ในการแข่งขัน Super Bowl ครั้งที่ 54 สีสันหนึ่งในช่วงเวลาการถ่ายทอดสดก็คือโฆษณาในระหว่างการแข่งขัน ซึ่งมีค่าโฆษณาสูงมาก แต่บริษัทขนาดใหญ่ก็ต่างยอมเสียเงินเพื่อนำเสนอโฆษณาใหม่ที่เปิดตัวในการแข่งขันนี้เช่นกัน
ซึ่งเมื่อพูดถึงค่าโฆษณาที่แพงมาก บริษัทด้านเทคโนโลยีหลายแห่งซึ่งมีงบประมาณสูง ก็ต่างเลือกลงโฆษณาด้วย มาดูกันว่ามีบริษัทใดบ้าง
Hyundai โชว์เทคโนโลยีจอดรถอัตโนมัติ Remote Smart Parking Assist ในรถยนต์ Sonato รุ่นปี 2020 โดยเรียกฟีเจอร์นี้ว่า Smaht Pahk
Amazon รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2019 มียอดขายรวม 87,437 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,268 ล้านดอลลาร์
ซีเอฟโอ Brian Olsavsky ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า จากเดิมที่ Amazon มีแผนใช้เงินลงทุนราว 3 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่ผ่านมา เพื่อปรับปรุงการจัดส่งสินค้าให้เร็วมากขึ้นรองรับเทศกาลวันหยุด บริษัทใช้เงินน้อยกว่าที่คาดคือ 1.5 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากระบบจัดการสามารถทำงานได้ดีตามแผนแล้ว
ในบล็อก Medium ที่พนักงาน Amazon ออกมาเขียนข้อความประท้วงบริษัทเรื่อง Climate Change วิศวกรซอฟต์แวร์ Max Eliaser ที่มาร่วมเขียนด้วยนั้น ได้ใช้โอกาสนี้วิจารณ์ Ring บริษัทสมาร์ทโฮมของ Amazon เรื่องความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว พร้อมเรียกร้องให้ยุบบริษัทนี้ทิ้ง
ใจความสำคัญที่ Eliaser โจมตีคือเรื่องการที่แฮกเกอร์สามารถแฮกเข้าระบบ Ring ของผู้ใช้คนหนึ่ง ๆ แล้วเข้าถึงฟีดกล้องได้ทั้งหมด และประเด็นความเป็นส่วนตัวไม่ได้สามารถแก้ไขได้ด้วยแค่กฎระเบียบ Ring ควรปิดตัวในทันทีและไม่ถูกนำกลับมาเปิดให้บริการใหม่อีกเลย
หลายคนอาจไม่ทราบว่า Amazon มีดิสโทรลินุกซ์ของตัวเองชื่อ Amazon Linux AMI เป็นอิมเมจสำหรับใช้บนเครื่อง AWS เท่านั้น
Linux AMI เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2010 และภายหลัง Amazon ก็ออก Amazon Linux 2 เวอร์ชันอัพเกรดใหญ่ เมื่อปี 2017
ล่าสุด Amazon ประกาศแผนการหยุดซัพพอร์ต Linux AMI ในวันที่ 31 ธันวาคม 2020 (เวอร์ชันสุดท้ายคือ 2018.03) หลังจากนั้นจะออกแพตช์ให้เฉพาะที่จำเป็นไปจนถึงปี 2023 และไม่การันตีว่าจะทำงานกับฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ AWS ได้อีกต่อไป
Amazon แนะนำให้ลูกค้า AWS ย้ายไปใช้ Amazon Linux 2 ที่มีฟีเจอร์ทันสมัยกว่ากันมาก และมีระยะซัพพอร์ตยาวนานถึงปี 2023
มีรายงานข่าวว่า Amazon ตักเตือนพนักงานส่วนหนึ่งที่ออกมาพูดวิจารณ์แนวทางบริษัทต่อปัญหา climate change และบอกเชิงขู่ด้วยว่าเขาอาจถูกไล่ออก
ทำให้พนักงานอีกกว่า 340 ประท้วงบริษัทอีก ด้วยการเขียนแสดงความคิดเห็นลงใน Medium ไม่เห็นด้วยที่บริษัทปิดกั้นพนักงานในการวิจารณ์ปัญหาและไม่เห็นด้วยที่บริษัทไม่ลงมือทำมากพอในการจัดการปัญหา climate change โดยใช้แฮชแท็กในแคมเปญประท้วงว่า #AMZNSpeakOut
