กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ยื่นเรื่องไปยังศาลอย่างเป็นทางการ ให้มีคำสั่งแยก Chrome ออกจาก Google มาเป็นอีกบริษัท หลังศาลมีคำตัดสินว่า Google มีพฤติกรรมผูกขาด Search
กระทรวงยุติธรรมอ้างอิงคำอธิบายของผู้พิพากษา Amit Mehta ที่ระบุในคำตัดสินว่า เบราเซอร์ Chrome มีส่วนช่วยในการผูกขาด Search ซึ่งนอกจากการแยกบริษัทแล้ว กระทรวงยังเสนอให้ Google เปิดไลเซนส์เรื่องข้อมูล อัลกอริทึม การแสดงผลการค้นหา ให้คู่แข่งนำไปใช้ปรับปรุงบริการของตัวเอง ไปจนถึงเรื่องความโปร่งใสในการแสดงผลโฆษณาและต้อยอมให้เว็บไซต์ opt-out การนำข้อมูลไปใช้เทรน AI
Bloomberg อ้างแหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ว่าทางกระทรวงจะเดินหน้าขอให้ผู้พิพากษาสั่งให้กูเกิลขายธุรกิจ Chrome ออกไป ในคดีที่ศาลตัดสินแล้วว่ากูเกิลมีพฤติกรรมผูกขาด search engine
คดีนี้เพิ่งตัดสินในศาลชั้นต้นไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2024 ว่ากูเกิลมีความผิดจริง ซึ่งกระทรวงยุติธรรมในฐานะผู้ฟ้องจะต้องเสนอมาตรการเยียวยาตลาดเพื่อลดผลจากการผูกขาดของกูเกิลลง ซึ่งขึ้นกับผู้พิพากษาในคดีว่าจะรับข้อเสนอนี้หรือไม่ แต่กูเกิลประกาศแล้วว่าจะยื่นอุทธรณ์
Chrome บน iOS ออกอัปเดตเวอร์ชัน 131 โดยมาพร้อมฟีเจอร์เด่นเพื่อให้ทำหลายอย่างแบบข้ามอุปกรณ์ได้ดีขึ้น (ถึงแม้จะมีใน Android นานแล้ว) รายละเอียดดังนี้
ที่มา: กูเกิล
Chrome เพิ่มฟีเจอร์แจ้งเตือนแท็บที่กินทรัพยากรสูงๆ (Performance Detection) โดยจะขึ้นรายชื่อแท็บทั้งหมดที่มีปัญหา เพื่อให้ผู้ใช้กดปุ่ม Fix now เพื่อจัดการแท็บเหล่านี้ ซึ่งเป็นการปิดการทำงานของแท็บนั้นชั่วคราว (deactivate) หากคลิกกลับไปที่แท็บนั้นก็ค่อยโหลดหน้าเว็บเพจเดิมขึ้นมาให้ใหม่
Chrome ยังเพิ่มตัวเลือกของ Memory Saver ให้กำหนดค่าของการประหยัดหน่วยความจำได้ 3 ระดับคือ
กูเกิลเพิ่มเครื่องมือใหม่สำหรับ Chrome บนเดสก์ท็อป เพื่อให้ผู้ใช้งานตรวจสอบประสิทธิภาพและการใช้ทรัพยากรบนเครื่องได้ดีขึ้น
เครื่องมือใหม่มีชื่อว่า Performance Detection โดยเป็นไอคอนเตือนที่แถบเมนูด้านบน เมื่อพบปัญหาประสิทธิภาพการทำงาน เช่น แท็บนั้นมีการใช้ทรัพยากรของเครื่องมากกว่าปกติ โดยมีปุ่ม Fix now เพื่อปรับปรุงแก้ไขปัญหา ผู้ใช้งานสามารถเลือกปิดการทำงานของ Performance Detection ได้ใน Settings
The Information รายงานความคืบหน้าของโครงการพัฒนา Gemini ที่ทำงานบน Chrome ซึ่งกูเกิลเปิดตัวไปในงาน I/O เดือนพฤษภาคม โดยบอกว่ากูเกิลน่าจะพรีวิวรุ่นทดสอบในเดือนธันวาคมนี้
