการประชุมนั้นเริ่มด้วยหัวข้อตามรูปแบบการประชุมประจำปี อาทิ การลงคะแนนเลือกบอร์ดบริหาร, การอนุมัติรายการประจำปีต่างๆ ซึ่งผลออกมาไม่มีประเด็นใหม่ ส่วนที่น่าสนใจคือช่วงถามตอบกับผู้บริหาร และการอัพเดตเรื่องต่างๆ
ซีอีโอ ทิม คุก เริ่มโดยบอกว่าคะแนนความพอใจ iPhone X ออกมาสูงมากถึง 99% ขณะที่ธุรกิจอุปกรณ์สวมใส่ของแอปเปิล (AirPods, Beats, Apple Watch) ตอนนี้มีขนาดธุรกิจเทียบกับบริษัทระดับ Fortune 300 แล้ว
Tim Cook ซีอีโอแอปเปิลได้ไปพูดที่ Harlow college ซึ่งเป็นหนึ่งใน 70 สถาบันในยุโรป ที่เข้าร่วมโครงการหลักสูตร Everyone Can Code ของแอปเปิล โดยเขาพูดถึงเรื่องการนำเทคโนโลยีมาใช้ในชีวิตประจำวันในทุกเรื่องว่า เขาไม่เชื่อสิ่งนี้ และเขาไม่คิดว่าการไปถึงจุดนั้นได้คือสิ่งที่ดี
เขายกตัวอย่างว่าต่อให้เป็นหลักสูตรการออกแบบกราฟิกคอมพิวเตอร์ มันก็มีหัวข้อที่ต้องพูดคุยถกเถียงให้เข้าใจ ไม่ใช่ว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาทดแทนได้ทั้งหมด หรืออย่างวิชาวรรณกรรมเขาก็ไม่เห็นด้วยที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ทั้งหมด
นอกจากนี้ Tim Cook ยังบอกว่าตัวเขาเองไม่มีลูก แต่มีหลาน ซึ่งหากควบคุมได้ เขาจะไม่ให้หลานเล่น Social Network เลย
เป็นเรื่องอื้อฉาวส่งท้ายปีที่แล้ว กับกรณีที่แอปเปิลปรับ iPhone ให้ทำงานช้าลงถ้าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม จนบริษัทต้องออกมาขอโทษและปรับลดราคาค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ลง ล่าสุดแอปเปิลยอมถอยสุดๆ จากการเพิ่มฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้เองว่าจะปรับลดประสิทธิภาพ iPhone ลงหรือไม่ กรณีที่แบตเตอรี่เริ่มเสื่อม
Mac mini ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลที่เงียบหายไปเลย โดยอัพเกรดรุ่นล่าสุดนั้นออกมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว จึงมีผู้ลองอีเมลไปสอบถามกับซีอีโอ Tim Cook ว่าเราจะได้เห็นการอัพเดตของ Mac mini หรือไม่? และนี่คือคำตอบ
Tim Cook บอกว่า "ผมดีใจที่คุณรัก Mac mini พวกเราที่แอปเปิลก็เช่นกัน เราพบว่าลูกค้ามีการนำ Mac mini ไปใช้งานหลากหลายวิธีการสร้างสรรค์ แม้ตอนนี้จะยังไม่ถึงเวลาที่จะให้ข้อมูลใดๆ แต่พวกเรายังมีแผนงานสำหรับ Mac mini ที่เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์สำคัญอยู่แล้ว"
ที่เหลือก็คงต้องรอว่า Mac mini รุ่นถัดไป จะเป็นการอัพเกรดสเปก หรือยกเครื่องเป็น new Mac mini ไปเลย
ในโลกปัจจุบัน การเรียนภาษาที่สามหรืออย่างน้อยภาษาที่สองดูจะเป็นสิ่งจำเป็นและหนีไม่พ้น อย่างไรก็ตาม Tim Cook ซีอีโอของแอปเปิลได้แสดงความเห็นว่า เขาเลือกที่จะเรียนภาษาโปรแกรมมิ่งเป็นภาษาที่สองมากกว่า
Tim Cook ซีอีโอแอปเปิลที่กำลังเดินทางไปเยือนฝรั่งเศส ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นของฝรั่งเศสและเมื่อพูดถึงภาษาโปรแกรมมิ่ง เจ้าตัวระบุว่า "ถ้าผมเป็นเด็กฝรั่งเศสอายุ 10 ขวบ เขาคิดว่าการเรียนภาษาโปรแกรมมิ่งสำคัญมากกว่าภาษาอังกฤษ" อย่างไรก็ตามซีอีโอแอปเปิลระบุว่า "ไม่ได้จะหมายถึงว่าเราไม่ควรเรียนภาษาอังกฤษ แต่เพราะภาษาโปรแกรมมิ่ง เป็นภาษาที่ใช้สื่อสารกับคน 7 พันล้านคนทั่วโลก"
Tim Cook ให้สัมภาษณ์สื่ออังกฤษ The Independent ในประเด็นหลักเกี่ยวกับ AR ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่มากในอนาคต โดย ARKit ของแอปเปิลเป็นผู้นำในตลาดนี้ และจะมีนักพัฒนาจำนวนมากแห่กันมาทำแอพ AR ในลักษณะเดียวกับความสำเร็จของ App Store
ประเด็นสำคัญอยู่ที่คำถามว่าแอปเปิลสนใจทำแว่น VR/AR หรือไม่ คำตอบของ Cook คือเทคโนโลยีในปัจจุบันยังไม่ดีพอสำหรับการทำแว่นที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมุมมองการแสดงผล (field of view) หรือคุณภาพของหน้าจอ ซึ่งแอปเปิลจะยังไม่ทำแว่นหรือผลิตภัณฑ์ที่เป็น VR/AR ออกมาจนกว่าจะได้คุณภาพระดับที่แอปเปิลต้องการ
Cook บอกว่าแอปเปิลไม่ต้องการเป็นรายแรกที่ทำ แต่ต้องการทำผลิตภัณฑ์ให้ดีที่สุด ตอนนี้ในตลาดยังไม่มีผลิตภัณฑ์ VR/AR ตัวไหนที่ผู้บริโภคพึงพอใจกับมัน