Amazon ประกาศความสำเร็จของ Amazon Music แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพลงว่ามีผู้ใช้งานเกิน 55 ล้านรายทั่วโลกแล้ว โตขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา Amazon ระบุว่าตัวเลขผู้ใช้งานเติบโตขึ้นเกือบ 50% ปีต่อปีในสหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, เยอรมนีและญี่ปุ่น แต่ทางบริษัทไม่ได้บอกว่าผู้ใช้งานใช้แพ็กเกจราคาใด และเป็นแบบใช้ฟรีกี่ราย
เมื่อเทียบกับคู่แข่งใหญ่อย่าง Spotify (ผู้ใช้งานแบบจ่ายเงิน 113 ล้านราย), Apple Music (ผู้ใช้งาน 60 ล้านราย ตัวเลขตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว) ก็ยังถือว่าตามหลังอยู่พอสมควร
ตามที่รายงานไปวันก่อนว่าขณะนี้ Jeff Bezos ซีอีโอ Amazon กำลังทัวร์อินเดียอยู่ ล่าสุด Amazon ประเทศอินเดียได้เปิดตัวรถส่งของพลังงานไฟฟ้า โดยตั้งเป้าใช้มากถึง 10,000 คันภายในปี 2025
Amazon ระบุว่าได้ทำงานร่วมกับผู้ผลิตในประเทศหลายรายเพื่อออกแบบและผลิตรถส่งของดังกล่าว โดยใน 10,000 คันนี้จะมีทั้งรถสามล้อและสี่ล้อ ซึ่งจะเริ่มใช้ในปีนี้ที่เมือง Delhi (NCR), Bangalore, Hyderabad, Ahmedabad, Pune, Nagpur และ Coimbatore เป็นต้น โดย Amazon บอกว่าเพราะนโยบายผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลมีส่วนช่วยให้เกิดโครงการนี้ขึ้น
อย่างไรก็ตาม Amazon ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดทางวิศวกรรมเกี่ยวกับรถส่งของดังกล่าว
เหตุการณ์นี้ต้องย้อนต้นเรื่องไปถึงปี 2012 ที่ Ubuntu 12.10 เริ่มพ่วงโฆษณาสินค้าจาก Amazon เข้ามาในระบบค้นหา เพื่อเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้ Canonical อีกทางหนึ่ง
แน่นอนว่าผู้ใช้ย่อมคัดค้าน และ Canonical ยอมปรับให้สามารถปิดการส่งข้อมูลกลับไปยัง Amazon ได้ แต่ข้อตกลงนี้ยังคงอยู่ต่อมาอีกยาวนาน ในรูปแบบของไอคอน Amazon พรีโหลดมาที่ตัว launcher
เวลาผ่านมา 8 ปี ข้อตกลงระหว่าง Canonical กับ Amazon ดูเหมือนจะหมดอายุแล้ว เพราะใน Ubuntu เวอร์ชันถัดไป 20.04 Focal Fossa ถอดไอคอน Amazon ออกไปเรียบร้อยแล้ว (Canonical และ Amazon ไม่ได้แถลงการณ์ใดๆ ในเรื่องนี้)
Jeff Bezos เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เรารู้จักเขาดีในฐานะผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Amazon บริษัทอีคอมเมิร์ซชื่อดัง แต่เราอาจไม่รู้ประวัติของเขามากนักเมื่อเทียบกับซีอีโอบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ อย่าง Mark Zuckerberg แห่ง Facebook หรือ Steve Jobs แห่ง Apple
หลายวันที่ผ่านมา Jeff ไปเยือนอินเดีย และเขาได้พูดเกี่ยวกับความสำเร็จของตน โดยเมื่อปี 1986 เขาเรียนจบสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัย Princeton และปฏิเสธข้อเสนองานจาก Intel, Bell Labs และ Anderson Consulting เพื่อไป “นั่งแก้บั๊ก” ที่บริษัทสตาร์ทอัพด้านโทรคมนาคมชื่อ Fitel และทำอยู่ที่นั่นสองปีก่อนจะย้ายไปเป็นโปรแกรมเมอร์ที่ธนาคาร Bankers Trust