AI ผู้ช่วยบน Chrome นี้จะทำงานด้วยโมเดล Gemini 2.0 ที่เพิ่งมีรายงานออกมา โดยมีชื่อโครงการว่า Project Jarvis ซึ่งก็อ้างอิงมาจาก Iron Man เป้าหมายคือเป็นผู้ช่วยที่ทำงานต่าง ๆ ผ่านเว็บได้
ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่าอะไรที่ Jarvis บน Chrome จะทำได้บ้าง ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งช่วยคลิก กรอกแบบฟอร์มของเว็บต่าง ๆ ไปจนถึงการตอบคำถามต่าง ๆ แบบแชทบอต
Chrome on Android ปรับปรุงการกรอกฟอร์ม (autofill) จากแอพจัดการรหัสผ่านภายนอก ให้ดีเทียบเท่ากับ Google autofill แล้ว
เดิมที Chrome on Android รองรับ autofill อยู่แล้ว โดยมีแอพ Google ทำหน้าที่ช่วยกรอกรหัสผ่านและฟอร์มต่างๆ เป็นดีฟอลต์ แต่ถ้าผู้ใช้มีแอพจัดการรหัสผ่านตัวอื่น ก็สามารถเลือกใช้แอพเหล่านี้แทนได้ โดยมีข้อจำกัดคือแอพเหล่านี้ต้องทำงานแบบ compatibility mode ผ่านช่องทาง accessibility ของระบบปฏิบัติการ แต่ก็มีปัญหาตามมาว่าการเลื่อนหน้าจออาจกระตุก และการกรอกฟอร์มอาจซ้ำซ้อนกับ Google autofill ได้
กูเกิลเพิ่มฟีเจอร์ทดลองใน Chrome Canary 131 ให้ผู้ใช้สามารถคุยกับ Gemini ได้ในหน้าจอ DevTools โดยตรง ในชื่อ AI assistance ผู้ใช้ที่สนใจสามารถเปิดใช้งานเองได้
ข้อดีของการมี AI assistance ใน DevTools โดยตรงคือเราสามารถถามถึง element ต่างๆ ที่พบปัญหาได้โดยตรง รวมถึงสามารถช่วยเขียนโค้ดแก้ไขหน้าเว็บตามที่เราต้องการได้ โดยทุกครั้งที่ AI ต้องการรันโค้ดหน้าจอจะหยุดให้เราอ่านและกดยืนยันรันโค้ดเองเสมอ
ที่มา - Chrome Developer
ผู้ใช้ Chrome เริ่มพบว่า Chrome เริ่มเปิดการทำงานของส่วนขยายที่เขียนด้วย API Manifest V2 ตามแผนที่ประกาศไว้ (ทยอยปิดไปเรื่อยๆ เสร็จสมบูรณ์ช่วงต้นปี 2025) ซึ่งกระทบกับส่วนขยายกลุ่มบล็อคโฆษณา เช่น uBlock Origin
ความคืบหน้าต่อจากคดีศาลสหรัฐตัดสิน Google มีพฤติกรรมผูกขาดบริการ Search Engine เมื่อเดือนสิงหาคม 2024
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (Department of Justice หรือ DoJ) ในฐานะผู้ยื่นฟ้อง ได้ยื่นแนวทางบรรเทา (remedies proposal) พฤติกรรมการผูกขาดต่อศาล ทั้งหมด 4 ข้อ
กูเกิลขยายฟีเจอร์จัดการ Passkey ให้สามารถซิงก์ Passkey ข้ามอุปกรณ์ได้ด้วย
ของเดิมนั้น การใช้ Passkey ผ่าน Google Password Manager บน Android เก็บตัว Passkey ไว้บนอุปกรณ์ตัวนั้นตัวเดียว หากต้องการนำไปใช้บนอุปกรณ์อื่นต้องใช้วิธีสแกน QR ระหว่างกัน