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Jeff Bezos บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก, ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Amazon ได้ประกาศทาง Instagram ว่า Amazon จะบริจาคเงินช่วยไฟป่าออสเตรเลียเป็นจำนวน 1 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 690,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่กลับกลายเป็นถูกชาวเน็ตถล่มว่าบริจาคเงินน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้ของ Amazon และของตัว Jeff Bezos เอง
เว็บไซต์ Business Insider คำนวณให้ว่าในเวลาสามเดือนที่ผ่านมา Jeff มีรายได้เฉลี่ยทุก 30 นาทีเท่ากับยอดบริจาค หรือฝั่งบริษัท Amazon เองก็มีมูลค่าถึง 9.36 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
Amazon Web Services หรือ AWS มีคลังเอกสารทางเทคนิคที่เรียกว่า Amazon Builders' Library รวมบทความที่เขียนโดยวิศวกรของ Amazon เพื่ออธิบายสถาปัตยกรรม หรือแนวคิดเบื้องหลังของบริการในเครือ
ล่าสุด Amazon ประกาศเพิ่มภาษาใน Amazon Builders' Library อีก 16 ภาษา ซึ่งรวมถึงภาษาไทยด้วย
ผมลองนับจากหน้าแรกของ Amazon Builders' Library มีบทความที่เป็นภาษาไทยทั้งหมด 13 รายการ เท่ากับเวอร์ชันภาษาอังกฤษ
Amazon ยังเปิดให้ดาวน์โหลดบทความเหล่านี้ในรูป PDF รวมถึงอ่านบน Kindle ได้ด้วย (แต่มีเฉพาะภาษาอังกฤษเท่านั้น)
Ring บริษัทผลิตสินค้าสมาร์ทโฮมภายใต้ Amazon เปิดตัวสินค้าใหม่ โดยมีอุปกรณ์ไว้สำหรับควบคุมรั้ว และอุปกรณ์ส่องสว่าง
สินค้าชิ้นแรก Access Controller Pro กล่องสำหรับติดผนังที่ไว้ต่อกับอุปกรณ์ควบคุมรั้วบ้านอิเล็กทรอนิกส์ โดยกล่องนี้จะเป็นตัวกลางเพื่อเชื่อมอุปกรณ์ควบคุมรั้วบ้านกับกล้อง Ring ผ่านอีเทอร์เน็ตหรือสัญญาณโทรศัพท์ เพื่อให้ใช้แอป Ring ควบคุมรั้วบ้านได้ และระบบนี้รองรับ Key by Amazon เพื่อเปิดประตูรั้วให้คนส่งพัสดุนำของไปวางในบริเวณบ้านได้ด้วย
อินเดียถือเป็นตลาดหนึ่งที่ Amazon และ Walmart (โดยบริษัทลูก Flipkart) แข่งขันกันอยู่ในตลาดอีคอมเมิร์ซ และตอนนี้ทั้งสองบริษัทกำลังจะมีคู่แข่งรายใหม่คือ JioMart ในเครือของ Mukesh Ambani ผู้ที่รวยที่สุดในอินเดีย
ตอนนี้ Reliance Retail และ Reliance Jio สองบริษัทลูกของ Reliance Industries ซึ่งเป็นบริษัทของ Ambani ประกาศว่าตอนนี้ได้ soft launch บริษัทอีคอมเมิร์ซ JioMart แล้ว ซึ่งน่าจะกลายมาเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อของบริษัทต่างชาติทั้งสองได้ไม่ยาก
Reliance Retail ของ Ambani ก่อตั้งบริษัทขึ้นในปี 2006 เป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย (วัดจากรายได้) ให้บริการลูกค้ากว่า 3.5 ล้านคนทุกสัปดาห์ผ่านร้านค้ากว่า 1 หมื่นแห่งในเมืองในประเทศอินเดียกว่า 6,500 เมือง
John Orange ผู้อยู่อาศัยในรัฐอะลาบามาได้ยื่นฟ้อง Ring และบริษัทแม่ Amazon เนื่องจากทั้งสองบริษัทไม่สามารถจัดการรักษาความปลอดภัยของระบบตนเองให้ปลอดภัยจากกระบวนการแฮกได้
Orange ระบุว่า เขาเคยถูกคนแปลกหน้าบุกรุกอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย Ring และได้หลอกลูกที่อยู่ในบ้านเขาให้ตกใจกลัว ถือเป็นผลโดยตรงจากการที่บริษัทไม่สามารถปกป้องอุปกรณ์ของตนเองจากการโจมตีทางไซเบอร์ได้
Orange ยืนยันว่า Ring ได้ตอบสนองกรณีของเขาโดยโยนความผิดไปให้ผู้ใช้งานด้วยการกล่าวว่าไม่มีหลักฐานที่ระบุได้ชัดเจนว่ามีใครแฮกโครงสร้างพื้นฐานของบริษัท ดังนั้นเหตุการณ์นี้น่าจะเป็นผลจากรูรั่วของบริการอื่นที่ไม่ใช่ของ Ring ซึ่งทำให้ผู้กระทำผิดล็อกอินเข้าไปยังบัญชี Ring โดยใช้ข้อมูลเหล่านั้นได้
Amazon ร่วมมือกับ Disney เพื่อเปิดตัว Echo Wall Clock ใหม่ที่เป็นลายมิกกี้เมาส์ ซึ่งเป็นระบบเสริมกับผู้ช่วยอัจฉริยะ Alexa
ตัวนาฬิาก Echo Wall Clock ไม่มีลำโพงหรือไมโครโฟนในตัว แต่จะใช้ไฟแอลอีดีเพื่อระบุเวลาที่ผู้ใช้ตั้งผ่านอุปกรณ์ Alexa ชิ้นอื่น ๆ ตัวนาฬิกาสามารถติดตามนาฬิกาปลุก, การเตือนความจำ หรือการแจ้งเตือนได้ ส่วนการบอกเวลาจะใช้แขนมิกกี้เมาส์ชี้ไปรอบ ๆ นาฬิกา
Echo Wall Clock ใช้ถ่าน AA สี่ก้อนในการทำงาน โดยราคาอยู่ที่ 49.99 ดอลลาร์ หรือราว 1,500 บาท แพงกว่า Echo Wall Clock รุ่นธรรมดาที่ขายราคา 29.99 ดอลลาร์ แต่ก็ยังถูกกว่า Citizen ที่ราคา 79.99-89.99 ดอลลาร์
สามยักษ์ใหญ่ของวงการไอทีโลกคือ Amazon, Apple, Google ที่เป็นคู่แข่งกันหลายๆ เรื่อง เซอร์ไพร์สวงการด้วยการจับมือเป็นพันธมิตร Connected Home over IP (CHIP) พัฒนามาตรฐานสำหรับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมร่วมกัน
ยักษ์ใหญ่ทั้งสามรายยังจับมือกับกลุ่มพันธมิตร Zigbee Alliance ที่มีอยู่เดิม (มีสมาชิกอย่าง IKEA, Samsung, NXP) เพื่อขยายจำนวนสมาชิกให้กว้างขวางขึ้นด้วย
โครงการ Connected Home over IP ระบุว่าจะพัฒนามาตรฐานการเชื่อมต่อแบบใหม่ ที่ใช้กระบวนการพัฒนาแบบโอเพนซอร์ส และเปิดกว้างให้ทุกคนใช้งานโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย (royalty-free) โดยอิงจากเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน เช่น Alexa Smart Home, Apple HomeKit, Google Weave
Amazon ส่งอีเมลไปยังผู้ขายสินค้า จำกัดไม่ให้ผู้ขายจัดส่งสินค้า Prime ผ่าน FedEx Ground และ Home ชั่วคราว เป็นการจัดสินใจหลังที่มีรายงานว่า Amazon มีประสิทธิภาพการจัดส่งสินค้าลดลงในช่วงฤดูกาลช้อปปิ้งที่ผ่านมา มาตรการใหม่เริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์นี้
ตัวแทนจาก FedEx บอกว่า แม้มาตรการใหม่นี้จะไม่ได้ส่งผลกระทบผู้ค้าจำนวนมาก แต่ก็ยังเป็นการจำกัดทางเลือกผู้ค้าโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่คนช้อปปิ้งกันสูง และอาจกระทบต่อประสบการณ์ลูกค้า ด้าน Amazon ไม่ได้ให้ความเห็นอะไร บอกแค่รับประกันว่าลูกค้าจะได้สินค้าตรงเวลาในช่วงคริสต์มาส และผู้ค้ายังสามารถใช้ FedEx Express ได้อยู่เหมือนเดิม