ของใหม่คือ Passkey ของเราจะถูกซิงก์อัตโนมัติในจักรวาล Google Password Manager ข้ามแพลตฟอร์มทั้ง Windows, macOS, Linux, Android, ChromeOS โดยมีระบบรักษาความปลอดภัยคือต้องตั้งรหัส PIN 6 หลัก เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าถึง Passkey ของเราได้ (แม้เข้าถึงตัวฮาร์ดแวร์ได้เชิงกายภาพ)
กูเกิลประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ Chrome เรื่องสิทธิการใช้งาน (permission) ของเว็บไซต์ที่ขอจากเบราว์เซอร์
กูเกิลประกาศฟีเจอร์ใหม่ของ Chrome เกี่ยวกับแท็บดังนี้
ที่มา - Google
Chrome for Android เพิ่มฟีเจอร์อ่านบทความในหน้าเว็บเป็นเสียง โดยสามารถเลือกความเร็วในการอ่าน และเสียงอ่านได้หลายรูปแบบ
ฟีเจอร์การอ่านบทความบนหน้าจอ มีใน Android อยู่ก่อนแล้ว แต่ที่ผ่านมาต้องเรียกผ่าน Google Assistant หรือใช้แอพอ่านหน้าจอ ข่าวนี้คือฟีเจอร์ Listen to this page ถูกผนวกเข้ามาใน Chrome โดยตรง กดเลือกจากเมนู ... ได้เลย
ที่มา - Google
กระบวนการซิงก์ข้ามอุปกรณ์ของ Chrome แต่เดิมคือการล็อกอินและกด Sync ข้อมูล ซึ่งกระบวนการนี้ถูกใช้งานมา 15 ปี ล่าสุด Chrome บน Android และเดสก์ท็อปกำลังจะลดขั้นตอนลง ด้วยการเปลี่ยนมาเป็นการซิงก์ทันทีที่ล็อกอินเข้าอุปกรณ์ใหม่ โดยไม่ต้องกดเลือกซิงก์อีกที
Chrome เรียกโพรเซสใหม่นี้ว่า new identity model ซึ่งถูกนำมาใช้ครั้งแรกบน Chrome 118 บน iOS เมื่อปลายปีที่แล้ว
หลัง Google ถูกศาลตัดสินกรณีผูกขาด Search ล่าสุดแหล่งข่าวของ Bloomberg จากภายในกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DoJ) เผยว่า ทางกระทรวงกำลังพิจารณามาตรการในการจัดการการผูกขาดดังกล่าว
มาตรการที่กำลังพิจารณา ไล่ไปตั้งแต่เบาที่สุด อาจจะเป็น Google ต้องแบ่งปันข้อมูลกับคู่แข่ง และมีมาตรการป้องกันไม่ให้ Google สร้างความได้เปรียบอย่างไม่เป็นธรรม (unfair advantage) ในผลิตภัณฑ์ AI, สั่งแบนการทำสัญญาเอ็กคลูซีฟ, สั่งขาย Adwords (Google Ads), ไปจนถึงหนักสุดคือสั่งแยก Chrome และ/หรือ Android ให้ออกมาเป็นอีกบริษัท
หลังคำตัดสิน แม้ Google จะยื่นอุทธรณ์ แต่ผู้พิพากษา Amit Mehta ได้สั่งให้ทั้ง Google และ DoJ เตรียมการเรื่องการฟื้นฟูการแข่งขันแล้ว
Google กำลังจะเปิดตัว Google Chrome เวอร์ชัน 129 ในวันที่ 17 กันยายน ปีนี้ โดยจะเลิกรองรับ macOS 10.15 Catalina และรองรับเฉพาะ macOS 11 ขึ้นไป
ทำให้ Chrome เวอร์ชัน 128 ปัจจุบัน เป็นเวอร์ชันสุดท้ายที่รองรับ macOS Catalina อย่างเป็นทางการ
จริง ๆ แล้วนี่อาจจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะเอาเข้าจริง macOS Catalina มีอายุประมาณ 5 ปี และสิ้นสุดการสนับสนุน (EoL) มาแล้วราว 2 ปี ทำให้ไม่ได้รับการอัปเดตความปลอดภัยหรือการรองรับจาก Apple จึงเข้าใจได้ว่าทำไม Google จะยุติการสนับสนุน Chrome สำหรับ macOS เวอร์ชันนี้