Apple ร่วมมือกับ Amazon เพื่อทำให้ Alexa ระบบผู้ช่วยส่วนตัวของ Amazon Echo สามารถเล่น Apple Podcasts ได้ในตัว เช่นเดียวกับ Apple Music ที่ประกาศไปก่อนหน้านี้
การจะเริ่มเล่น Apple Podcasts ได้นั้น ผู้ใช้ Amazon Echo จะต้องล็อกอิน Apple ID ในแอป Alexa ก่อน จากนั้นจึงจะสามารถสั่ง Alexa ให้เล่น Apple Podcasts ผ่าน Amazon Echo ได้ ฟีเจอร์ใหม่นี้รองรับลำโพงตระกูล Echo ทุกรุ่น ซึ่งผู้ใช้สามารถตั้งค่าให้ Apple Podcasts เป็นบริษัทพอดคาสท์เริ่มต้นได้ในแอป Alexa เช่นกัน
Apple Podcasts ที่เล่นผ่าน Amazon Echo นี้จะซิงค์ข้อมูลผ่าน Apple ID ด้วยเช่นกัน สามารถสั่งให้ Alexa เล่น Podcasts ต่อจากที่ฟังค้างไว้ก็ได้
Ring บริษัทผู้พัฒนากริ่งประตูและกล้องเพื่อความปลอดภัยภายใต้ Amazon กำลังเตรียมพัฒนาสินค้าชิ้นใหม่เป็นหลอดไฟที่มีบลูทูธในตัว (ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการเรียกว่าหลอดไฟอัจฉริยะ)
เอกสารจาก FCC ระบุว่า Ring กำลังพัฒนาหลอดไฟแบบมีบลูทูธในตัวอยู่ โดยเป็นหลอดไฟประเภท floodlight สำหรับใช้งานนอกอาคาร โดยคาดว่าน่าจะนำมาเพื่อเสริมทัพอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท
แม้ว่า Ring จะมีอุปกรณ์ส่องสว่างเป็นของตัวเองอยู่แล้ว แต่จุดที่น่าสนใจของอุปกรณ์ชิ้นนี้คือเป็นหลอดไฟแบบเกลียวที่เอาไปใช้งานกับขั้วหลอดไฟธรรมดาได้ ต่างกับอุปกรณ์แบบก่อนหน้าที่มาเป็นชุดของตัวเองและเชื่อมต่อกับ Ring Bridge
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ตอนนี้ FTC หรือคณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ ได้ขยายขอบเขตการตรวจสอบ Amazon จากเดิมที่สนใจเฉพาะส่วนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ให้ครอบคลุมธุรกิจคลาวด์หรือ AWS ด้วย
ปัจจุบัน AWS ถือเป็นหน่วยที่ทำกำไรให้ Amazon มากที่สุด ซึ่งมากกว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซด้วย โดยธุรกิจคลาวด์ของ Amazon มีผลิตภัณฑ์ครบวงจร ซึ่งอาจเป็นคู่แข่งกับซอฟต์แวร์ที่ขายผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว โดย Bloomberg ระบุว่า FTC จะสอบสวนว่า Amazon ได้ให้สิทธิพิเศษกับบริษัทบางแห่งที่ทำงานให้ AWS แต่เพียงผู้เดียว และลดความสำคัญบริษัทที่ทำงานร่วมกับคลาวด์คู่แข่งหรือไม่
AWS ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ Cluster Auto Scaling สำหรับ Amazon ECS เพื่อช่วยในการสเกลเอาท์คลัสเตอร์อัตโนมัติ โดยเป็นระบบจัดการคลัสเตอร์ในรูปแบบที่เหมาะสมกับคอนเทนเนอร์