อ้างอิง: Android Police
uBlock Origin ตัวบล็อคโฆษณายอดนิยม ประกาศเตือนให้ผู้ใช้บน Chrome ย้ายไปใช้ส่วนขยายอีกตัวคือ uBlock Origin Lite แทน หลัง Chrome เริ่มแจ้งเตือนว่า uBlock Origin จะใช้งานไม่ได้อีกต่อไป (เริ่มใน Chrome 127)
เหตุผลมาจากนโยบายของ Chrome ที่เริ่มเปลี่ยน API ของส่วนขยายจาก Manifest V2 มาเป็น Manifest V3 ทำให้ผู้ใช้ส่วนขยาย uBlock Origin ตัวต้นฉบับ (รวมถึงส่วนขยายตัวอื่นๆ) ที่เขียนมาแบบ V2 ได้รับการแจ้งเตือนในเบราว์เซอร์แล้ว ผู้ใช้ที่ไม่ได้ติดตามประเด็นเรื่อง Manifest อาจตกใจได้
กูเกิลเพิ่มความสามารถให้ Chrome บนเดสก์ท็อป โดยนำเทคโนโลยี Google AI และ Gemini มาช่วยเสริมประสิทธิภาพการใช้งานมากขึ้น มีรายละเอียดดังนี้
จากก่อนหน้านี้ Google Lens มีให้ใช้งานบนสมาร์ทโฟน ความสามารถนี้จะมีให้ใช้ในลักษณะคล้ายกันกับ Chrome บนเดสก์ท็อปแล้ว โดยเลือกไอคอน Google Lens บนกล่องที่อยู่ แล้วเลือกพื้นที่บนหน้าจอเพื่อค้นหาข้อมูล ซึ่งเป็นได้ทั้งรูปภาพ หรือข้อความที่อยู่ในรูป-วิดีโอ (เช่น สมการคณิตศาสตร์) แล้วปรับแต่งการค้นหาให้เจาะจงมากขึ้นผ่าน Multisearch ได้อีกด้วย
Google Lens บน Chrome เดสก์ท็อป จะเริ่มอัปเดตให้ผู้ใช้งานทั่วโลกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ถึงแม้จะประกาศแนวทางชัดเจนว่าต้องการไปในทิศทางนี้ แต่ล่าสุดกูเกิลเปิดเผยว่าได้เปลี่ยนใจไม่ยกเลิกการใช้คุกกี้ตามรอยผู้ใช้ข้ามเว็บหรือ third party cookie ใน Chrome ซึ่งใช้สำหรับการโฆษณาติดตามผู้ใช้งาน
กูเกิลประกาศแผนยกเลิกการใช้ third party cookie มาตั้งแต่ปี 2020 ด้วยเหตุผลเรื่องความเป็นส่วนตัว ซึ่งมีระบบ Privacy Sandbox เข้ามาแทนสำหรับระบบโฆษณา โดยเดิมมีกำหนดยกเลิกทั้งหมดในปี 2022 แล้วก็เลื่อนเป็นปี 2023 จากนั้นก็เลื่อนอีกครั้งเป็นปี 2024 พอเข้าปี 2024 ก็เริ่มทดสอบที่ 1% ก่อน และประกาศเลื่อนอีกครั้งเป็นปี 2025 ส่วนล่าสุดก็คือไม่ยกเลิกแล้ว
กูเกิลประกาศถอด Entrust root CA ออกจากฐานข้อมูล Chrome ภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ เริ่มจาก Chrome 127 หลังจากทาง Entrust มีปัญหาการดำเนินงานไม่ได้ตามมาตรฐานหลายครั้ง
ปัญหาของ Entrust ไม่ได้มีครั้งใดครั้งหนึ่งร้ายแรงเป็นพิเศษ แต่มีความผิดพลาดต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา เช่น การตอบสนองต่อการขอยกเลิกใบรับรองล่าช้า, ใบรับรองพิมพ์ผิด, ออกใบรับรองโดยฟิลด์ผิดพลาด, หรือแม้แต่ส่งรายงานการตรวจสอบระบบล่าช้า