การใช้งาน AWS ECS Cluster Auto Scaling ผู้ใช้จะต้องสร้าง ECS resource type ที่ชื่อว่า Capacity Provider ก่อน ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับ EC2 Auto Scaling Group (ASG) ได้ โดยเมื่อเซ็ทอัพแล้ว ASG จะสามารถควบคุมการสเกลเอาท์และสเกลอินของคลัสเตอร์ ECS ได้ดีกว่าเดิม เพราะจะนำปัจจัยเกี่ยวกับคอนเทนเนอร์มาคำนวณในการสเกลคลัสเตอร์ด้วย
Amazon เปิดตัวลำโพงอัจฉริยะใหม่ Echo Input รุ่น Portable Smart Speaker Edition สำหรับตลาดอินเดียเท่านั้น โดยเป็นลำโพงที่มาพร้อมเสียง 360 องศา และแบตเตอรี่ 4,800 mAh ใช้ฟังเพลงได้นานสุด 10 ชั่วโมง และสแตนด์บายได้นานสุด 11 ชั่วโมง
ตัว Echo Input แบบพกพานี้จะแตกต่างจาก Echo Input รุ่นที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจาก Echo Input รุ่นปีที่แล้วจะมีเฉพาะไมโครโฟนและปุ่มควบคุม ไว้ใช้เสียบกับลำโพงตัวอื่น ในขณะที่ Echo Input รุ่น Portable Smart Speaker Edition จะมีลำโพงในตัว
Amazon เปิดตัวชุดพัฒนารถไร้คนขับจิ๋ว DeepRacer Evo ที่เป็นรถขนาด 1/18 แต่มีคอมพิวเตอร์ในตัวสำหรับประมวลผลปัญญาประดิษฐ์เพื่อสร้างระบบควบคุมอัตโนมัติ โดยรุ่น Evo นี้จะต่างจากรุ่นแรกที่เปิดตัวปีที่แล้ว คือเพิ่มเซ็นเซอร์ LIDAR สำหรับการวัดระยะห่างจากรอบข้าง และกล้องหน้ากลายเป็นกล้องคู่สำหรับเก็บภาพสามมิติ
นอกจากการอัพเดตตัวรถจริงแล้ว DeepRacer Console บริการจำลองรถและสนาม สำหรับฝึกปัญญาประดิษฐ์ก็อัพเดตฟีเจอร์เหล่านี้พร้อมกัน
ตัวรถจะขายจริงต้นปี 2020 โดยยังไม่ระบุราคา ผู้ที่ซื้อรุ่นเดิมไปแล้ว จะมีชุดเซ็นเซอร์ขายแยกให้ไปอัพเกรดด้วย
ปัจจุบัน Amazon กำหนดสเปคอุปกรณ์ที่รัน Alexa ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะไว้ว่าจะต้องเป็นโปรเซสเซอร์ ARM Coretex-A และแรม 100MB ซึ่งข้อจำกัดนี้ทำให้ Alexa ถูกวางไว้เป็นผู้ช่วยสำหรับอุปกรณ์ที่เป็นฮับสำหรับควบคุมอุปกรณ์อื่น ๆ อีกทีหนึ่ง
ล่าสุด Amazon ได้ปรับสเปคอุปกรณ์ที่รัน Alexa ลง โดยใช้แรมเริ่มต้นเพียง 1MB และโปรเซสเซอร์ Coretex-M ซึ่งหมายความว่า Alexa สามารถรันได้ตั้งแต่อุปกรณ์ IoT พื้นฐานอย่างหลอดไฟหรือของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ไปจนถึงฮับสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์เหล่านี้เข้าด้วยกัน
Dirk Didascalou รองประธานฝ่าย AWS IoT ระบุว่า ตอนนี้ทางบริษัทได้ออฟโหลดงานส่วนใหญ่ไปยังคลาวด์แล้ว อุปกรณ์ก็เลยไม่จำเป็นต้องฉลาดอีกต่อไป ตอนนี้สิ่งเดียวที่อุปกรณ์ต้องทำคือเปิดระบบตรวจจับคำเท่านั้น
Amazon เปิดตัว Fire TV Blaster เครื่องควบคุมโทรทัศน์และกล่องเคเบิลด้วยแสงอินฟาเรด ทำงานเป็นตัวแทนรีโมต เมื่อตั้งค่าให้ทำงานกับ Amazon Echo เสร็จแล้ว จะสามารถสั่ง Alexa ให้คุมอุปกรณ์ที่ใช้แสงอินฟาเรดได้ เช่น เปิดปิดทีวี, คุมกล่องเคเบิล, เพิ่มลดเสียง sound bar ฯลฯ ได้
อย่างไรก็ตามผู้ที่ต้องการใช้ Fire TV Blaster ต้องมี Fire TV Stick with Alexa Voice Remote, Fire TV Stick 4K หรือ Fire TV รุ่นที่ 3 และ Amazon Echo (รองรับทั้งแบบ smart display และลำโพง) เพื่อใช้งานอุปกรณ์ชิ้นนี้