ใบรับรอง root CA ของ Entrust จะถูกถอดออกทั้งหมด 9 ใบ โดย Chrome จะไม่ยอมรับใบรับรองใดๆ ที่ได้รับรองโดย root CA เหล่านี้และมีค่า Signed Certificate Timestamp (SCT) หลังจากวันที่ 31 ตุลาคม 2024 เป็นต้นไป
Chrome 125 บน Android ล่าสุดมีการอัพเดตฟีเจอร์ Listen to this Page ที่เป็น Text-to-speech สำหรับอ่านบทความยาว ๆ มาให้
ฟีเจอร์นี้จะสามารถใช้งานได้บนเกือบทุกเว็บที่เป็นบทความยาว ๆ โดยกดใช้ฟีเจอร์ ‘Listen to this page’ ได้ที่ปุ่ม 3 จุดขวาบน หรือเพิ่มเป็น Shortcut ได้ที่ปุ่มรูปดาว ข้างตัวเลือก Tab ใน Setting > Advanced > Toolbar shortcut ซึ่งหลังจากที่เว็บดาวน์โหลดเสร็จแล้ว จะมีแถบ Mini Player ขึ้นมาข้างล่างหน้าจอ ในแถบนั้นจะมีปุ่มกดเล่น-หยุด, กรอไป-กลับ 10 วินาที และปุ่มกดปิด
Chrome ประกาศเริ่มปิดการทำงานของส่วนขยาย Manifest V2 ตามแผนที่เคยประกาศไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 โดยยังคง timeline เดิมคือเริ่มกระบวนการในเดือนมิถุนายน 2024
ระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านของ Chrome ยังเป็นไปอย่างช้าๆ
Chrome for Android เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Minimized Custom Tabs เปิดให้ "ย่อ" แท็บที่อ่านอยู่ขณะนั้นให้มีขนาดเล็กลงได้ ลักษณะคล้ายๆ กับการย่อวิดีโอเป็นแบบ Picture-in-Picture
ฟีเจอร์นี้ออกแบบมาสำหรับ Custom Tabs หรือการใช้เอนจิน Chrome เปิดลิงก์จากแอพตัวอื่น เช่น กดเปิดลิงก์จากอีเมล จากนั้นเราจะเห็นหน้าเว็บถูกเปิดขึ้นมาเต็มจอในแอพอีเมล ซึ่งมีปัญหาว่าบังทั้งจอ สลับกลับไปอ่านเนื้อหาอีเมลได้ยาก (ปัจจุบันต้องปิดหน้าเว็บเพื่อกลับไปอ่านเมล) กูเกิลจึงเปิดทางให้ "ย่อ" แท็บที่เปิดอันนี้ให้เล็กลงได้ ย้ายตำแหน่งไปมาได้ ช่วยให้การ multi-tasking คล่องตัวมากขึ้น
กูเกิลเปิดโครงการทดลอง Built-in AI เตรียมนำ Gemini Nano มารันใน Chrome โดยตรง เปิดทางให้เบราว์เซอร์มี API ในกลุ่ม LLM เพิ่มเติม
ฟีเจอร์ที่เว็บไซต์จะสามารถใช้งาน LLM บนเว็บได้ เช่น การช่วยสรุป หรือถามตอบคำถามในเนื้อหาบนเว็บเอง ไปจนถึงการเป็นตัวช่วยผู้ใช้เขียนเนื้อหา หรือตรวจคำผิด
ทุกวันนี้เว็บไซต์หลายแห่งรันโมเดลปัญญาประดิษฐ์บนเว็บอยู่แล้ว แต่การใช้งานแบบทุกวันนี้ทำให้ผู้ใช้ต้องดาวน์โหลดไฟล์ขนาดนับร้อยเมกะไบต์ทุกเว็บ และอาจใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ของเครื่องเช่น GPU หรือ NPU ได้จำกัด การที่เบราว์เซอร์มี API โดยตรงให้เลยจะทำให้ออปติไมซ์ได้ดีขึ้น